กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ฮาโชคดีจัง....ถูก 46
เหมือนเจ๊เลยคับ...ถูก 46
...เอาเลขมาจากไหนไม่รู้

แต่เช้านี้เจ๊บอกไม้ตะเคียนตามรูปนี้
ตาแรกที่เห็นคือเลข 164



ว๊าว...ดวงดีจัง
ถ้าโชคจรมา...ซื้ออย่างไงก็ถูก
ถ้าโชคจรไป...ซื้ออย่างไงก็ไม่ถูก
ถ้าโชคเฉี่ยวมา...ซื้ออย่างไงก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

"ถ้าโชคจรไป...ซื้ออย่างไงก็ไม่ถูก"
555....ตัวข้าพเจ้าเอง


Tricks...เวลาไปดูไม้ ถูไม้ศักดิ์สิทธิ์
ตาแรกทีเห็นเลขอะไร...นั่นแหละของดี

 

สาธุขอบคุณครับท่าน9

 

ใช่เลยค่ะอาจารย์
ตรงใจตรงที่ คนรอบข้างทำให้เคืองใจ
อันนี้ใช่เลย
เจนพยายาม ทำตัวใจเย็น
ปล่อยวางสุดๆ
และ พยายามอธิบาย บางสิ่งที่ความคิดเขา มันไปทางผิด
พยายามปรับทัศนคติ ปรับมุมมอง
และให้เขาใส่ใจคนอื่น มากขึ้น
เหนื่อยเลยละคะ ช่วงนี้

 

ฝันว่าโดนหมาดำกับตรงนั้นและขา 555

 

วันนี้มีฝันมาเล่าให้ฟังค่ะอาจารย์ และพี่พี่ทุกท่าน
คือว่า จากการสำรวจตัวเอง
ช่วงนี้มักจะฝันตรงกับวันโกน วันพระ

และเมื่อคืนนี้คือวันพระ
ฝันว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ท่านสวมจีวรสีน้ำตาลเข้มมาก
ทางไม่อ้วน ไม่ผอม หุ่นพอดีพอดี
ท่านสะพานย่ามมาด้วย
และท่านกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เจนบังเอิญเดินไปเห็นท่าน เหมือนว่ารู้จักท่าน
เลยนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ท่านแบบปลื้มปิติมาก
ก้มลงกราบอย่างไม่สนว่านี้คือพื้นถนน
ท่านก็ล้วงมือเข้าไปในย่าม หยิบของบางอย่างมาให้เจน
ของสิ่งนั่นคือเบี้ยหอยกลมๆ ที่ร้อยเป็นกำไล
ท่านยื่นมาให้เจน1พวง ซึ่งท่านก็พูดกับหญิงคนนั้นตลอด
เจนดีใจมาก แต่ท่านไม่ได้ยื่นอะไรให้หญิงคนที่ท่านคุยด้วยเลย
จากนั้นสเน็กก็เดินมายกมือไหว้ท่าน
ท่านก็ยื่นเบี้ยหอยเส้นเล็กๆ ให้เจ้าสเน็กอีกพวง
มันเหมือนเหตุการณ์ในฝัน แบบฝันซ้อนฝัน
แล้วเจนก็มาทราบในฝันว่า
ถ้าอยากพบท่าน ก็ไปหาท่านที่วัดสิ
ท่านอาจจะเอาของบางอย่างให้ก็ได้
วัดที่เจนได้ยินคือ
“วัดป่านาเก็น” หรือ “วัดป่านาแก”
ซึ่งตอนนี้ เจนพยายามคิดว่า สองชื่อวัดนี้ ที่ใดกันที่เกี่ยวข้อง

และฝันแบบนี้ จะสื่อสารถึงอะไรได้บ้างคะ อาจารย์และ พี่พี่

 

ขออนุญาตยืมภาพมาจากกูเกิล
ลักษณะ เบี้ยหอย แบบนี้เลยค่ะ
แต่สีขาว

 

วันนี้มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังเกือบมีเรื่องกับวินรถตู้ โดนคิวรถตู้ด่า ซะงั้น ขึ้นรถแล้วดันลืมเบิกเงิน รีบเปิดลงมาหาตู้atm เบิกเสร็จเดินกลับรถ คนขับ แม่ง ถามว่า เฮ้ยเอาไงวะ ผมก็ตอบไปว่า ไปเบิกเงินมาครับ แล้วมันก็เปิดแบบกระแทกประตู แล้วมองแบบกินเลือกกินเนื้อ เหมือนแค้นมาเป็นพันๆปี

 

".....แล้วเจนก็มาทราบในฝันว่า
ถ้าอยากพบท่าน ก็ไปหาท่านที่วัดสิ
ท่านอาจจะเอาของบางอย่างให้ก็ได้
วัดที่เจนได้ยินคือ
“วัดป่านาเก็น” หรือ “วัดป่านาแก”
ซึ่งตอนนี้ เจนพยายามคิดว่า
สองชื่อวัดนี้ ที่ใดกันที่เกี่ยวข้อง....."

