ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

วันสิ้นโลก Judgment​

เผยแพร่เมื่อ 12 เม.ย. 2011​

 

ขั้นตอนการช่วยเหลือ เมื่อเกิดการยิงระเบิดนิวเคลียร์



พี่สุดใจ เคยอ่านหนังสือ ยูเอฟโอ ของต่างประเทศเล่มหนึ่ง ที่แปลเป็นภาษาไทย และมีนักพลังจิตชาวต่างชาติคนหนึ่ง ที่ค้นคว้าเรื่องนี้ กล่าวว่า ที่ดาวพลูโต ก็มีมนุษย์อยู่ด้วย ดังนั้น ดาวดวงเดียวกัน ก็อาจไปดำเนินโครงการในหลายประเทศ ซึ่งรายละเอียด พี่สุดใจจะไปค้นมาให้อ่านเพิ่มเติมนะคะ

ดาวนพเคราะห์ มาทำหน้าที่อะไร? ในโครงการนี้

จากการสื่อสารครั้งนั้น ดาวนพเคราะห์ได้แจ้งให้ทราบว่า ยานฯ ของเขานั้น มาเพื่อทำลายรังสีของปรมาณู ซึ่งพลังงานที่ออกมาจากส่วนท้ายของยานฯ ที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้น จะมีความร้อนสูงมาก หลายพันองศา และสามารถเผาผลาญรังสีต่าง ๆ ได้ ดังนั้น เมื่อช่วงเกิดภัยพิบัติ ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจที่จะยิงนิวเคลียร์ มันก็ต้องระเบิดอยู่แล้วเพราะในบางประเทศมีไว้ในครอบครองจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวอย่างหนักช่วงเกิดภัยพิบัติ ระเบิดเหล่านั้นก็ย่อมระเบิดเองโดยอัตโนมัติ จะตั้งใจหรือไม่ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ดี

ดังนั้น การเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมีหลายขั้นตอน คือ

ขั้นตอนแรก ที่อยู่อาศัย ต้องหาที่ปลอดภัยให้กับมนุษย์ โดยการสร้างใยแก้วป้องกันยังจุดต่าง ๆ ที่เตรียมการไว้ เพราะเมื่อรังสีนิวเคลียร์กระจายออกไป ผิวหนังของมนุษย์ไม่สามารถทนได้ โดยไม่มีเครื่องป้องกัน ดังนั้น ดาวนพเคราะห์ มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำลายรังสีในอากาศ เพื่อปรับสภาวะอากาศให้อยู่ในสภาพเดิม ดังนั้น ในหลายสถานที่ จึงมีการสร้างสภาพอากาศภายในครอบแก้วนั้น ให้เป็นธรรมชาติในขั้นต้น เพื่อมนุษย์อยู่อาศัยได้ ซึ่งในหลายสถานที่ มนุษย์อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนอยู่ในครอบแก้ว รอจนมีการปรับสภาพบรรยากาศให้เป็นปกติแล้ว จึงจะออกมาอยู่ภายนอกได้

ขั้นตอนต่อมา ก็คือเรื่องอาหารของมนุษย์ ก็ต้องมีอาหารสำรองไว้ให้เพียงพอกับมนุษย์ในแต่ละกลุ่ม ในแต่ละจุด มนุษย์อาจจินตนาการไม่ออก ว่ารูปแบบของการช่วยเหลือจะเป็นเช่นไร? แต่เขาได้มาวิเคราะห์วิจัย และเตรียมการไว้นานแล้ว ซึ่งบางแห่งพืชพันธ์ที่จำเป็นกับมนุษย์ ก็เติบโตสมบูรณ์ทันการเลี้ยงดูประชากรในกลุ่มนั้น ๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับความคิดมนุษย์ แต่เบื้องหลังการเตรียมการเหล่านั้น มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้

