ร่วมทำบุญบูชา ยอดทิพย์บรมพรหมบิดรเข้าแกนอาถรรพ์(สิทธิมงคลถือขึ้นปราศเงื่อนไข) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    กลับมาตอบ PM ครบนะครับ วันนี้ก็มีเล่ามีแชร์ประสบการณ์องค์ครุฑกับพระชรรค์เพิ่มมาหลายท่าน บางคนว่าอาราธนาสองอย่างใช้คู่กันยิ่งแรงมาก ใครมีทั้งสองอย่างก็ลองอาราธนาดูนะครับ บอกใบ้ๆว่าสายโหดเลยถ้าจับคู่กันเพราะพลังจะหนักหน่วงจนเกินรับ ก็เดี๋ยวเอาไว้มาติดตามพูดคุยกันนะ ;)
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ไพรีพินาศ

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก่อนที่จะลงเรื่องพระไพรีพินาศ วันนี้ก็มาพูดคุยกันถึงเคล็ดลับวิธีใช้ อาราธนาพระไพริพินาศให้ได้ผลเร็วตามแบบพระไพริพินาศวัดบวรกันก่อน

    พระไพรีพินาศนั้นได้ชื่อว่ามีดีทางกำราบศัตรูทั้งปวงที่คิดร้ายแต่คนที่ใช้อานุภาพต้องบริสุทธิ์คือ
    ๑.อยู่ในศีลธรรมอันดีไม่คิดร้ายคนอื่นไม่มัวเมาด้วยโมหะคิดจะเอาชนะคนอื่นเป็นที่ตั้งไม่คิดร้ายต่อผู้คิดร้ายหรือใส่ร้ายตน

    ๒. ไม่ตอบโต้ด้วย กาย วาจา และใจคงมั่นนความสุจริตเป็นที่ตั้งแม้จะถูกรบกวนหรือให้ร้ายก็ยึดมั่นในอุเบกขา และสันติธรรม

    เมื่อมีเหตุผลเช่นนี้แล้วจึงจะอาศัยเป็นผลขอรองรับบารมีจากพระพุทธไพรีพินาศได้อย่างเต็มที่ การรับบารมีทำได้ดังนี้
    -เขียนชื่อศัตรูที่มุ่งร้ายตนและนามสกุลตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธไพรีพินาศที่มีอยู่กับตัวว่าขอบารมีกำราบศัตรูให้แพ้ภัยตัวเองไป
    -พับกระดาษที่มีชื่อของศัตรูให้เป็นแผ่นแล้วเอาพระพุทธไพรีพินาศวางทับลงไป
    -เมื่อสวดมนต์ไหว้พระแล้วให้แผ่เมตตาไปยังคนผู้นั้นอย่าให้ขาดขอให้เขามีสติระลึกถึงกรรมและเลิกรังควาญรังแก
    -เมื่อผู้คิดร้ายสำนึกได้หรือมีอันเป็นไปแล้วเอาชื่อออกและแผ่เมตตาให้ถือว่าเขาได้รับกรรมแล้วเป็นอันสิ้นสุดกรรม

    ข้อพึงระวัง
    -ถ้าตนเองคิดร้ายต่อต้านโต้ตอบเขาวันใดผลร้ายนั้นจะย้อนเข้าตัวเองพินาศสิ้นไปด้วยอกุศลกรรม
    -ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ตามนำเอานามของพระพุทธไพรีพินาศไปตั้งเป็นสิ่งที่คิดทำร้ายผู้อื่นหรือใช้พระพุทธไพรีพินาศในทางที่ผิดคือสาปแช่งผู้ที่เขาไม่มีความผิดไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กล่าวแล้วจะพึงได้รับผลสะท้อนกลับ แบบมูมเมอแรงถึงกับพินาศไปเองด้วยประการต่าง ๆ



    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ธีธัช EV 4402 1477 3 TH

    พี่นฤชา EV 4402 1476 0 TH

    พี่พรเทพ EV 4402 1478 7 TH
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พูดคุยรอบเย็น

    รายการครุฑกับพระขรรค์นี้ยังแรงตอเนื่อง พอดีมีพี่ที่เขาเอาไปเลี่ยมรวมกันโอยเอาพระขรรค์ไว้ด้านหลังครุฑ กะจะใช้ให้ถนัดแบบองค์เดียวอยู่ เลยเจอสิ่งแปลกๆคล้ายกับมีพลังบีบและกดดันตัวเองสูงมากเกินไป เกินกว่าที่ร่างกายตัวเองจะทนรับได้

