ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ประยุทธ์ บอกยังไม่ใช่เวลาถอดใจลาออก-ยุบสภา ขอร้อง การเมืองอย่าฉวยโอกาสช่วงวิกฤตสร้างความเกลียดชังซ้ำเติมปัญหา
    .
    วันนี้ (29 กรกฎาคม) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงประเด็นต่างๆ ผ่านคลิปวิดีโอความยาว 36 นาที โดยช่วงหนึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ต่างๆ ในขณะนี้คิดถอดใจลาออกหรือยุบสภาในช่วงเวลานี้หรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ใช่เวลา วันนี้ทำงานหนักทุกวันหลายคนก็บอกว่าทำงานหนักแล้วไม่เห็นได้งานก็ขอไปหาให้เจอว่ามีงานอะไรที่ออกมาแล้วบ้าง ซึ่งคิดว่าตนก็พยายามทำอย่างที่สุดแล้ว ด้วยการฟังเสียงประชาชน พร้อมติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์และสาธารณสุข วันนี้เห็นใจคนเหล่านี้สอบถามบางคนทำงานติดต่อกัน 60 วันไม่ได้พักเป็นปีแล้ว วันนี้ตนเห็นใจและให้ไปดูแลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้ตามระเบียบราชการโดยเบิกให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ โดยต้องขอบคุณทั้งอาสาสมัคร จิตอาสา แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง
    .
    พลเอกประยุทธ์ ยังระบุว่า วันนี้การเมืองก็ขอร้องแล้วกัน ถือว่าท่านเป็นผู้แทนฯ ประชาชนมาจากประชาชนท่านก็ต้องมีหลักการคิดหลักการวิเคราะห์บางเรื่อง มันก็ไม่ใช่ทางการเมืองที่จะมาสร้างความเกลียดชังกันโดยใช่เหตุ เพราะประเทศชาติกำลังมีปัญหาต้องเข้าใจตรงกันตรงนี้ เรื่องของทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นอย่าใช้โอกาสตรงนี้มาทำให้ทุกอย่างมีปัญหาก็แล้วกัน
    .
    ส่วนมีอะไรที่รู้สึกอึดอัดหรืออยากสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเห็นใจ เสียใจและตนต้องพยายามแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯ ยินดีจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในตรงนี้และต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกันด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรต่างๆ ที่ตรงกัน ถึงจะแก้ปัญหาได้ นายกฯทำงานไม่เคยทิ้งสักงานไม่ใช่เรื่องโควิดอย่างเดียว แต่โควิดเป็นเรื่องหลักที่ประชาชนเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ นายกฯ ต้องทำทุกเรื่องและไม่เคยท้อ เพียงแต่เสียใจกับคนที่สูญเสียและให้กำลังใจกับคนที่ทำงานอย่าท้อแท้ และเราต้องทำด้วยกันเพราะเราคือคนไทยด้วยกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ในการตอบคำถามสื่อมวลชน ครั้งนี้ สำนักโฆษกรัฐบาลได้รวมรวมคำถามจากสื่อมวลชน ที่มีข้อสงสัย เพื่อนำไปซักถามต่อนายกรัฐมนตรี โดยมี น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ เป็นตัวแทนถามคำถาม เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด สื่อมวลชนไม่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้ประกาศทำงานที่บ้าน 100% ไปก่อนหน้านี้
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ประยุทธ์บอกผู้ป่วยโควิดรอเตียง ถ้าโทรไม่ติดให้ญาติไปแจ้ง รพ.สนาม เดี๋ยวเขาก็ส่งชุดไปดูแล
    .
    วันนี้ (29 กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงประเด็นต่างๆ ผ่านคลิปวิดีโอ ความยาว 36 นาที โดยช่วงหนึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโควิดรอเตียงที่บ้านและเสียชีวิตว่า เรื่องที่ตนกังวลอีกเรื่องคือการที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรอการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เรื่องนี้ตนก็เข้าใจ มันเป็นสถานการณ์ที่ต่อเนื่องมาเพราะติดเชื้อแล้วไม่รู้ อยู่ในบ้านก็เลยเอาไปติดคนอื่นด้วย
    .
    “เขาก็พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ แต่บางทีติดต่อไม่ได้ง่ายๆ เพราะวันหนึ่งคนโทรเข้าเยอะ แล้วแต่ละคนก็ใช้เวลาซักถามนาน 4-5 นาที มันก็เลยไม่ว่าง วันนี้ผมก็เลยปลดล็อก เปิดช่องทางให้มากยิ่งขึ้น การให้บริการฟรีในเรื่องโควิดก็ให้ กสทช. ช่วยอยู่ อย่างไรก็ตาม ก็ขออภัยเรื่องนี้ด้วย หลายปัญหานายกฯ แก้คนเดียวไม่ได้ ต้องให้ทุกคนช่วยกัน”
    .
    พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อด้วยว่า “ในเรื่องการรักษาตัวอยู่ที่บ้านตอนนี้เราก็มีชุดแพทย์ไป เราอาจไปเคาะประตูทุกบ้านก็ไม่ได้ บางบ้านก็ไม่เปิด ก็ต้องเข้าใจร่วมกันว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงหน้าบ้าน ถ้ามีอะไรก็พบเขา แค่ก็บอกเขาเท่านั้น ถ้าไม่บอกเขาก็ไม่รู้ เราคงไปเปิดประตูค้นทุกบ้านคงไม่ไหว“
    .
    “ทุกคนถ้ารออยู่ที่บ้านบางทีมันไม่ทันเวลา ก็ไปที่สถานที่แรกรับหรือไปติดต่อที่โรงพยาบาลสนาม มันมีตั้งหลายแห่ง ไปที่ทำการเขตก็ได้ บางทีโทรศัพท์อย่างเดียวมันไม่ไหว ก็ให้ญาติสักคนก็ไปแจ้ง พอแจ้งเดี๋ยวเขาก็ส่งชุดไปดูแล
    .
    “ผมก็บอกแล้วว่าไม่อยากให้ป่วย เจ็บ ตายอยู่ในบ้านหรือจะข้างนอกบ้านก็แล้วแต่ แต่ทุกคนต้องช่วยกัน อย่างน้อยแจ้งให้เร็ว ถ้าเขาไม่มาก็แจ้งไปหน่วยทหาร แจ้งไปโรงพัก เดี๋ยวเขาก็มา อย่างน้อยตำรวจพื้นที่ก็ต้องมาก่อน แต่การจะขนย้ายมันก็ต้องรอชุดขนอีกที ก็ต้องช่วยกันติดตาม” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม ในการตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งนี้ สำนักโฆษกรัฐบาลได้รวบรวมคำถามจากสื่อมวลชนที่มีข้อสงสัย เพื่อนำไปซักถามต่อนายกรัฐมนตรี โดยมี นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ เป็นตัวแทนถามคำถาม เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด สื่อมวลชนไม่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้ประกาศทำงานที่บ้าน 100% ไปก่อนหน้านี้
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #TheStandardNews #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    PHOTO JOURNAL: ‘DELTA ON DUTY’
    .
    ชายคนหนึ่งกำลังบังคับเจ้าเดลตา หุ่นยนต์พ่นยาฆ่าเชื้อโรคที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่นำมารีไซเคิล เพื่อฆ่าเชื้อในย่านชุมชนในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย หลังมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น - Juni Kriswanto / AFP
    .
    IG: www.instagram.com/thestandardth.ig
    #TheStandardNews

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไม่เว้นคนฉีดวัคซีน!เมืองหลวงสหรัฐฯบังคับสวมหน้ากากสกัดโควิด เริ่มวันเสาร์เป็นต้นไป

    กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหัฐฯ จะบังคับสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม สำหรับบุคคลที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป เริ่มตั้งแต่วันเสาร์(31ก.ค.) เป็นต้นไป จากการเปิดเผยของนายกเทศมนตรีมูเรียล โบว์เซอร์ ในวันพฤหัสบดี(29ก.ค.) โดยไม่พิจารณาว่าบุคคลนั้นๆฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วหรือไม่

    คำสั่งของเมืองหลวงในครั้งนี้เป็นไปตามกรอบคำแนะนำที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) เพิ่งแถลงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของตัวกลายพันธุ์เดตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    หน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งในวอชิงตันและแถบชานกรุง ต่างบังคับใช้ข้อกำหนดสวมหน้ากากแบบเดียวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว และคาดหมายว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะแถลงมาตรการเพิ่มเติมสำหรับลูกจ้างรัฐบาลกลาง หลังจากนี้ในวันพฤหัสบดี(29ก.ค.)

    นอกจากนี้ สมิธโซเนียน เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาที่มีพิพิธภัณฑ์และสถาบันทั้งหมดราว 200 แห่ง ใน 45 รัฐ เผยว่าจะบังคับสวมหน้ากากตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆของพวกเขา แบบเดียวที่ใช้กับอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ และสถานที่ในร่มอื่นๆ สำหรับบุคคลอายุ 2 ปีขึ้นไป เริ่มตั้งแต่วันศุกร์(30ก.ค.) "โดยไม่พิจารณาถึงสถานะฉีดวัคซีน" แต่อาจอนุญาตให้ถอดหน้ากากยามรับประทานอาหารและดื่มน้ำในพื้นที่ที่กำหนด จากคำแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(29ก.ค.)

    ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม วอชิงตันมีอัตราการแพร่รระบาดของโควิด-19 ในชุมนุมต่ำที่สุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปี 2019 อย่างไรก็ตามตลอดเดือนดังกล่าว อัตราเคสผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 5 เท่า และอัตราการผู้เข้ารับการตรวจเชื้อแล้วมีผลตรวจเป็นบวกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการเปิดเผยของ ลากวนดรา เนสบิตต์ ผู้อำนวยการกรมสาธารณสุขของกรุงวอชิงตัน

    อัตราการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น มีขึ้นในขณะที่ปัจจุบันคาดการณ์ว่ามีประชากรของเมืองหลวงแล้วมากกว่าครึ่งที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว

    (ที่มา:รอยเตอร์)

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โลกวิปริต!รัฐบราซิลเจอหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี(ชมคลิป)

    ภาพถ่ายและวิดีโอของเหตุการณ์หิมะตกที่เกิดขึ้นยากมากในรัฐแห่งหนึ่งของบราซิล บางส่วนเชื่อว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ไหลบ่าสู่สังคมออนไลน์ มีรายงานอุณหภูมิบางพื้นที่ดำดิ่งแตะระดับเกือบ-8 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ หลังจากเจ้าหน้าที่เคยเตือนก่อนหน้านี้ว่าอาการหนาวจัดกำลังคืบคลานเข้ามา

    มีอย่างน้อย 13 เมืองในรัฐรีโอกรันดีโดซูล ที่พบเห็นหิมะตกลงมาเมื่อค่ำคืนวันพุธ(28ก.ค.) ฉาบภูมิภาคแถบนี้ไปด้วยหิมะสีขาวโพลน กระตุ้นให้ผู้คนพากันถ่ายภาพและคลิปวิดีโอ พร้อมกับโพสต์มันลงบนสื่อสังคมออนไลน์ด้วยความตื่นเต้น

    เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่าด้วยลมพัดแรงสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเมืองซานฟรานซิสโก เด เปาลา ในรัฐรีโอกรันดีโดซูล ถึงขั้นทำให้หิมะตกเป็นแนวนอน และลดทัศนวิสัยจนแทบมอบไม่เห็น

    ยังพบเห็นหิมะตกในรัฐซานตาคาตารินาที่อยู่ติดกัน ท่ามกลางอุณหภูมิที่ดำดิ่งแตะระดับต่ำสุด -7.8 องศาเซลเซียส ในรัฐแห่งนี้

    หน่วยงาน MetSul Meteorologia ซึ่งพยากรณ์อากาศและภาวะโลกร้อน สำหรับบราซิลและทวีปอเมริกาใต้ ให้คำจำกัดความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "หายากมากๆ"

    สภาพอากาศหนาวเห็บเป็นที่คาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากแนวปะทะมวลอากาศได้พัดพาเอาหิมะและฝนเยือกแข็งตกในอุรุกวัยไปกอนหน้านี้ ขณะที่ทางสถานีโทรทัศน์ Climatempo ช่องทีวีของบราซิลที่มีความเชี่ยวชาญในการพยากรณ์อากาศ บ่งชี้ว่าอุณหภูมิในแถบภูเขาของซานตาคาตารินาและรีโอกรันดีโดซูล อาจดำดิ่งแตะระดับ -10 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

    MetSul เน้นว่านานกว่า 30 ปีของการพยากรณ์อากาศในรีโอกรันดีโดซูล พวกเขาไม่เคยพบเห็นหิมะและลมแรงเช่นนี้มาก่อนเลย

    รายงานข่าวอุณหถูมิเยือกแข็งและหิมะตกในบราซิล มีขึ้นในเดือนเดียวกับที่ประเทศอื่นๆ ดูเหมือนต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายและผิดฤดูกาลเช่นกัน

    อินเดีย เจอกับฝนฤดูมรสุมรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ ส่วนภาคกลางของจีนพบเห็นอุทกภัยเลวร้ายคร่าชีวิตผู้คน แถบตอนกลางของยุโรปก็เผชิญน้ำท่วมหนักเช่นกัน ขณะที่คลื่นความร้อนที่เล่นงานแคนาดา คร่าชีวิตประชาชนไปหลายสิบราย

    (ที่มา:รัสเซียทูเดย์)

    ชมคลิปที่นี่ : https://mgronline.com/around/detail/9640000074399

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    2เข็มไม่พอ!อิสราเอลชาติแรกของโลก ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม3ให้กลุ่มคนอายุ60ปีขึ้นไป

    อิสราเอลจะเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็มที่ 3 ให้บุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือเป็นชาติแรกของโลก ในความพยายามชะลอการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก หลังจากข้อมูลล่าสุดพบว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค เหลือประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการเพียง 41%

    นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ เปิดเผยว่าประธานาธิบดีไอแซ็ค เฮอร์ซ็อก จะเป็นคนแรกที่เข้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวันศุกร์(30ก.ค.)