ดังนั้น ภารกิจของดาวนพเคราะห์ในโครงการนี้ ก็คือการช่วยเผาไหม้รังสีในชั้นบรรยากาศ ให้มีสภาพดังปกติ และเราอาจไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เพราะเขาบอกว่า ประเทศไทยไม่มีวัตถุอันตรายเหล่านี้ ดังนั้น ส่วนใหญ่เขาจึงไปอยู่แถบตะวันตกมากกว่า ซึ่งภารกิจก็ยังคงดำเนินต่อไปตามโครงการที่วางไว้

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้รับการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว เราจึงต้อง “แจ้งเพื่อทราบ” จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่บางเรื่องที่เราต้องกระทำเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็ขอให้ทำไปเต็มกำลังของแต่ละกลุ่ม แต่ละบุคคล แต่ถ้ามีสิ่งอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า มาให้การช่วยเหลือเพิ่มเติม ก็ถือว่าดีอยู่แล้ว

แต่สิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักก็คือ สิ่งที่เรากระทำ สิ่งที่เราเตรียมการ นับว่าดีที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงทำได้แล้วนั้น หากมีสิ่งใดที่เกินกำลังของเรา จนเราไม่สามารถที่จะทำการป้องกันได้ทั้งหมด ก็อย่าได้มีความทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น เพราะถึงทุกข์ไป เราก็มิอาจที่จะไปป้องกันโลกทั้งโลกได้อยู่แล้ว เราก็ต้องปล่อยวาง และอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ถ้ามีผู้อื่นมาช่วยก็ดี แต่ถ้าไม่มี เราก็ใช้ในสิ่งของที่เราเตรียมการไว้แล้ว

แต่ให้ระวัง "จิต" ในขณะเตรียมการด้วย อย่าให้การสะสมเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นนั้น กลับไปเพิ่มความมีตัวตนของเราให้มากขึ้น เพราะหากเมื่อใดที่ยังคิดว่ามีเราผู้เตรียมการ มีเราผู้จัดหาอุปกรณ์ มีเราผู้รับผิดชอบโครงการ เมื่อนั้น ท่านก็จะทำงานใหญ่นี้ด้วยความหนักของจิต เพราะจะต้องมีความสุข ความทุกข์ ในขณะที่ทำ

ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องเร่งปฏิบัติในขณะนี้ คือการเห็น "ความว่าง" ว่างจากอะไร ว่างจาก "อุปาทาน" ความยึดมั่น ถือมั่นว่ามีตัวตน ของตน ดังนั้น แม้ความปราถนาดี หรือปราถนาร้าย ก็ย่อมมีตัวตนของผู้ปราถนาดี เหล่านั้น อยู่ในทุกหนทุกแห่งที่กระทำการ จึงยังต้องพบกับ สุข ทุกข์ ผิดหวัง สมหวัง ควบคู่กันไป

หากเรามาพิจารณาธรรมะ ที่ทางพุทธศาสนาได้สอนไว้ว่า ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา อยู่ในนั้นเลย แล้วเราปล่อยวาง โดยทำการทุกอย่างตามที่มันควรจะเป็น เตรียมการให้การช่วยเหลือจัดหาอุปกรณ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร ทุกอย่างทำได้เหมือนเดิมทั้งหมด แต่ไม่มีใครเป็นผู้ที่ทำสิ่งเหล่านั้น เพราะเราคือธรรมชาติ ก็ให้ธรรมชาติที่คิดรู้ได้ชิ้นนี้ ช่วยเหลือกันเองตามความเหมาะสม เราก็จะไม่ต้องไปสุข ทุกข์ หรือลุ้นสถานการณ์เหล่านั้น ให้สภาวะจิตที่สงบ เยือกเย็น ต้องขึ้น-ลง กับความปราถนาดี หรือร้าย เหล่านั้นเลย

เมื่อทำงานโดยที่ไม่มีตัวตนของผู้ทำนั้น งานก็จะสำเร็จลุล่วงไปเหมือนเดิม แต่ความทุกข์ไม่เหมือนเดิม เพราะความมีตัวตนน้อยลง ความทุกข์ก็จะลดลง เพราะมีความว่าง มากั้นไว้นั่นเอง แต่ความสงบ ความเบาของจิต จะเพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทำงานเช่นเดิม

ที่มา http://ufokaokala.blogspot.com/2012/11/blog-post_16.html

 

กลับเป็นหน้าแมวอีกแล้นนน

 

ทู้จะได้ เดือดๆ หน่อยคับ ฮ่าๆๆ

 

สบาย.. สบาย..

