ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ท้าแล้วรู้สึกตงิดๆ'ไรมั่งไหมครับ ก็สบายดีหรือว่าคิดยังไงก็ไม่รู้ครับ ?

 

ngobasu aoi mushi muchi!

โงบะซึ......... ไปทำไรมาฮับ

อย่าลืมจิฮับ คนมีนัยตาในสองชั้นเขาเหน

สารพาดมาซะดีๆ

ปล. รหัสลับจับบ้านเล็ก โพสนำเหนอาคีตะชาติ
ตามด้วยคำสั่ง ขอโงบะจงรับ รหัสและบริวาร
สารพาดทั้งหลายเหล่านี้...เพื่อประโยขน์เพื่อ..…สำราญ

 

คําพยากรณ์โลกในยุคในยุคชาวศิวิไลซ์



คําพยากรณ์โลกในยุคในยุคชาวศิวิไลซ์

๑. ถนนหนทางจะกลายเป็นไร่นา เป็นที่เพาะปลูก ไม่จําเป็นจะต้องมีไว้ ด้วยจะใช้ยานพาหนะทางอากาศ

๒. การส่งหนังสือทางไปรษณีย์ต้องเลิกหมด เพราะจะใช้ ส่งทางร่มชูชีพ

๓. จะเลิกล้มกองทหารทั้งหมด

๔. การประชุมรัฐสภา ๑๐ ปี จึงจะมีต่อ ๑ ครั้ง ทั้งจะไม่ออกกฎหมายใหม่เพิกถอนได้ยาก

๕. จะคมนาคมกับดาวนพเคราะห์อื่นๆได้

๖. การศึกษาจะสอนเรียงตัวกัน จะไม่รวมเป็นหมวดเป็นหมู่ดังเช่นที่แล้ว

๗. การภิกขาจารจรจัดจะไม่มี แต่จะทํานุบํารุงคนอนาถา และทุพลภาพร่างกาย

๘. อายุวัฒนะ จํานวนพลเมืองถั่วเฉลี่ยจะมีอายุยืนถึง ๘๐ ปี แต่ในจํานวน ๒๐๐ คน บางคนจะมีอายุยืน ๑๒๕ ปี ในจํานวน ๑,๐๐๐ คน บางคนจะยืนถึง ๑๕๐ ปี และจะยืนถึง ๒๐๐ ปี เป็นพิเศษ ในข้อที่ ๘ นี้ ตรงกับคําพยากรณ์ในตํานานที่กล่าวมานี้

ในยุคที่โลกก้าวไปสู่เขตแห่งความศิวิไลซ์นั้น ก็เป็นเครื่อง แสดงว่า โลกได้เข้าถึงลัทธิการปกครองระบบ “ธรรมาธิปไตย” ไปในตัวแล้ว ซึ่งมีข้อความที่น่าจดจําและนํามาพิจารณาเพื่อเตรียมตัว ก้าวหน้า ดังนี้ :

๑. กองทัพในโลก จะถูกยุบและเลิกล้มไปหมดทุกประเทศ

๒. เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งหลาย เป็นต้นว่า ปืนใหญ่ ปืนกล ปืนสั้น ปืนยาว เครื่องระเบิดทุกชนิด ตลอดจนอตอมิคบอมบ์ คอสมิคบอมบ์ และควันพิษ ไอพิษ ก็จะเลิกล้ม และถูกทําลายสิ้น

๓. เรือรบและเครื่องบินทุกชนิด ที่โลกได้สร้างขึ้นไว้ เพื่อ ป้องกันการรุกรานซึ่งกันและกัน ก็จะถูกยุบ และเปลี่ยนแปลงเป็นเรือโดยสาร

๔. สัญญาทางพระราชไมตรี ตลอดจนภาษีต่างๆระหว่าง ประเทศต่อประเทศทั่วโลก ก็จะเลิกล้มสิ้นทุกประการ

๕. กระทรวงทบวงกรมที่ไม่จําเป็น ก็จะเลิกล้มไปทั่วประเทศ ขุนนางและข้าราชการ ก็จะมีแต่แผนกที่จําเป็นเท่านั้น จะไม่มี ล้นหลามดังเช่นปัจจุบันนี้

๖.การเก็บภาษีหรือส่วยสรรพากรจากพลเมืองดังเช่นใน ทุกวันนี้ ก็จะไม่มีอยู่ในสมัยนั้น

