เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 มกราคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ซึ่งบรรดาพระทั้งหลายของเรา ก็คงจะทราบข่าวไปแล้วว่ามีเรื่องเกิดขึ้นที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือสาขาของวัดท่าขนุนนั่นเอง ก็คือพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ท่านย้ายไปอยู่ที่วัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี เพราะว่าญาติโยมอยากให้ท่านไปอยู่ใกล้ เนื่องจากว่าเมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา สุขภาพท่านชำรุดเกือบจะเสียชีวิต ตอนนี้ก็ยังไม่แข็งแรงดี

    แต่เมื่อย้ายไปแล้ว ปรากฏว่าทางด้านนี้มีการปล่อยข่าวกันสารพัดว่า ท่านหอบเงินหนีบ้าง ทุบโบสถ์เขาทิ้งแล้วไปเฉย ๆ บ้าง ทางด้านผู้บังคับบัญชาก็เลยขอให้ท่านกลับไป "เคลียร์"ื กับชาวบ้าน จากผลสรุปที่ออกมาก็คือท่านไม่ได้ทำผิดอะไร เท่ากับว่าเอาตัวไปให้ชาวบ้านด่าเฉย ๆ แล้วบรรดาสื่อต่าง ๆ ก็เอาข่าวไปลงจนเสียหาย..!

    ตรงจุดนี้มีส่วนที่ทำให้กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าไม่พอใจมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผมมั่นใจว่า ผู้บังคับบัญชาทุกรูปรู้ว่าท่านไม่มีความผิด แต่ต้องการจะผลักภาระให้พ้นตัว ก็เลยต้องลากท่านไปให้ชาวบ้านท่านด่า เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่โดน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบอย่างมาก เพราะว่าโดนนิสัยของ
    กระผม/อาตมภาพแล้ว ถ้าหากว่ามีเรื่องกับผู้ใต้บังคับบัญชา
    กระผม/อาตมภาพจะแก้ไขให้จบลง โดยที่ไม่ให้ไปกระทบกระเทือนผู้อื่น

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า หลายวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เวลามีเรื่อง เจ้าคณะอำเภอจะให้
    กระผม/อาตมภาพเข้าไปเป็นคนแก้ไข แม้กระทั่งเรื่องของวัดห้วยปากคอก ที่ปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ซึ่งตอนนั้นแม้กระทั่งเจ้าคณะอำเภอก็ไม่กล้าเข้าไป เพราะว่าชาวบ้านเขาแรงมาก กระผม/อาตมภาพก็แก้ไขให้จบลง โดยที่ไม่ให้เรื่องกระทบกระเทือนไปถึงเบื้องสูง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากระจายไปสู่สื่อมวลชนเมื่อไร ส่วนที่เสียทันทีก็คือคณะสงฆ์ของเรา เพราะว่าสื่อมวลชนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกี่สิบกี่ร้อยปีก็นิสัยเหมือนกันหมด ก็คือขายข่าวร้ายไว้ก่อน พอพิสูจน์ได้ว่าข่าวคราวนั้นไม่เป็นความจริง หรือไม่มีความผิด ก็ไม่มีการแก้ข่าวให้ ยกเว้นว่าอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องร้องจนกระทั่งศาลบังคับให้ต้องลงแก้ข่าวกี่วัน กี่เดือน ก็แล้วแต่คำสั่งศาลจะระบุไว้

    ซึ่งตรงจุดนี้ การที่จะไป "เคลียร์ใจ" กับชาวบ้าน แล้วปล่อยให้มีสื่อมวลชนเข้าไป ถือว่าพลาดตั้งแต่ก้าวแรกแล้ว ท้ายสุดสรุปผลออกมาว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว แล้วคุณเอาท่านไปทำอะไร ?

    ดังนั้น...ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าผู้บังคับบัญชาเป็นที่พึ่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ ต่อไปก็อย่าหวังว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะตอบสนองอะไรให้กับทางคณะสงฆ์ เนื่องเพราะว่าเขาเห็นตัวอย่างชัดเจนแล้วว่า "จะถึงคิวตัวเอง" เมื่อไรก็ไม่รู้ ?


    ตรงนี้ไม่ได้เสียหายแต่คณะสงฆ์อย่างเดียว ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยเฉพาะที่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะตำบล เลขานุการเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอ เรื่องเกิดขึ้นในวัดควรที่จะจบลงไม่เกินตำบล เรื่องเกิดขึ้นในอำเภอ เรื่องควรจะจบลงไม่เกินอำเภอ แต่ปรากฏว่านี่กระจายออกไปทั่วประเทศแล้ว หรือน่าจะทั่วโลกด้วย..!