ลองดูครับ
...วัดป่านาเก็น(นาเกน) อ.น้ำโสม อุดรธานี
...ดูแล้ว หลับตาพิจารณาแล้ว
...อาจรู้ได้ฉับพลัน

(ขอขอบคุณเจ้าของวิดีโอม้วนนี้)


ส่วนวัดป่านาแก จ.ยโสธร
...ตามข้างล่าง

 

มีอีกที่ อยู่นครพนมค่ะอาจารย์
แต่ถ้าจะให้ไปตามที่ฝัน ก็อาจจะนานพอสมควร
แต่เจนหาข้อมูล หอยที่ว่า คือ อิ่งอ้อย ค่ะอาจารย์

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 148 ลำดับที่ #2941
เป็นทริคสบายๆแบบเบิร์ดๆของอาจารย์นพ
(ด้วยหลายวันก่อนมีบางคนฝันถึงงูๆ
เช้านี้...เจอทริคนี่พอดีจึงนำมาให้อ่าน)

[QUOTE="nopphakan, post:]
....ช่วงนี้ เจอแต่งาน วิชาการ
....จะต้องฟิตอีกเยอะ
เด่วไม่ผ่านมารตฐานที่ตั้งไว้.....

....ได้ผลสรุปมาหลังจากที่ ไปพบ
ท่านพระครูปลัดจิตไวมา
ได้คำแนะนำมาว่า เวลาจะคุย กับ ผู้ใหญ่
ให้คุยสิ่งที่มีบนโลก ๕๕๕๕......

เรื่อง ฝันเห็นงู มีเพิ่มเติม
มีหลักในการพิจารณาดังนี้
ให้ดูขนาดของงู และสีร่วมด้วย

เช่น ถ้ามีงูสีดำตัวใหญ่มารัดเราทั้งตัวและนิ่งๆ
แสดงว่า จะมี ญ เข้ามาและฐานะดีกว่าเราแต่ว่าไม่ดี......
งูสีดำหมายถึง ถ้าเป็นคนจะผิวขาวนะ.....

หรือ ถ้ามีงูวิ่งไล่เราฉก แต่ตัวเล็กๆ แสดงว่าช่วงนั้น
จะมีเพศตรงข้าม เข้ามาทำให้รำคาญใจ......
ประมาณว่า เข้ามากวนๆบาทาเล็กน้อย....

ถ้ามีงูจะเข้ามาทำร้ายหรือรับประทานเรา
แล้วมีตัวใหญ่กว่ามากินตัวนั้น...แสดงว่า
เราเป็นที่สนใจ ของเพศตรงข้าม
ที่มีฐานนะทางสังคมทางการเงิน
ในระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่ถ้ามีงูสองตัวกัดกันหรือฉกกัน
ความหมายคือ จะไม่เป็นเหมือนดังที่เราหวัง

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 148 ลำดับที่ #2958
[QUOTE="nopphakan, post: ]

จาก พระครูปลัดจิตไว
ท่านเป็นผู้เรียบเรียงไว้ให้ เป็นสากล.....
ชื่อ บทคาถา มหาลาภ
''นะมั่ง นะมี นะเศรษฐี นะตลอด
นะเงินไหลนอง นะทองไหลมา
นะชาลีติ นะมามีมา
มหาเศรษฐี ปิโย ปิยังมามา.....''

แนะนำว่า ควรท่องจำให้ได้ก่อน
และแนะนำให้สวดแบบลืมตาแบบใจใจ
หรือใครจะสวดก่อนนอนและก่อนตื่นก็ได้ ตามสดวก
เวลาที่สวด หลักสำคัญคือ
ลิ้นกับปากห้ามขยับ ให้หายใจด้วยนะเด่วจิเป็นลม
แล้วจะมาว่ากันภายหลัง ๕๕
และให้ทำตานิ่งๆ ห้ามขยับซ้ายและขวาเป็นอันขาด
สายตาให้ มองผ่านเหนือผ่ามือที่พนมไว้ที่อก
ในระยะที่เหนือนิ้วกลาง...
...ประมาณ ๓ ถึง ๔ นิ้ว ถ้าอยู่ในท่านั่ง
ถ้าท่านอน ก็ให้หลับตาแล้วสวดไปเลย
ถ้าหลับไปแล้วไม่ต้องสนใจอีก
ว่าสวดจบไม่จบ
ให้ปล่อยหลับไปเลย.....