๗. กฎหมายลักษณะอาญา ตลอดจนแพ่งและพาณิชย์ที่ใช้ กันอยู่ในทุกวันนี้ จะใช้ได้แต่ในบางมาตรา นอกนั้นจะถูกเก็บรักษา ไว้ในหอพระสมุดเสียสิ้น เพราะไม่มีคดีจะใช้กฎหมาย

๘. คัมภีร์พระไตรปิฎก ไบเบิล โกหร่าน ไตรเพท ถ้าสารัตถะ แห่งคัมภีร์ใด บทใด เคลื่อนคลาด (เป็นโทษแก่มนุษย์) ก็จะถูกทําลายเสียสิ้น

๙. ลัทธิการปกครองแห่งโลกในระบอบต่างๆดังเช่นในทุกวันนี้ จะเลิกล้มไปหมด เพราะเป็นลัทธิล้าสมัย เอาเปรียบผู้น้อย บีบคั้น ราษฎร

๑๐. การถือดีด้วยชาติวรรณะหรือที่เรียกว่า “ลัทธิชาตินิยม” (Nationalism) ก็จะเลิกล้มไปหมดตลอดโลก เพราะเป็นลัทธิที่กีด แคบเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งยโส แต่แล้วก็เอาตัวไม่รอด แม้แต่ มนุษย์ที่หมอบราบคาบแก้วอยู่ภายในชาติของตนก็เหยียดหยามกัน เบียดเบียนกัน เหมือนไม่ใช่มนุษย์ ชาติต่างๆจะร่วมเป็นชาติ เดียวกันทั่วโลก

๑๑. ศาสนาต่างๆก็จะรวมเป็นศาสนาอันเดียวกัน มีศีลธรรมอย่างเดียวกัน มีนรกสวรรค์เหมือนกัน การที่แยกแยะพระเจ้าออกเป็นหลายองค์ หลายลัทธิ หลายนิกายนั้น ก็เนื่องจาก ความบกพร่องและความอวดดื้อถือดีของมนุษย์ที่รู้เท่าไม่ถึงความจริง จึงได้หลงวิเศษไปตามมติของตน เป็นเหตุทําลายความสามัคคี และนําความเดือดร้อนมาสู่มนุษย์อย่างน่าบัดสี

๑๒. อักษรศาสตร์ต่างๆ ก็จะรวมเป็นอักษรอันเดียวกัน โดยจะใช้อักษรหนึ่งอักษรใดที่แพร่หลายอยู่ในโลก เป็นอักษรของ รัฐบาลกลางแห่งโลก

๑๓. ภาษาต่างๆก็จะรวมเข้าเป็นภาษาเดียวกัน โดยจะใช้ ภาษาใดภาษาหนึ่งที่แพร่หลายในโลก เป็นภาษากลาง เช่นเดียวกับ อักษรศาสตร์

๑๔. การนุ่งห่มแต่งกาย จะเป็นระเบียบเรียบร้อยทั่วโลก และจะมีระเบียบเป็นสังคมๆไป เช่น นักบวช ข้าราชการกสิกร อุตสาหกรรม วิศวกรรม ฯลฯ จะดูงามดูดีทั่วไป ไม่ว่าชาวดงชาวป่า บ้านนอก ขอกนา ก็จะแต่งกายสวยสดงดงาม เป็นที่น่ายินดีปีติ ยิ่งนัก

๑๕. เงินเหรียญต่างๆ ก็จะใช้แบบเดียวกันทั่วโลก จะไม่ต้องแลกเปลี่ยนกันดังเช่นทุกวันนี้ ทั้งจะใช้เป็นเหรียญเงิน เหรียญทอง ทั้งสิ้น ส่วนธนบัตรหรือแบงค์ ดังเช่นทุกวันนี้จะไม่มีอยู่ในโลกสมัยนั้น

๑๖. หนังสือเดินทาง (Passports) จะไม่ต้องใช้กันในสมัยนั้น ใครจะไปธุระที่ไหน ไปเที่ยวที่ไหน ก็จะไปได้ตลอดทุกมุมโลก แต่จะใช้สมุดพกประจําตัว ซึ่งจะมีทั้งรูปและชีวประวัติแทน เช่น ชื่ออะไร เกิดที่ไหน มีภูมิลําเนาอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร มีคุณวุฒิอะไรเป็นพิเศษ