    อิสราเอลคือชาติผู้นำโลกด้านการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ประชากรสูงวัยจำนวนมากเข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนธันวาคม มกราคมและกุมภาพันธ์ เนื่องจากพวกเขาถูกมองว่าเป็นกลุ่มประชากรที่อ่อนแอต่อโรคระบาดใหญ่มากที่สุด

    อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นตัวกลายพันธุ์เดลตาปรากฎขึ้น กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลรายงาน 2 ครั้งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงอย่างมากในการป้องกันการติดเชื้อ และลดลงเล็กน้อยในการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง

    ความเคลื่อนไหวเตรียมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น นั่นหมายความว่าคนสูงวัยของอิสราเอลจะเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 ก่อนที่สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟดีเอ) จะให้การอนุมัติเสียอีก

    "สิ่งที่ค้นพบก็คือภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เป้าหมายของเข็มเสริมนี้ก็เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันอีกครั้ง ดังนั้นก็จะช่วยลดโอกาสของการติดเชื้อและล้มป่วยอาการรุนแรง" เบนเนตต์กล่าวระหว่างแถลงข่าว

    "ผมเรียกร้องผู้สูงอายุทุกคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม เข้ารับวัคซีนเข็มเสริม" เขากล่าว "บุคคลรายแรกที่ผมจะโทรศัพท์หาหลังเสร็จสิ้นคำแถลงนี้จะเป็นบุคคลที่ผมรักมากที่สุด นั่นคือแม่ของผม ผมจะพาเธอเข้าฉีดวัคซีนในทันที" นายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ

    เมื่อวันพุธ(28ก.ค.) ไฟเซอร์เชื่อว่าผู้คนจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มเสริมเพื่อคงประสิทธิภาพการป้องกันตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก และทางบริษัทบอกว่าจะยื่นขออนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ สำหรับฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น อย่างเร็วที่สุดคือในเดือนสิงหาคม

    คณะผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนของอิสราเอล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบอย่างท่วมท้นในช่วงเย็นวันพุธ(28ก.ค.) สำหรับโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และทาง เบนเนตต์ บอกว่ากลุ่มคนที่เข้าเกณฑ์ก็คือบุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ครบ 2 เข็มไปแล้วอย่างต่ำ 5 เดือน

    สัปดาห์ก่อน กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล คาดการณ์ว่าวัคซีนไฟเซอร์ เหลือประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการแค่ 41% ในเดือนที่แล้ว แต่ยังคงมีประสิทธิภาพแข็งแกร่ง ป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรงได้ถึง 91%

    ผลการศึกษาวิจัยระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน ถึง 17 กรกฎาคม โดยไม่เปิดเผยจำนวนกลุ่มตัวอย่าง พบว่าวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าเพียง 39% ป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการเพียง 41% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน 64%

    พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์การวิเคราะห์ของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ว่าความมีอคติอาจทำให้ข้อมูลบิดเบือน ส่วนคนอื่นๆแนะนำว่าอิสราเอลควรรอดูข้อมูลต่างๆด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้นานกว่านี้ แล้วถึงค่อยเริ่มฉีดเข็ม 3 แก่ประชาชน

    จนถึงตอนนี้มีประชาชน 57% จากประชากรทั้งหมด 9.3 ล้านคนของอิสราเอล ที่ฉีดวัคซีนแล้ว

    เวลานี้มีประชาชนราว 160 คนที่ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นมากกว่า 2,000 ราย จากระดับไม่กี่สิบเคสต่อวันไม่กี่เดือนก่อน

    เบนเนตต์ ระบุรัฐบาลของเขาแสดงความหวังว่าการยกระดับความพยายามฉีดวัคซีนจะช่วยให้อิสราเอลสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการล็อกดาวน์ที่ก่อความเสียหายมหาศาล

    (ที่มา:รอยเตอร์)
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รมว.กลาโหมสหรัฐฯเยือนเวียดนาม กระชับสัมพันธ์ร่วมมือต้านอิทธิพลจีน

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พยายามผลักดันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับเวียดนาม ขณะที่ต่างฝ่ายกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของพญามังกรในทะเลจีนใต้อย่างไม่วางใจ ยันไม่ต้องการเผชิญหน้ากับปักกิ่ง แต่คาดหวังความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคง ซึ่งรวมถึงการสื่อสารเพื่อคลี่คลายวิกฤตกับกองทัพประชาชนจีน

    เวียดนามกลายเป็นประเทศที่ต่อต้านการอ้างสิทธิ์ของจีนเหนือทะเลจีนใต้อย่างชัดเจนที่สุด อีกทั้งยังได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกา ซึ่งรวมถึงเรือตรวจการณ์หน่วยยามฝั่ง

    ก่อนพบกับรัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามในกรุงฮานอยวันพฤหัสฯ (29) ลอยด์ ออสติน นายใหญ่เพนตากอน กล่าวว่า อเมริกาไม่ได้ขอให้เวียดนามเลือกระหว่างประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่หนึ่งในเป้าหมายหลักคือทำให้แน่ใจว่า พันธมิตรและหุ้นส่วนมีเสรีภาพในการกำหนดอนาคตของตนเอง

    วันพุธ (28) เรือรบของกองทัพเรืออเมริกาแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน ซึ่งแม้เป็นปฏิบัติการปกติแต่มักทำให้ปักกิ่งเดือดดาล

    ก่อนหน้ามาเวียดนาม ออสตินได้ไปแสดงปาฐกถาที่สิงคโปร์เมื่อวันอังคาร (27) โดยเขากล่าวถึงพฤติกรรมของจีนที่อเมริกาเห็นว่าเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพ ตั้งแต่ประเด็นไต้หวันไปจนถึงทะเลจีนใต้ แต่ย้ำว่า อเมริกาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับจีน แต่คาดหวังความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคง ซึ่งรวมถึงการสื่อสารเพื่อคลี่คลายวิกฤตกับกองทัพประชาชนจีน

    อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเยือนจีนของเวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของสหรัฐฯ เมื่อต้นสัปดาห์ ปักกิ่งได้กล่าวหาว่า วอชิงตันสร้างจีนให้กลายเป็น “ศัตรูในจินตนาการ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการตีกรอบกีดกันจีน

    เกร็ก โพลิง จากศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา หน่วยงานคลังสมองซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน แสดงความเห็นว่า เวียดนามนั้นอยากรู้ว่า อเมริกาจะยังคงมีปฏิสัมพันธ์ด้านการทหารในภูมิภาคต่อไปหรือไม่ และจะยังคงอยู่ในทะเลจีนใต้ต่อไปหรือไม่

    ในการเยือนของออสตินครั้งนี้ ทั้งสองชาติลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับหนึ่ง เพื่อให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเทกซัสเทค สร้างฐานข้อมูลที่จะช่วยให้เวียดนามค้นหาทหารที่สูญหายระหว่างสงคราม

    นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ (25) อเมริกายังจัดส่งวัคซีนของโมเดอร์นา 3 ล้านโดสให้เวียดนามผ่านโครงการโคแว็กซ์ ทำให้จำนวนวัคซีนที่สหรัฐฯจัดส่งมาให้รวมทั้งสิ้นเป็น 5 ล้านโดส

    อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า เวียดนามยังคงกังวลเรื่องที่เมื่อปี 2017 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากข้อตกลงการค้าภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งเวียดนามร่วมเป็นภาคีอยู่ด้วย

    ในทางกลับกัน แม้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางทหารมานานกว่า 4 ทศวรรษหลังจบสงครามเวียดนามในปี 1975 ทว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มองว่า ยังมีข้อจำกัดในความสัมพันธ์ จนกว่าฮานอยจะปรับปรุงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศตน

    กระนั้นก็ตาม ระหว่างที่ออสตินเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุกของเวียดนาม เมื่อเช้าวันพฤหัสฯ ฟุกบอกว่า เฝ้ารอการเดินทางเยือนของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯกมลา แฮร์ริส ซึ่งแหล่งข่าววงในเผยว่า จะเดินทางไปยังเวียดนามและสิงคโปร์ในเดือนหน้า

    ทั้งนี้ ไบเดนที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า จีนเป็นบททดสอบทางภูมิรัฐศาสตร์สำคัญที่สุดในศตวรรษนี้นั้น ต้องการปรับความสัมพันธ์กับเอเชียและสร้างพันธมิตรเพื่อเผชิญหน้ากับจีน หลังจากยุคแห่งความวุ่นวายและไม่สามารถคาดเดาได้ในคณะบริหารของทรัมป์

    หลังเยือนสิงคโปร์และเวียดนาม ออสตินจะเดินทางต่อไปยังฟิลิปปินส์เพื่อย้ำว่า อเมริกาคือ กองกำลังเพื่อเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญในการแย่งชิงอิทธิพลระหว่างอเมริกากับจีน และสองประเทศกำลังแข่งกันบริจาควัคซีนขณะที่ภูมิภาคนี้เผชิญการระบาดรุนแรงที่สุดของโควิด-19

    ออสตินประกาศว่า อเมริกากำลังเร่งจัดส่งวัคซีนเพื่อรักษาชีวิตผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและข้อผูกมัด

    ด้านจีนส่งวัคซีนที่ผลิตในท้องถิ่นช่วยเหลือเพื่อนบ้านในเอเชียอาคเนย์เช่นเดียวกัน

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ในช่วงที่โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ยังระบาดหนัก ประเทศทั้งสองต่างก็ใช้นโยบาย “การทูตวัคซีน” มาแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน

    (ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)

    #บรรยายภาพ
    รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของสหรัฐฯ กับรัฐมนตรีกลาโหม ฝั่น วัน ซาง ของเวีดยนาม ถ่ายภาพร่วมกัน ในพิธีต้อนรับซึ่งฝ่ายเวียดนามจัดขึ้นที่กรุงฮานอย เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.ค.)

    #บรรยายภาพ
    รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของสหรัฐฯ เยี่ยมชมสถานที่ซึ่งเครื่องบินทหารของ จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกสหรัฐฯผู้ล่วงลับไปแล้ว ถูกยิงตกในช่วงสงครามเวียดนาม ในกรุงฮานอย