    ตรงจุดนี้ต่างจากสิ่งที่กระผม/อาตมภาพกระทำอยู่ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพจะทำเรื่องหนักให้เบา ทำเรื่องเบาให้หาย จะไม่ให้กระทบกระเทือนถึงผู้บังคับบัญชาเลย โดยเฉพาะในเรื่องของการซ้ำเติมกันเอง พอมีอะไรเกิดขึ้นก็วิจารณ์กันเอามัน โดยไม่ได้คิดว่าจะทำให้คณะสงฆ์เสียหาย


    โดยเฉพาะข่าวที่ว่าหอบเงินหนีบ้าง ทุบโบสถ์เขาทิ้งแล้วไม่สร้างให้บ้าง ทั้ง ๆ ที่การก่อสร้างโบสถ์ก็เสร็จไปตั้งมากตั้งมายแล้ว ข่าวเหมือนอย่างกับว่าทุบทิ้งไปเฉย ๆ แล้วข่าวนี้ออกไปทางฝ่ายปกครองเอง..! โดยเฉพาะพระสังฆาธิการด้วยกันเอาไปกระจาย เท่ากับกระพือให้ชาวบ้านเขายิ่งเดือดเข้าไปใหญ่
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เรื่องพวกนี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้นในคณะสงฆ์ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่บวชเพื่อละกิเลส การนินทาว่าร้ายต่าง ๆ นั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า นินทา ปสังสา การนินทาเป็นธรรมดาของโลก ไม่ใช่หมายความว่าให้เราทำจนเป็นธรรมดา แต่ให้เราเห็นว่าสิ่งนี้เป็นโทษ เพราะว่าทุกคนทำอยู่ แล้วให้ละเว้นเสีย

    สมัยที่พระเดชพระคุณพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ยังเป็นพระเทพสุธี เจ้าคณะภาค ๑๔ อยู่ ด้วยความที่สนิทสนมคุ้นเคยกันตั้งแต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอยู่วัดท่าซุง พอเจอหน้าท่านก็จะถามเรื่องราวต่าง ๆ ในคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิและจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถามทุกครั้ง
    กระผม/อาตมภาพก็จะบอกว่า "ดีครับ" แล้วก็นำเอาเรื่องดี ๆ ของเราที่ได้ทำรายงานให้ท่านทราบไป พอหลายครั้งเข้า ท่านก็รู้ว่าไม่สามารถจะขุดคุ้ยเรื่องอะไรที่ไม่ดีจากปากของกระผม/อาตมภาพได้

    เพราะว่าอันดับแรกเลย โดยสันดานกระผม/อาตมภาพเป็นคนนินทาคนไม่เป็น ถ้าไม่ชอบใจใคร กระผม/อาตมภาพก็ฉะตรงหน้าเลย ประการที่สองก็คือ ได้รับการอบรมมาแบบทหาร "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" ไม่รู้เหมือนกันว่าทหารสมัยนี้ยังได้รับการอบรมในแนวนี้หรือเปล่า ? โดยเฉพาะคำปฏิญาณที่ว่า "ทหารต้องเป็นสุภาพบุรุษทุกเมื่อ" ก็คือไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ก็ต้องทำตนเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ ให้เกียรติผู้อื่น ไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่น

    ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้
    กระผม/อาตมภาพจึงรู้สึกว่าไม่พอใจ เพราะว่าเท่ากับเอาคนของเราเอาให้ชาวบ้านเขายำ จนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านไปเป็นเจ้าอาวาสที่ใดที่หนึ่ง จะต้องเกิดกับตัวเอง ไม่มากก็น้อย เพราะว่าสิ่งที่เอาใจยากที่สุดก็คือชาวบ้าน

    อีกสิ่งหนึ่งก็คือผู้บังคับบัญชาบางประเภท ที่นอกจากไม่ช่วยลูกน้องแล้วยังคอยซ้ำเติม ต่อหน้าดีด้วยหมด แต่ลับหลังนินทาว่าร้าย บุคคลประเภทนี้ ถ้าอยู่ในสังคมปกติก็ถือว่าไม่เป็นไร เพราะสันดานมนุษย์ก็เป็นอย่างนั้น