"แบบเบิร์ดเบิร์ด"

 

คนจะตายเมื่อถึงที่จะหนีไปไหนพ้น...

อย่ากังวลกับความตายที่ใกล้มาถึง...

โลกหมุนเวียนเปลี่ยนยุคอย่างตราตรึง...

บุคคลกลุ่มหนึ่งกลุ่มนี้แหละ
อเวนเจอร์....555555

 

ห้องนี้มีแมว 2 โต แมวซากะแมวปัง หึหึย์
แมวปังแปลงร่างบ่อยฮับ

 

แมวซาเป็นแมวที่มีความมั่นคงในจิตใจ........ส่วนแมวปังเห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง...หาความมั่นใจในตัวเองไม่ได้เลย
.
.
ฮิ้วววว

 

ความมั่นคงในจิตใจผมไม่มีหรอก ตอนนี้ผมมั่นคงแค่กับอะไรเป็นเรื่อง ๆ ไปเท่านั้นเอง
ยึดไว้ก่อน ถ้ารู้ชัดได้เองแล้วว่าสิ่งที่ยึดมันไม่จริงหรือมีอะไรที่จริงกว่าหรือจริงด้วย+สมควรด้วย และมีอะไรที่พอใจจะเปลี่ยนก็ค่อยเปลี่ยน

 

สวรรค์รู้จักวิธีทำให้เราโกรธ...สวรรค์ก็ทำให้อากาศแถวบ้านเราแปรปรวน...กลางวันร้อนกลางคืนหนาว...ทุกคืนที่เราออกมานั่งหน้าบ้าน...ไม่รู้ลมหนาวมาจากไหน...พอกลับเข้าบ้านแล้วลมสงบ...พอออกมาแล้วมีลมอย่างเดิม...เป็นอย่างนี้มาตลอดจนเราเป็นไข้หวัดจนได้....ถ้าเราเป็นไข้เราจะหงุดหงิดง่าย...ถ้าเจอคนเซ้าซี้คุยไม่รู้เรื่องเราจะโมโห.....สวรรค์ก็ส่งเข้ามาอย่างท่านปวีและแม่ชีจิตยิ้ม....เราไม่ได้โกรธหรือโมโหที่ท่านปวีด่าเราหรอก...แต่มันเป็นอาการของคนเซ้าซี้คุยไม่รู้เรื่อง..เราโมโหตรงนี้แหละ...ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว...ทุกอย่างถูกจัดสรรค์ไว้อย่างลงตัวแล้ว...เพื่อให้เราได้เอ่ยสัจจะวาจาให้ทุกคนเร่งทำหน้าที่....ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของคนที่เชื่อ..ให้เร่งทำความดี...เพราะเวลามีน้อยลงทุกที...คนไม่เชื่ออ่านเล่นเพื่อความสนุกและชีวิตปกติก็ไม่เคยทำความดี...อันนี้เราก็ช่วยไม่ได้

 

วิธีปฏิบัติขออโหสิกรรมต่างๆเราก็บอกไปหมดแล้ว...วิธีอธิษฐานก่อนเริ่มปฏิบัติสมาธิเราก็ได้บอกไปแล้ว...คนที่จะรอดจากภัยอันตรายต่างๆเราก็บอกแล้วว่ามี3กลุ่ม...ปุถุชนคนกิเลสหนาให้เร่งทำความดี...เพื่อให้ได้อยู่ในกลุ่มที่3โดยเร็ว....คนออกมาเตือนก็มีมาหลายปีแล้ว...แต่ครั้งนี้ของจริงแท้แน่นอน....คำทำนายต่างๆมาถึงวาระแล้ว....เรื่องพระยาธรรมกำลังดำเนินไปแล้ว...อีกไม่กี่ปีพระยาธรรมจะปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว...