นะ โม พุท ธา ยะ...ครอบจักรวาล

อะสัง วิสุโล ปุสะพุภะ ...ไปได้ทุกทีไม่ต้องกลัวมีภัย

จำไว้ให้ขึ้นใจ ไม่เสียหลาย....

 

555....ตามฝันให้คร๊าบบบบ
ยิ่งนครพนม...ยิ่งน่าสนใจ
เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างที่ควรจดจำ
...อดีตชาติภพหนึ่งข้าอาจเคยอยู่ที่นี่ 555
(ใช้ข้าให้ดูเหมือนนวนิยายกำลังภายในของโกวเล้ง)
เคสนี้คงต้องรอท่านอจ.นพมาเฉลยปริศนา
หมายเหตุแทรกกลาง
ไม่นานเกินรอท่านจะกลับมา
ไม่ต้องห่วง...ท่านต้องสบายดี...
คนดี กายดี จิตดี พระคุ้มครอง


เอ้า...ต่อ..ต่อๆ
ตามฝันด้วยภาพ...
ใจตั้งมั่นในสมาธิ
พินิจ...พิจารณา
...เดี๋ยวสะดุดเจอ

วัดป่านาแกน้อย อ.นาแก จ.นครพนม
(ภาพจาก FB ของวัด)











???????????

 

จะว่าไปแล้ว คิดถึงอาจารย์นพจังค่ะ
อาจารย์หายไปไหนน๊า
สงสัยอาจารย์งานเยอะหน้าดูเลยค่ะ

 

อีกซักพัก ท่านจอมยุทธ น่าจะกลับมาครับ อิอิ ช่วงนี้ก็เม้ามอย กันไปก่อนเด้อ...

 

จ้า ตอนนี้ นั่งเหงา
วันนี้ ที่ร้านเงียบมากเลยเลยค่ะ

 

(เจน)
".....คิดถึงอาจารย์นพจังค่ะ
อาจารย์หายไปไหนน๊า....."

...เจนคร๊าบ
ถ้าท่านไม่เข้ามาประศาสน์ความรู้ที่นี่
คิดขุเดาสญาณว่า...
"ท่านจะไม่เข้ามาเวปพลังจิตอีกแล้ว"
(สำหรับช่วงนี้ท่านคงถือโอกาสพักร้อนไปในตัว)

ชีวิตคนเราบางครั้งก็มีมารผจญ
ไม่เว้นแม้แต่สร้างความดี

.....อย่างบางครั้ง(ล่าสุด)
เรามุ่งหน้าไปร่วมงานบุญที่วัด
ระหว่างทางร้อยโล หรือน้อยกว่า หรือมากกว่า
หลายๆครั้งจะเจออุปสรรคระหว่างทาง
เช่นรถติดงั้นๆ ทั้งที่เส้นทางนี้ไม่เคยติด
หรือหลงทางในเส้นทางที่ไม่เคยไป
(อย่างเร็วๆนี้ที่ไปร่วมบุญสร้างพระที่ปักธงชัย)
หลงทางไม่ว่า...แต่หลงขึ้นเขาโซ่ 20โล(ได้มั่ง)
ขึ้นเขาสูง...บ่เป็นหยังเด๋อ...
แต่ทางเป็นบ่อลึกมากมายตลอดที่ไต่เขา
หลบซ้าย เจอขวา ไปกลางเจอซ้าย-ขวา
ยิ่งกว่าเจ ชนาธิปวิ่งทะลวงมุ่งทำประตูชัย
...เส้นทางวิบากยิ่งกว่าทางเกวียน
ทั้งๆที่เป็นเส้นทางเชื่อมปากช่อง-ปักธงชัย
ที่ใกล้ที่สุดและเหมาะที่สุดในด้านการท่องเที่ยว
อันจะนำพาให้เศรษฐกิจย่านนี้เติบโตอย่างคาดไม่ถึง
...ถ้าผู้บริหารหรืออบต.มองทะลุ
...เชื่อผมเหอะคิดขุเดาสญาณเรื่องเศรษฐกิจผมแม่นนะ
...สิจะบอกไห่
5555 ขอโม้หน่อย

แหะ เหะ...
ตลอดเส้นทางจอดรถถามชาวบ้าน 5-6 ราย
ไม่มีใครรู้จักวัดนี่(เพราะเป็นวัดใหม่)
พอลงจากเขาไปถึงทางราบ
เจอป้อมตำรวจ...ถามวัดอยู่ไหน
จ่าบอก "คล้ายๆเคยได้ยิน"
จึงวอ ถามทางให้...