    แต่ว่าในสังคมของพระภิกษุสามเณร เป็นปูชนียบุคคลที่คนเขาเคารพบูชา คนเขาจะเคารพเราก็ต่อเมื่อเรามีความดีที่ต่างจากเขา ถ้าหากว่าเหมือนกัน ใครจะเสียเวลามาเคารพกราบไหว้
    แต่ปรากฏว่าคำพูดคำจา การกระทำทุกอย่าง ไม่ได้ต่างจากชาวบ้านที่เป็นปุถุชนกิเลสหนาเลย แถมยังน่าเกลียดน่าชังกว่า เพราะว่าอยู่ในเพศสภาพของบุคคลที่ละกิเลส
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเคยไปอินเดียหรือว่าศรีลังกา ถ้าเป็นพระไทยแล้วสูบบุหรี่ อย่าให้ญาติโยมเห็นนะครับ ถ้าหากว่าเห็นนี่ เขากระชากขว้างทิ้งตรงนั้นเลย เขาถือว่าแค่บุหรี่ยังตัดไม่ได้ แล้วคุณบวชมาละกิเลสทำไม ? เรื่องนี้พระไทยที่ไม่คุ้นเคย ไปใหม่ ๆ นี่ทะเลาะเบาะแว้งตีกันแทบตายมาแล้ว เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าในส่วนที่ชาวบ้านทั่วไปทำได้นั้น พระภิกษุสามเณรของเราทำไม่ได้ หรือไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

    ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น สิ่งที่บอบช้ำที่สุดก็คือศาสนาของเรา ต้องบอกว่าไม่มีอะไรจะทำ อยู่ ๆ ก็ไปเตะลูกเข้าทางตีน แล้วมีหรือที่คู่แข่งเขาจะไม่ยิงเข้าประตู พวกเราจึงต้องระวังให้จงหนัก แม้ว่าเรื่องทุกอย่างจะชี้แจงได้ แต่ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ ศาสนาของเราและคณะสงฆ์ของเราก็บอบช้ำสาหัสไปแล้ว เพราะว่าสื่อทุกอย่างไปตีข่าว และโดยเฉพาะที่สรุปตอนสุดท้ายว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสที่วัดอุทยาน ไม่ใช่เจ้าอาวาสที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว

    กระผม/อาตมภาพถึงอยากจะถามจริง ๆ ว่า แล้วอย่างนั้น คุณจะเอาท่านไปทำอะไร ? ไปให้ชาวบ้านเขาด่าเล่นหรืออย่างไร ? เขาเรียกว่าเรื่องดี ๆ ควรจะทำก็ไม่ทำ ตั้งใจจะเอาตัวเองให้พ้นผิด แต่ว่าส่งลูกน้องไปขึ้นตะแลงแกง..!

    ลักษณะของผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ถือว่าพึ่งพาไม่ได้ แล้วคิดว่าถ้าหากว่าบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกเหมือน
    กระผม/อาตมภาพทั้งหมด ต่อไปจะทำอะไรก็ยากแล้ว เพราะว่าเขาจะเห็นชัด ๆ เลยว่า ถึงเวลามีประโยชน์ท่านจะเอา แต่ถึงเวลาเกิดอะไรเดือดร้อนขึ้นมา ไม่มีการช่วยเหลือป้องกัน แต่กลับผลักเขาเข้าไปหากองไฟ ต้องบอกว่าน่าสงสารคณะสงฆ์ของเราที่มีบุคคลประเภทนี้อยู่ และมีอยู่ค่อนข้างมาก

    พวกท่านจึงควรที่จะถือเป็นบทเรียนและระมัดระวังเอาไว้ว่า ทุกอย่างที่เราทำ ต่อให้ดีแสนดี ถ้าหากว่าคนจะติก็หามาติ ต่อให้ชั่วแสนชั่ว ถ้าอำนวยประโยชน์ให้เขา เขาก็พยายามหามาชม เราต้องเข้าใจว่าธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมที่ฟังอยู่ ขอให้รู้ว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง คณะสงฆ์ของเราในส่วนดี ๆ มีอีกมาก แต่ว่าส่วนน้อยกลายเป็นปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นไปทั้งข้อง เราต้องแยกให้ออกว่าส่วนไหนดี เราก็เคารพนับถือ ส่วนไหนไม่ดี ก็แค่เลิกให้การสนับสนุน ท่านก็อยู่ไม่ได้แล้ว ก็ขอเจริญพรบอกกล่าวทุกคนแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...