กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

รวยเงิน รวยบุญ เยอะๆ

 

สาธุครับ

 

เลขไหนดีงวดนี้

 

ได้รับ พริกไทย แล้วครับ
ขอบคุณ คุณ9 และ อาจารย์นพ มากครับ...

 

วันนี้มีฝันมาเล่าค่ะ อาจารย์นพอาจารย์9 พี่พี่น้องๆทุกท่าน
ช่วงนี้เจนขี้ลืมมากจริงๆ ตอนกำลังเคลิ้มๆฝัน จำได้ดี
และหวังในใจ ตื่นมาจะไม่ลืม แล้วสุดท้ายก็ลืมเลยจ้า
น่าจะเกี่ยวกับพญานาคแน่นอนค่ะ
จากการทำสถิติ ฝันต่อเนื่อง ถึงเรื่องคล้ายคลึงเดียวกัน
วันจันทร์ที่ผ่านมา
เจนฝันถึงเพชรพญานาค
แต่เป็นช่วงสั้นๆที่จำได้ คือ มือกำเพชรพญานาคไว้
ลูกเล็กลักษณะรีๆ สีน้ำเงิน ตื่นมาอีกทีลืมรายละเอียดไปแล้ว
~~~~~~~~~~~~
วันพุธ
เจนก็ฝันถึง เพชรพญานาคอีก
แต่มาแบบเป็นกองๆ กองเป็นกลุ่ม จัดเป็นวงกลมๆ
จุดกลางก้อนใหญ่ยังไม่ได้ทุบ
รอบๆ เป็นกองเล็กที่ทุบแล้ว มีสีเพชรแตกต่างกันไป
และลักษณะของหิน ไม่เหมือนหินที่เคยเจอค่ะ
ออกแนว เหล็กไหลก็มี
ตื่นมาอีกทีก็ลืมรายละเอียด งงใจตัวเอง
อะไรจะขี้ลืมขนาดนี้นะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~
วันเสาร์
เจนก็ฝันถึง การรำ ไปรำที่ที่หนึ่งค่ะ
เหมือนไปเที่ยว คล้ายๆที่คำชะโนด แต่ไม่แน่ใจค่ะ
ไปรำแบบ อยากรำก็รำ อะไรประมาณนี้
แต่ท่ารำแปลกๆ ที่จำได้
คือ มือซ้ายจะแบ มือร่ายรำ มือขวาจะกำมือไม่แบมือเลยค่ะ
รำแบบอ้อนช้อยมาก ตื่นมา จำไม่ได้ ถึงรายละเอียด
แต่จำลักษณะการรำได้ดี
อาบน้ำยังรำดูเลย
แต่ชีวิตจริง รำได้แข็งมาก ไม่อ่อนช้อยเลย
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เช้าวันอาทิตย์ นี้
เจนก็งงตัวเองมาก อุสาพยายามจดจำให้ดี แต่ลืมจ้ำ
เหมือนตัวเองหนี ผีซ้อมบี้ 55555
(ไม่ได้เอาหนังเก็บไปคิดนะจ้ะไม่ได้ดูหนังหลายวันเลย)
หนีซ้อมบี้ มาที่วัด
วัดอะไรไม่แน่ใจ แต่ทุกอย่าง เป็นหิน สร้างจากหิน
เหมือนปราสาทหินเลยค่ะ แต่จะออกหินสีดำหน่อย
ตรงที่เจนไป มีของวางระเกะระกะทางเดินลานหน้าอาศรม
จังหวะที่จะเดินขึ้นบันได เป็นบันไดแค่ 2-3ชั้น เห็นยกพื้นขึ้นสูง
ทางขวามือ ที่มองออกไป เป็นทุ่งนากวาง สวยงาม
ลักษณะอาศรม จะเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้าค่ะ สร้างจากหิน
เหมือนหินลาวา มีแท่งหินตรงมุมขวาของทางขึ้น
ทำให้ดูเป็นสัดส่วน ของขอบเขตพื้นที่
พอเดินไปเหมือนมีของเก่าๆ จำไม่ได้ว่าอะไร วางเต็มทางเดิน
รู้สึกเหมือนเจนจะมากับคนอีกคน เป็นชายหรือหญิงไม่แน่ใจ
แต่จังหวะกำลังจะเดินเข้าไป ก็แปลกใจที่
ทุกอย่างตรงหน้าไม่มี ไม้ หรือ ประตู
ปกติ ที่พัก อาศรม ก็จะต้องมีไม้กั้นห้อง ประตู หรืออะไรที่เคยเจอ
แต่นี้เป็นหินทั้งหมด ไม่มีประตู ตรงเข้าไปก็เจอจุดไหว้พระ
ยังไม่ทันจะเจอใครเลย ตื่นก่อน แถมลืมด้วยรายละเอียดบางส่วน
จำได้แค่ว่า คนที่พามา บอกเป็นวัดที่ลาว

จบนิทานช่างฝันของหมูอวกาศ

 

ฝันเสร็จอย่าพึ่งลืมตา
ให้ระลึกเรื่องราวในฝันก่อน
เป็นการฝึกสร้างสติไปในตัว
ควรจำทริคนี้ไว้
และถ้าผ่านไปแล้ว อย่าไปพยายามนึก
ในเรื่องที่ผ่านมาแล้วในระหว่างวัน
ให้ลืมไปเลย ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น
จะทำให้ติดนิมิตในฝันได้อย่าง
ไม่รู้ตัว ทางปฎิบัติถือว่าไม่ดีเด้อ.....