    อันนี้ต้องบอกคร่าวๆไว้นะครับว่าของบางอย่างเขาดีอยู่แล้ว ไม่ต้องนำไปรวมไปผสมอะไรกันเลย ถ้าจะห้อยแบบห้อยเอาไว้ด้วยกันในสร้อยเส้นเดียวเช่นนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน แต่ถ้าเอาไปเลี่ยมเอานั่นผสมนี่รวมๆกัน จะเกิดกรณีที่แรงมากเกินไปจนบางคนธาตุหรือสังขารเขารับไม่ไหว แทนที่จะเป็นมงคลจะพาลให้หนักให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ แต่บางคนเขารับไหวไม่มีอาการใดๆก็มี ในกรณีนี้ถ้ารวมแล้วจิตเราร้อนหรือรู้สึกเหมือนมีอะไรบีบๆมันหนักหน่วงเกินไปก็ให้แยกห้อยปกติ สามารถห้อยในสร้อยเส้นเดียวกันได้แต่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเอาไปเลี่ยมรวมกัน

    *** ใครที่ชอบของแรง ย้ำว่าแบบเน้นๆ ตรงนี้จะเน้นความแรงด้วยพุทธคุณแบบดุดัน เฉียบขาด ดั่งที่พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งดุยิ่งให้คุณมากซึ่งรายการนี้บอกได้เลยว่าเป็นสายโหดที่พ่ออาจารย์ท่านใช้ทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ พลังงานดวงดาวและคุณครูบาอาจารย์กำกับเหนือคำว่าไพรีพินาศไปไกลโขยิ่งๆนานๆทีท่านจะยอมทำอะไรที่มีคุณดุๆแรงๆซักครั้ง รายการนี้ผมไม่บอกรายละเอียดล่วงหน้ามากนะครับเพราะพระมีน้อยอยู่แล้ว ให้เป็นไปตามกรรมลิขิตแล้วแต่บุญแต่กรรมกันเลย แบบใครดีใครทันใครได้

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือ (ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ)

    โดยปกติแล้วสำหรับคนที่เล่นอาคมหรือใช้เครื่องรางของขลังก็ดี สิ่งที่เขากลัวที่สุดย่อมเป็นการได้มาและเสื่อมไปของอานุภาพแห่งคาถาอาคมนั้นและความฉิบหาย หายนะที่จะเกิดขึ้นในวันที่เครื่องรางไร้พลังงาน ด้วยพลังงานในวัตถุมงคลและคาถาอาคมต่างๆก็ถือเป็นปัจจัตตังมีเกิดขึ้นและเสื่อมสลายเช่นเดียวกับกฏของสังสารวัฏ แต่ทั้งนี้หลังจากที่หลายคนสอบถามกันเข้ามามากๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าอัจฉริยาจารย์แต่เมื่อกาลโบราณนั้น ท่านก็มีวิธีทำ วิธีสร้างและตรึงพลังงานให้อยู่ในเครื่องมงคลได้ตลอดนับกัปกัลป์เช่นกัน ท่านว่าถึงขนาดที่ว่าพลังงานจะไม่เสื่อมสูญลง เรียกว่าใช้อย่างไรก็ไม่เสื่อมหากไม่กลายเป็นน้ำเป็นฝุ่นอยู่ตรงนั้น ในเมื่อจะทำแล้วก็จะทำของวิเศษที่ได้ชื่อว่าแรงที่สุดไว้ทีเดียว

    จำเนียรกาลข้ามผ่านวันเวลา โลกได้หมุนวนเข้าสู่กาลโกลาหล พฤติกรรมของสัตว์โลกย่อมเรรวนขึ้นลงเป็นอันมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนได้ทุกข์ได้ร้อนเพราะความแค้น ความอาฆาตพยาบาทที่เพื่อนมนุษย์พึงมีใส่กัน แม้ในเหตุเล็กๆน้อยๆก็กลับกลายเป็นผูกเวรอาฆาตรุนแรงทำให้เป็นกรรมติดตามภพชาติส่งผลให้ผูกเวรและจะต้องเกิดร่วมชาติเพื่อใช้กรรมร่วมกันไม่รู้สิ้นรู้สุด