 

หิมะตกอย่างหนักในหลายประเทศทั่วโลก...เมื่อหิมะละลายเป็นน้ำแล้ว...น้ำเหล่านั้นจะไปไหนเสีย...มันก็อยู่ในโลกใบนี้แหละ...มันก็จะละลายเป็นน้ำ...มันก็จะท่วมโลกใบนี้แหละ...หิมะนี้ก็สะสมขึ้นทุกวันๆ...ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ...ปีนี้และปีต่อไปก็จะเป็นอย่างนี้...เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆทุกปีๆ...

กฏธรรมชาติคือหยินกับหยาง...ร้อนสุดเปลี่ยนเป็นเย็นสุด...พายุสุริยะพัดพาและดึงดูดน้ำจากนอกโลกเข้ามายังโลกใบนี้...เพื่อปรับสภาพความสมดุลให้กับโลกใบนี้...เตรียมตัวเตรียมใจ...เตรียมสังขาร...พิจารณาสังขาร...ระลึกถึงความตายไว้ทุกลมหายใจ...ฮ่า ฮ่า ฮ้า

 

เรือ "โนอาห์" จำลอง มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท​

เผยแพร่เมื่อ 7 ก.ค. 2016
​

เรือโนอาห์จำลองมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์หรือราว 3,500 ล้านบาทได้รับความสนใจจากผู้ชมจำนวนมาก ในระหว่างการเปิดให้เข้าชมที่รัฐเคนตั๊กกี้ ของสหรัฐฯ

 

เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า

 

ส่วนเราเหลือโทสะและกามราคะแต่มันเบาบางมากเหลือสังโยชน์ผูกไว้สองตัว...นี้จะเรียกว่าอยู่ชั้นไหน......นักศึกษาธรรมสายปริยัติคิดกันเอาเองนะ

 

อัศจรรย์! คำทำนาย"ครูบาศรีวิชัย"เมื่อร้อยกว่าปี ปรากฎให้เห็นเป็นจริงในยุคนี้



ครูบาศรีวิชัยพระมหาเถระผู้ทรงคุณวิเศษ ได้ทำนายภาพเหตุการณ์ล่วงหน้าเมืองไทยไว้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน

คนที่มีความรู้ก็ผลิตรถแทรกเตอร์มาใช้ทำไร่ไถนา ผู้คนต่างก็มีหูทิพย์ตาทิพย์ (โทรศัพท์-โทรทัศน์-อินเตอร์เน็ต) ผู้คนมีพาหนะทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน-ลอยฟ้า หรือเครื่องบิน นี้คือคำทำนายบางส่วนเมื่อร้อยกว่าปี ปรากฎให้เห็นในยุคนี้

ต่อไปเบื้องหน้า วัดจะหมอง มองจะห่าง หนตางจะเลี่ยน โฮงเฮียนจะดี คนบ่มีจะได้กิ๋นข้าว คนเฒ่าใส่เขี้ยวขาว

แม่ฮ้างนางสาวจะนุ่งเตี่ยว ป่าเฮ่วม่วนเหมือนปอย ภูดอยจะล้าน คนขี้คร้านจะได้กิ๋นดี คนบ่ดีหนีไปนอนสาด

ตูบกาดเต๋มบ้านเต๋มเมือง น้ำเหมืองเอาน้ำแม่ งัวควายบ่แพร่ คนเฒ่าคนแก่บ่มีไผแอ่วหา ปู๋ปล๋าหนีน้ำ เอาน้ำตกกับถ้ำเป๋นตี้แอ่วตี้จุม