ปล. โม้หน่อย
ฝันเหมือนกันเห็นท่าน(.....)เล่าไม่ได้
และก็มังกร(บอกไม่ได้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหน) เป็นครั้งแรกที่เห็นหน้าตา
ชัดมาก และมังกรไม่ได้เหาะ ๕๕๕
แต่มังกรแววตาและหน้าตาเวลา
อยู่นิ่งๆดูเหมือนเด็กๆนะ
เสียดายห่างแค่เมตรเดียว
น่าจะไปขอขี่ซักหน่อยเนาะ ๕๕๕
จริงๆเค้ายื่นหน้ามาให้ขี่นะ
แต่เกรงใจท่านที่ยืนอยู่
ที่ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้
จบแระโม้มหากาพย์

 

".....มือซ้ายจะแบ มือร่ายรำ มือขวาจะกำมือ....."

มือซ้ายแบ คือ 5 หรือไม่
มือขวากำ คือ 0 หรือไม่
ถ้ายิ่งฝันถึงพญานาคติดๆกันหลายคืน
...บ่งบอกถึงโชคลาภกำลังลอยมา
...แต่หวังว่าคงไม่ลอยผ่านหน้าไปเฉยๆนะคับ

เมื่อคืนหมูเจนก็ฝันว่า...
".....มือกำเพชรพญานาคไว้....."
หมายถึง 5---0 อีกหรือไม่

หมูเจนใบหวยตามคำขอของ Max เหรอครับ

555....จัดไป เมนูด่วนมื้อเช้า

ปล....แค่บันเทิง นะครับ

 

เป็นทริคที่น่าสนใจมากๆครับ

แต่ผมยังสับสนประโยคข้างล่างนี้
".....ถ้าผ่านไปแล้ว อย่าไปพยายามนึก
ในเรื่องที่ผ่านมาแล้วในระหว่างวัน
ให้ลืมไปเลย ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น
จะทำให้ติดนิมิตในฝันได้อย่าง
ไม่รู้ตัว ทางปฎิบัติถือว่าไม่ดีเด้อ....."


ผมเข้าใจตามข้างล่างนี้...
...ถูกต้องไหมครับ
(เพิ่มบรรทัดสีแดงเข้าไป)

"ถ้าผ่านไปแล้ว อย่าไปพยายามนึก
ในเรื่องที่ผ่านมาแล้วในระหว่างวัน
ให้ลืมไปเลย ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น
ถ้าระหว่างวันยังไปนึกคิด
จะทำให้ติดนิมิตในฝันได้อย่างไม่รู้ตัว
ทางปฎิบัติถือว่าไม่ดีเด้อ"

ขอบคุณครับ

 

เป็นทริคเด็ดอีกหนึ่ง...ที่ต้องเก็บรวบรวมไว้
ประโยคปิดท้ายคือความจริงครับ
".....กว่าจะได้มาทำได้แต่ละอย่าง
ก่อนที่จะเอามาโม้ให้ฟังเป็นนิทานเป็นบทความ
อ่านเพียงไม่กี่นาทีก็จบแล้ว....."