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อังกฤษยกเลิกกักตัว “นักท่องเที่ยวอเมริกัน-ยุโรป” ที่ฉีดวัคซันครบโดสเข้าประเทศ ส่วน FDA สั่งยืดวันหมดอายุวัคซีนจอห์นสันออกไป 6 เดือน
    .
    .
    .
    .
    เอพี - นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสจากทั้งสหรัฐฯและสหภาพยุโรปจะสามารถเดินทางเข้าสู่อังกฤษได้โดยที่ไม่ต้องมีการกักตัว 10 วัน จะเริ่มใช้ในสัปดาห์หน้าเล็งกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแดนผู้ดี ขณะเดียวกันองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA ยืดเวลาหมดอายุวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันออกไปอีก 6 เดือนหากถูกเก็บอย่างถูกต้อง ถือเป็นการสั่งยืดอายุครั้งที่ 2 ของFDA
    .
    เอพีรายงานเมื่อวานนี้(29 ก.ค)ว่า รัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์วันพุธ(29)ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจากสหรัฐฯที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดสของวัคซีนที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA หรือชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนที่ผ่านการรับรองจากองค์การยายุโรป EMA (European Medicines Agency) ซึ่งเป็นผู้กำกับยาของสหภาพยุโรปและอีกไม่กี่ประเทศตั้งแต่สัปดาห์หน้าจะสามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วันแต่ใช้การตรวจหาโควิดก่อนการเดินทางและหลังจากเดินทางมาถึงแทน
    .
    ทั้งนี้พบว่ากฎใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ตามเวลาอังกฤษในวันจันทร์(2)
    .
    นอกจากนี้ยังพบว่าสกอตแลนด์ที่มีแนวทางนโยบายสาธารณสุขเป็นของตัวเองได้ทำการตัดสินใจที่คล้ายกันโดยกล่าวว่าจะเริ่มใช้กฎใหม่ แต่ทว่าไอร์แลนด์เหนือยังไม่ได้มีประกาศอะไรออกมา
    .
    เอพีชี้ว่าปัจจุบันมีเพียงประชาชนที่ได้รับการแจกวัคซีนในอังกฤษเท่านั้นที่ไม่ต้องเข้ารับการกักตัว 10 วันเมื่อเดินทางมาจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปหรือจากอเมริกาเหนือ
    .
    แต่อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นสำหรับกฎใหม่เว้นไว้แต่นักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศสที่ในเวลานี้มีการระบาดจากไวรัสสายพันธุ์เบต้ามากขึ้นยังคงต้องทำการกักตัว 10 วันเมื่อเดินทางมาถึง
    .
    หลังข่าวการยกเลิกการกักตัวนักท่องเที่ยวอเมริกันและจากชาติสมาชิก EU พบว่า จอห์น ฮอลแลนด์-เคย์ (John Holland-Kaye)ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ออกมาระบุว่า “รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้ว” และบริษัทสายการบินบริติช แอร์เวย์สออกมาแสดงความยินดีต่อการเปลี่ยนแปลงแต่ยังเตือนว่า โดยเร่งให้ลอนดอนเดินหน้าผ่อนคลายข้อจำกัดต่อนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆเพิ่มมากขึ้น
    .
    และแคลร์ วอล์กเกอร์( Claire Walker) ซีอีโอหอการค้าอังกฤษชี้ว่า “การฟื้นตัวในระยะยาวของระบบเศรษฐกิจทั้งหมดของพวกเราจำเป็นต้องพึ่งต่อการกลับมาเปิดประเทศสหราชอาณาจักร์อังกฤษใหม่อีกครั้งต่อการไหลเข้า 2 ทางของทั้งผู้คนและการค้า”
    .
    แต่อย่างไรก็ตามพบว่า ในเวลาเดียวกันมีประเทศบางส่วนจากยุโรปรวม อิตาลี ยังคงกำหนดให้นักท่องเที่ยวจากอังกฤษต้องทำการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึง ส่วนสหรัฐฯไม่ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงต่อข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศของพลเมืองอังกฤษในทันทีตามหลังการประกาศการยกเลิกของลอนดอนซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับทางอังกฤษ อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟฉบับวันพุธ(28)
    .
    ซึ่งภายในอเมริกาเวลานี้ผู้คนยังคงถกเถียงต่อปัญหาการต้องกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง แต่ล่าสุดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA ได้สั่งยืดอายุวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันออกไปอีก 6 เดือนโดยชี้ว่า วัคซีนยังคงมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพหากว่าวัคซีนถูกเก็บในตู้แช่เย็นที่มีอุณหภูมิเหมาะสมตามกำหนด
    .
    และยังเป็นครั้งที่ 2 ที่ทาง FDA สั่งขยายวันหมดอายุวัคซีนออกไปนับตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน โดยในเวลานั้น FDA ระบุว่าวัคซีนสามารถยังคงใช้ได้ถึงแม้จะเลยวันหมดอายุไปถึง 4 เดือนครึ่งแล้วก็ตาม เปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่ทาง FDA อนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินทางสำนักงานกล่าวว่า วัคซีนสามารถเก็บได้นานถึง 3 เดือนที่ระดับความเย็นของตู้เย็นปกติ
    .
    บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันก่อนหน้าเคยประกาศว่า จะทำการทดลองเพิ่มเติมเพื่อสามารถยืดอายุการเก็บวัคซีนให้นานขึ้น ซึ่งวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจากที่เคยเป็นวัคซีนที่น่าจับตาแต่กลับประสบปัญหากับผลข้างเคียงสำคัญที่ทำให้มีหลายประเทศในยุโรปยกเลิกการแจกให้ประชาชนรวมถึงผลการวิจัยยังบ่งชี้ว่า วัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันไวรัสเดลตาที่กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลก
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เขมรล็อกดาวน์8จังหวัดติดชายแดนไทย ส่วนญี่ปุ่นอ่วมพบเคสใหม่ทะลุหมื่นครั้งแรก

    กัมพูชาประกาศล็อกดาวน์ 8 จังหวัดติดชายแดนไทยตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) หลังพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่กลับจากไทย ด้านญี่ปุ่นตัวเลขเคสใหม่ทะลุหมื่นคนเป็นครั้งแรก ส่วนโตเกียวทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ขณะที่อเมริกา คาดหมายกันว่า ไบเดนเตรียมออกคำสั่งใหม่ให้เจ้าหน้าที่พลเรือนของรัฐบาลต้องฉีดวัคซีนเพื่อสกัดโควิด-19 ท่ามกลางรายงานข่าวว่า สถานการณ์การระบาดในรัฐฟลอริดารุนแรงที่สุดนับจากต้นปี หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 16,038 คน หรือเท่ากับ 20% ของจำนวนเคสใหม่ทั่วอเมริกา

    นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ออกคำสั่งล็อกดาวน์ในคืนวันพุธ (28) โดยให้มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสฯ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับไทย ได้แก่ จ.เกาะกง จ.โพธิสัตว์ จ.พระตะบอง จ.ไพลิน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งมีเมืองสำคัญคือปอยเปต จ.อุดรมีชัย จ.พระวิหาร และ จ.เสียมราฐ ประชาชนใน 8 จังหวัดเหล่านี้คิดเป็นราวๆ 1 ใน 4 ของประชากร 16 ล้านคนทั่วประเทศ

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชาเพิ่มการเตือนภัยโควิดในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นสายพันธุ์เดลตารวม 39 คน ในจำนวนนี้ 21 คนเป็นแรงงานที่กลับจากไทย ส่วนที่เหลือคือผู้สัมผัสกับคนติดเชื้อ

    ตามคำสั่งล็อกดาวน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเหล่านี้มีอำนาจตัดสินใจในการกำหนด “พื้นที่อันตราย” ห้ามประชาชนออกจากบ้านเรือน ห้ามการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม และห้ามการดำเนินธุรกิจต่างๆ ยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับในการดำเนินงานสายการบิน

    แม้ยังอนุญาตให้ขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยเข้าไปได้ แต่สำหรับแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับประเทศจะต้องรอจนกว่าครบกำหนดล็อกดาวน์

    นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเขตเมืองหลวงได้ประกาศเคอร์ฟิวในกรุงพนมเปญนาน 2 สัปดาห์นับจากวันพฤหัสฯ โดยห้ามประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 21.00-3.00 น.

    แม้มีโครงสร้างสาธารณสุขอ่อนแอที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ดูเหมือนกัมพูชาควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นส่วนใหญ่เมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งเกิดการระบาดครั้งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นกว่า 75,000 คน

    ส่วนที่โตเกียว ซึ่งกำลังเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 เจ้าหน้าที่รายงานเมื่อวันพฤหัสฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 3,865 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ และเป็นการทำลายสถิติเดิม 3 วันรวด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วญี่ปุ่นอยู่ที่ 10,693 ราย พุ่งเกิน 10,000 คนเป็นครั้งแรก

    นอกจากนั้นคณะผู้จัดโอลิมปิกยังเปิดเผยว่า ผู้เข้าร่วมโตเกียวโอลิมปิก 2 คนจากต่างประเทศถูกนำส่งโรงพยาบาลจากการติดโควิด แต่ไม่มีอาการรุนแรง และผู้เข้ารับการรักษาตัวคนที่ 3 ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเคสใหม่มี 24 คน เป็นนักกีฬา 3 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อนับจากวันที่ 1 เดือนนี้อยู่ที่ 193 คน

    มาร์ก อดัมส์ โฆษกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ย้ำว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในโตเกียวที่ระบาดจากนักกีฬาหรือการจัดโอลิมปิก

    กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเป็นการสื่อสารที่สร้างความสับสนให้ประชาชนเกี่ยวกับความจำเป็นในการจำกัดกิจกรรมเพื่อควบคุมการระบาด

    สถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้ทำให้ชิเกรุ โอมิ ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ระดับสูง เตือนระหว่างแถลงต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสที่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในโตเกียวทะลุ 3,000 คน ส่งข้อความที่ชัดเจนและเด็ดขาดเพื่อให้สังคมตระหนักถึงความเสี่ยงจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในขณะนี้

    ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์นี้ที่พบครั้งแรกในอินเดียกำลังระบาดอย่างหนักในหลายภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่อเมริกาที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง โดยเมื่อวันอังคาร รัฐฟลอริดาพบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 16,038 คน สูงสุดนับจากเดือนมกราคม และเป็นวันที่ 7 ที่พบเคสใหม่เกิน 12,000 คน และยังคิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนเคสใหม่ทั่วอเมริกา

    ทั้งนี้ สถิติผู้ติดเชื้อสูงสุดของฟลอริดาคือ 19,816 คน เมื่อวันที่ 7 มกราคม ล่าสุดจนถึงวันอังคารรัฐนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 2.5 ล้านคน และเสียชีวิต 38,840 คน

    ข่าวนี้มีขึ้นวันเดียวกับที่โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (ซีดีซี) ออกคำเตือนใหม่ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงยังต้องสวมหน้ากากขณะอยู่ภายในอาคารสาธารณะ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

    ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้บางรัฐ เช่น นิวยอร์ก ออกคำสั่งให้ลูกจ้างรัฐต้องสวมหน้ากากหรือไม่ก็ต้องตรวจหาโควิดทุกสัปดาห์ ขณะที่หน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาล รวมถึงทำเนียบขาว สั่งให้เจ้าหน้าที่สวมหน้ากากขณะอยู่ในอาคาร

    นอกจากนั้นยังคาดกันว่า ในวันพฤหัสฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะประกาศให้เจ้าหน้าที่พลเรือนทั้งหมดของรัฐบาลต้องรับการฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ต้องตรวจโควิดเป็นประจำ เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากาก และจำกัดการเดินทาง

    อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า จะไม่มีการปลดเจ้าหน้าที่ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน

    จากข้อมูลในปี 2020 อเมริกามีเจ้าหน้าที่พลเรือนราว 2.18 ล้านคน และพนักงานที่ทำงานให้การไปรษณีย์สหรัฐฯ อีก 570,000 คน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า คำสั่งใหม่ของไบเดนจะครอบคลุมพนักงานการไปรษณีย์หรือพนักงานสัญญาจ้างที่ทำงานให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางหรือไม่

    (ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี, ไมอามีเฮรัลด์, เกียวโด)

    #บรรยายภาพ
    (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 10 มิ.ย. 2021) ผู้คนเข้าคิวรอฉีดวัคซีนที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกันดาล ของกัมพูชา ทั้งนี้เมื่อคืนวันพุธ (28 ก.ค.) นายกรัฐมนตรีฮุนเซน เพิ่งออกคำสั่งล็อกดาวน์ 8 จังหวัดที่อยู่ติดชายแดนไทย เพื่อสกัดโควิด-19สายพันธุ์เดลตา

    #บรรยายภาพ
    ถึงแม้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหนนี้ติดเครื่องมาหลายวันแล้ว แต่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านยังคงเดินหน้าไม่หยุด โดยที่ในวันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) พวกเขาไปชุมนุมที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ เรียกร้องให้ยกเลิกโอลิมปิกคราวนี้ ขณะที่เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโตเกียวกำลังพุ่งพรวด

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    International Man
    “The Bank Was Saved, and the People Were Ruined.”

    Jeff Thomas

    ไตเติ้ลนี้ จาก quote ของ William Gouge ที่คอมเม้นต์ให้เห็นถึง Panic of 1819 ..panic ที่เกิดจากการขยายปริมาณ money supply เพื่อเสนอปล่อยเงินกู้อย่างมหาศาลของ the First Bank of the United States ..จากนั้นก็ลดปริมาณการปล่อยกู้แบบทันทีทันใด มันก็จึงทำให้เกิดแครช

    Quote คอมเม้นต์นี้ ชี้ให้เห็นว่า ระบบแบ้งกิ้งที่ขาดความรับผิดชอบมันทำให้ระบบพังได้ยังไง และมองต่อไปได้ว่า การสมคบคิดจากคนในรัฐบาลยุคนั้น..มันเชี่ยยังไง

    เรื่องนี้มองย้อนขึ้นไปอีกเมื่อตอนที่ Mayer Rothschild เสนอเงินให้นักการเมืองในเยอรมันยุคนั้น แลกกับการเข้าช่วยเหลือแบงค์ของเขาในอนาคต..ไม่ว่าในเรื่องอะไรทั้งนั้น Rothschild เก่งในเรื่องการซื้อตัวไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะต้องใช้งานจริง ๆ (แต่ยุคนี้เค้าใช้วิธีวางตัวลูกน้องเข้าเป็นนักการเมืองไว้ก่อน)

    นี่เป็นวิธีเดียวกับ Don Corleone แห่ง The Godfather ที่พูดว่า ...."Some day – and that day may never come – I’ll call upon you to do a service for me.”