คนจักชุมนุมกั๋นเป๋นกลุ่มเป๋นก้อน บ้านเมืองจะเดือดฮ้อน ละอ่อนสอนบ่ฟังกำ คนใจ๋ดำมีทั่วประเทศ คนจักเหมือนผีเหมือนเผต

ตึงแม่ญิงป้อจายผมมีบ่เกล้า ข้าวมีบ่ต๋ำ หนตางดีบ่มีคนไต่ ฮอยคน เหมือนฮอยงู คนจักซานบนดินมาหนึ่งศอก น้ำบ่อออกอยู่บนเฮือน เครือเขาเลื่อนบนอากาศ คนฉลาดแป๋งควายเหล็กมาขาย

คนมีหูติ๊บต๋าติ๊บ ดำดินบินบนได้ จักมีในเบื้องหน้าแต้แหล่ปี้น้องตังหลายเหย

คำทำนายของครูบาเจ้าศรีวิชัย..ได้ทำนายว่า

( ภาษากำเมือง )

“ ต่อไปเบื้องหน้า… วัดจะหมอง มองจะห่าง หนตางจะเลี่ยน โฮงเฮียนจะดี คนบ่มีจะได้กิ๋นข้าว คนเฒ่าใส่เขี้ยวขาว

แม่ฮ้างนางสาวจะนุ่งเตี่ยว ป่าเฮ่วม่วนเหมือนปอย ภูดอยจะล้าน คนขี้คร้านจะได้กิ๋นดี คนบ่ดีหนีไปนอนสาด

ตูบกาดเต๋มบ้านเต๋มเมือง น้ำเหมืองเอาน้ำแม่ งัวควายบ่แพร่ คนเฒ่าคนแก่บ่มีไผแอ่วหา ปู๋ปล๋าหนีน้ำ

เอาน้ำตกกับถ้ำเป๋นตี้แอ่วตี้จุม คนจักชุมนุมกั๋นเป๋นกลุ่มเป๋นก้อน บ้านเมืองจะเดือดฮ้อน ละอ่อนสอนบ่ฟังกำ

คนใจ๋ดำมีทั่วประเทศ คนจักเหมือนผีเหมือนเผต ตึงแม่ญิงป้อจายผมมีบ่เกล้า ข้าวมีบ่ต๋ำ หนตางดีบ่มีคนไต่

ฮอยคนเหมือนฮอยงู คนจักซานบนดินมาหนึ่งศอก น้ำบ่อออกอยู่บนเฮือน เครือเขาเลื่อนบนอากาศ

คนฉลาดแป๋งควายเหล็กมาขาย คนมีหูติ๊บต๋าติ๊บ ดำดินบินบนได้ จักมีในเบื้องหน้าแต้แหล่..ปี้น้องตังหลายเหย..ฯ “

หมายถึง (แปลเป็นภาษาไทยกลาง)

“ ในอนาคต วัดวาอารามจะไม่ค่อยมีผู้คนเข้าไปทำบุญหรือถือศีลฟังธรรม ครกมองตำข้าวก็จะไม่มีคนใช้ตำข้าวอีก

ถนนหนทางก็จะราบเรียบใช้เดินทางไปมาอย่างสะดวกสบาย โรงเรียนก็จะใหญ่โต คนยากจนก็จะมีข้าวกิน

คนชราก็จะใส่ฟันปลอมเต็มปาก แม่หม้ายนางสาวก็จะละทิ้งผ้าถุงหันไปสวมใส่กางเกงกันหมด

ป่าช้าก็จะครึกครื้นด้วยเสียงเพลง (เพลงแห่ศพ..บางแห่งมีวงดนตรีแสดงสด ๆ ขณะเผาศพ หรือเปิดเพลงโปรดของผู้ตาย..)