...เป็นความจริงที่สุด
...ขอบคุณมากครับท่านอจ.นพ


***************************

เออ...เช้านี้จะมาคุยสั้นๆเรื่อง
"พระปัจเจกพุทธเจ้า"

ผมคิดว่าประโยคนี้
อ่านยากพอสมควร
แต่ก่อนผมก็เรียกผิดๆประจำ
ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเรียกถูกหรือไม่

ผมจะเรียก "พระ-ปัด-เจ-กะ-พุด-ทะ-เจ้า"
บางครั้งก็เรียก "พระ-ปัด-เจก-กะ-พุด-ทะ-เจ้า"

555....หรือเรียกได้ทั้งสองอย่าง

 

พระปัจเจกพุทธเจ้า แตกต่างจากพระพุทธเจ้าอย่างไร ? และจะอุบัติขึ้นบนโลกนี้เมื่อใด ?
เมื่อโลกไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น : พระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้ประกาศพระพุทธศาสนา ยินดีอยู่วิเวกตามลำพัง จึงประจำอยู่แต่ในป่า นาน ๆ จึงจะเข้าเมืองเพื่อบิณฑบาตสักครั้ง แตกต่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เมื่อโลกไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น : อัครทักขิไณยบุคคล พระปัจเจกพุทธเจ้า

พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า ประเภทหนึ่ง ที่ตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้ประกาศพระพุทธศาสนา ที่เรียกดังนี้เพราะเมื่อท่านได้ตรัสรู้แล้วเกิดอัปโปสุกกธรรม คือ ไม่ขวนขวายที่จะแสดงธรรม ยินดีอยู่วิเวกตามลำพัง จึงประจำอยู่แต่ในป่า นาน ๆ จึงจะเข้าเมืองเพื่อบิณฑบาตสักครั้ง

พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ใช้เวลาบำเพ็ญบารมียาวนานถึง 2 อสงไขยแสนกัป (อสงไขย เท่ากับ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว)และตรัสรู้ อริยสัจ 4 ด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้น ศาสนาพุทธ และมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเกิดสาวกพุทธบริษัทเหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ใน ปรมัตถโชติกา อรรถกถาสุตตนิบาตอธิบายว่า การบรรลุธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า เปรียบเสมือนรสกับข้าวที่พรานป่าได้ลิ้มในเมือง ฉะนั้น จึงไม่อาจสอนให้บุคคลอื่นรู้ตามตนได้ (คือสอนได้แต่ไม่อาจให้รู้ตามได้) ไม่ก่อตั้งหรือสถาปนาในรูปสถาบันศาสนา แต่เน้นอนุโมทนาแก่ผู้ถวายทานให้ท่าน จะอุบัติขึ้นในช่วงระหว่างพุทธันดร กล่าวคือ เป็นช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พุทธันดรคือ ระยะเวลาจากพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ถึง พระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งเปรียบเหมือนช่วงระหว่างเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งถึงเสาไฟฟ้าอีกต้นหนึ่ง แต่พุทธันดรจะยาวนานมากจนนับไม่ได้ว่ากี่ปีกี่เดือน กี่อสงไขย)

อัครทักขิไณยบุคคล พระปัจเจกพุทธเจ้า

การที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาอุบัติตรัสรู้ขึ้นมาสักพระองค์หนึ่ง เป็นสิ่งที่ยากเหลือคณาเพราะกว่าที่พระโพธิสัตว์จะบำเพ็ญบารมี ๓o ทัศให้เต็มบริบูรณ์นั้นอย่างน้อยที่สุดจะต้องใช้เวลา นานถึง ๒๐ อสงไขยกำไรแสนกัป แล้วในเวลาที่ว่างเว้นพระศาสนา ซึ่งในบางครั้งยาวนานมาก ๆ สัตว์โลกที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร ต้องมืดมนอธกาลขาดที่พึ่ง ต้องอยู่ในอบายภูมิเป็นจำนวนมาก

