อาการกระตุกตอนนั่งสมาธิ

คือเราก่อนหน้าห่างหายจากการทำวิปัสนาไปนานพอสมควร พอกลับมานั่งเราไปเจอคลิบๆหนึ่งในคลิปเขาบอกว่าเป็นการรับพลังบวกเข้าตัว เป็นการทำคล้ายๆการทำสมาธิรูปแบบหนึ่ง.. แต่รู้สึกว่าเราอยากดัดแปลงให้เข้ากับตัวเรา

ตอนแรกเราทำสมาธิแบบนอนทำ แล้วนึกภาพตัวเองกำลังนั่งสมาธิอยู่ ร่างกายโปร่งใส มีดวงแก้วใสอยู่กลางกาย(บางทีถ้านึกขึ้นได้ก็จะนึกว่ามีพระอยู่ข้างในดวงแก้วด้วย ส่วนร่างกายเราจะมีดอกบัวบานห่อหุ้มอยู่ มีน้ำเย็น ใสสะอาดไหลลงมาใส่ดอกบัว ไหลลงมาสู่ตัวเราเอื่อยๆเรื่อยๆ

ตอนนั่งๆไปก็รู้สึกเพลินดีค่ะ แต่พอนั่งไปสักพักจะนั่งเงียบ จู่ๆร่างกายก็กระตุกขึ้นมา กระตุกแบบแขนเด้งจนตกใจ แล้วก็หลุดออกจากสมาธิ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรทำต่อไปเรื่อยๆจนขากระตุกเด้งอีกหลุดอีก แต่ก็ทำไปเรื่อยๆจนหลับยาวไปถึงเช้าเลยค่ะ

แต่ไม่ว่าจะทำวันไหนก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าจะนั่งทำหรือนอน เป็นเพราะอะไรคะ เพราะก่อนทำสมาธิเราอธิฐานให้ร่างกายปรับธาตุหรือเปล่า

แต่พอนอนหลับแล้วตื่นมาร่างกายแบตเต็มมากเลยค่ะ

 

ให้เข้าใจอย่างนี้นะครับ
ถ้าขณะฝึกสมาธิแล้วมีผละกระทบ
ทางกายแสดงว่า กำลังสมาธิสะสมไม่พอ
อาจเสริมด้วยการจงกลมก่อน

ถ้าเกิดสัมผัสกิริยาต่างๆ แล้วไม่เข้าใจ
ณ เวลานั้นเลย แสดงว่า กำลังสติไม่พอ
เสริมด้วยเจริญสติในชีวิประจำวันให้ต่อเนื่อง

ขาดตรงไหน เสริมตรงนั่นครับ
เรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ
เป็นกันได้ทุกคนครับ

ระดับสมาธิมันถึงจะไปต่อได้ครับ
กิริยาที่คุณเป็นบางทีเค้าเรียกตกภวังค์ครับ
เปรียบเหมือนขับรถมา
เห็นปลายทางข้างหน้า
อยู่ดีๆ น้ำมันดันมาหมดซะงั้น
แต่เราก็พยายามโยกตัวช่วย
โดยหวังว่ามันจะไปต่อได้
แต่มันก็ไปต่อไม่ได้ รถก็กระตุกหน่อย
ก่อนดับสนิทครับ.
เรารู้ว่าน้ำก็ไม่มี
เราก็นอนในรถนั่นหละครับ
เพราะเราเดินทางมานานแล้ว
ไหนจะลุ้นให้รถไปถึงปลายทางอีก
มันเลยเหนื่อยและหลับเป็นตาย
พอฟื้นเลยรู้สึก ร่างกายดีขึ้น สดชื่นขึ้น


แต่ถ้ากลัวกริยาต่างๆ
แสดงว่ากำลังสมาธิน้อย
ต้องฝืนประทาน๓ ถึง ๔ ครั้ง


ปล กิริยาคือ มันจะคล้ายๆผิวหนังยุบยิบ
และก็สามารถเคลื่อนไปได้เรื่อยๆ นี่คือระดับ
เริ่มต้น


ต่อมา จะเป็นควันสีดำ สีขาวลอยออกมา
มองเห็นได้ด้วยเปล่า

ต่อมา จะเป็นสีใสๆ วิ่งขึ้นบน
นี่ก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ที่เล่ามาคือกระบวนการปรับธาตุ

แต่ถ้า ร้อนๆหรือ หยุบยิบ ตึงๆ หนักๆ เหมือนมีคล้ายลมหมุน แต่ไม่เคลื่อนไปไหน
นี่คือธาตุเกิน. ต้องไปเหยียบหญ้า
เหยียบดิน หรือแช่เท้าในน้ำเกลือ
หรือแช่น้ำทะเลถ้าสดวกครับ

ยกเว้นถ้าเริ่มสัมผัสนามธรรมต่างๆได้
ให้ทำร่วมกับ การทำบุญกรวดน้ำ
อุทิศส่วนกุศลจนกายเบาจิตเบาครับ

 

ขอบคุณค่ะ จะลองนำไปปรับแล้วลองทำดูค่ะ

 

หมายเหตุ หลัง ปล.
คือกิริยาของการปรับธาตุปกติครับ

 