ภูเขาก็ปราศจากต้นไม้ คนเกียจคร้านก็มีอยู่มีกินอย่างดี คนชั่วช้าก็ล้มตายไป มีร้านค้าขายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง

น้ำคลองซอยเล็กก็อาศัยน้ำจากแม่น้ำใหญ่ วัวควายก็ค่อย ๆ สูญพันธุ์ไป

คนแก่คนเฒ่าก็ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ปูปลาก็ลดหายไปจากลำน้ำ ผู้คนต่างชอบท่่องเที่ยวไปตามถ้ำและน้ำตก

ผู้คนมีร่วมชุมนุมประท้วงกันอย่างมากมาย บ้านเมืองจะเกิดความระส่ำระสายวุ่นวาย

เด็ก ๆ ลูกหลานก็จะดื้อรั้นไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ใหญ่ ผู้คนไร้คุณธรรมน้ำใจก็จะมีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง

ผู้คนก็จะเป็นเสมือนพวกภูตผีและพวกเปรตที่มีแต่่ความละโมบโลภมาก

ทั้งชายหญิงต่างไว้ผมยาวประบ่า ข้าวที่มีอยู่ก็ไม่ใช้ครกตำ ถนนหนทางดีแต่คนก็ไม่ใช้เท้าเดินกัน

ร่องรอยของผู้คนก็คล้ายรอยงู(ล้อรถยนต์) ผู้คนก็จะเหาะเหินล่องลอยอยู่เหนือพื้นดิน

ในบ้านเรือนก็มีก็อกประปามีน้ำกินน้ำใช้อย่างสะดวก สายไฟฟ้าสายโทรศัพท์มีโยงอยู่ทั่วไปในชุมชน

คนที่มีความรู้ก็ผลิตรถแทรกเตอร์มาใช้ทำไร่ไถนา ผู้คนต่างก็มีหูทิพย์ตาทิพย์ (โทรศัพท์-โทรทัศน์-อินเตอร์เน็ต)

ผู้คนมีพาหนะทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน-ลอยฟ้า หรือเครื่องบิน

สิ่งเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนนะ พี่น้องทั้งหลาย…“

หมายเหตุ : ในบางประโยคนั้น เป็นปริศนาธรรมที่ลึกซึ้ง ที่จะต้องตีปริศนาและขบคิด ค้นหาความหมายที่ถูกต้องครับ

รอผู้รู้..มาช่วยกันตีความแปลความหมายต่อไป… สาธุ … ครับ

https://sites.google.com/site/sujittrawiengin/phyakrn-lok/kha-thanay-khxng-khruba-sri-wichay

 

สัตว์โลกน่ารัก

 

ถามเองหน่าฮับ

ขั้น บ้า ฮับ

สังโยชน์ตามตำรา ตัดเบื้องต้นสาม

อย่างกลาง ตัดเพิ่มอีกสอง รวมแล้วได้แค่ ห้า

จากนั้น ตัดอีก ห้า จบกิจ ไม่มีทยอยตัด
ส่วนห้าหลังที่ละเท่านั้นเท่านี้ข้องอใน
กระดูก

 

คำสอนใด ไม่มี มรรค! คำสอนนั้น ไม่มีผล

คำสอนใดไม่ได้กล่าว อุบายวิธีสงบ รำงับ
ของกิเลส คำสอนนั้น ไม่มีผลต่อการสิ้น
กิเลสผ้นกิเลส

พูดง่ายๆ

เดรัจฉาน กถา!