    Rothschild ทำให้เกิดวงจร boom-and-bust ที่ทำกำไรให้แบงค์ได้มหาศาล แต่ก็จำเป็นต้องมีรัฐบาลช่วยด้วยนะ ช่วยตอนที่ให้เกิด “bust” น่ะแหละ

    ก็เป็นแบบที่บอกไว้เมื่อต้นเรื่อง ธนาคารจะเสนอปล่อยเงินกู้มากมายต่อสาธารณะชนด้วยเงื่อนไขที่เปิดกว้าง ......แล้วทันทีทันใดก็กระตุกเชือกสร้างเงื่อนไขเงินกู้ให้มากเรื่องสำหรับอนาคต ข้ออ้างก็คือเพราะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทำให้แบ้งค์ต้องเข้มงวด..ที่ทำก็เพื่อควบคุมเงินเฟ้อน่ะ ...(และแน่นอน..เรื่องอะไรกรูจะบอกว่า ไอ้เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นน่ะฝีมือกรูเอง)

    ทีนี้ก็เกิด panic กันยกใหญ่น่ะซี ถ้ายุคปัจจุบันก็เรียกว่า depression ละกัน ...ทั้งระบบเศรษฐกิจกระเทือนถึงกันหมดจากอีเว้นท์นี้ ...ยกเว้นนักการเมืองและแบงเกอร์

    เมื่อปี 1994 ..G. Edward Griffin เขียนอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า

    "เชื่อกันว่า ทั้ง panic ที่เกิดขึ้นหรือ วงจร boom-and-bust เป็นผลมาจากการแข่งขันแบบสุด ๆ ของพวกแบงค์ (ข้อดีของทุนนิยมไงล่ะ) ...ดังนั้นจึงต้องให้รัฐบาลเข้ามาออกกฏ ......แต่เรื่องจริง ๆ น่ะตรงข้ามเลย ที่ตลาดเสรีนี่มันพังลง ก็เพราะรัฐบาลออกมาป้องกันการแข่งขัน..โดยสร้างอำนาจใหม่ออกมาผูกขาด..นั่นคือธนาคารกลาง"

    Rothschilds ได้สร้างต้นแบบธนาคารกลางไว้แล้ว นั่นคือ the Bank of England ซึ่งยังทรงอำนาจจนถึงทุกวันนี้ ....จากนั้น Mayer Rothschild ก็ส่งลูกชายทั้งห้าคนกระจายออกทั่วยุโรปเพื่อควบคุมระบบแบ้งกิ้งเอาไว้ เอาให้หมดทวีปเลย

    ทีนี้ มาดูระบบ central banking ในอเมริกา

    เมื่อปี 1782 the Bank of North America เริ่มเปิดในอเมริกา ในช่วงที่สหรัฐเกิดใหม่ ๆ ยังเป็นทารกอยู่เลย มันถอดแบบมาจาก Bank of England ของ Rothschild ...มันทำงานเป็นธนาคารกลาง ดำเนินการโดยนักการเมือง Robert Morris ..และตั้งใจให้มันรับใช้พวกกลุ่มเจ้าของและนักการเมืองยุคนั้น

    มันรับใช้ได้จริง แต่ค่าใช้จ่ายเป็นของลูกค้าผู้ฝากเงิน แล้วถึงแม้มันจะถูกถอนกฏบัตรในปี 1783 ..แต่มันก็ยังเกิดใหม่จนได้ ออกมาในชื่อใหม่ The First Bank of the United States ..คราวนี้ Rothschild หนุนเอง แบบตั้งใจเข้ามาคุมเองเลย

    ความเสียหายที่เกิดจากธนาคารกลางที่เพิ่งเห็นไปหมาด ๆ มันเกี่ยวพันกับคนในรัฐบาล แล้วมันก็จะมาเกิดใหม่ต่ออีกในรัฐบาลปธน.จอร์จ วอชิงตัน ถ้าจะอนุญาตให้เกิดต่อนะ

    ผู้ที่ค้านหนักคือ รมว.ต่างประเทศยุคนั้น โทมัส เจฟเฟอร์สัน ที่บอกว่า...

    "ระบบแบ้งกิ้งนี่แหละที่เป็นจุดด่างอย่างเดียวที่ยังเหลืออยู่ในรัฐธรรมนูญ ถ้ายังไม่แก้ไข ก็คงพังกันทั้งระบบ ผมเชื่อว่าสถาบันการเงินทั้งหลายนี่แหละที่เป็นอันตรายมากกว่ากองทัพข้าศึกที่ยินเผชิญหน้ากันซะอีก และไอ้วิธีการใช้จ่ายเงินแบบให้ลูกหลานมาใช้หนี้คืนน่ะ ...มันเป็นการหลอกกินแรงอนาคตทั้งหมดของชาติเลย"

    ในอีกด้านหนึ่ง รมว.กระทรวงการคลัง Alexander Hamilton ก็เป็นผู้นำฝ่ายหนุนให้ก่อตั้ง second central bank .... น่าแปลกที่ถึงแม้คองเกรสจะเห็นแล้วว่ามันสร้างความเสียหายแค่ไหน พวกเขาก็ยังดึงดันอนุมัติกฏบัตรธนาคารใหม่ออกมาในปี 1791 จนได้ ...และมันเริ่มเปิดดำเนินการด้วยทุนส่วนบุคคลต่ำกว่า 9% ต่ำกว่าที่ระบุไว้ใน charter ซะด้วย

    วัตถุประสงค์หลักก็คือการพิมพ์เงินเฟียตให้กับรัฐบาล ในขณะเดียวกันก็รับเงินฝากจากสาธารณชน .....และโดยไม่รอช้า ก็เริ่มพิมพ์เงินออกปล่อยกู้ แบบเดาได้เลยว่าผลจะเป็นยังไง ...พอถึงปี 1811 มันก็ต้องปิดตัวลง พวกกรรมการแบงค์และนักการเมืองบางคนเท่านั้นที่กอบโกยผลประโยชน์ไป ลูกค้าผู้ฝากเงินเป็นฝ่ายสูญเงิน

    แน่นอน ฟังดูเหมือนกับว่าคอนเซ็ปท์ของธนาคารกลางนี่คงต้องยุติแล้ว เพราะมันเป็นหุ้นส่วนฟาสซิสต์ระหว่างนักการเงินกับนักการเมือง

    แต่แล้วพอถึงปี 1816 คองเกรสก็อนุมัติ charter ใหม่อีกแล้ว ....ในชื่อเดิม “the First Bank of the United States.” แล้วในชั่วแค่สามปี มันก็ทำให้เกิด Panic of 1819 อีก ตามที่ต้นเรื่อง ที่มาของข้อความว่า “the bank was saved and the people were ruined.”

    ปี 1832 ปธน.แอนดรูว์ แจ็คสัน ออกหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่สอง โดยเสี่ยงหาเสียงเรื่องไม่ต่ออายุกฏบัตรของธนาคารแห่งนี้อีกต่อไป เขาได้รับเลือกและทำตามที่สัญญาจนได้ ....แต่ร็อธไชล์ดและเหล่าหุ้นส่วนอเมริกันก็ยังคงพยายามก่อตั้งธนาคารกลางออกมาอีก เพื่อผลประโยชน์ของทั้งแบ้งเกอร์และนักการเมือง เครื่องมือก็คือลูกค้าผู้ฝากเงินนั่นแหละ

    พวกเขามาประสบความสำเร็จอย่างงามเอาเมื่อปี 1913 นี่เอง ตอนก่อตั้ง Federal Reserve ซึ่งมีการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพวกนายแบงค์กับรัฐได้แนบแน่นกว่าที่เคยเป็นมา ....ที่นี้วงจรเศรษฐกิจ boom-and-bust ก็เลยทำขึ้นมาได้หลายรอบ ...จนยูเอสดอลลาร์สูญมูลค่าไปมากกว่า 96% .....แต่มันก็ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ยังไม่พอ

    ในปี 1999 มีการยกเลิกบางส่วนของกฏหมาย Glass Steagall Act (กฏหมายที่ห้ามธนาคารพาณิชย์ลงทุนในวาณิชย์ธนกิจ...ผู้แปล) ....ทีนี้การปล่อยเงินกู้ก็ทำกันได้อย่างเมามันยิ่งขึ้น เป็นผลให้เกิดฟองสบู่เรียลเอสเตทจนมันพังทลายลงในปี 2007 ส่วนตลาดหุ้นพังลงในปี 2008

    ระบบการเงินในปัจจุบันมันพัฒนา advanced มากกว่าเมื่อศตวรรษที่แล้วมากมาย ...มันไม่ใช่แค่จะทำให้แบงค์ที่เกี่ยวข้องม้วนเสื่อเท่านั้น แต่มันจะลากออกไปกว้างไกลกว่านั้นได้อีก

    ในการแก้ปัญหาของวิกฤต 2007/2008 รัฐบาลอ้างว่าถ้าถึงขั้นจะต้องปิดธนาคารกลางล่ะก็ จะทำให้ประเทศชาติพังไปเลยก็ได้ ดังนั้นจึงต้องพยายามกู้ระบบแบ้งกิ้งให้ได้ไม่ว่าจะต้องเป็นหนี้ซักเท่าไหร่ เป็นการช่วยแบบไม่มีข้อแม้เลยแหละ ...ส่วนลูกหนี้แบงค์น่ะเหรอ ฮ่ะ ฮ่ะ รอชาติหน้าเหอะ (ต้นฉบับไม่มีหัวเราะนะครับ) ......พวกแบงค์พอได้รับการช่วยเหลือ งานแรกที่ต้องรีบทำคือ..รีบจ่ายโบนัสก้อนงาม ๆ ให้กับพวกกรรมการแบงค์ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ๊ง...ทันทีเลย

    ประวัติที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงเรื่องย่อ ๆ เกี่ยวกับธนาคารกลางในสหรัฐตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ ถ้าผู้อ่านที่อยากรู้ลึก คงต้องเจาะลงรายละเอียดเอง

    ทุกวันนี้ทุกประเทศที่อยู่ใน First World ต่างก็อยู่ในวังวนวิกฤตหนี้ที่ตัวสร้างขึ้นมาทั้งนั้น มันเป็นผลงานของพวกแบ้งเกอร์กับคนของรัฐบาลรวมหัวกันทำ

    ประวัติศาสตร์บอกเราว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ปัจจุบันน่ะ มันไม่ได้บังเอิญเกิดขึ้นหรอก มันมาจากวิธีทำกำไรซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกนายแบงค์ จากการสมรู้ร่วมคิดของฝ่ายรัฐบาล สร้างวงจรธุรกิจเดี๋ยวบูมเดี๋ยวเจ๊งที่เรียกว่า boom-and-bust ...ตอนที่มัน bust ประชาชนทั้งประเทศเป็นฝ่ายเจ๊งในขณะที่ผู้รับกำไรคือพวกที่สร้างวงจรนี้นั่นเอง

    เวลาดูข่าวตอนเย็น เราจะเห็นนักการเมืองและกูรูออกมาเสนอวิธีแก้ปัญหากันมากมาย เช่น "ทำ Quantitative Easing สิ" หรือ "เก็บภาษีพวกคนรวยสิ" หรือ "kick the can down road เหอะ" หรือ "ไม่รู้โว้ย"

    ถกกันไปมาแบบไม่รู้จบ คนดูก็เลยเชื่อว่า รัฐบาลหรือผู้รู้หรือ Chairman ของ Fed คงจะหาวิธีแก้ปัญหาจนได้แหละน่า

    แต่เท่าที่เราอ่านกันมาตั้งแต่ต้น คงจะเห็นแล้วว่ามันไม่มี "ทางแก้" ปัญหาหรอก ...พวกเขาจะแก้ปัญหาที่พวกเขาตั้งใจทำขึ้นมาทำไม คอนเซ็ปท์ง่าย ๆ เลยคือ ปล่อยให้ผู้ฝากเงินค่อย ๆ แห้งตายไป (ไม่ได้ใจร้าย แต่เพราะทำให้ได้กำไรเยอะน่ะ)

    ถ้าทรัพย์สินของคุณ ๆ ทั้งหลายหลังจากหักหนี้สินยังเหลืออยู่ (net worth) ก็ต้องคอยระวังว่าสามารถจะเอาออกจากระบบแบ้งกิ้งได้มั้ย ระบบซึ่งถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มันจะลากเอาทรัพย์ของคุณไปหมดเลย

    ลองถามตัวเองเรื่องเหล่านี้ดู

    - เราควรจะเก็บเงินไว้ในบัญชีธนาคารอีกนานหรือเปล่า

    - ธนาคารจะรักษาสัญญาเรื่องหน่วยลงทุนในกองทุนทองคำที่เราลงไว้หรือเปล่า

    - จะทำอย่างไรกับทรัพย์สินที่ถอนออกจากธนาคาร

    คำถามเหล่านี้ ควรถามเป็นระยะ เมื่อเหตุการณ์มีการเปลี่ยนแปลง

    Editor’s Note: ......ตอนนี้พายุการเงินลูกใหญ่กว่าที่ใคร ๆ เคยเห็นกำลังปรากฏอยู่ที่ขอบฟ้า แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นมีใครเตรียมตัวกันเลย

    https://internationalman.com/articles/the-bank-was-saved-and-the-people-were-ruined/

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อเมริกา : เกิดพายุทอร์นาโดพัดแรงลมทำโครงสร้างอาคารทรุดตัวถล่มทับผู้คนจำนวนมากเมืองเบนซาเลม รัฐเพนซิลเวเนีย
    เวลา 19:00น. 29 กรกฎาคม 2564 (ไทย 06:00น. 30 กรกฎาคม 2564)