การอุบัติขึ้นของพระปัจเจกพุทธเจ้าในระหว่างที่ว่างเว้นพระศาสนาหรือเรียกว่าพุทธันดรนั้น นับว่าเป็นโชคมหาศาลของผู้ที่เกิดในยุคนั้น เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมมาสงเคราะห์สัตว์โลก ให้ตั้งอยู่ในทาน ในศีลเมื่อละร่างกายไปแล้ว ย่อมสู่สุขติภูมิ มีสวรรค์ เป็นต้น ให้บุคคลที่ตกยากแต่มีศรัทธาเต็มเปี่ยมได้เป็น เศรษฐีด้วยการออกจากนิโรธสมาบัติแล้วมาสงเคราะห์บิณฑบาต

พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงเป็นเอกควรแก่การได้รัยไทยธรรมที่เขานำมาถวายหรือจะเรียกว่า ''อัครทักขิไณยบุคคล'' ในยุคพุทธันดรอย่างแท้จริง เพราะในยุคนั้นไม่มีใครเปรียบเสมอเหมือน

ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ ยังอยู่ในช่วงของพระสมณโคดมพุทธเจ้า จึงไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น บนโลกนี้



ขอบคุณภาพจาก forums.apinya.com


พระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์มีประวัติคล้ายกัน คือ

เป็นมาจากกษัตริย์ พราหมณ์ หรือคหบดี ในสมัยโบราณที่เบื่อหน่ายในโลกิยสมบัติ ได้ออกบวชศึกษาพระธรรมจนบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ เมื่อบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณแล้ว ก็ไปชุมนุมที่เขาคันธมาทน์ ซึ่งเป็นยอดเขาแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์ หรือหิมาลัย มีฝูงช้างฉัททันต์คอยปรนนิบัติอยู่เป็นนิจ

คุณลักษณะพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าคือ

การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือการดำเนินชีวิตอยู่เพียงลำพัง (เอกะ) ในวรรณคดีพระพุทธศาสนา เปรียบเทียบ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวของพระปัจเจกพุทธเจ้า เหมือนกับนอแรด (ขคฺควิสาณกปฺโป) ซึ่งแรดของอินเดียมีเพียงนอเดียว ส่วนแรดในประเทศอื่นมี 2 นอก็มี แต่กระนั้นก็ตาม พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ต้องมาประชุมพร้อมกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน คือในวันที่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นและในวันอุโบสถ

ปัจเจกพุทธเจ้ามีเป็นจำนวนมาก ดังเช่นบางตำนานว่า ท่านอยู่กันที่ เขาคันธมาทน์ประมาณ 500 รูป เพราะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะบ่อยนัก และไม่แสดงธรรม พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงไม่ปรากฏชื่อไปด้วย

พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ในคัมภีร์ปัจเจกพุทธาปธานว่า

"ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย"



https://th.wikipedia.org/wiki/พระปัจเจกพุทธเจ้า

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก เว็บฟอรัมอภิญญา.คอม

แหล่งที่มา...www.winnews.tv

 

ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ

เรียกอย่างไรก็ได้ครับ
เป็นภาษาสมมุติ
ให้พอเข้าใจได้เฉยๆครับ

 

มิน่าล่ะ แม้แต่ วัตถุมงคล ของหลวง มีชื่อใน อดีต ที่จังหวัดอุทัยธานี ท่านยังแนะนำให้ขึ้นอาธนาบารมีของ ลป.ป ก่อนท่าน ทุกชึ้น

 

ว้าววว เจนลืมข้อนี้ไปได้ยังไง
พออาจารย์9 พูดมา เจนนึกออกเลย
อาจจะเป็นอย่างที่อาจารย์9 ว่ามาเป็นแน่
แฮร่ๆ

 

การฝึกอุทิศส่วนกุศล
เวลาทำ ลิ้นกับปากห้ามขยับ ตานิ่งๆ ห้ามขยับซ้ายและขวา และให้นึกในใจว่า เฉพาะคำที่ไม่อยู่ในเครื่องหมาย() หรือ *** (งงตรงสีแดงครับอ.นพ)

''ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ลูกขอบารมีธรรมทั้งหลายของท่านเหล่านั้น ขอจงได้โปรดมารวมตัวกันอยู่ ณ เบื้องหน้าลูกนี้ด้วยเทิด (ให้มโนหรือระลึกว่า เป็นวงกลมๆ ลอยอยู่เหนือหน้าฝากของเรา สูงเลยศรีษะออกไปด้านหน้าให้ทำไป แม้ว่าจะไม่รู้สึก หรือไม่เห็นอะไรให้ทำไปก่อน ให้ระลึกดวงกลมๆนั้น ให้ขยายออกไป ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้ขยายครอบคลุมประเทศหรือโลกใบนี้เลยก็ได้ แล้วแต่ว่าจะระลึกขยายได้กว้างแค่ไหน แล้วที่สำคัญเลย ก็คือ ตอนอุทิศ ให้กำหนดออกจากกลางลิ้นปี่ คือ ให้นึกว่า ร่างกายเป็นเหมือนท่อน้ำประปา แล้วระลึกออกจากศูนย์กลางท่อประปานั้น ตรงตำแหน่งลิ้นปี่นั่นเอง ให้ขยายออกไปเทียบเท่ากับ ที่เราระลึกขยายไว้) และด้วยบุญใดที่ลูกได้ทำมาดีแล้วตั้งแต่ชาติต้นยันชาติปัจจุบัน ขอจงได้โปรดมารวมเป็นหนึ่ง เดียวกันกับบารมีธรรมของท่านทั้งหลายเหล่านั้น (ทำไปเรื่อยๆ ทำบ่อยครั้งจะสังเกตได้เองว่า วงกลมๆนั้นจะสามารถขยายขึ้นได้เอง ทำไปโดยไม่ต้องสนใจว่าจะเห็นหรือไม่รู้สึกอะไร)

และลูกขอโน้มอุทิศส่วนกุศลทั้งหมดนี้อุทิศให้ (..............อะไรก็ว่าไปเช่น เจ้าของเสียง ท่านที่เจอในฝัน ท่านโน้น ท่านนี้ เจ้าโน้นเจ้านี่ อะไรก็สุดแล้วแต่จะนึกได้ฯลฯ) และขอให้เป็นขอท่านตามที่ท่านปรารถนาเทิด''

(ให้ทำร่วมกับการกรวดน้ำ ลงดิน ยืนบนดินหรือหญ้า ด้วยเท้าเปล่าดีที่สุด ระลึกขยายๆออกไปจนกว่าน้ำจะหมดขวดนั้นถ้ายังรู้สึกว่า กายยังไม่เบา ใจยังไม่เบา ให้เริ่มต้นขวดใหม่ได้เลยในขั้นตอนของการ ระลึกขยายออกจากกลางลิ้นปี่ ไม่ต้องไปท่องขอบารมีใหม่ แต่อย่าลืมว่าลิ้น ปาก ตาห้ามขยับในขณะที่ทำ)

*** ถ้าลืมให้เริ่มใหม่ ถ้าเหนื่อยในการทำครั้งแรกๆถือว่าปกติ ***


เรียงใหม่แบบนี้ถูกต้องไหมครับอ.นพ

 

ลุงนพ พริกไทยข้าวเสก เคี้ยวได้ไหมฮับ
คือกินเข้าไปแล้ว มันติดค้างอยู่ในคอ ต้องดื่มน้ำตาม

 

เด่วทำธุระเสร็จและหาที่สถิตย์ได้ก่อน
จะมาเล่าเชิงแง่คิด เกี่ยวกับ
พระปัจจเจก และดูการอุทิศให้

ปล ทานพริกไทยเหมือนทานยาเม็ด
ปกติไม่เคี้ยวเพราะเม็ดเล็กนิดเดียว
และต้องทานน้ำตาม
อยู่แล้วปกติ ๕๕

ถ้ายาน้ำก็ต้องเขย่าขวดทุกครั้ง
ยาลืม ๕๕๕

 

ให้แง่คิดฝากไปพิจารณานะครับ.....
๑.โลกรู้จักคำว่า พระปัจจเจกพุทธเจ้าได้อย่างไร ยุคที่
เรามีพระพุทธเจ้า ?
นึกไม่ออก เอาง่ายๆ คำว่า ผี โลกนี้รู้จักได้อย่างไร?
ได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ....


รู้จากประวัติที่เคยบันทึกไว้ ตั้งแต่ยุคสังคยานา
ที่มีพระมหากัปสะปะกับอีกท่าน หรือ รู้จากอนาคตที่จะมาถึง
หรือรู้เพราะว่ามีการเสริมโดยบางฝ่ายในการสังคยานาช่วงหลังๆ

อย่าลืมว่า ฝ่ายมหายาน มีความชำนาญในเรื่องของความ
สามารถรับรู้ภายในสูง ชนิดที่รู้แม้กระทั่งว่า ตนเองตายแล้ว
จะไม่เกิดที่ไหน แต่เหตุฉไหน ในการสังคยานาครั้งแรก
ถึงไม่มี เรื่องเกี่ยวกับทางฝ่ายมหายานเลย
เพราะ ยังอยู่ในวังวนการเวียนว่ายตายเกิด
แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มี ก็ยังคงอยู่คู่กันมาตลอด...



๒. หากยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า แล้วมีพระปัจจเจกจริงๆ
แล้วความสามารถระดับเทียบเท่าพระพุทธเจ้าแล้ว
ระดับท่านจะยังต้องเข้านิโรธสมาบัติหรือ? นี่เสริม ๑
แล้วด้วยเอกลักษณ์ที่สันโดษ เป็นไปได้หรือ
ที่จะมีใครทราบว่า ท่านจะไปเข้าหรือออกนิโรธตอนไหน?