ช่วงนั่น...พอจ่ารู้ว่าลงมาจากเขาโซ่
ท่านทำตาโต...ประมาณว่า"เออ...สงสารรถ"
ระยะทางจากที่พักประมาณ 120 กม.
ใช้เวลาไปกว่า 3 ชม.
ความอดทนแรดๆมีพอสมควร
เพราะบ่นๆ...ระบายไปแล้วตลอดทาง

อย่างงี้...คือส่วนหนึ่งของมารผจญ...
ถ้าผ่านไปได้...(ไม่เปลี่ยนใจหันหลังกลับ)
...วันนั่นคืองานบุญที่ได้อานิสงส์แรง

จำได้...ท่านอ.นพเคยบอกว่า...
"นั่นคือด่านทดสอบความมุ่งมั่นที่จะไปร่วมบุญ"
...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลองใจ...ว่างั้นเถิด


เช้าๆเล่าให้ฟัง...พอเป็นบันเทิง

 

555....ก่อนที่ท่านจอมยุทธจะกลับมา
*อัศวินเจได*
ช่วยเข้ามามอยเม้าบ้างสิคร๊าบบบบ
...อยากเรียนรู้วิชาจากเจได

เด๋วผมเกริ่นนำร่องให้ฟังก่อนนะคร๊าบ.......
(ที่มาwikipedia)

".....ด้านมืดเป็นหนทางของพลังและเหมือนกับด้านสว่าง มันเกิดขึ้นก่อนสิ่งมีชีวิตใดๆ เมื่อมีคนค้นพบมัน มันเต็มไปด้วยปริศนา แต่ผู้ที่รู้กันว่าเป็นพวกแรกที่ใช้มันก็คือจักรวรรดิราคาทานเมื่อ 49,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน พวกเขาพบและใช้พลังของมันเพื่อครอบครองกาแลกซี่ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปในทางที่พวกเขาเห็นสมควร ท้ายสุด จักรวรรดิก็ล้มสลายเมื่อประมาณ 25,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน คาดกันว่าเป็นเพราะการที่พวกเขานำด้านมืดมาใช้ พวกเขาสูญเสียความสามารถในการใช้พลังพอๆ กับการใช้เครื่องจักรพลังของพวกเขาอย่างเตาหลอมดาว เตาหลอมดาวเป็นสุดยอดอาวุธและโรงงานที่สามารถสร้างอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆ โดยการใช้พลังจากดาวและด้านมืด ในสงครามกลางเมืองเจได เรแวนและมาลัคพบเตาหลอมดาวและใช้มันเพื่อสร้างกองยานขนาดใหญ่สำหรับจักรวรรดิซิธของพวกเขา ต่อมามีการดัดแปลงเทคโนโลยีนี้ให้สร้างอย่างอื่น เช่น ไฮเปอร์ไดรฟ์"

"กลัวเป็นหนทางสู่ด้านมืด กลัวนำไปสู่โกรธ โกรธนำไปสู่ความเกลียดชัง ความเกลียดชังนำไปสู่ทุกข์"

 

555...ขอเม้าส์มอยมันสส์ มันๆ...อีกนิด

"เมื่อ 24,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน ได้มีเจไดกลุ่มหนึ่งแยกออกจากนิกายเจได เรียกตนเองว่ากลุ่มเลททอว์ นำโดยเซนดอร์ อัศวินเจไดและเจไดมืดคนแรก กลุ่มเลททอว์มีชื่อเสียงเรื่องการพัฒนารูปแบบไนแมน/จาร์ไค เน้นไปที่อารมณ์มากกว่าการใช้สมาธิในการต่อสู้เพื่อเป็นแหล่งพลัง นิกายเจไดเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่อันตรายที่เจไดไม่ควรทำในขณะทำภารกิจของพวกเขา ความขัดแย้งนี้นำไปสู่การแตกแยกครั้งใหญ่ ซึ่งแบ่งเจไดออกจากเจไดมืด ในช่วง 7,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในช่วงร้อยปีแห่งความมืดมน ผู้สืบต่อจากเจไดมืดผู้ซึ่งถูกขับไล่จากนิกายเจไดได้กลายมาเป็นซิธ