    โครงสร้างอาคารถล่มหลังพายุทอร์นาโดสงบ ผู้คนจำนวนมากยังติดอยู่ใต้อาคาร ทางการเริ่มทำการช่วยเหลือ

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jul 30, 2021 ด่วน! ไทยติดเชื้อรายใหม่ 17,345 ราย ตาย 117 ราย เตรียมแซงประเทศตูนิเซียวันพรุ่งนี้

    วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานถึง 17,345 ราย ยังคงทำสถิติเป็นวันที่ 14 ที่ไทยติดเชื้อรายวันเกินกว่า 10,000 ราย และทำสถิติมีผู้ติดเชื้อรายวันแตะหลัก 17,000 ราย เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,345 รายนั้น ซึ่งลดลง 324 รายจากเมื่อวานนี้(29) ส่งผลจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งเป็น 578,375 ราย อยู่อันดับที่ 44 ของโลก

    สำหรับจำนวนติดเชื้อ 17,345 ราย ประกอบด้วย ยอดติดรายวัน 16,664 ราย หรือ 96% ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายวันในเรือนจำมี 681 ราย หรือ 4% ของจำนวนติดรายวันทั้งหมด

    ส่วนยอดเสียชีวิตโควิด-19 รายใหม่จำนวน 117 ราย ยอดเสียชีวิตรายใหม่ดังกล่าวลดลง 48 รายจากเมื่อวานนี้(29) ส่งผลยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 4,680 ราย ก่อนหน้านี้ ไทยทำสถิติเสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 141 รายเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564

    ขณะนี้ 30 กรกฎาคม 2564 ไทยซึ่งอยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก มีผู้ติดเชื้อสะสมห่างจากประเทศตูนิเซียซึ่งอยู่ในอันดับที่ 43 จำนวน 4,263 ราย ประเทศไทยจะขยับขึ้นแซงประเทศตูนิเซียมาอยู่อันดับที่ 43 ของโลกภายในวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2564

    #โควิดวันนี้ #โควิด19 #โควิด19เราต้องรอด #กรุงเทพ #ศบค #BTimes

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jul 30, 2021 ด่วน! ไทยติดเชื้อรายใหม่ 17,345 ราย ตาย 117 ราย เตรียมแซงประเทศตูนิเซียวันพรุ่งนี้

    วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานถึง 17,345 ราย ยังคงทำสถิติเป็นวันที่ 14 ที่ไทยติดเชื้อรายวันเกินกว่า 10,000 ราย และทำสถิติมีผู้ติดเชื้อรายวันแตะหลัก 17,000 ราย เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,345 รายนั้น ซึ่งลดลง 324 รายจากเมื่อวานนี้(29) ส่งผลจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งเป็น 578,375 ราย อยู่อันดับที่ 44 ของโลก

    สำหรับจำนวนติดเชื้อ 17,345 ราย ประกอบด้วย ยอดติดรายวัน 16,664 ราย หรือ 96% ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายวันในเรือนจำมี 681 ราย หรือ 4% ของจำนวนติดรายวันทั้งหมด

    ส่วนยอดเสียชีวิตโควิด-19 รายใหม่จำนวน 117 ราย ยอดเสียชีวิตรายใหม่ดังกล่าวลดลง 48 รายจากเมื่อวานนี้(29) ส่งผลยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 4,680 ราย ก่อนหน้านี้ ไทยทำสถิติเสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 141 รายเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564

    ขณะนี้ 30 กรกฎาคม 2564 ไทยซึ่งอยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก มีผู้ติดเชื้อสะสมห่างจากประเทศตูนิเซียซึ่งอยู่ในอันดับที่ 43 จำนวน 4,263 ราย ประเทศไทยจะขยับขึ้นแซงประเทศตูนิเซียมาอยู่อันดับที่ 43 ของโลกภายในวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2564

    #โควิดวันนี้ #โควิด19 #โควิด19เราต้องรอด #กรุงเทพ #ศบค #BTimes

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jul 30, 2021 เกิน 197 ล้าน! กว่า 649,000 คนติดใน 1 วันผ่านมา ดันทั่วโลกติดโควิด-19 สะสมทะลุกว่า 197.2 ล้านคน ยอดตายทั่วโลกกว่า 4.21 ล้านคน

    เมื่อเวลา 7.25 น.รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 197,301,068 ราย (+651,636) ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 35,572,624 ราย(+84,954) อินเดีย 31,571,295 ราย(+44,673) บราซิล 19,839,369 ราย(+41,853) รัสเซีย 6,218,502 ราย(+23,270) ฝรั่งเศส 6,079,239 ราย(+25,190) ยูเค 5,801,561 ราย(+31,117) ตุรกี 5,682,630 ราย(+22,161) อาเจนติน่า 4,905,925 ราย(+14,115) โคลอมเบีย 4,766,829 ราย(+9,690) และสเปน 4,422,291 ราย(+26,689) ตัวเลขในวงเล็บ คือส่วนต่างเทียบกับวันก่อนหน้านี้

    สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 4,213,044 ราย(+10,233) ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 628,467 ราย(+371) บราซิล 554,497 (+1,225) อินเดีย 423,244 ราย(+549) เม็กซิโก 239,616 ราย(+537) สหราชอาณาจักร 129,515 ราย(+85) อิตาลี 128,029 ราย(+19) ฝรั่งเศส 111,764 ราย(+29) โคลอมเบีย 120,126 ราย(+325) เยอรมนี 92,131 ราย(+25) และสเปน 81,442 ราย(+46) ตัวเลขในวงเล็บ คือส่วนต่างเทียบกับวันก่อนหน้านี้

    สำหรับอาเซียน จำนวนผู้ติดเชื้อ และจำนวนผู้เสียชีวิตตามลำดับ มีดังนี้ อินโดนีเซีย 3,331,206 ราย(+43,479) 90,552 ราย (+1,893) ฟิลิปปินส์ 1,572,287 ราย(+5,735) 27,577 (+176) มาเลเซีย 1,078,646 ราย(+17,170) 8,725 (+141) ไทย 561,030 ราย(+17,669) 4,562 (+165) เมียนมา 289,333 ราย(+5,234) 8,552 (+342) เวียดนาม 123,640 ราย(+2,821) 630(-) กัมพูชา 75,917 ราย(+765) 1,350 (+11) สิงคโปร์ 64,722 ราย(+133) 37(-) ติมอร์-เลสเต 10,695 ราย(+160) 26 (-) สปป.ลาว 5,675 ราย(+241) 6(-) และบรูไน 333 ราย(-) 3 (-)

    #โรคระบาด #สหรัฐ #อินเดีย #บราซิล #ฝรั่งเศส #รัสเซีย #BTimes

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สถานการณ์โควิดวันนี้ (30 กรกฎาคม 2564)
    .
    วันนี้ (30 กรกฎาคม) ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดประจำวัน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,345 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกเดือนเมษายนจนถึงวันนี้ 549,512 ราย และยอดผู้ป่วยสะสมของการระบาดทั้งหมด 578,375 ราย
    .
    โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 117 ราย ทำให้นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการระบาดของโควิด มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 4,679 ราย
    .
    ทั้งนี้ เวลา 12.30 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
    .
    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
    #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #โควิดวันนี้ #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19 #วัคซีนโควิด #TheStandardNews

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Jul 29) 4 คำถาม…ทำไมคนกู้กยศ.หลายล้านไม่จ่ายหนี้!!! ชีวิตจริงของผู้กู้ยืมหนี้ กยศ. .......นางอรอุมา ดาเลิศ เธอกู้เงินจาก กยศ. 6,480 บาท เมื่อปี 2553 เพื่อมาซื้อหนังสือเรียนเพื่อเตรียมเข้าโรงเรียน แต่ด้วยความยากจนทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสเรียนหนังสืออย่างที่ตั้งใจ

    เธอไม่ทราบว่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียนที่ได้มา มาพร้อมกับความเป็นหนี้ เธอทราบครั้งแรกเมื่อปี 2562 จึงเจียดเงินเท่าที่พอหาได้จ่ายชำระหนี้ 3,000 บาท

    ล่าสุด 8 มิถุนายน 2564 เธอทราบว่าบ้านที่อยู่ในชื่อพ่อที่เป็นผู้ค้ำประกันถูกขายทอดตลาด และทราบว่าตนเป็นหนี้ 12,635.43 บาท ต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน 2564 จึงนำเงินไปชำระหนี้ที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งแบ่งเป็นต้นเงิน 6,480 บาท ดอกเบี้ย 710.20 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมศาล 3,143 บาท เบี้ยปรับ 2,302.23 บาท ซึ่ง กยศ. แจ้งว่าอีก 2-3 วันจะถอนการยึด

    29 มิถุนายน 2564 เธอมาทราบอีกครั้งว่าบ้านของพ่อเธอถูกขายทอดตลาดออกไป ซึ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดิน 10 ไร่ 1 ตารางวา และเป็นทรัพย์ที่ติดจำนองอยู่ที่ ธกส. จำนวน 1,324,222.40 บาท เป็นการขายติดภาระจำนองไปด้วยที่ราคา 40,000 บาท

    คำถามหลากหลายเกี่ยวกับเคสของอรอุมา

    แน่นอนว่าเมื่อเป็นหนี้ก็จำเป็นต้องใช้ แต่ชีวิตจริงที่ไม่ต่างจากนิยายที่แสนเศร้าของอรอุมา ทำให้อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็นและกำลังดำเนินอยู่ในระบบการเงินและสังคมในปัจจุบันในหลายมิติ กล่าวคือ

    คำถามแรก ทำไมหนี้เงินต้นเพียง 6,480 บาท สามารถที่จะนำไปสู่การที่ผู้ค้ำประกันถูกยึดบ้าน มูลค่ากว่าล้านบาท ออกขายทอดตลาดได้ทั้งที่ยังจำนองอยู่กับเจ้าหนี้อีกรายหนึ่ง

    พูดง่ายๆ คือทำไมหนี้เงินต้นจำนวนเพียงนิดเดียวถึงทำให้เกิดการขายทอดตลาดทรัพย์ที่มูลค่าสูงได้โดยไม่ยากนัก เรื่องนี้เป็นความจริงที่น่าเศร้าที่พักหลังได้ยินกรณีที่คล้ายกันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่ากรณีหนี้บัตรเครดิตจำนวนไม่กี่บาทที่นำไปสู่การยึดบ้าน อายัดเงินเดือน หรือปัญหาติ่งหนี้เช่าซื้อรถยนต์ หรือกระทั่งติ่งหนี้รถไถนา ที่มักจะถูกคำนวณจำนวนติ่งหนี้อย่างเอาเปรียบและไม่เป็นธรรม จนทำให้ชาวนาต้องขายไร่ขายนา

    ได้เห็นเคสเหล่านี้บ่อยๆ เข้า ผู้เขียนอดนึกไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ที่มีอำนาจต่อรองและความรู้มากกว่า ใช้ช่องว่างของระบบการบังคับคดีในปัจจุบันหาประโยชน์ ซึ่งก็พอที่จะเข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือบทบาทของกรมบังคับคดี ที่ถ้าพบกรณีเช่นนี้ ที่หนี้ที่เป็นต้นเหตุมูลหนี้น้อยๆ แบบนี้ ควรจะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย แทนที่จะปล่อยให้เกิดการขายทอดตลาด เพราะอย่างที่รู้กันเวลาขายจริง ราคาที่ได้มักจะต่ำ ทำให้ลูกหนี้เสียประโยชน์

    อีกคำถามสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ภารกิจของกรมบังคับคดี ควรจะมีเพียงแค่การบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดมาได้เท่านั้น? หรือกรมบังคับคดีควรจะมีภารกิจสนับสนุนให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้สามารถที่จะไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินระหว่างกันได้ ถ้าทำได้ก็หมายความว่าทรัพย์อาจจะไม่ถูกขายทอดตลาดออกไป

    กลับมาที่เคสของอรอุมา สิ่งที่น่าเศร้าใจหนัก คือ อรอุมาได้นำเงินไปจ่ายหนี้ปิดบัญชีเงินกู้ที่เธอมีกับ กยศ. แล้วตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2564 โดยทนายที่รับดำเนินเรื่องแทน กยศ. แจ้งเธอว่าจะไปดำเนินการถอนการยึดให้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระบวนการบังคับคดีไม่ได้หยุด 29 มิถุนายน 2564 บ้านของผู้ค้ำประกันคือ บ้านของพ่อของเธอถูกขายทอดตลาดออกไป เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนความหละหลวมของ กยศ. ที่ไม่ได้มีระบบควบคุมและติดตามที่ดี มีประสิทธิภาพ ที่จะสามารถติดตามการทำงานของบริษัทกฎหมายที่จ้างไปดำเนินการบังคับคดี เรื่องนี้ กยศ. คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหวังว่าจะไม่ปล่อยให้นางอรอุมาไปตกลงกับผู้ซื้อเอง เหมือนกับที่ outsource ที่ กยศ. จ้างบอกเธอ

    คำถามที่ 2 ทำไมมีคนไทยหลายล้านคนผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถจ่ายหนี้คืนแก่ กยศ. ได้? อะไรคือต้นตอของปัญหา?

