มี สติรู้พร้อม อยู่กับความคิด ในขณะปัจจุบันนั้น นี่คือ จิต เดิน วิปัสนา

55 ช่วยหัวเราะ จะได้เสียงดังๆ ไอ้คิดตอแหล รีโพสสุ้หว่ะ

 

ชอบโพสนี้หว่ะพี่ ทึ่บอกแก้ผ้า ต้องดึงโพสโชว์บ่อยๆ
เห็นพี่คุยไว้เยอะ คนโน้น คนนี้พี่ก็ไม่เอา พี่ถามเขายังว่าเขาเอาพี่มั้ย ...ดูซิเข้าวัยทอง 40 ยัง jerk off อยู่เลย ไม่มีใครเอาลุงสักคน ไม่ดูหนังหน้ากะสภาพตัวเองเร้ยย

 

เอาล่ะพอแล้วคุยกันมาพอสมควรแล้ว...มีคนให้เราเซฟตัวเองแล้ว


บาย..

 

เจอหยอด 150 ดีกรี แล้ว อย่าพึ่งบานลุทามคาทู้เร็วนะพี่ ทั้งสิดกะอาจม เหลืออะไรให้อ่านฮาๆ รับปีใหม่มั่งนะ

#เจริญ 150 ดีกรี

 

ถ้าบอกท่านว่า เราอยู่ตรงนั้น ท่านเองต่างหากที่ไม่เห็นเราหล่ะ เพราะอุปทานและทิฐิ ของท่านเองบังไว้ แบบนี้ท่านพอเข้าใจไหม

หากท่านเลือกที่จะยึดมั่นใน อุปทาน นั้นต่อไป ก็คงต้องปล่อยท่านแล้วหล่ะ

 

ถ้าไม่ออกไปสวดมนต์ข้ามปีที่ไหน

ก็ฟังธรรมข้ามปีอยู่บ้านนี้ละ..

 

นิมนต์ท่านกลับไปตามอ่านจากหน้าแรกๆของกระทู้มาให้หมดก่อนละกันจะได้เข้าใจเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะบทสนทนาของเรากับท่านเล่าปัง(พิฬา)

ท่านมาขั้นตรงกลางแบบนี้มันจะเป็นการไม่สมควรนัก..

 

ก็เข้าใจว่าปรารถนาดีกับเรา อันนี้ก็ขอบคุณท่านมาก


แต่หากเป็นการร้อนวิชาอยากสอน(สิ่งที่ตนเห็นอยากให้คนอื่นเห็นตาม) อันนี้ก็เอาไว้ก่อนละกัน

ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่มีอะไรมากนอกจากคำว่า..."ขอบคุณ"

 

สวัสดีปีใหม่..

เพื่อนสหธรรมมิกและกัลยาณมิตร

ทุกท่าน..

 

12:00 น.

 

เปลี่ยนบรรยากาศมาพักฟังเพลง..

 

ตรงนี้ ถ้าเรามีสติรู้ว่าจิตกำลังคิด ความคิดนั้นไม่ดับรึครับ

 

ไม่ดับครับ
ถ้ามีสติรู้ทันจิต จริง ๆ ตัวที่ดับคือตัวที่จะก่อให้เกิด ความหลง อุปาทาน ในความคิด
ว่าเป็นตัวตนบุคคลเราเขา

เรียกอีกอย่าง คือ จิตมีสติรู้เท่าทันความคิด จิตจะไม่หลงไหลไปกับความคิด
จะมีความเป็นกลางโดยเที่ยงธรรม

 

55555555

 

ถ้าเป็น มีสติรู้พร้อมอยู่กับการเคลื่อนไหวของกายในปัจจุบัน จะเหมือนกันหรือไม่

 