    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีดำริจะทำพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือหรือที่ท่านเรียกว่าไพรีพินาศ ท่านว่าสมัยนี้มีทั้งคนที่พยาบาทมุ่งร้ายด้วยพื้นฐานจิตใจที่ผิดปกติ มีทั้งคนที่กระทำคุณใส่ผู้อื่นด้วยอวิชชาและไสยศาสตร์ ท่านจึงอัญเชิญพุทธบารมีของสมเด็จพระพุทธเรวัตตะมาสงเคราะห์มนุษย์ที่เกิดในกาลโกลาหลซึ่งจิตใจด้านลบจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัวในอนาคตเช่นนี้ให้ผ่านพ้นไป

    แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จะเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งในทุกโลกเสมอกัน แต่บารมีเฉพาะทางอันเป็นอุปนิสัย เป็นพุทธวิสัยที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็แตกต่างกันไป จากการที่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญบารมีมาแตกต่างกันนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้ท่านอุบัติมาในสมัยที่โลกอยู่ในความโกลาหล มีมารในจิตมนุษย์อยู่มาก มีการกระทำคุณไสย มนต์ดำพวกไสยศาสตร์อวิชชาขั้นรุนแรงเหนือยิ่งกว่ายุคสมัยใดปองร้ายพุทธบริษัทแทบจะตลอดเวลาชนิดไม่ไว้หน้าองค์พระศาสดากันเลยทีเดียว แต่สมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้ก็ได้สงเคราะห์พุทธบริษัททั้งหลายอยู่เนืองๆจนการพยาบาท การกระทำคุณไสยทั้งหลายสะท้อนย้อนกลับไปยังความพินาศแก่ผู้คิดร้ายให้เกิดขึ้นเสมอ ดังนั้นพระองค์ท่านจึงมีบารมีมากทั้งด้านเฉพาะทางมีความชำนาญที่จะสงเคราะห์สัตว์โลกและพุทธบริษัททั้งหลายที่ตกอยู่ในห้วงการกระทำ การกลั่นแกล้ง ทั้งจากอำนาจหน้าที่ สถานะหรือแม้แต่การกระทำด้วยศาสตร์นอกรีต ศาสตร์เหนือธรรมชาติใดๆให้พ้นจากการรังแกกดดันของผู้อื่นได้

    พ่ออาจารย์ท่านดำริว่าหากจะทำพระไพริพินาศให้ไพรีพินาศทันตาจริงๆก็ต้องใช้พุทธบารมีของสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนี้เองในการสงเคราะห์พุทธบริษัททั้งหลาย ท่านจึงได้กำหนดขออนุญาตให้สมเด็จพระพุทธเรวัตตะสงเคราะห์ด้วยจะสร้างพระให้แก่ผู้นับถือนำไปใช้ฉลองศรัทธาก้าวข้ามผ่านกาลโกลาหลเป็นมงคลทุกกาลสมัย สมเด็จพระศาสดาทรงรับคำดีแล้วพ่ออาจารย์ท่านจึงสร้างพระไพรีพินาศตำรับของท่านด้วยวิชาเต็มรูปแบบครั้งแรก

    ท่านได้แกะบล๊อคปั้นหุ่นเทียนสมเด็จพระพุทธเรวัตตะนั่งประทับในลักษณะพระไพรีพินาศเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ท่านได้นำหุ่นเทียนนั้นมาโสรจสรงน้ำทิพย์มนต์บอกกล่าวสมเด็จท่านเป็นขั้นเป็นตอน โดยสมเด็จท่านแนะว่าให้สร้างรูปท่านด้วยสิ่งสูงค่าที่สุดเท่านั้น ยิ่งสูงค่าเท่าไหร่องค์พระก็จะยิ่งมีพุทธานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ด้วยพุทธดำรัสนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงคิดแต่ว่าเราต้องใช้ทองคำหล่อกระมัง แต่หากใช้ทองคำแล้วราคาต้นทุนก็จะยิ่งสูงมากขึ้นยากที่คนมีปัญหาจะได้บูชาหรือคนทั่วไปมีไว้ในครอบครองได้ แม้จะใช้เงินอานุภาพก็ยังเป็นรองทองคำอยู่ดี คิดได้เช่นนี้ท่านจึงวิตกว่าพระรุ่นนี้หากทำแล้วคงไปตกอยู่กับพวกเจ้าพวกนายทั้งหลาย ตกอยู่กับเฉพาะชนชั้นที่มีอำนาจในตัวอยู่แล้ว ไม่ตกอยู่กับคนที่โดนกดขี่ทั่วไปผิดวัตถุประสงค์แรกเริ่มแน่นอน ท่านวิตกอยู่เช่นนั้นจนสมเด็จท่านแนะให้ใช้ธาตุกายสิทธิ์สร้างขึ้น ท่านว่าจะมีสิ่งใดมีค่าและมีอานุภาพไปกว่าธาตุกายสิทธิ์ได้อีก "และนี่จะเป็นครั้งแรกในทุกๆโลกที่สร้างรูปของเราโดยใช้ธาตุกายสิทธิ์" เมื่อมีทางสว่างพ่ออาจารย์ท่านจึงนำธาตุกายสิทธิ์มาหล่อหลอมผสมทองคำบางสะพานที่มีอาถรรพ์มากและเงินพดด้วงอันเป็นโลหะสูงค่าที่สุดของมนุษย์ลงไปเป็นหัวเชื้อโดยลำดับ