    ทำไมอรอุมาถึงไม่ชำระหนี้คืน? อรอุมาเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในปี 2545 ที่เธอได้กู้ยืม กยศ. เธอเล่าว่าช่วงนั้นเธอศึกษาอยู่ที่ชั้น ม.5 และได้รับคำแนะนำจากทางโรงเรียนเกี่ยวกับเงินกู้ กยศ. ว่าเธอสามารถกู้ยืมเงินมาใช้สำหรับเป็นค่าครองชีพ แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือเธอไม่ได้นำเงินที่ได้มาใช้ในการดำรงชีพแต่อย่างใด หากแต่นำไปซื้อหนังสือเรียน ชุดนักเรียน กระโปรง และรองเท้าที่โรงเรียนจัดหามาขายให้

    อย่างไรก็ดี ชีวิตเธอเกิดผกผัน จำเป็นต้องย้ายตามครอบครัวที่ยากจนจากจังหวัดกาฬสินธุ์ในภาคอีสานไปทำมาหากินที่ภาคใต้จังหวัดสุราษฎร์ธานี การย้ายถิ่นฐานของครอบครัวในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตการเรียนของเธอต้องจบลงโดยปริยาย ในขณะที่เธอไม่ได้มีโอกาสที่จะใช้ชุดนักเรียนหรืออ่านหนังสือที่เธอใช้เงินกู้ กยศ. ซื้อมา เพราะไม่มีโอกาสเข้าเรียนหนังสืออีกเลยนับตั้งแต่นั้น เนื่องจากต้องใช้แรงงานช่วยครอบครัวทำมาหากิน

    5 กรกฎาคม 2548 ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกตามเกณฑ์ของ กยศ. ที่ผู้กู้จะต้องเริ่มชำระหนี้ 2 ปีหลังจากหยุดเรียนหรือจบการศึกษา กยศ. ส่งจดหมายทวงหนี้ไปที่บ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ด้วยทั้งบ้านย้ายถิ่นฐาน เธอจึงไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มจ่ายชำระหนี้คืน 5 ปีต่อมา 19 สิงหาคม 2553 กยศ.ฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกให้ชำระหนี้คืน และเธอไม่ได้ไปตามที่ศาลนัดจึงถูกพิพากษาฝ่ายเดียว หลังจากนั้นเธอไม่ทราบอะไรอีกเลยจน 9 ปีต่อมา ปี 2562 เธอได้รับการติดต่อจากบริษัททวงหนี้ให้ชำระหนี้คืน ช่วงนั้นเธอสามารถชำระหนี้ได้เพียง 3,000 บาท เนื่องจากเพิ่งจะคลอดลูกคนที่ 3 และ 8 มิถุนายน 2564 เธอทราบว่า กยศ. บังคับคดีกับผู้ค้ำประกัน จะมีการขายทอดตลาดบ้านของพ่อครั้งแรก เธอจึงต้องไปขอยืมเงินจากญาติ 15 มิถุนายน 2564 เธอได้จ่ายชำระหนี้และปิดบัญชีกู้ยืมกับ กยศ. ก่อนที่บ้านของบิดาซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะถูกขายทอดตลาดออกไปในช่วงปลายเดือน

    อรอุมาเป็นเพียงหนึ่งในผู้กู้หลายล้านคนที่ไม่สามารถชำระหนี้คืน กยศ. อะไรคือสาเหตุหลักที่ผู้กู้อีกจำนวนมากถึงไม่สามารถจ่ายหนี้คืน กยศ.?
    คำอธิบายที่สาธารณชนรับทราบ กยศ. อธิบายถึงสาเหตุที่ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ว่ามาจาก 3 ปัจจัย กล่าวคือ ความยากจน วินัยของผู้กู้ และทัศนคติที่ไม่อยากจะชำระหนี้คืน

    อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาจำนวนผู้กู้ที่ชำระหนี้คืนไม่ได้ เทียบกับผู้กู้ทั้งหมด พบว่า ณ สิ้นปี 2563 เงินกู้ กยศ. มีสัดส่วนหนี้เสียสูงถึง 62% ซึ่งถือว่าเป็นเงินกู้ที่มีอัตราหนี้เสียสูงที่สุดอันหนึ่งในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของไทย (เทียบกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี 2542 อัตราสูงสุดของหนี้เสียอยู่ที่ 47%) สะท้อนความไม่ปกติและปัญหาในเชิงโครงสร้างของเงินกู้นี้ที่ต้องแก้ไข

    นอกจากนี้ ถ้าลองไปสอบถามผู้กู้จะได้รับคำตอบในอีกด้านหนึ่ง…

    ผู้กู้ส่วนหนึ่งแจ้งว่าที่ชำระหนี้ไม่ได้ เพราะแม้จะจบการศึกษาแล้ว แต่ยังไม่มีงานทำ จึงยังไม่มีรายได้ หรืออาจได้งานทำแล้ว แต่เงินเดือนที่ได้เพียงพอแค่ดำรงชีพไปวันๆ ยังไม่มีเหลือสำหรับชำระหนี้คืน
    ดังนั้น 2 ปีหลังจากจบการศึกษาที่ผู้กู้ต้องจ่ายหนี้คืนงวดแรกจึงมีผู้กู้บางส่วนที่สามารถชำระหนี้คืนได้

    ผู้กู้อีกส่วนหนึ่งอธิบายว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าตนไม่ได้จ่ายหนี้คืน กยศ. เลย

    จริงๆ ตนพยายามที่จ่ายหนี้คืนเท่าที่สามารถจะทำได้ หากแต่เม็ดเงินที่จ่ายชำระหนี้ ถูกนำไปตัดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จนหมด ไม่ได้ตัดเงินต้น ทำให้ยอดหนี้ที่มีไม่ลดลงเลย แม้จะพยายามผ่อนชำระอย่างต่อเนื่อง
    กอปรกับดอกเบี้ยผิดชำระหนี้มีจำนวนที่สูงมาก (อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในอดีตกำหนดไว้สูงมากที่ 18% ทั้งๆ ที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แค่ 1%) ในหลายกรณีพบว่าดอกเบี้ยผิดนัดเพิ่มสูงขึ้นจนมีมากกว่าเงินต้นที่กู้มาตอนเริ่มแรก ซึ่งตามกติกาของเงินกู้ กยศ.เรื่องลำดับการตัดชำระหนี้ ที่กำหนดไว้ว่า….

    เงินที่ชำระหนี้จะถูกนำไปตัดจ่ายชำระ (1) ดอกเบี้ยผิดนัด ตามด้วย (2) ดอกเบี้ยตามสัญญา ถึงจะเริ่มตัด (3) เงินต้น ผู้กู้จำนวนไม่น้อยหลังจากจ่ายชำระหนี้ แต่ยอดหนี้เงินต้นไม่ลดเสียที จึงหมดกำลังใจและหยุดชำระหนี้ในที่สุด

    คำถามที่ 3 ทำไม กยศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาด้วยเจตนารมณ์ที่จะ “ให้โอกาส ให้อนาคต” กับผู้กู้ที่ยากจน จึงกลายเป็นคู่ความที่กำลังดำเนินคดีกับผู้กู้นับล้านคนทั่วประเทศ

    ถ้ามีการนับสถิติจำนวนคดีที่เจ้าหนี้มีการฟ้องร้องคดี กยศ. คงจะติดอันดับต้นๆ ของเจ้าหนี้ที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีมากที่สุดในประเทศไทยซึ่งปัจจุบันถ้าดูจากสถิติพบว่า กยศ. ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กู้ไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านคดี ปัจจุบัน กยศ. ได้ดำเนินคดีกับผู้กู้จนศาลมีคำพิพากษาแล้วรวม 1.2 ล้านคดี

    แม้ปัจจุบัน กยศ. จะมีนโยบายที่จะชะลอการดำเนินคดี แต่คดีส่วนหนึ่งที่ใกล้หมดอายุการบังคับคดี 10 ปี

    กยศ. จึงต้องเดินหน้าดำเนินการบังคับคดี ดังเช่นกรณีของอรอุมา ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อเริ่มกระบวนการยึดทรัพย์แล้ว ขั้นตอนการขายทอดตลาดไม่สามารถที่จะหยุดได้ ซึ่งก็หมายความว่าอาจจะมีผู้กู้รายอื่นอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับอรอุมา ในส่วนนี้ กยศ. ควรจะไกล่เกลี่ยหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้กู้กลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน มากกว่าที่จะปล่อยให้ต้องมีการยึดทรัพย์บังคับคดี

    ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการ กยศ. เห็นว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจะไม่สามารถผ่อนปรน หรือลดหย่อนหนี้ให้กับผู้กู้ได้ เนื่องจากเห็นว่าถ้าไม่เรียกร้องจากผู้กู้ตามที่ศาลพิพากษาแล้ว อาจจะทำให้ภายหลังตนถูกฟ้องดำเนินคดีในฐานะที่ทำให้รัฐเสียหาย (มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา) ซึ่งการที่เจ้าหนี้ยอมลดหย่อนผ่อนปรนและปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติ เพราะโดยปกติเมื่อคดีดำเนินมาจนกลายเป็นคดีแดงแล้ว ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้อาจจะปรับสูงขึ้น 2-3 เท่าของเงินต้น ถ้าไม่มีการลดหย่อนเลย ยากที่ลูกหนี้จะสามารถชำระหนี้ได้หมด

    ปัญหาที่คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่กล้าที่จะดำเนินการในสิ่งที่ควรทำ เพราะกลัวถูกมองและดำเนินคดีในฐานะที่ทำให้รัฐเสียหายเป็นหนึ่งในปัญหาจริงที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไข เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอุปสรรคที่จะทำให้เรื่องสำคัญหลายเรื่องไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

    เรื่องนี้ทางรัฐบาลควรจะผ่าทางตัน กำหนดเป็นแนวนโยบาย (policy direction) ผ่านมติ ครม. ให้ กยศ. รับไปดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้กลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน โดยรัฐบาลควรจะส่งผ่านนโยบายมาให้ชัดว่า

    (1) การไกล่เกลี่ยผ่อนปรนหนี้แก่ผู้กู้แม้จะมีคำพิพากษาแล้ว สามารถทำได้และควรเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากผู้กู้แต่ฝ่ายเดียว ยากที่จะปฏิเสธว่าเป็นปัญหาจากโครงสร้างเงินกู้ของ กยศ. ด้วย และ
    (2) การยอมให้แนวทางการปฏิรูปเงินกู้ กยศ. ที่จะเกิดขึ้น สามารถใช้ย้อนไปในอดีต เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้กับผู้กู้สามารถทำได้
    การที่จะรอแก้กฎหมายจะใช้เวลานาน ซึ่งจริงๆ ตาม พ.ร.บ.กยศ. ที่แก้ไขใหม่ปี พ.ศ.2560 คณะกรรมการกยศ. มีอำนาจทำได้แน่นอน เพียงแต่ถ้าคณะกรรมการกังวล คณะรัฐมนตรีควรจะกำหนดเป็นแนวนโยบายให้ กยศ. ดำเนินการเพื่อปลดล็อกทางตันสองเรื่องนี้ นอกจากนี้ มองไปข้างหน้า กยศ. จำเป็นต้องทบทวนนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้กู้ในหลายมิติ เช่น ในเคสที่มูลหนี้น้อยๆ ไม่ถึง 30,000-50,000 บาทดังเช่นกรณีอรอุมาไม่ควรจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะไม่คุ้มค่าดำเนินการ แค่ค่าทนายปัจจุบันรายละ 7,500 บาท รวมทั้ง กยศ. ต้องให้ความสำคัญกับการไกล่เกลี่ยหนี้โดยเฉพาะก่อนฟ้อง การฟ้องไม่ควรจะเป็นแนวทางแรก หากแต่เป็นแนวทางสุดท้ายที่จะใช้ดำเนินการกับผู้กู้

    คำถามที่ 4 มองไปข้างหน้า ถ้าต้องการที่จะเห็น กยศ. สามารถดำเนินภารกิจได้ตามที่สังคมคาดหวัง กยศ. จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใดบ้าง

    ถ้ามีโอกาสพิจารณาข้อมูลของผู้กู้ในรายละเอียด คงยากที่จะปฏิเสธว่า สาเหตุที่ผู้กู้ กยศ. ไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเงินที่กู้ไป อาจจะไม่ใช่จากความยากจน ความไม่มีวินัยของผู้กู้ รวมทั้งทัศนคติที่ไม่ต้องการใช้หนี้คืนแต่เพียงอย่างเดียว “โครงสร้างของเงินกู้ กยศ.” ที่มีรูปแบบเดียวแม้ผู้กู้จะมีหลายล้านคน ที่การผ่อนชำระให้จ่ายคืน “รายปี” จะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยมีระยะเวลาจ่ายคืน 15 ปี โดยจะต้องเริ่มจ่ายคืน 2 ปีหลังจากจบการศึกษา และดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่เดิมอยู่ที่ 1.5% ต่อเดือน หรือ 18% ต่อปี

    แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะอยู่ที่เพียง 1% เมื่อประกอบกับลำดับการตัดชำระหนี้ที่ให้ตัดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และดอกเบี้ยตามสัญญาก่อน ถึงจะตัดเงินต้น ทำให้เมื่อมีการค้างชำระหลายงวด เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปตัดดอกเบี้ยผิดนัดก่อน โดยไม่ตัดถึงเงินต้นเลย หลายงวดเข้า ถ้าจ่ายหนี้แต่ไม่เห็นความคืบหน้า สักพักก็เลิกจ่าย

    ดังนั้นหาก กยศ. ต้องการดำเนินภารกิจได้ตามที่สังคมคาดหวัง และตามเจตนารมณ์ที่จะ “ให้โอกาส ให้อนาคต” กับผู้กู้ที่ยากจน กยศ. ต้องเร่งปฏิรูปและแก้ไขอย่างเร่งด่วนในหลายมิติ ดังต่อไปนี้

    (1) ปรับปรุงรูปแบบการจ่ายชำระหนี้คืนจาก “รายปี” เป็น “รายเดือน” และจากเดิมค่างวดที่จะต้องชำระจะปรับ “สูงขึ้นทุกปี” เป็นจะปรับค่างวดที่จะต้องชำระเฉลี่ย “เท่ากันทุกเดือน” อีกทั้งแต่เดิมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี รูปแบบใหม่ผู้กู้จะมีระยะเวลานานขึ้น 25 ปีขึ้นกับวงเงินกู้

    (2) ปรับปรุง “การเริ่มชำระหนี้” ของผู้กู้ให้ผูกกับ “การมีงานทำ” และเริ่มมีรายได้โดยไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่จบการศึกษา ซึ่งเดิมกำหนดให้หลังจากจบการศึกษา 2 ปี ผู้กู้จะต้องเริ่มจ่ายชำระหนี้คืน

    (3) ปรับปรุง “ลำดับการตัดชำระหนี้” ให้เมื่อผู้กู้จ่ายชำระหนี้เข้ามา ให้นำไปตัดส่วนของ “เงินต้น” ก่อน แล้วจึงนำมาตัด “ดอกเบี้ย” ซึ่งเดิมนั้นเมื่อชำระหนี้ เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปตัดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และดอกเบี้ยตามสัญญาก่อน ถึงจะนำมาตัดในส่วนเงินต้น ซึ่งถ้าดอกเบี้ยมากจะทำให้แม้ผู้กู้ชำระหนี้เข้ามา จะตัดไม่ถึงเงินต้น หนี้จะไม่ลดลงเลย

    (4) ปรับลด “อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้” ลงจาก 7.5% ต่อปี เหลือ 2% ต่อปี ซึ่ง 2% ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา 1% และดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ส่วนเพิ่ม 1%

    (5) การเพิ่มเติมหลักสูตรที่เกี่ยวเนื่องกับการฝึกอาชีพระยะสั้น เช่น หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล 6 เดือนให้เป็นหลักสูตรที่จะสามารถกู้ กยศ. เพื่อเรียนได้ จากเดิมหลักสูตรส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรในชั้นอุดมศึกษาใช้เวลาเรียน 4-6 ปี

    ถ้าสามารถยกเครื่องปฏิรูปเงินกู้ กยศ. เพื่อที่จะปรับปรุงให้ กยศ. มีรูปแบบการรับชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น จะช่วยลดโอกาสที่ผู้กู้จะชำระหนี้ไม่ได้ จนต้องผิดนัดชำระหนี้และกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) มองไปข้างหน้า กยศ. จะมีแผนการรับชำระหนี้ที่หลากหลายขึ้น ผู้กู้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน สามารถที่จะเลือกแผนการชำระหนี้คืนที่สอดคล้องกับศักยภาพและความสามารถของตนเอง รวมทั้งผู้กู้จะเริ่มจ่ายชำระหนี้คืนเมื่อมีงานทำโอกาสจ่ายหนี้ไม่ได้จะลดลง กยศ. จะสามารถทำภารกิจได้อย่างที่สังคมคาดหวัง

    โดย ขจร ธนะแพสย์
    ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
    ธนาคารแห่งประเทศไทย

    บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

    Source: ThaiPublica
    https://thaipublica.org/2021/07/why-million-of-thais-unable-to-repay-student-loan/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ภาพสุดประทับใจ!!!เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บันทึกภาพ "กวางผา" ได้ในพื้นที่

    เมื่อวันที่ 4-5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์สามารถบันทึกภาพกวางผา สัตว์ป่าหากยากได้บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 41 ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

    "กวางผา" หรือ "ม้าเทวดา" สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ให้ข้อมูลไว้ว่า กวางผาจะอาศัยอยู่เดี่ยว ๆ ตามลำพัง หรือบางช่วงจะอาศัยอยู่กันเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ (2-6 ตัว) หากินในช่วงเช้า และเย็น ในที่โล่งตามทุ่งหญ้า ที่ลาดชันน้อย ส่วนช่วงกลางวันมักจะนอนพักผ่อนบนลานหินตามหน้าผา ชะง่อนหิน

    อาหาร ของกวางผาเป็นพวกสัตว์กินยอดไม้ และกินหญ้าเป็น ส่วนอาหารหลักนั้นส่วนใหญ่จะเป็นหญ้า รองลงมาเป็นไม้ล้มลุก ผลไม้ ยอดไม้และใบไม้พุ่มเตี้ย ๆ อาหารโปรดของกวางผา คือยอดอ่อนของหญ้าระบัด

    กวางผาที่เราเห็นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัจจัยคุกคามทำให้ลดจำนวนลง ปัจจัยแรกมาจากการบุกรุกพื้นที่ป่า การบุกรุกถางป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอยทำให้กวางผาสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย และกรณีพื้นที่มีแนวเขตติดกับชุมชนการปล่อยสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะวัวควาย ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เดียวกับกวางผา จะสามารถนำมาซึ่งโรคระบาดที่สามารถติดกวางผาได้ ปัจจัยคุกคามอื่นๆ ก็คือ การล่ากวางผา และภาวะเลือดชิด (inbreeding)

    ทั้งนี้การพบกวางผาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ในครั้งนี้ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงระบบนิเวศและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ รวมถึงการประกาศปิดอุทยานแห่งชาติทำให้เราได้เห็นถึงการฟื้นตัวของธรรมชาติที่ปราศจากการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี จนทำให้สัตว์ป่ารู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะออกมาจากที่หลบซ่อนจนเจ้าหน้าที่สามารถบันทึกภาพได้ในครั้งนี้

    ภาพ : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ - Doi Inthanon National Park

    ข้อมูลกวางผา : สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Conservation Office, Thailand

    ที่มา ประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ตูนิเซียอลเวงเมื่อประธานาธิบดียึดอำนาจรัฐ
    #รัฏฐาธิปัตย์vsรัฐประหาร?

    ตลอดช่วงสัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2021 ที่ประธานาธิบดีตูนิเซีย คาอิส ไซเอด ประกาศปลดนายกรัฐมนตรี ฮีชาม เมชีชี ออกจากตำแหน่ง โทษฐานที่ไม่สามารถรับมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และวิกฤติ Covid-19 ในประเทศได้ พร้อมออกคำสั่งปิดสภานานถึง 30 วัน

    ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ปลดขุนพลกลางศึกที่ตูนิเซียครั้งนี้ ในตูนิเซียเองก็มีความวุ่นวายไม่น้อย เมื่อชาวตูนิเซียจำนวนมากออกมาประท้วงไล่นายกรัฐมนตรี ฮีชาม เมชีชี และคณะรัฐมนตรีออกไป เนื่องจากแก้ปัญหาปากท้องไม่ได้ อัตราการว่างงาน ความยากจนยังเท่าเดิม เพิ่มเติมด้วยพิษ Covid-19 ซ้ำเติมเศรษฐกิจเข้าไปอีก

    หากยังจำกันได้ ตูนิเซียคือประเทศแรกที่จุดกระแสอาหรับ สปริง ช่วงราวๆปี 2011 ที่ต้องการปฏิรูปการเมืองเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ลดทอนการผูกขาดอำนาจโดยผู้นำเผด็จการ ที่ต่อมากระแสนี้กระจายไปทั่วภูมิภาคอาหรับ และอาฟริกา และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองใหม่ในตูนิเซีย

    แต่มาวันนี้ ดูเหมือนตูนิเซียจะกลับมาติดหล่มอีกครั้ง เมื่อชาวตูนิเซียที่ออกมาประท้วงบอกว่า เมื่อ 10 ปีก่อน (2011) เขาได้ออกมาประท้วงเรื่องปากท้อง/งาน/เสรีภาพ ผ่านมา 10 ปี (2021) พวกเขายังต้องมาลงถนนเรียกร้องเรื่องเดิมๆพวกนี้อีก เมื่อไหร่พวกเขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการเสียที?

    แต่การประท้วงคราวนี้ ชาวตูนิเซียไม่ต้องคอยนาน เพราะประธานาธิบดี ตูนิเซีย คาอิส ไซเอด ได้สั่งปลดนายกรัฐมนตรี เมชีชี ออกไปเลยทันที เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

    หลังได้ยินข่าวนี้ ก็มีชาวตูนิเซียจำนวนมากออกมาเฉลิมฉลองกันเต็มท้องถนน และหน้ารัฐสภา โห่ร้องดีใจ ที่นายกฯ ขวัญใจแฟนขับ(ไล่) ไปซะได้

    แต่ออกมาดีใจกันได้ไม่ทันข้ามวัน ประธานาธิบดีไซเอด ก็ประกาศใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญตูนิเซีย มาตรา 80 เข้าควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินที่เห็นว่าเป็นภัยร้ายแรง สั่งปิดสภาชั่วคราว 30 วัน และออกคำสั่งเคอร์ฟิวส์ทั่วประเทศ

    จากท้องถนนที่เคยเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงประท้วง ขับไล่ ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ หายเงียบกริบเป็นป่าช้าทันที มีเพียงกองทัพตูนิเซียส่งกำลังพลมาประจำการอยู่ตามเมืองเป็นหย่อมๆ

    หลังจากนั้นประธานาธิบดี สั่งให้เอาโซ่ล็อคประตูสภา และเริ่มทำการปลดรัฐมนตรีคนอื่นในรัฐบาลชุดเก่าออกไปเรื่อยๆ และยังไม่มีข่าวออกมาเลยว่า ประธานาธิบดี ไซเอด จะแต่งตั้งใครมาแทนนายกฯคนเก่า

    บรรยากาศมันชักคุ้นๆ ทำให้กลุ่มแนวร่วมเอนนาห์ดา ซึ่งเป็นพรรคมุสลิม ออกมาประท้วงว่านี่ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องการปลดนายกฯ แต่เป็นการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐสภาชัดๆ และเรียกร้องให้ฝ่ายที่สนับสนุนพรรคเอนนาห์ดา ออกมาประท้วง

    และยังชี้ว่าประธานาธิบดีไซเอด ไม่มีสิทธิ์ใช้อำนาจตามมาตรา 80 ด้วยซ้ำ เพราะการใช้มาตรานี้คือ บ้านเมืองต้องอยู่ในภาวะวิกฤติแบบกู่ไม่กลับจริงๆ และต้องผ่านการปรึกษาทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทน และศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน

    แต่ว่าท่านประธานาธิบดีได้ปลดนายกฯไปแล้ว สภาก็สั่งปิด แถมคณะลูกขุนศาลรัฐธรรมนูญ แกก็ยังไม่อนุมัติแต่งตั้ง จึงไม่มีใครให้แกต้องปรึกษาผ่าน เหลือแต่ปรึกษาตัวเอง เห็นชอบเอง และประกาศใช้มาตรา 80 ด้วยตัวเอง ก็ได้หรือ?

    ฝ่ายที่สนับสนุนประธานาธิบดี ก็บอกว่าทำได้สิ ตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤติใช่ไหมหล่ะ ฝ่ายบริหารบกพร่อง และปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ประธานาธิบดีเข้ามารวบอำนาจ (ทั้ง บริหาร/นิติบัญญัติ/ ตุลาการ) มาบริหารเองก็ถูกแล้ว และอย่าลืมว่าก่อนท่านจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ท่านเคยเป็นผู้พิพากษา และอาจารย์สอนด้านกฏหมายรัฐธรรมนูญมาก่อน

    ส่วนประชาชนชาวตูนิเซีย ตอนนี้ส่วนใหญ่ยังพอใจกับการตัดสินปลดนายกฯ ของประธานาธิบดี คาอิส ไซเอด และต้องการฝ่ายบริหารชุดใหม่มาทำหน้าที่ และกว่า 80% สนับสนุนการเข้ามามีบทบาทนำรัฐบาลของประธาธิบดี

    และตอนนี้ท่านประธานาธิบดี ก็ได้ประกาศโครงการใหม่ล่าสุด กระชากค่าครองชีพ และทำสงครามคอร์รัปชั่น โดยแกออกมาขู่เตือนล่วงหน้าว่า ใครก็ตามที่รู้ตัวว่าได้ขโมยเงินกว่า 1.35 หมื่นล้านดีนาร์ (ประมาณ 1.59 แสนล้านบาท) จากภาษีชาวตูนิเซียไป ให้รีบมาคืนซะตอนนี้ จะไม่เอาผิด ที่พูดนี่ไม่ได้จะข่มขู่บรรดานักการเมือง นายทุน นักธุรกิจหรอกนะ แต่ตอนนี้มีรายชื่อกว่า 460 คนอยู่ในบัญชีหนังหมาเรียบร้อยแล้ว เน้!!!!

    รวมถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพรรคแนวร่วมเอนนาห์ดา ที่ออกมาเรียกร้องให้ชาวตูนิเซียออกมาประท้วงการยึดอำนาจของประธานาธิบดีไซเอด ว่ามีอะไรหมกเม็ด หรือกลุ่มทุนต่างชาติหนุนหลังอยู่หรือไม่

    ประกาศโครงการยาวเหยียดเสียขนาดนี้ ยึดสภา 30 วัน ไม่น่าจะพอ

    ก็ต้องมาคอยดูว่า ท่านประธานาธิบดี คาอิส ไซเอด ที่รักแกจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นานหรือเปล่านะค้า

    แหล่งข้อมูล

    https://www.aljazeera.com/news/2021...parliament-latest-step-along-bumpy-road-since

    https://edition.cnn.com/2021/07/25/africa/tunisian-president-sacks-prime-minster-intl-hnk/index.html

    https://www.middleeastmonitor.com/2...isias-president-has-used-to-justify-his-coup/
    https://www.arabnews.com/node/1901796/middle-east

    https://www.france24.com/en/africa/...nal-settlement-to-tunisians-who-stole-4-8-bln

    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Kais_Saied

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    DISCOVERY: ใครอาศัยในสับปะรดใต้ทะเล? ทีมวิจัย NOAA พบคู่หูฟองน้ำ-ปลาดาว คล้ายสองเพื่อนซี้จากการ์ตูนชื่อดัง ระหว่างการสำรวจทะเลลึกในคาบสมุทรแอตแลนติก
    .
    "ใครอาศัยในสับปะรดใต้ทะเล?” Spongebob Squarepants! นี่คือประโยคสุดฮิตจากการ์ตูนชื่อดัง Spongebob Squarepants ที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยของฟองน้ำสีเหลืองสุดร่าเริง อย่าง Spongebob กับผองเพื่อนสุดซี้ อย่าง Patrick Star ปลาดาวสีชมพู ที่เคยถูกเอาไปเทียบกับภาพบั้นท้ายปลาดาว ไวรัลประจำปี 2019 มาแล้ว!
    .
    โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยจาก National Ocean and Atmospheric Administration (NOAA) ก็ได้ส่งยาน NOAA’s Okeanos Explorer ไปทำภารกิจสำรวจทะเลลึกในคาบสมุทรแอตแลนติก
    และพวกเขาก็ได้พบกับสองคู่หู ที่ความลึกเกือบ 1.9 กิโลเมตร ในบริเวณภูเขาใต้ทะเล Retriever Seamount ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 320 กิโลเมตรทางตะวันตกของนครนิวยอร์ก
    .
    Christopher Mah หนึ่งในนักชีวะวิทยาทางทะเล และผู้เชี่ยวชาญด้านปลาดาว ที่ได้ร่วมการสำรวจครั้งนี้ อดไม่ได้ที่จะออกมาเผยผ่านทวีตเตอร์ว่า “พวกมันเหมือน Spongebob กับ Patrick ในชีวิตจริงเลย!” พร้อมระบุอีกว่า ฟองน้ำในภาพมาจากสกุล Hertwigia และทั้งสองอยู่ในบริเวณที่ไม่มีแสงส่องถึงเลย
    .
    อย่างไรก็ตาม Christopher เล่าเพิ่มอีกว่า ปลาดาวเป็นสัตว์กินเนื้อ และอาหารจานโปรดของปลาดาว Chondraster ที่อยู่ในภาพ ก็คือเจ้าฟองน้ำทะเลนั่นเอง! ดังนั้น ในชีวิตจริง ทั้งคู่ก็คงจะไม่ได้สนิทกันอย่างที่เห็นในการ์ตูนแน่นอน
    .
    ทั้งนี้ ทาง NOAA ก็ได้มีการสำรวจทะเลลึกมาตั้งแต่ปี 2010 และคอยเก็บภาพสวย ๆ ให้เราได้เห็นถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตจากโลกทะเลลึก ที่มีความแปลกแตกต่างไปจากสัตว์อื่น ๆ ที่เราคุ้นเคย รวมถึงทำให้เรารู้ว่า โลกใบนี้ยังมีความลับอีกเยอะแยะที่พวกเราไม่รู้!

    ภาพจากการสำรวจทะเลลึกต่าง ๆ ของ NOAA :
    https://oceanexplorer.noaa.gov/multimedia/daily-image/welcome.html
    https://www.flickr.com/photos/noaaphotolib/albums

    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    https://www.businessinsider.com/sea-sponge-sea-star-spongebob-patrick-2021-7
    https://hitechglitz.com/noaa-discovers-spongebob-and-patrick-star-in-real-life-deep-in-the-atlantic/

    ขอบคุณภาพจาก:
    Christopher Mah/NOAA via Twitter @echinoblog


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พระมหาอริยเจ้าแห่งบูรพาทิศ
    จากพระอโมฆะวัชระ สู่คูไค

    พระมหาธรรมาจารย์ คงไห่ฝ่าชือ 空海法师.
    ผู้สถาปนานิกายมนตรยานในญี่ปุ่น (ชินงอน)
    ขอกล่าวถึงประวัติอันเต็มไปด้วยอภินิหารของท่าน

    . กล่าวกันว่าท่านคูไคเป็นพระสงฆ์ที่รุ่งเรืองด้วยอภิญญา และเชี่ยวชาญในมนตรยานอย่างยิ่ง ว่ากันว่าท่านคือการกลับชาติมาเกิดของ พระอโมฆะวัชระ ผู้สถาปนา และวางรากฐานวัชรยานในประเทศจีน

    . พระคูไคเกิดในตระกูลของชนชั้นสูง บนเกาะชิโกกุ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ค.ศ ๗๗๔.
    ก่อนที่มารดาท่านจะตั้งครรภ์ไม่กี่วัน
    ก็ฝันว่ามีพระภิกษุชาวอินเดียเดินมาเหนือเมฆ
    และกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้ามาที่หน้าอก
    เมื่อท่านเกิดมา มารดาตั้งชื่อให้ว่า “มาโอะ”
    มาโอะฉายแววความฉลาดตั้งแต่เด็กๆ

    . เมื่ออายุ ๓ ขวบ เด็กน้อยมาโอะเห็นพระพุทธรูปตั้งอยู่ในบ้าน จึงคุกเข่านมัสการ ขณะนั้นคนรับใช้เห็นว่า พระจตุโลกบาลทั้ง ๔ ปรากฏกายยืนล้อมรอบ เด็กน้อยไว้ประหนึ่งเป็นผู้พิทักษ์

    . เมื่ออายุ ๗ ขวบ ท่านเดินขึ้นไปบนหน้าผา
    หันหน้าไปทางทิศที่ตั้งของประเทศอินเดีย
    และตะโกนออกมาว่า

    “เพื่อที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะบรรลุเป็นพุทธให้ได้
    ถ้าหากปณิธานนี้ไม่อาจสำเร็จ
    ข้าก็ไม่ควรจะมีชีวิตต่อไป”

    . เมื่อกล่าวจบก็กระโดดหน้าผาลงไป
    ขณะที่ร่างกำลังจะกระแทกพื้น
    พระศากยุมนีพุทธเจ้า 本師釋迦牟尼佛
    ก็ปรากฏพระองค์ขึ้นกลางอากาศแล้วรับร่างท่านไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ อุ้มท่านมาส่งบนพื้น

    . บริเวณที่พระศากยมุนีพุทธเจ้า 本師釋迦牟尼佛. รับร่างท่านไว้ ปัจจุบันเป็นอาราม ชื่อว่าวัด ชุชชาคะจิ แปลว่า พระศากยมุนีพุทธปรากฏ

    . เมื่ออายุ ๑๕ ปีท่านถูกส่งไปเรียนกับคุณลุงของท่าน ซึ่งเป็นราชครูสอนองค์รัชทายาท จนกระทั่งเข้าสู่วัยหนุ่มก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหลวง ท่านได้ศึกษาทั้งขงจื๊อและเต๋าจนเชี่ยวชาญ

    . แต่ก็พบว่าศาสตร์ทั้ง ๒ ยังไม่ลึกซึ้งพอ
    จึงหันมาสนใจศาสนาพุทธเพราะคิดว่าเป็นศาสตร์ที่ล้ำลึก และท้าทายความสามารถอย่างยิ่ง ท่านเริ่มศึกษาพุทธอย่างจริงจังและต่อมาก็ตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    เมื่อท่านบวช ก็ได้รับนามว่า คูไค
    คู 空 แปลว่า ความว่าง
    ไค 海 แปลว่า มหาสมุทร
    รวมกันแล้วแปลว่า ”มหาสมุทรแห่งความว่าง”
    นามนี้คือนามของ พระอากาศครรภ์มหาโพธิสัตตว์ 虛空藏菩薩 พระผู้มีปัญญากว้างขวางไร้ขอบเขต

    . เมื่อเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ศึกษาคำสอนของศาสนาพุทธทั้ง ๖ สำนักจนเชี่ยวชาญ แต่คำสอนเหล่านี้ ไม่สามารถให้คำตอบที่ท่านต้องการได้

    . ท่านจึงไปที่วัดโทไดจิ คุกเข่าภาวนา
    ณ เบื้องหน้ารูปเคารพ พระไวโรจนพุทธเจ้า 毗盧遮那佛. ท่านคร่ำครวญกับพระพุทธองค์ ขอให้เปิดเผยคำสอนสูงสุดของพุทธศาสนาให้กับท่านด้วย

    . ทำเช่นนี้เป็นเวลา ๒๑ วันจนท่านเหนื่อยและเผลอหลับไป

    . ขณะที่หลับก็ฝันว่า มีชายผู้หนึ่งเดินมาบอกว่า “มหาไวโรจนสูตร คือคำสอนสูงสุดที่เจ้าตามหา พระสูตรนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในสถูปตะวันออกของวัดคูเมะเดระ เดินทางไปเพียงวันเดียว จากวัดโทไดจิก็จะถึง”

    . วันรุ่งขึ้นท่านจึงเดินทางไปวัดคูเมะเดระ
    ปรากฏว่าในแกนของพระสถูปที่วัดมีพระสูตรอยู่จริงๆ

    . ท่านนำพระสูตรมาอ่านแต่ก็อ่านไม่เข้าใจ
    จึงตัดสินใจจะไปศึกษาพระสูตรที่ประเทศจีน
    ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัชรยานฝ่ายตะวันออกในสมัยนั้น โดยหวังว่าจะพบครูบาอาจารย์ที่สามารถเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของมหาไวโรจนสูตร ให้ท่านเข้าใจได้

    . ท่านขออนุญาติพระจักรพรรดิ
    เดินทางออกนอกประเทศมุ่งหน้าสู่นครฉางอัน ท่านเดินทางร่วมกับพระภิกษุสหายรูปหนึ่ง คือพระไซโจ ซึ่งต่อมาเป็นผู้สถาปนานิ
    กายเทนไดในญี่ปุ่น

    . เรือของท่านออกจากท่าที่เมืองนานิวะ
    ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่อยู่กลางทะเล
    อยู่ดีดีก็เกิดพายุลูกใหญ่ขึ้น แรงลมพัดโหมกระหน่ำเรือ จนเรือที่ไปด้วยบางลำเริ่มอัปปางลง !

    . พระคูไคเห็นเช่นนั้น จึงภาวนาถึงพระพุทธองค์ให้คุ้มครอง ทันใดนั้นพระจินดามณีจักรโลเกศวร 觀世音菩薩. ก็ปรากฏพระองค์ขึ้นเหนือคลื่น ทรงผายพระหัตถ์ไปที่พายุ ไม่นานพายุและทะเลบ้าคลั่งก็สงบลง ทำให้เรือของท่านสามารถเดินทางต่อไปได้

    ท่านรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระโพธิสัตตว์กวนอิม ; 觀世音菩薩.
    จึงใช้เล็บค่อยๆ ขูดลงไปบนแผ่นไม้
    ให้เป็นรูปพระจินดามณีจักรโลเกศวร
    และถวายแผ่นไม้นี้เป็นเครื่องสักการะ
    ตอบแทนที่พระองค์ช่วยชีวิตท่านไว้

    ธรรมะนิยายมหายานโดย ฉ๋วนหลิน
    #ค้นธรรมไต้ร่มไผ่ม่วง

    ภาพ : พระมหาธรรมาจารย์คูไค.
    อาราม มหากรุณาพุทธาลัย 大悲佛殿 โรงเจวัดสว่างอารมณ์

     

แชร์หน้านี้

Loading...