ขึ้นกับว่า กาย กาย นี้ อะไร

กาย ถ้าเป็น หัว ไหล่ ตุ ก็ โอ้ละพ่อ
ออกแนว ฤาษีลิงกัง แจร๋นทำโม้ว
โกเอนขาด

แต่ กาย่ะ ( จิกหน่อย ) หรือ กายะ
แปลว่า ปลาชุมกัน มาปลาชุมกัน
( เห็น ความแยกส่วนลึกๆ อยู่ )
ก็จะอีกเรื่องหนึ่ง

เอาไป ต่อตาปลูก สัก สก สิก สกิ
จะได้อีกความหมายว่า "เกิดร่วม"
( ยังคงมีทัศนะแจ่มชัด มีบาง
อย่างแยกกันชัดเจน ไม่เลอะเลือนหาย)

แล้ว ตบทายด้วย "ทิฏฐิ"

แต่แด่......เขียนใหม่เป็น สักกายทิฏฐิ
ร้อยรัด ก็ไม่แน่ อะจ๊ะนายจ๋า

ยกตัวอย่าง จิกเห็นจิก รวมกันเป็นจิก
จิกเป็นอาหารให้เกิดจิก นิโรก สัก กาย่ะ
อึดชึ!!

 

รู้สึกผมจะถนัดทางดูกายมากกว่า รู้กายเคลื่อนไหวแบบไม่ต้องตั้งใจเฝ้าดู
เคยได้ยินคนชอบดูจิตพูดว่าดูจิตแบบชำเลืองดูอะไรประมาณนั้น

 

เหมือนที่ว่าดับน่ะเหรอครับ

กายในปัจจุบันก็ไม่ดับครับ ไม่ดับในที่นี้คือ
มันยังส่งต่อสืบเนื่องการเคลื่อนไหวของกาย ในอิริยาบทต่างๆตามธรรมชาติของกายคือเกิดดับ
เช่นเดียวกับความคิด หรือ เจตสิก
หากมีสติรู้พร้อมกับกายเคลื่อน
ส่วนที่จะกระเจิงมันจะเป็นพวก อุปาทาน สำคัญตนว่าเป็นตัวตนตน บุคคลเราเขา มันจะเริ่มกะเทาะออกเหมือนปลอกเปลือกมะพร้าว

บางคน มีสติรู้ทันกาย ใหม่ๆ มันไม่มีคำพูด จะเอ่ย แต่ส่วนที่รู้สึก มันจะเหมือน เอ๊ะ ตัวอะไร

บางทีไปรู้ทันขาตัวเอง มันจะรู้สึกเหมือน ขาใคร
แล้ว ปิิติ ใจพอง มันจะลอยตามมา เป็นระยะ ระยะ
ใหม่ๆ จะออกแนวนี้

แต่ก้ดูถูกไม่ได้ในการรู้ทัน แม้ขณะจิตเดียว อาจแทงตลอดได้ในชั่วขณะ

 

เวรกรรม

กาย หัว ไหล่ ตุ !!!

ไม่มีหลอกฮับ ดูกายไม่ชำเลือง ดูจิตชำเลือง

ถ้ายังเข้าใจ ไม่เป็น กิจเดียว รสเดียว

ฟังธรรมมาผิดแล้วหละ ปฏิบัติไม่ต้องไปพูดถึง

ลอง สัมมาทิฏฐิ นำหน้า มนสิการผิด
หมายรู้ผิด จะมีคอนเซปเห็นถูก เข้าถึงใจถูก ไม่มี

วาจายังเป็นมิจฉาทิฏฐิ สิ่งชั่วอื่นไม่กระทำ ไม่มี !!

ปล. การกล่าวแยก ปฏิปทา ชำเลือง ที่พึ่งกล่าว
จะส่งผลเป็น อกุศล ให้สะดุ้งภายหลัง ไม่ดีเลย

 

เริ่มต้นทางไหนก้ได้ครับ ไปๆมาๆ มันไม่เลือก ย่นย่อ มันจะไปหากันหมดทั้ง สี่ฐานของจิต