    ปกตินั้นพระไพรีพินาศจะมีคุณเป็นทั้งมหาปราบและมหาระงับในตัวเอง คือปราบปรามเรื่องไม่ดีทั้งหลายรวมถึงระงับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดในชีวิต การจะเสกพระไพรีพินาศได้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าต้องลงคุณให้ครบ ทั้งปราบ ระงับ สะท้อนย้อนกลับ รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับดวงชะตาทั้งดวงคุด ดวงแตก ดวงแย่ ดวงไม่ดี มีแต่ศัตรู ทำมาหากินไม่ขึ้น พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ราหูทับ เล็งลัคนาต่างๆ เรื่องเหล่านี้ต้องมีครบเพราะเป็นปัญหาทำให้คนดีๆพินาศได้จริง ...ไพรีหรือศัตรู ทั้งที่มองไม่เห็นหรือมองเห็นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์ ได้ชื่อว่าคอยกลั่นแกล้งให้ร้ายเราต่างๆนาๆ คอยหาเรื่องหาราว สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจไม่สิ้นสุด พ่ออาจารย์ท่านว่าเอาพระฉันนี้ไปอาราธนารับรองได้ว่าไพรีพินาศปราศจากเคราะห์ภัย หายเจ็บหายไข้ได้เป็นใหญ่เหนือคน

    พ่ออาจารย์ท่านได้รับพุทธดำรัสในสมเด็จพระพุทธเรวัตตะให้นำรูปเคารพท่านที่หล่อมาจากชนวนกายสิทธิ์นี้ นำไปเสกในฤกษ์สุริยคราสเก้าครั้งเป็นปฐมฤกษ์ก่อน โดยสมเด็จท่านจะมาทำพิธีให้ทุกครั้ง การเสกเช่นนี้หรือที่ท่านเรียกว่าฤกษ์ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ อุปมาเหมือนตะวันแม้จะยิ่งใหญ่ร้อนแรง มากอำนาจ มากบารมีล้นฟ้าทั้งสะกดทั้งข่มแสงดาวดาราน้อยใหญ่ชนิดที่ว่าไม่ปรากฏดาวใดเทียบเคียงรัศมีเสมอเหมือนได้ เป็นที่ขยาดหวาดกลัวในอานุภาพปานนั้นยังดับลงได้ สิ้นแสง สิ้นอานุภาพไม่หลงเหลือเช่นนั้น เก้าคราสดับตะวันฉันใดก็ดีไพรีแม้มีอำนาจยิ่งใหญ่ดุจดวงตะวันก็ย่อมดับย่อมพินาศไปฉันนั้น(พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จท่านเมตตามากนะให้ใช้สติตรองดูกันเถิด เพราะทอดสายตาไปทุกวันนี้ตลอดจนในอนาคตกาลก็จะไม่ปรากฏมนุษย์ผู้ใดที่มีบารมีมากพอจะอุปมาได้กับดวงตะวันนั่นเอง มนุษย์ที่จะเปรียบกับดวงตะวันนั้นต้องมีบารมีระดับพระจักรพรรดิราชซึ่งไม่อาจปรากฏได้ง่ายฉันใดกาลเวลาก็ทอดยาวไปฉันนั้น อีกนาน...นานมากจริงๆ)

