เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 กุมภาพันธ์ 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องบอกว่ามีเรื่องที่น่าเล่าให้ฟัง ก็คือมีลูกศิษย์มาบูชาเหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำ โดยแจ้งว่าถูกรางวัลที่ ๑ เป็นเงิน ๑๒ ล้านบาท..! ซึ่งระยะนี้ต้องบอกว่าลูกศิษย์ในสายน่าจะทำพระคาถาเงินล้าน "ขึ้น" กันมาก เพราะว่าบูชาเหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำไปเกิน ๓๐ เหรียญแล้ว มีอยู่รายหนึ่งขอเหมาทั้งหมด ซึ่งลักษณะอย่างนั้นน่าจะเอาไปจำหน่ายต่อมากกว่า ก็เลยไม่ได้ไป

    ตรงจุดนี้พวกเราอย่าเพิ่งไปเข้าใจว่าภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้วจะถูกหวย ต้องดูด้วยว่าคนถูกหวยปฏิบัติตัวอย่างไร บุคคลผู้นี้ภาวนาพระคาถาเงินล้านทุกวัน สะสมเป็นล้านจบแล้ว ไม่ใช่เป็นหมื่นหรือเป็นแสนจบ ถ้าพวกเราคิดอยากจะได้อย่างเขา ก็ต้องทำให้ได้แบบเขา


    เราลองนึกดูว่า ถ้าหากว่าเราภาวนาวันละ ๑๐๐ จบ ๑๐ วันก็ ๑,๐๐๐ จบ เดือนหนึ่งก็เพิ่งจะ ๓,๐๐๐ จบ ๑๐ เดือน ๓๐,๐๐๐ จบ ๑๐๐ เดือน เพิ่งจะ ๓๐๐,๐๐๐ จบ ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเป็นล้านจบ ยกเว้นว่าแต่ละวันภาวนาได้มากกว่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือต้องจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะต้องมีทานบารมีไปหนุนเสริมด้วย


    เราจะเห็นว่าตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่นำพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์มาให้ลูกศิษย์ได้ภาวนา ก็ย้ำในเรื่องของการทำบุญใส่บาตร เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงได้ปรับจนเป็นพระคาถาเงินล้าน ก็ไม่ให้ทิ้งในเรื่องของการทำบุญใส่บาตร ถึงขนาดสร้างบาตรเอาไว้ให้หยอดเงินหลังจากภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้ว ที่ในหมู่ลูกศิษย์เรียกกันง่าย ๆ ว่า บาตรวิระทะโย

    ดังนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่า ลูกศิษย์คนโน้นทำก็ได้ผล คนนี้ทำก็ได้ผล แล้วมาบูชาเหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำ ซึ่งทางวัดจำหน่ายเหรียญละ ๗๕,๐๐๐ บาท ๒ เหรียญบ้าง ๓ เหรียญบ้าง ๕ เหรียญบ้าง มีอยู่รายหนึ่งเอาไป ๑๓ เหรียญ ทำไมเขาถึงได้รวยกว่าเรา ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    ตรงจุดนี้ต้องพิจารณาดูว่า อันดับแรกเลย ภาวนาพระคาถาถูกต้องตามวิธีการหรือเปล่า ? อย่าลืมว่ากระผม/อาตมภาพใช้คำว่าภาวนา ไม่ได้ใช้คำว่าสวดหรือท่อง
    การภาวนาก็คือต้องใช้พระคาถาเงินล้านควบกับลมหายใจเข้าออก ก็ลักษณะเดียวกับการภาวนาพุทโธนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเป็นคำภาวนาที่ยาวหน่อยเท่านั้น ไม่ต้องไปดูว่าจังหวะจะลงพอดีตรงช่วงไหน แต่ว่าให้หายใจเข้าออกตามปกติ เพียงแต่กำหนดใจภาวนาตามลมหายใจเข้าออกไป

    ข้อที่สองก็คือ มีการกระทำที่จริงจังสม่ำเสมอหรือเปล่า ? ถ้าหากว่ามีการกระทำที่จริงจังสม่ำเสมอ ผลของคาถาจะเกิดเร็ว แต่ถ้าหากว่าท่านทำ ๆ ทิ้ง ๆ นึกได้แล้วค่อยทำ มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ความขยันในแต่ละวัน ถ้าลักษณะอย่างนั้นพระคาถาจะเกิดผลน้อยมาก เพราะว่าคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา ต้องการคนที่จริงจัง เด็ดขาด สม่ำเสมอ

    ข้อต่อไปก็คือ สมาธิของเราสูงเท่าไรตอนที่ภาวนา ? ยิ่งสมาธิทรงตัวมาก พระคาถาก็จะยิ่งให้ผลมาก ดังนั้น...ที่กระผม/อาตมภาพขอไว้ว่า ถ้าตั้งใจจะภาวนาเพื่อรวยกันจริง ๆ อย่างน้อยขอวันละ ๑๐๘ จบ ถ้ารู้สึกว่ามากเกินไป นานเกินไป ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ก็ให้แบ่งเป็นช่วง เช้า ๓๖ จบ กลางวัน ๓๖ จบ เย็น ๓๖ จบ ครบ ๓ ช่วงก็ได้ ๑๐๘ จบพอดี