๑๗. มนุษย์ทั้งหลายจะไม่มีการถือเราถือเขา ไม่มีชั้นวรรณะ สูงต่ํา นอกจากวัยวุฒิ คุณวุฒิ บุญวุฒิ ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่าง สังคมเท่านั้น

๑๘. อาณาเขตระหว่างประเทศต่าง ๆ ก็จะถูกปรับปรุงใหม่ อาจยุบหรือเพิ่มเติมขึ้นตามสมควรประเทศทั่วโลกจะถูกแบ่งเป็นรัฐฯ ให้มีความกว้างสม่ําเสมอกัน เพราะมีการปกครองง่ายดี (ตาม คัมภีร์กล่าวว่า ในยุคบรมจักรนั้น มีนคร ๘๔,๐๐๐ นคร นั่นก็ หมายถึงทั่วโลกแบ่งเป็น ๘๔,๐๐๐ ประเทศ)

๑๙. การปกครองสําหรับบ้านเมืองของโลกทั่วไป ก็จะย้อน รอยสู่ระบอบเก่า โดยจะมีพ่อเมืองแห่งลัทธิพ่อเมือง เช่น พ่อเมือง ขุนรามคําแหงแห่งสุโขทัย หรือพ่อเมืองมาร์คัสออเรลิอัสแห่งโรม ซึ่งเป็นนักปราชญ์อัธยาตมวิทยา และธรรมชาติวิทยา (Psychology and Physics) หรือพ่อเมืองเปอริครีดแห่งกรีกโบราณ แต่ละท่าน ล้วนมีชีวิตเปิดเผยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพลเมืองทั่วไป ปกครองให้ พลเมืองมีความเมตตากรุณาและซื่อสัตย์ต่อกันให้มีใจสุขุมเยือกเย็น โดยเฉพาะคนหลังนี้ บันดาลให้มีนักปราชญ์เกิดขึ้นหลายคน มี โสเครติส ซึ่งเชี่ยวชาญอัธยาตมวิทยา (จิตวิทยา) และธรรมชาติวิทยา จนปรากฏชื่อเสียงอยู่ทุกวันนี้

๒๐. สภาต่างๆจะเลิกล้มหมดทั้งโลก จะมีแต่อภิรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของพ่อเมือง หรือประชุมเท่านั้น

๒๑. นักโทษต่างๆทั้งมหันต์และลหุโทษ จะถูกปลดปล่อย ให้มีอิสรภาพไปทั่วโลก แต่จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ใจบุญคอยอบรม ควบคุมความประพฤติอยู่ จนกว่าจะกลับตัวเป็นพลเมืองดีมีศีล ธรรมอันดีงาม

๒๒. ฝูงมนุษย์ชั่วและดี จะถูกแบ่งเป็นสังคม คือพวกสัมมา ทิฏฐิซึ่งตั้งอยู่ในศีลธรรมและกฎหมายก็จะถูกจัดให้อยู่ในเขตอันหนึ่ง

ซึ่งมีศีล ๕ ศีล ๘ เป็นมาตรฐาน ส่วนฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งไม่มีศีล ๕ ศีล ๘ (เบียดเบียนซึ่งกันและกันอยู่) ก็จะถูกจัดให้อยู่ในเขตสังคม อันหนึ่ง จะอยู่ปะปนกันไม่ได้ เพราะจะเป็นภัยต่อกัน ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาเช่นเดียวกับข้อ ๒๑

๒๓. ภิกษุณี สามเณรี (นักบวชหญิง) ก็จะมีขึ้นในพระพุทธ ศาสนา ตามคัมภีร์ภิกขุนีวิภังค์ และภิกขุนีปาฏิโมกข์ ตามความ ประสงค์ของบรรดาสตรีเพศทั้งหลายที่ใคร่บวช

๒๔. พระพุทธศาสนา จะถูกสังคายนาเป็นครั้งใหญ่ ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ด้วยอํานาจของบรมจักร ภิกษุ สามเณร ที่ ทุศีลหรือมีศีลอันมัวหมอง ประพฤติผิดต่อศาสนาพรหมจรรย์ และมรรคพรหมจรรย์ (สัทธรรมปฏิรูป) ก็จะถูกอยู่ปริวาสกรรม บางพวกก็จะถูกสึกอย่างมากมาย และจะคัดเลือกได้ภิกษุสามเณร ที่เชี่ยวชาญในมรรคพรหมจรรย์ทั่วโลกเพียง ๑๔๐ รูปเท่านั้น