อันแรก เค้าเรียกว่า เล่นอภิญญา
แต่ไม่ใช่การบรรลุธรรมนะ
ยังอยู่ในญานที่สอง


ส่วนร่างกายกระตุก เป็นอาการของญานที่สาม คือ ญานปิติ

หากมีสุขในญานที่สอง เรียก ญานที่สี่ หรือ ญานสุข

ส่วนจะปรับธาตุ จะต้อง เคลื่อนย้ายความรู้สึก ไปตามจุดต่างๆในร่างกาย ทีละจุดๆ จุดละไม่เกินหนึ่งคืบ

 

ขอบคุณค่ะ หมายถึงการปรับญาติเราต้องย้ายตรงจุดที่เราจับอยู่ไปที่จุดต่างๆใช่ไหมคะ

 

กิริยาตรงนี้ไม่ใช่อภิญญา
กำลังยังไม่ถึงปฐมฌานครับ
มโนล้วนๆถ้าคิดว่าเป็นอภิญญา

อภิญญามีภายนอกและภายใน
กิริยาพวกนี้เป็นแค่ระหว่างทางของภายใน
ยังไม่ถึงระดับใช้งาน
ยังห่างไกลความเป็นจริงมาก

ถ้าแค่นี้เป็นอภิญญาได้
ป่านนี้ได้ประเทศไทย
ได้อภิญญากันเป็นล้านๆคนแล้วครับ

ด้วยความปรารถนาดี

 

ถ้าสิ่งที่เราเอาเข้ามา มันไม่ใช่ของเรา มันก็คือการขโมยอ่ะ

ลองทบทวนดูดีๆ ว่าจะปฎิบัติธรรมเพื่ออะไร เริ่มมาก็ขโมยแล้ว

 

เดี๋ยวนะคะ ตลกละค่ะ บ้าบอ

เราไม่ได้ขโมยอะไรใครมาเลยนะ คลิบที่เราดู กับสิ่งที่เราทำคนละแบบกันเลยมั่ว

อีกอย่างเราไม่ได้ทำเพื่อหลุดพ้นนะคะ เราทำเพื่อให้เราพบกับความสงบ มีสมาธิ มีสติ มีพลังในการใช้ชีวิตต่อไป

เราไม่ได้สนด้วยซ้ำว่าเราทำแล้วได้อะไร จะเห็นอะไรจะเจออะไร

แค่เราได้มีช่วงหนึ่งที่สงบ มีสมาธิ ได้หายเหนื่อย ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็พอใจแล้วไหมคะ

แล้วการที่เราเห็นอะไรน่าสนใจแล้วเอามาดัดใช้กับตัวเอง นี่เรียกว่าขโมยหรอคะ ใครเป็นเจ้าของคะ

 

มันปกติคับอย่าไปคิดมาก เมื่อจิตที่เป็นรอยต่อของสมาธิที่มีสติดำรงอยู่จะปรากฏอาการแบบนั้นเรียกว่าติดๆดับๆ หมายถึง มีก็ได้ไม่มีก็ได้ตัวสติเลยมีอาการแบบนั้น ทำไปเรื่อยไป พอพบบ่อยแล้วจะเข้าใจเองว่า..จุดนี้คือตุดที่ติตกำลังจะเกิดสมาธิ ก็เท่านั้น

 

ถ้าเขาจะลงตัวไปในทางสบายคือหลับพักผ่อนก็ปล่อยเขาไปแต่เราอาศัยระลึกรู้ภาวะนั้นต่อไปเพื่อใช้จดจำรอยต่อและทำต่อไปบ่อยๆจนมันแทบข้ามไปหรือข้ามไปเลยจะพบความสงบในเบื้องต้นอาจเป็นได้ทั้งอุปจาระหรืออัปปมา ขึ้นอยู่กับว่าถ้าติดๆดับๆก็เป็นอุปจาระแต่ถ้าพ้นไปแล้วไม่มีอาการแบบนั้นมีแต่สงบสบายเบาๆว่างๆสติรู้แต่บอกไม่ได้เหมือนกันว่าแต่ละคนแค่ไหนแต่โดยมากจิตที่เต็มไปด้วยสติในอัปปนาไม่มีที่ว่างของสิ่งอื่นแทรกได้ผลที่ได้คือสบายๆจะว่าสุขก็จริงถ้าหวังผลแค่นั้นก็ได้ตามนั้น

 

ส่วนเรื่องอื่นไ่ม่ควรสนใจถ้าต้องการความสงบก็ควรแสวงหาความสงบเพราะสิ่งอื่นเกินวิสัยจะทำนายหรือถ้ามีได้หรือทำได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย...เหลือวิสัยจะพิจารณา...เอาเท่าที่ควรจะได้ก็เพียงพอแล้วในชีวิตปกติคับ

 

นำมาฝากครับ จขกท.

 

ขอบคุณค่ะ

 

การปรับธาตุ โดยการย้ายจุด เช่น
ครั้งแรกเข้าญานด้วยการ กำหนดดูลมหายใจเข้าออก
ต่อมา ย้ายจุดจาก จมูก ไป ระหว่างคิ้ว ไป กลางกะหม่อม ไป ท้ายทอย ไปเรื่อยๆอย่างนี้ จุดละไม่เกิน หนึ่งคืบ
เลือดลมจะเดินดี หากไกลกว่านี้ เลือดลมไม่ประสานกัน
ตีกันมั่วไปหมด