 

น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว



ประโยค "น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาว" มีที่มาจากไหนคะ ได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆ ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ จริงๆ แล้ว มีที่มาอย่างไรคะ แล้วมีแค่ประโยคเดียว หรือมีมากกว่านี้คะ ขอบคุณค่ะ

> Koong << เมื่อ 07 ต.ค. 05, 11:26

มาจากความเชื่อของมนุษย์เกี่ยวกับวันสิ้นโลก ในทางพุทธศาสนาเชื่อว่า เมื่อพุทธันดรนี้สิ้นสุดลงจะบังเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญโลก โลกธาตุย่อมพินาศลงด้วยเหตุทั้ง ๓ ประการ คือ ราคะ โทสะ โมหะ

เมื่อสัตว์โลกมากด้วยราคะแล้ว เมื่อถึงกาล จักต้องพินาศลงด้วยไฟ เหตุด้วยราคะนั้นร้อนเหมือน…ไฟ

เมื่อสัตว์โลกมากด้วยโทสะ จักต้องพินาศด้วยน้ำ เหตุด้วยโทสะนั้นร้ายเหมือน…น้ำกรด

เมื่อสัตว์โลกมากด้วยโมหะ จักต้องพินาศด้วยวาตะ เหตุด้วยโมหะเหมือนหนึ่ง…ลมกรด

ไม่แต่เพียงพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาเก่าแก่ของโลกที่มีกำเนิดในตะวันออกกลางอีก 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาจูเดอิ ก็มีความเชื่อว่าหลังจากการทำลายล้างโลกแล้ว โลกจะเข้าสู่ยุคที่มีแต่สันติภาพ มนุษย์ล้วนเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ศีลธรรม พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์ประดุจทิพยวิมาน

เช่นที่ศาสนาพุทธนิยามว่า “ยุคพระศรีอาริย์” หรือที่รู้จักกันตามหนังสือของโทมัส มัวร์ ว่าโลกยูโธเปีย (Utopia: ou = no, topos = place) ในความหมายที่รู้จักมักคุ้น คือความพยายามที่จะสร้างสันติสุขในมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง

ในเจเนซีส มีการจารึกเรื่องราวที่พระเจ้าเสด็จมาบอกโนอาห์ ให้สร้างเรือขึ้น เพื่อช่วยชีวิตสัตว์บนโลกนี้ ก่อนที่พระองค์จะบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลก เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของเหล่ามนุษย์

โนอาห์เป็นสัตตบุรุษ (ผู้รู้/คนดี) ที่พระเจ้าสร้างขึ้น เป็นบุตรชายของพระเจ้า และต่อมาได้ไปแต่งงานกับสตรีสายอื่นๆ ลูกหลานที่เกิดขึ้นมาในเจนเนอเรชั่นถัดๆไป มีความกรุณาน้อยลง แต่ใจร้าย ทะเลาะวิวาทกันมากขึ้น

พระเจ้าตัดสินใจที่จะทำการ “ล้างโลก” โดยดลบรรดาลให้น้ำท่วมโลก เพื่อให้มนุษย์และสัตว์ทั้งมวลสูญหายไปในมหาอุทกภัยนี้ แต่ก็ยินยอมให้โนอาห์สร้างเรือ เพื่อช่วยชีวิตจากจากอุทกภัยที่จะกวาดล้างทำลายสรรพสิ่ง

โนอาห์ใช้เวลาสร้างเรือ 120 ปี จึงเสร็จ ในระหว่างนั้นก็ได้พร่ำสอนลูกหลานให้ประพฤติตัวดีขึ้น วันที่น้ำท่วมโลกเรือของโนอาห์ได้ช่วยชีวิต บุตร ภรรยา มวลมนุษยชาติ และผองสรรพสัตว์เอาไว้ มันลอยเท้งเต้ง เคว้งคว้างอยู่กลางผืนน้ำเวิ้งว้างที่มองเห็นแค่น้ำกับฟ้า

ปัจจุบันที่เห็นการใช้ "น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาว" มักต่อเป็นคำคล้องจองสั้นๆ ประณามคนคดโกงแผ่นดิน ที่ว่าการเบียดเบียนสรรพสัตว์ เป็นสิ่งพึงรังเกียจ และแช่งให้ผู้กระทำ จักพบพานความหายนะในบั้นปลายค่ะ

Nuchana เมื่อ 24 ต.ค. 05, 18:01

ที่มา http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1520.0