๒๕. พระศรีอาริย์บรมจักร กับพระอิศวรเจ้าฟ้า จะลบจุลศักราชเก่า แล้วตั้งจุลศักราชใหม่ คือ ๑ เป็นต้นไป ส่วนศักราช ต่างๆที่ไม่จําเป็น ก็จะยุบเลิกไปหมดทั่วโลก

๒๖. สัตว์พาหนะต่างๆ เช่น วัว ควาย ช้าง ม้า ก็จะถูกปลด ปล่อยให้มีอิสรภาพ เพราะจะใช้เครื่องจักร หรือเครื่องยนต์ ซึ่งบันดาลขึ้นโดยทางวิทยาศาสตร์ แทนให้ทุกครอบครัว

๒๗. ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ และดาวสําคัญบางดวง จะถูกพิสูจน์โดยจักรแก้ว ตลอดจนดวงพิภพที่เราอยู่นี้ก็จะถูกสํารวจใหม่ว่ามันมีทวีป เกาะ แก่ง ซ่อนเร้นอยู่ที่ไหนอีกบ้าง

๒๘. จะมีโรงพยาบาลสําหรับนักบวช หรือบรรพชิต อย่างใหญ่โตมโหฬาร มีทั้งแผนกนักบวชหญิงและนักบวชชาย จะตั้งอยู่ คนละแห่งไม่ปะปนกัน นักบวชผู้อาพาธจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี โดยไม่ต้องเสียค่ารักษาใด ๆ

๒๙. จะมีโรงพยาบาลคนอนาถาหรือคนพิการไว้ทุกแห่ง ไม่ปะปนกับใคร ประกอบด้วยแพทย์ที่มีมรรยาทและเมตตากรุณา เป็นอย่างดี

๓๐. จะมีนิคมหรือนครคนชราภาพ ซึ่งไม่มีที่พึ่งพาอาศัย หรือที่ลูกหลานทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ สําหรับเป็นที่เลี้ยงดูอย่างไม่ ต้องอนาทรร้อนใจ เหมือนได้อยู่ในวิมานสวรรค์

๓๑. จะมีนิคมหรือนครคนทุพลภาพ เช่น ง่อยเปลี้ยเสีย ขา หรือตาบอดหูหนวก คนเหล่านี้จะถูกเก็บมาเลี้ยงไว้ในนิคมที่ กล่าวแล้ว

๓๒. จะมีโรงแรมพิเศษสําหรับเป็นที่พักอาศัยของบรรดา นักปราชญ์ทั่วโลก เช่น ปราชญ์จิตศาสตร์, เวชศาสตร์, ธรรมชาติ ศาสตร์, วิทยาศาสตร์, โหราศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์, สถาปัตย กรรมศาสตร์ ฯลฯ โรงแรมนี้เป็นที่พักฟรี ไม่ต้องเสียค่าพักและอาหาร

๓๓. จะมีโบสถ์สมรสขนาดมหึมา สําหรับเป็นที่ทําการ สมรสของชายหญิงทั่วไป โดยไม่เลือกชาติภาษา และวรรณะสูงต่ํา ใดๆเมื่อชายหญิงคู่ใดมีความพอใจซึ่งกันและกัน และมีความ ประพฤติเรียบร้อย มีศีลธรรมดีงามสมควรจะเป็นพ่อบ้านแม่เรือนได้ พอฝากผีฝากไข้กันได้ ก็สมรสกันได้โดยเสรีภาพ ถ้าหากคู่สมรส ใดไม่มีสินเดิมเป็นทุนสมรส ก็จะมีสมบัติก้อนหนึ่งสําหรับรางวัล ให้เป็นสินสมรสทุกคู่ไป

๓๔. บรรดานักจิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, เวชศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์, ธรรมชาติศาสตร์ ฯลฯ คนสําคัญ ๆ ซึ่งเกิดมา ทําประโยชน์ให้แก่โลก ก็จะถูกสร้างขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ในมหา พิพิธภัณฑสถานอันใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งกลางคืนจะสว่างรุ่งโรจน์ ด้วยไฟฟ้าและแสงนีออนไลท์ ตีนฐานหรือแท่นที่ประดิษฐ์รูปนั้น จะมีอักษรจารึกถึงคุณงามความดี ตลอดทุกคน

ที่มา https://www.wasulab.com/lord-sri-ariya10/

 

อยากรู้ว่าการเกิดแบบโอปปะปาติกะมีจริงมั้ย เพราะฝันบ่อยจนคิดว่าตัวเองเป็นโอปไปแล้ว

 

ตามนี้ค่ะ...

