สอบถามเรื่องการภาวนาค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ppsinee, 21 มีนาคม 2022.

  1. ppsinee

    ppsinee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +15
    สอบถามเรื่องภาวนาค่ะ ปฏิบัติมาสักพักใหญ่ๆ ติดอยู่แค่ญาน3ค่ะ การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเลย ทนเวทนาที่เจอในขั้นญาน3ไม่ไหว ลองพยามหลายครั้งแล้ว รบกวนผู้รู้แนะนำทริคหน่อยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
     
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    FAC7C071-CF38-4A76-B02E-2C0CD32BD25E.jpeg
     
  3. เค็นชิโร่

    เค็นชิโร่ Set zero

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2021
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +62
    ถ้าเรื่องการทนต่อเวทนา
    ....จขกท.อาจหมายถึง"ฌาน"มากกว่า

    แต่การเข้าถึงฌาน3 จริงๆแล้ว...
    ฌานนี้จะรับรู้ทางกายจะละเอียดมาก
    อาการเวทนาทางกายเบาลงมาก
    ...จนแทบไม่รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดทางกาย
    และเสียงภายนอกก็แทบจะเงียบสงัด

    ....จขกท.ลองสังเกตุแบบนี้
    การเข้าถึงฌาน1
    .... ความคิดฟุ้งซ่านเริ่มสงบลง
    ใจจดจ่อกับวิหารธรรม
    ....ได้แบบไม่ต้องพยายามมาก
    มีความอิ่มเอิมแผ่วเบา แต่ยังไม่ชัดมาก
    เสียงต่างๆที่หูได้ยินจะรู้สึกเฉยๆกับมัน

    ทำไปซักพัก....จิตจะเข้าสู่ฌาน2เอง
    ...โดยอัตโนมัติ
    ปิติจะเอิ่มอิ่มชัดอยู่ภายใน
    ความคิดที่เป็นเรื่องลบๆจะหายไป
    แต่ยังมีความคิดทั่วๆไปแทรกมาอยู่บ้าง
    จิตถึงความสงบมากขึ้น..
    บางครั้งจะเหมือนเคลิ้มไปจนลืมคำบริกรรม
    ถึงฌานนี้ถ้าประคองจิตไม่ดีอาจตกภวัง
    ...เหมือนจะเคลิ้มหลับ
    เหตุผลเพราะปิติสุขในฌานที่2นี้เอง
    ....ถ้าเหมือนจะลืมคำบริกรรม...ก็ให้ทิ้ง
    ให้ตั้งจิตไว้ตรงกลางนั้นนิ่งๆ

    จิตจะเข้าสู่ฌานที่3 เอง
    พอถึงตรงนี้มีจุดสังเกตุคือ...
    เสียงรอบๆเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน
    ปิติในฌานก่อนเริ่มเบาลง
    เปลี่ยนเป็นความสุขภายใน
    ....ยังมีความคิดแทรกอยู่บ้าง
    แต่จิตเหมือนมั่นคงมากขึ้น
    และเห็นสิ่งที่อยู่ภายในแจ่มชัดขึ้น
    เหมือนหมอกในจิต...จางลง
    การรับรู้ทางร่างกายเบาสบาย
    ไม่รับรู้ถึงอาการเจ็บปวดขา
    ....ถ้าถึงตรงนี้....
    ไม่ต้องพยายามนึกถึงคำบริกรรม
    จิตก็มั่นคงอยู่ภายในได้
    สามารถทิ้งคำบริกรรม
    ...แล้วตั้งจิตให้ตรงกลาง...เพื่อไปสู่ฌานต่อไป

    ถ้าจิตมาถึงฌาน4
    การรับรู้ทางกายจะละเอียดมาก...
    จนรู้สึกว่าร่างกายเราหายไป...
    ....ลมหายใจหายไป
    เสียงภายนอกเงียบสนิท
    จิตภายในตั้งมั่น....
    ...เหมือนหมอกจางหายเกือบหมด
    ยังมีความคิดแทรกบางแต่น้อยมาก
    จากจิตที่เคยเอิ่มอิ่มด้วยปิติสุข
    ...จะเปลี่ยนเป็นการวางเฉยอยู่ภายใน
    และตั้งมั่นอยู่แบบนั้น
    เมื่อหมอกเริ่มไม่มี...
    ภายในจึงปรากฎเป็นความว่างโปร่ง
    .....ในฌาน4 คือจุดเปลี่ยน...ไปสู่อรูปฌาน