    หนนี้ทำพระไพริพินาศพ่ออาจารย์ท่านว่าลงมือแล้วนอกจากจะทำให้เสร็จก็ต้องทำให้ดีที่สุดด้วยเพราะเราใช้บารมีในพระพุทธเรวัตตะอันหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้มาทำ ท่านจึงทำผงสูตรผนึกอาคมอุดฝังไว้ที่ด้านหลัง ท่านว่าผงนี้จะผนึกและปิดกั้นไม่ให้อาคมเสื่อมสูญไปตามกาลเวลา ท่านว่าเครื่องมงคลนี้แรงอย่างไรก็จะแรงอยู่เช่นนั้นพลังงานไม่มีตกลงเลยรังแต่จะเพิ่มขึ้น เรียกว่าเข้าได้แต่ออกไม่ได้รั่วไหลไม่ได้เลยก็ย่อมได้ ผงเช่นนี้โดยปกติแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่มีใครเขาทำกันเพราะกลัวคนเอาไปใช้กำเริบใจว่ามีของดี หนนี้ท่านเมตตาทำให้เพราะถือคติมีแต่เข้าไม่มีออกเป็นมงคลในทุกด้าน นอกจากจะพิฆาตไพรีย่ำยีหมู่มารแล้ว กระแสแห่งพลังงาน สิริ สวัสดิมงคลที่รักษาตัวเรา ทั้งโชคลาภทรัพย์สิน ความสุข สิ่งทั้งหลายอันควรจะเกิดพ่ออาจารย์ท่านว่าเราลงไว้ครบทั้งหมดเลยให้มีแต่ไหลเข้าไม่ไหลออก ให้ตัวทุกข์ตัวฉิบหายไม่มีช่องให้เกิดได้

    มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือนี้ นอกจากสำเร็จด้วยพุทธบารมีในสมเด็จพระเรวัตตะแล้ว พ่ออาจารย์ยังได้ฝังเครื่องมงคลที่มีพลังงานสอดรับ เสริมส่งกันไว้เร่งความแรงและอานุภาพให้ใช้ได้ไม่มีหมดอีกด้วย
    - แว่นฟ้าบาปวิบัติ พ่ออาจารย์ท่านได้ทำแว่นฟ้าบาปวิบัติขึ้นโดยอาศัยคติการสร้างคันฉ่องแต่โบราณที่ใช้รวบรวมพลังมงคลแห่งจักรวาลเพื่อหนุนเสริมบารมี วาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ ความก้าวหน้าในตำแหน่ง ความเจริญในหน้าที่การงาน ทั้งเสริมดวงให้แก่ผู้ครองครองบูชาได้มีพลังอำนาจเหนือดวงดาวด้วยพลังจักรวาลทั้งสามารถปกป้องคุ้มภัย ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีขับไล่เสนียดจัญไรโรคาพยาธิทั้งหลายให้มลายสิ้นไป แม้ได้ถือครองจะอุดมพรั่งพร้อมไปด้วยลาภผลพูนทวี มั่งมีศรีสุขดั่งมหาเศรษฐี อายุยืนตลอดกาล และจะปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งที่เป็นอัปมงคลใดๆทั้งปวง ทั้งป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันลมเพลมพัด ป้องกันภูตผีปีศาจ ด้วยคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้สำคัญนักเพราะใช้ได้ทั้งกันทั้งดูดในคราวเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะดูดพลังจักรวาลมาเสริมส่งมงคลแก่ผู้ครอบครองแล้ว ยังดูดพลังวิญญาณร้าย พลังงานด้านลบทั้งหลายมาใช้เป็นอำนาจให้แก่ตนเองได้อีกด้วย เมื่อได้พกติดตัวก็จะสลายพลังร้ายในร่างกายเราได้ทั้งหมดเพราะเขาสังเคราะห์พลังงานทั้งจากในร่างกายเราและจักรวาลมาทำงานร่วมกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นสิ่งเล็กๆที่สร้างให้เกิดวงจรอันยิ่งใหญ่เพื่อสนองตอบกับปัจจัยสี่ข้อหนุนเสริมผู้ครอบครองคือความยิ่งใหญ่ ความสุข ความมั่งคั่ง และความไม่มีโรคมีอายุยืนยาวที่แม้แต่ทวยเทพยังทำไม่ได้ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก ทั้งแว่นฟ้ายังเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจเหนือกรรมลิขิตของพระบรมบิดาพรหมเทพ ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเสกและใช้แว่นฟ้าเพื่อรวมศูนย์พลังงานจักรวาลอันเป็นพลังมงคลที่ต่อต้านความหายนะ พินาศ ฉิบหายของอกุศลและความมัวหมองได้อย่างน่าฉงน ท่านจึงให้ชื่อแว่นฟ้านี้ว่าบาปวิบัติ ด้วยอาศัยอำนาจพลังมงคลของจักรวาลที่แว่นฟ้าจะรวบรวมไว้ตลอดเวลาลดทอนหายนะ อกุศลกรรมและความพินาศที่จะเกิดแก่ผู้ถือครอง *เหนือสิ่งอื่นใดแว่นฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกยากมากเพราะเขามีอาถรรพ์ให้คุณเหนือกว่าเทวดาเจ้าบุญนายคุณนับสิบเท่า ทั้งยังดีทางด้านการพนันเสี่ยงดวงทั้งหลายด้วย โดยนัยน์ของแว่นฟ้านี้ท่านว่าแม้เราอยากได้ใครไม่ว่าจะคน จะเป็นสิ่งของหรือที่ดินทั้งหลาย ให้เราส่องแว่นฟ้านี้ออกไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสมือนเงาสิ่งนั้นได้ถูกดูดไว้ในคันฉ่องแล้วท่านว่าพูดมากไม่ได้แต่เอาว่าได้แน่ๆ
    - ตะกรุดดับล้างกาลโกลาหล สืบจากยุคสมัยที่บีบรัดด้วยกฏแห่งวัฏสงสารยังผลให้เกิดกาลโกลาหลและเภทภัยทั้งปลุกมารในใจมนุษย์ พ่ออาจารย์ท่านจึงได้ทำตะกรุดดับล้างกาลโกลาหลขึ้นเพื่อให้พลังงานคอยปราบปรามสิ่งชั่วร้าย ปิดกั้นทุกข์โทษโทสาทั้งหลายให้เข้าไม่ถึงตัว ตะกรุดนี้สำคัญนักเพราะสามารถขจัดศัตรูตลอดจนทำลายอุปสรรคขัดขวางให้แก่ผู้บูชาได้ ใครโดนกลั่นแกล้งใส่ความ กระทำด้วยทุจริต ชีวิตโดนรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด ท่านว่าแก้ไขได้หมด หรือแม้แต่คุณไสย ไสยศาสตร์มนตร์ดำชาติไหนภาษาใด