นิ่เสริม ๒
เป็นไปได้หรือ ที่ทำบุญกับท่านที่ออกนิโรธแล้วจะรวย?
นี่เสริม ๓ เพราะระดับบุคคลที่จะเข้านิโรธได้จริง
ไม่มีท่านใดมาบอกให้ชาวโลกทราบถึงสถานที่หรอกครับ
ดังนั้น แต่งขึ้นมาใหม่ทั้งนั้นหละครับ



ยุคนี้ พระสงฆ์ที่ ธรรมกายท่านเป็นพระพุทธรูปมีเยอะแยะครับ
บางรูปเราก็ทราบว่า จะเป็นพระพุทธฯในกัปไหน
บางรูปเราก็ไม่ทราบ
ธรรมกายท่านขนาดแตกต่างกัน
สำคัญว่า ตาเราจะเห็นได้หรือเปล่า?

ยุคนี้พระอรหันต์ก็มีมากมาย เราจะพอทราบได้หรือเปล่า ?
พระที่อายุเป็นเพียงตัวเลขอีกมากมาย เราเคยเห็นไหม ?
ฤาษีองค์แรกของโลกก็ยังอยู่ และอีกหลายท่านก็ยังมีชีวิตอยู่
ยังมีอะไรอีกเยอะแยะ ?
ตำนานก็คือ เรื่องที่เล่าสืบๆกันมา ย่อมมีเสริมแต่งตาม
จริต อนุสัย วิบาก ของหมู่ชนเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาครับ...

จบนิทาน แง่คิด รู้ได้ แต่อย่าไปยึด...ทุกเรื่องนั่นหละครับ

ธรรมะเป็นนามธรรม เป็นสภาวะธรรม แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เช่น รู้สึกร้อน โลกนี้แม้ต่างภาษาต่างเชื้อชาติ
ก็รู้สึกร้อนเหมือนกัน แตกต่างที่ร้อนน้อยร้อนมาก
พระธรรมเป็นตำรา เขียนเป็นอักษรได้ เสริมได้ เติมได้
แปลได้ แตกต่างกันไป

สมมุติว่า นาย ก อ่านตำราเรื่องฌาน ๑ ถามว่า
นาย ก มีความสามารถเข้าฌาน ๑ หรือ
ใช้งานระดับฌาน ๑ ได้ไหม ? ตอบเลย ไม่มีทาง

นาย ก จะเข้าฌาน ๑ หรือ ใช้งานฌาน ๑ ได้นั้น
มาจากอะไร ? จากการปฏิบัติ เข้าถึงสภาวะที่เป็นนามธรรม
ใช่ไหม....

การสำเร็จเป็นระดับพระพุทธฯ หรือ ระดับต่างๆ
มาจากการเข้าถึงธรรมะที่เป็นสภาวะธรรม หรือ จากพระธรรม
ที่เป็นตำรา พิจารณาให้ดีเถิดจะเกิดผล.......

คำถามเด็ด สภาวะธรรม ที่เป็นนามธรรม
ต้องรอเฉพาะยุคที่มี
พระพุทธเจ้าหรือ ???

จบ รอบสอง ใบ้ไม้นอกกำมือ....

 

อ้อ เครๆ. ส่วนตัวเขียนให้อ่านแล้วงงเอง ๕๕
เฉพาะคำที่อยู่ในเครื่องหมายในวงเล็บ (...) หรือ เครื่องหมาย
ดอกดัน ***...*** ภายใต้เครื่องหมายเหล่านี้เป็นทริค

ให้ระลึก นึกในใจ คำภายใต้เครื่องหมายคำพูด ''...."

แซงกิว.....หลาย

น่าจะหายงงแระ...

 

สาธุขอบคุณครับอ.นพ ลองดูแล้วครับ รู้เหนือยๆหน่อย
มโนว่าดวงบารมีธรรม ขยายครอบประเทศเลย แต่ตอนมโนไม่กลมแหะ เบี้ยวๆๆสักหน่อย 555

 

เป็นกันทุกคนเรื่องเหนื่อย ๕๕๕
ซักพักเด่วก็ชิน เรื่องอื่นๆจะพัฒนาเอง
ทริคตามฉบับ ลป. ป แป๊ะๆ

ปล. จิตไปได้เท่าที่จะนึกถึงได้
เรียกตรงนี้ว่า วงสมาธิ