    ถ้าจะไปต่อ...ให้จดจ่อที่ความว่างโล่งนั้น
    จิตจะไปสู่อรูปฌานต่อๆไปเองฮับ
     
  4. ppsinee

    ppsinee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
     
  5. เค็นชิโร่

    เค็นชิโร่ Set zero

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2021
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +62
    ทำสมาธิ...ก็เหมือนการวิ่ง
    วันแรก...วิ่งซัก 1 กม. รู้สึกเหนื่อยมาก
    วิ่งแบบนี้ไปซัก 10 วัน....
    ...จะรู้สึกไม่เหนื่อย ไม่ต้องพยายามมาก
    เหมือนวันแรกๆ...สามารถวิ่งต่อได้อีกยาวๆ
    ....สมาธิก็อาศัยการทำบ่อยเอา
    เหมือนการวิ่ง...หรือเล่นกีฬา
    ที่ต้องอาศัยการฝึกฝน

    อาจมีทริคอยู่บ้าง
    แต่จำไว้ว่า....
    ....เวลาที่รู้สึกเฉยๆ หรือมีความสุข
    จะทำให้เกิดสมาธิได้ง่าย
    ....เพราะงั้น...อย่าไปตั้งเป้าหมาย
    ว่าครั้งนี้จะเอาฌานไหน
    ....ใจที่มีความอยากมากๆ...
    เป็นอุปสรรคต่อสมาธิ
    แต่ให้ทำใจสบายๆ....ก่อนเริ่มทำสมาธิ
    และการสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ
    ....ในครั้งแรก
    อาจช่วยให้จิตผ่อนคลาย...
    ...ร่างกายผ่อนคลาย ... และเกิดสมาธิได้ง่าย

    การเริ่มทำสมาธิใหม่ๆ
    อาจอาศัยการนับช่วยก็ได้
    หายใจเข้า....พุท1
    หายใจออก...โธ1
    ....จนถึงพุท20 ...โธ20....แล้วนับย้อนลงมา
    ทำแบบนี้อาจช่วยให้จิตจดจ่อมากขึ้น

    เมื่อจิตเริ่มสงบ...
    ถึงจังหวะปล่อยคำบริกรรม....ก็ปล่อย
    ถ้าถึงจุดที่...ภายในจิตเริ่มรู้สึกว่ามั่นคง
    ให้ปักจิตที่ความมั่นคงนั้น
    จะเข้าสู่ฌานลำดับสูงๆเอง

    ในฌานนั้น...หากเราเข้าถึงฌานสูงๆได้เร็ว
    อารมณ์ของฌานจะไม่ค่อยมั่นคง
    คือ...สามารถตกลงมาได้...แล้วขึ้นไปใหม่

    ส่วนการค่อยๆไต่แรงค์ไป...
    จิตจะมั่นคง...ทรงฌานนั้นได้นานกว่า

    และเมื่อทำสมาธิบ่อยๆ
    จนเริ่มชินกับการอยู่ในฌาน....
    ลองจำลักษณะความรู้สึกในฌานนั้นๆไว้
    ....อย่างในฌาน4 ลมหายใจหาย ร่างกายหาย
    ให้จำความรู้สึกนั้นไว้....
    ....เมื่อทำสมาธิในครั้งต่อไป
    ไม่ต้องบริกรรม...แต่ให้นึกถึงอารมณ์ฌานนั้นๆ
    ถึงลักษณะที่ร่างกายหาย...ลมหายใจหาย
    จิตจะค่อยๆไต่แรงค์ไปแบบรวดเร็ว
    ถึงฌาน4 ได้เหมือนขึ้นลิฟท์
    เรียกว่าข้ามช๊อต...ตัดเวทนาทางกายไปเลย
    ไม่ทันขาจะได้ปวด...
    จิตก็ถึงฌาน4 ไปแล้ว
    ....แต่การขึ้นฌานสูงแบบเร็ว
    ...ฌานจะไม่มั่นคง
    อาจขึ้นลงอยู่ตลอด....
    แต่สักพัก...ฌานจะมั่นคงไปเอง

    ...วิธีการทั้งหมดลองปรับใช้ดูฮับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...