เซนดอร์ เจไดมืดคนแรก
ตลอดประวัติศาสตร์ของกาแลกติก ผู้ที่ทรงพลังในด้านมืดที่สุดก็คือซิธ ด้วยความสามารถที่มากมายเกินกว่าที่เจไดทำได้ เจไดปฏิเสธด้านมืดและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมัน เชื่อว่ามันนำไปสู่หายนะและความวุ่นวาย ซิธยึดมั่นในด้านมืด ใช้มันเพื่อหลอกลวง, ควบคุม, และทำลาย การแสดงตนของด้านมืดดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดึงดูดและทำให้เสื่อม เป็นศาสตร์ด้านพลังอย่างหนึ่งแต่ไม่มีผู้ตาม ดูเหมือนจะหายไปในไม่กี่พันปี

"กลัวเป็นหนทางสู่ด้านมืด กลัวนำไปสู่โกรธ โกรธนำไปสู่ความเกลียดชัง ความเกลียดชังนำไปสู่ทุกข์"
(ที่มาwikipedia)


ขอซ้ำอีกที...
เพราะชื่นชอบประโยคข้างล่างนี้
...จึงฝากเอาไว้ให้คิด...ในยามว่าง
(อาจทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น)

"เจไดปฏิเสธด้านมืดและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมัน เชื่อว่ามันนำไปสู่หายนะและความวุ่นวาย ซิธยึดมั่นในด้านมืด ใช้มันเพื่อหลอกลวง, ควบคุม, และทำลาย การแสดงตนของด้านมืดดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดึงดูดและทำให้เสื่อม เป็นศาสตร์ด้านพลังอย่างหนึ่งแต่ไม่มีผู้ตาม"

"กลัวเป็นหนทางสู่ด้านมืด กลัวนำไปสู่โกรธ โกรธนำไปสู่ความเกลียดชัง ความเกลียดชังนำไปสู่ทุกข์"

 

ช่วงนี้ย่างเข้าฤดูฝน
...แต่ไม่แน่ใจว่า"เต็มตัว" หรือไม่

เมื่อวานกลางคืนได้ยินเสียงกบร้อง...
"กบ กบ กบ หรืออบ อบ อบ"

ส่วนอีกฝั่งน่าจะเป็นเสียงเขียด...
"เอียด เอียด เอียด หรือคล้ายเบียดๆ"

ผมจึงเดาว่าที่มาของคำว่า "กบ" และ "เขียด"
น่าจะมาจากเสียงร้องของพวกมัน

แต่ทั้งเสียงกบๆ อบๆและเสียงเบียดๆ เอียดๆ
อาจแฝงไว้ซึ่งความหมายบางอย่าง
สัตว์มันรู้และสื่อความหมายมันเอง
...บังเอิญมันไปคล้ายกับภาษามนุษย์บางคำ

ฝนตก...ดึกดื่น...อากาศเย็นสบายๆ

เขียด...จึงร้องออกมาประมาณว่า...
เอียดๆ เบียดๆ เบียด เบียด เบียด
ส่วนกบก้อร้องตามว่า...
อบๆ กบๆ กบ กบ กบ

เป็นการประสานเสียง
...ที่ค่อนข้างลงตัว

555...เรื่องของเขียดและกบ
......มนุษย์ไม่เกี่ยว

งั้น.....ผมขอจบเพียงแค่นี้
.....ช่วยคิดต่อนะคับ
.....555...ขำขันเล็กน้อยในยามเช้า

 

ว้าวๆๆ ท่าน 9 มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้น้องๆฟังอีกแล้ว ว่าแต่เปิดเรื่องพลังงานมาแบบนี้ ข้าน้อยบอกตรงๆว่าอันตัวข้าน้อยเองมิอาจสามารถนำมาโม้ให้ฟังได้แบบ ท่านจอมยุทธได้ เนื่องจากยังเข้าไม่ถึงพลังงาน อันจะนำไปโม้ก็เกรงจะเกิดโทษ. ดังนั้นเรามาเม้ามอยในสิ่งที่เราเคยมีประสบการณ์ เคยประสบด้วยตนเองเป็นเรื่องโม้ขำๆจะปลอดภัยกว่าเด้อออ...