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เมื่อเริ่มภาวนาใหม่ ๆ กำลังใจของเรา ถ้าไม่คล่องตัวระดับทรงฌานได้ ก็จะฟุ้งซ่านเป็นปกติก่อน แต่ว่าเมื่อภาวนาไป นานเข้า ๆ กำลังใจก็จะทรงตัว สมาธิดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น...ผลที่เกิดขึ้นมากน้อยต่างกัน ส่วนหนึ่งก็คือสมาธิที่สูงต่ำต่างกัน

    อีกข้อหนึ่งก็คือ วางกำลังใจถูกต้องหรือเปล่า ? ถ้าวางกำลังใจไม่ถูกต้อง ภาวนาเพราะอยากรวย จะเกิดผลยากมาก ถ้ามีผู้ถามว่าไม่อยากรวยแล้วจะภาวนาไปทำอะไร ? ก็จริงของเขา

    เราอยากจะรวยเป็นเรื่องปกติ ปุถุชนทุกคนก็ต้องการเช่นนั้น แต่เวลาภาวนาให้ลืมความอยากนั้นเสีย ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกและตัวพระคาถาเท่านั้น เพราะว่าความอยากรวยเป็นความฟุ้งซ่าน ตราบใดที่ยังอยากรวยอยู่ จิตย่อมไม่เป็นสมาธิ โอกาสที่พระคาถาจะเกิดผลก็น้อยมาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +26,386
    ข้อต่อไปก็คือ มีการสร้างทานบารมีไปหนุนเสริมด้วยหรือเปล่า ?เพราะว่าลาภผล โภคสมบัติทั้งหลาย เกิดจากเหตุที่เราสร้างทานบารมีไว้ในอดีต แต่คราวนี้คำว่าอดีตนั้น ก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว วินาทีนี้ผ่านไป พอถึงวินาทีหน้า วินาทีนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว ถ้าเราสามารถสร้างทานบารมีได้สม่ำเสมอต่อเนื่องกัน พอเริ่มนานเป็นเดือนเป็นปี กระแสความดีที่รวมตัวกันมากเข้า ๆ เมื่อถึงระดับก็จะส่งผลให้เอง

    ข้อสุดท้ายก็สำคัญมาก จัดเป็นปุพเพกตปุญญตา คือ สิ่งที่เราสร้างมาตั้งแต่ในอดีตชาติ มาทางด้านทานบารมีหรือเปล่า ? บารมี ๑๐ ตั้งแต่ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ เมตตา อธิษฐาน อุเบกขา ท่านเริ่มต้นทำความดี เริ่มต้นสร้างบารมีด้วยบารมี ๑๐ ตัวใด ถ้าเริ่มด้วยทานบารมี ก็จะร่ำรวยกว่าคนอื่นเขา ผลของพระคาถาจะเกิดมากกว่าคนอื่นเขา

    แบบเดียวกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสร้างบารมีมาต่ำสุดก็คือ ๔ อสงไขยกับแสนกัป แต่ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าพระพุทธทีปังกร กับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าพระพุทธกัสสป ถึงได้มีลาภผลมากกว่าพระองค์อื่น ๆ ? ก็เพราะว่าทั้ง ๒ พระองค์เริ่มจากการสร้างบารมีด้วยทาน

    ฟังแล้วท้อใจไหม ? คนอยากรวยจริงต้องไม่ท้อ ไม่ได้ไปแบกไปหาม ไม่ได้ไปขุดดินฟันหญ้าเสียหน่อย จะว่าให้ไปทำไร่ทำนาก็ไม่ใช่ แค่ภาวนา แล้วก็ทำตามกฎเกณฑ์กติกานี้เท่านั้น

    แต่ว่าถ้าอยากจะได้เหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำ ก็รีบภาวนาให้มากหน่อยและสม่ำเสมอด้วย เพราะว่าเดี๋ยวเหรียญหมด..! คือถ้าหากว่าจะเหมาทีเดียวหมด กระผม/อาตมภาพก็ไม่ให้อยู่แล้ว แต่บรรดาท่านที่ขอบูชา ๕ เหรียญ ๑๐ เหรียญ เขามีสตางค์มาก็ต้องรับอยู่ดี

    ถ้าหากว่าท่านใดพิจารณาแล้วว่า เรายังไม่มีความคล่องตัวเหมือนคนอื่นเขา ทำไมแค่อาทิตย์เดียว คนมาบูชาเหรียญรัชกาลที่ ๕ เนื้อทองคำไป ๓๐ - ๔๐ เหรียญ ? เราต่างจากเขาตรงไหน ? ก็ดูกฎเกณฑ์กติกาที่กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวไปแล้วตั้งแต่ต้น ถ้าหากว่าทำครบตามกำหนดกฎเกณฑ์เหล่านี้ ผลของพระคาถาย่อมเกิดกับท่านเองอย่างแน่นอน

    จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา แล้วก็เจริญพรบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...