โอปปาติกะ คืออะไร มีกี่ประเภท

จากข้อมูลในพระไตรปิฎก มีสิ่งมีชีวิตรูปแบบหนึ่งที่พอเกิดแล้วโตทันที ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ เช่น มนุษย์หรือสัตว์บางประเภท หรืออยู่ในไข่ เช่น เป็ด ไก่ หรืออยู่ในสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น หนอน สิ่งมีชีวิตเช่นนี้เรียกว่า โอปปาติกะ มีลักษณะเป็นกายทิพย์ ปกติแล้วจะมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางจำพวก และเปรต

https://www.amarinbooks.com/โอปปาติกะ-คืออะไร/

 

เขาทำตัวอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของเขา
แต่การที่เราทำให้คนเขาดีขึ้น หรือเลวลงหนักกว่าเดิม
ถือว่าเป็นกรรมไม่ธรรมดาของเรา

ดังตฤณ

 

แล้วที่ฝันบ่อยเป็นตัวเป็นตนนี่ใช่คนเดิมรึเปล่า ผมรู้สึกจะไม่ใช่คนเดิม เหมือนอยู่ในร่างใครไม่รู้ ถ้ามันรองรับก็รู้สึกเป็นตัวเอง แต่ไม่รองรับนี่เหมือนเล่นเกมกด

 

ยุคศรีวิไลย์...

 

ถ้าจะช่วยคนที่ตกทุกข์ แล้วคุณมีความสุขไม่ได้
ก็ให้ช่วยเหลือตนเองจนกว่าจะสุขก่อน
ไม่อย่างนั้นแปลว่าคุณยังไม่ได้ช่วยใครจริง

ดังตฤณ

 

เพราะรู้ตัวว่าเด็กยุคใหม่อายุไม่ยืนตามที่พระพุทธเจ้าทำนายไว้ คนแช่งอีก จึงหาทางเกิดเป็นโอปปะปาติกะกันเถอะ หาข้อดีได้แล้ว

 

เพิ่งดูหนังอเวนเจอร์จบ....แล้วตอนนี้ถุงมืออยู่ที่ใคร....แสดงแสงยานุภาพหน่อยซิ...อย่าหดหัวสิ...ออกมาเลย...ทีมงานพระยาธรรมิกราชทั้งหลาย...จะให้โพสต์สักกี่ครั้งถึงจะทำงานกัน ไอ้พวกอมนุษย์วิญญาญชั่วร้าย...เมื่อไหร่จะมาล่ะ.. มาซิมามาจอยกันจอยกัน

 

ศรีอาริยวงศ์กลางศาสนา
(จากบันทึกทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน)

​

เมื่อพระศรีอาริย์ มาปรากฏเป็นพระบรมจักรพัตราธิราช ในท่ามกลางพระพุทธศาสนานี้ พระอิศวรผู้เป็นเจ้าประกาศิตให้เทวดาลงมารักษาพระราชวังถึง 50,000 องค์ ยักษ์อีก 50,000 ตน นาคและครุฑก็จะเป็นมิตรกัน และจะมารักษาปราสาทราชวังด้วยเป็นจำนวนมาก เชื้อพระวงศ์ของพระศรีอาริย์ จะอุปถัมภ์ยกยอพระพุทธศาสนาสืบๆ ต่อกันไปจนอีก 1,309 ปี คือลุ พ.ศ. 3850 ปีเศษ จึงสิ้นเชื้อสายพระศรีอาริย์คนสุดท้ายมีนามว่า “ เสารรัญญา” หรือ “ พยาเสารราช”( ศรีอาริยวงศ์ 1,000 ปี ในเล่มนี้ ไปตรงกับแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งพระเยซูจะกลับมาปกครองโลกอยู่ 1,000 ปีเหมือนกัน เรียกว่า Millennium ภาษาอังกฤษเรียกว่า ศรีอารยะ (Sriaraya) ภาษาบาลีเรียกว่าสิริอริยะ (Siriariya) แม้กระนั้นก็มีเทวดา, นาค, ครุฑ เฝ้าปราสาทราชมณเฑียรอยู่มาก

เมื่อพ้นจากพญาเสารราชไปแล้ว พระเสื้อเมืองทรงเมืองทั้งหลาย ก็ละทิ้งบ้านเมืองหลบหนีเข้าป่าไปหมดสิ้น ดังเช่นในยุคปัจจุบันนี้ เพราะอธรรมทั้ง 3 และ อคติทั้ง 4 เข้าครอบงำสันดานประมุขและรัฐบุรุษ จนบ้านเรือนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า มหาภัย 10 ประการ ก็คุกคามประชาชนพลเมืองอยู่ทั่วไป ครั้นแล้วก็จะบังเกิดพญาธรรมิกราชองค์ที่ 4 มายอยกพระพุทธศาสนาอีก และจะเกิดที่นครศรีอยุธยา (กรุงเก่า) จะทรงเกียรติขนาดอโศกราช หาใช่บรมจักรพัตราธิราชดั่งเช่น พระศรีอาริย์ในท่ามกลางพุทธศาสนานี้ไม่

ในตำนานมันดาเลของพม่านั้นกล่าวว่า พระราชวังของพระศรีอาริย์ธรรมิกราชนั้นจะมีประตู 80 ประตู จะมีฝูงเทวดาและยักษ์รักษาแน่นขนัด จะเข้าออกได้แต่มนุษย์ที่มีศีลธรรมอันดีงามเท่านั้น ปราสาทราชวังนั้นจะสว่างรุ่งโรจน์ด้วยแสงแก้วมณีโชติ กลางคืนจะกลับกลายเป็นกลางวัน จะผิดกันก็แต่ว่า ความสว่างของแสงแก้วนั้นจะเย็นตาเย็นกาย ไม่ร้อนระอุเหมือนแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันอย่างธรรมดา

พิษณุเทพบุตร จะไปนำเอาผลมะม่วงกาซอ (ผลไม้โรทันตี) จากสวรรค์มาถวายพระศรีอาริย์ธรรมิกราช เมื่อเสวยแล้วรูปร่างก็กลับกลายเป็นหนุ่มเหมือนอายุ 20 เศษ จะมีพระมหาเถระ 24 รูป เดินทางมาจากทิศต่างๆ เพื่อชมบารมีพระศรีอาริย์ธรรมิกราช พระศรีอาริย์ธรรมิกราชจึงเอามะม่วงกาซอ (มะม่วงลอกคราบ) เข้าถวายพระผู้เฒ่าทั้ง 24 รูป พระผู้เฒ่าทั้งหมดเมื่อฉันแล้วก็ง่วงนอน และหลับไปด้วยความสบาย ครั้นตื่นขึ้นแล้วผิวพรรณก็กลับกลายเป็นหนุ่มไปหมดทั้ง 24 รูป รู้สึกว่ากระกระเปร่าแข็งแรงขึ้นอย่างผิดธรรมดา

พระศรีอาริย์จึงเอาเมล็ดมะม่วงลอกคราบนั้นปลูกลงในดินริมปราสาท ก็พลันงอกงามเป็นต้นเป็นลำและแตกกิ่งก้านสาขาขึ้นในทันที ประกอบด้วยช่อและดอกออกผลเต็มไปหมด โดยไม่ต้องรอเวลาหรือฤดูกาลใดๆ เลย ฝูงมนุษย์ก็จะไหลมาเทมาเพื่อบริโภคมะม่วงลอกคราบอันวิเศษนั้น ครั้นแล้วคนแก่ก็จะกลายเป็นหนุ่ม คนที่มีผิวพรรณไม่งามก็จะงาม คนอ่อนแอก็จะแข็งแรงไปทั่วทุกรูปทุกนาม โลกจะถึงความเป็นสวรรค์ทั้งในด้านผิวพรรณและโภคทรัพย์ ฯลฯ และจะมีต้นไม้กาลปพฤกษ์ทิพย์ถึง 1,600 ต้น (โรงทาน) ทั่วทั้งโลก

อนึ่ง พระมหานครอันบรมสุข จะได้ถูกก่อสร้างตึกรามขึ้น 36,000,000 หลัง จะเป็นที่อยู่ของพลเมืองที่เป็นสัมมาทิฏฐิทั้งสิ้น และว่าในยุคนั้น จะมีผู้หญิงมากผู้ชายน้อย เพราะผู้ชายไปตายในกองทัพถึง 3 ใน 4 ส่วน ผลสุดท้ายผู้ชายคนเดียวจะมีภรรยา 9 คน 10 คน ผู้หญิงจึงหาสามีที่โสดๆไม่ได้ง่ายนัก จริงเท็จอยู่กับตำรา (แจ้งอยู่ในใบลาน 3-4 ผูก)

คัดลอกมาจากหนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก โดยรหัสยญาณ

ที่มา https://www.dek-d.com/board/view/1030978/

 

ร่างใหม่ ดีหรือไม่ดีค่ะ
บางทีจิตชรูป หรือ จิตสร้างรูป ที่เกิดจากกุศล และอกุศล หลาย ๆ คนก็เห็นได้จากจิตภายใน ที่สร้างกายทิพย์ไว้รองรับก็มีค่ะ

เคยรับรู้มาว่า มีบุคคลเห็นกายทิพย์ภายในได้ แม้ภายนอกจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่กายภายในมีความต่างกัน ตามกรรมของแต่ละคนค่ะ

บาวครั้งชั่วขณะที่กายเป็นมนุษย์ รูปภายในเป็นอสูรกาย เป็นต้น หรือเปลี่ยนแปลงไปตามจิตภายใน

แต่ของท่านนี่เป็นลักษณะจิตชรูป หรือว่า นิมิต (ไม่น่าใช่) คือนิมิตที่จะไปเกิดใหม่ ขอเดา ต้องถามผู้รู้ค่ะ จิตยิ้มก็อยากรู้เหมือนกัน

 

หงบๆ เน็ตมึงจะหมดแล้ว มัวเพ้อไรอยุ่ รีบลงธรรมะที่มีในมึงเร็วๆ กุรออ่านอยุ่

 

สงสัยเมายาบ้า..อิอิ

 

อย่าไปคิดเยอะ....

จะเปน โอปปาฯ ง่ายแต่แพงหน่อยคือไปเกาหลี
แล้วทักกุลสตรีที่อ่อนกว่า

ก้จะเปน โอปปาฯ วัดดูยูว่อน?

ถ้าทักผิด มีแต่กระดูกกับบ้าน. ก้เปน โอปปาฯได้

......

จริงๆ โอปปาฯ มีอาหาร โอปปาที่ดี อาหารคือปิติ

ปิติหาได้จากไหน....จากลมหายใจเข้าออก
เกิดดับละเอียดสุดละเอียด

นะ. อานาปานสติ เปนอาหารโอปปาชนิดหนึ่ง
หากินง่าย แค่หมั่นระลึก ถึงลม. ก่อนที่จะครุ่นคิด
ถึงสิ่งไรไร

 

ท่านเป็นไรนะ วันนี้เปลี่ยนไป สงสัยโดนบททดสอบหนักแล้วไม่ไหวหรือคะ เลยต้องโต้ตอบบ้าง เข้าใจค่ะ แต่อย่าให้เสียศูนย์ตรงกลางจิต ธรรมชาติของจิตว่าง และ รู้เท่านั้นค่ะ

 

เมื่อเช้าฝันว่าขึ้นยานอวกาศป้อมปราการอะไรไม่รู้ กำลังเร่งความเร็วออกนอกโลกเร็วมาก พุ่งเข้าหากาแลคซี่อะไรไม่รู้ ปรากฎว่าไปลงดาวข้างทางก่อน เล่นกิจกรรมตอบคำถามก่อน มีเพื่อนมากมายเลย ตื่นเพราะปวดเยี่ยวก่อนฉิบ เฮ้อไม่ไปสักฝัน

 

ดูหนังเสร็จแล้วความเป็นจริงสิพึ่งเริ่ม คงได้แต่ฝันไปก่อน แค่สร้างยานอวกาศได้ก่อนก็เก่งแล้ว

 

หน้ากากแบบนี้..พอกันฝุ่นได้มั๊ย