พ่ออาจารย์ท่านว่านี่พ่ายแพ้อานุภาพไม่มีได้กินซ้ำยังปรับเสริมแก้ไขอุบาทว์ตัวทุกข์ตัวเคราะห์ตลอดจนสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งภายในภายนอกด้วย เพราะเป็นตะกรุดดับล้างท่านว่าคนอาราธนาจะไม่เจออุบัติเหตุร้ายแรงสิ่งใดเลยมาแผ้วพาลกับชีวิต จะไม่เจอเหตุที่ทำให้ตื่นตระหนก ไม่พบสาเหตุใดที่นำเราออกจากชีวิตอันสันติและผาสุกจากการครองเรือน นอกจากการกันแก้อาถรรพ์ร้าย ล้างบางอวิชชา ให้โทษกับมารยาทุจริต ทั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านยังได้พลีผ้าแดงที่ใช้พับรองฐานถวายครูแม่ย่ากาลี อันผ่านพิธีการปลุกเสกเชิญครูนับเนื่องหลายสิบปี มาตัดเป็นแผ่นและเชิญครูแม่ย่านำหมึกมาลงจารอักขระเลขยันต์เต็มแผ่นม้วนเป็นไส้ไว้ในตะกรุดด้วยวิชาที่แม่ย่าบอกกล่าวให้กับท่านเท่านั้นและยังเฉพาะเจาะจงให้คนที่มีปัญหาทางการเงินและปากท้องไว้บูชา ดุจดังว่าครูต้องการจะช่วยแก้ไขความอัตคัดขัดสน เพราะแม่ย่านั้นท่านมีพลังพิเศษเฉพาะทางที่จะหนุนนำโชคลาภตลอดจนอำนาจราชศักดิ์มาสู่ผู้บูชาเป็นหน้าที่ของท่านที่จะช่วยศิษย์อันมีน้ำใจจงรักภักดี กอปรกับสีแดงยังเป็นสีแห่งกำลังอำนาจ เป็นสีของสุริยะเทพ เป็นสีมงคลที่เชื่อว่าจะดึงดูดทรัพย์สินและสิ่งที่ดีงามมาสู่ผู้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าเหมาะและควรที่สุดแล้วที่จะใช้ผ้าแดงนี้มาทำยันต์ของแม่ย่า เมื่อท่านนำยันต์แดงรับทรัพย์มาม้วนเป็นไส้ตะกรุดท่านว่าตะกรุดนี้จะดีทางโชคลาภโภคทรัพย์ขึ้นมาในตัวด้วย ไม่ใช่เพียงอานุภาพของครูแม่ย่าหรือยันต์แดง แต่เป็นเพราะว่าตะกรุดนั้นมีไส้ เวลาท่านนำมาเชิญครูจุติมันครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งภายในภายนอกเพราะว่าวิชานี้มันกินมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ด้วยอานุภาพของตะกรุดซ้ำยังจะมีไส้อีกโบราณถือนักไม่เจริญก็ให้มันรู้ไป เอาว่ามีเหลือกินเหลือใช้เลี้ยงคนทั้งเมืองได้ก็พอ ที่ผ่านมาคนถามหายันต์แดงของท่านกันเยอะมากทำกี่ครั้งก็เกิดอาถรรพ์รุนแรงจนคนที่เอาไปใช้เห็นผลคาตาทุกครั้ง หนนี้ท่านจึงทำไว้ให้ในตะกรุดดับล้างด้วย เพราะหวังให้พระไพรีพินาศนี้ใช้ได้ครอบจักรวาล ท่านว่าตะกรุดดับล้างกาลโกลาหลนี้มีบารมีแม่ย่าอยู่ทุกดอกให้รู้กันเอาไว้ด้วยว่าทำยากมาก*ตอนเสกนี่ถึงกับทำเอาพานรองที่วางตะกรุดเป็นรูทีเดียว ท่านว่าแม้ตัวเราเองเกิดมาก็ไม่เคยพบเจอตะกรุดรุ่นไหนครั้งไหนที่จะเสกจนพานทะลุได้เช่นนี้
    - สี่ตะกรุดจตุรทิศไพรีพินาศพ่ายฤทธิ์ แม้เป็นตะกรุดดอกเล็กก็มีความสำคัญ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราลงไว้เพื่อคุมมหาทิศทั้งสี่และทิศย่อยทั้งสี่ ใช้ปราบไพรีสยบอาถรรพ์ร้าย ทั้งทำลายพลังงานลบในมหาทิศที่จะออกสัญจรไปตามม่านฉากแห่งละครชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดทั้งสี่นี้แรงนะเป็นตะกรุดสายกำราบปราบปราม ตอนเสกต้องเชิญเทพสงครามทั้งยังครูที่มีฤทธิ์รุนแรงมาสำเร็จให้ด้วยหลายวาระ เพราะครูเขารักเขาหวงคนใช้ดุจลูกรักเขา ก็ครูพระครูเทพเขาหวงเช่นนี้ถึงขนาดตอนเสกครูพระขันธกุมารที่เป็นดาวกษัตริย์สงครามซึ่งเราเชิญมาขอบารมีท่าน ถึงกับออกวาจาหลังประสิทธิ์ให้ว่าเราขอให้ผู้ทำผิดคิดร้ายมีชีวิตอันวิบัติอัปรี อย่ามีซึ่งสิ่งใดที่จะตั้งมั่นดำรงค์อยู่ได้อย่างสถาพร พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นเรื่องปัจจัตตังพูดมากไม่ได้ แต่บอกได้คำเดียวว่าแรงจริงๆ


    พ่ออาจารย์ท่านได้เสกลงอาถรรพ์พระไพรีพินาศรุ่นพิเศษนี้อย่างถึงที่สุด ด้วยตั้งใจให้ผู้บูชาได้อุ่นใจแม้ต้องเผชิญกับร้อยแปดปัญหาและทุกเภทภัยในชีวิต ท่านว่านี่ก็ทำให้อย่างถึงที่สุดแล้ว ทั้งดุดัน เฉียบขาดจนเกินคำว่าไพรีพินาศไปไกลโขมีพลังงานทั้งคุณพระคุณเทพครอบคลุมทั้งหมด ท่านว่าพระรุ่นนี้ไม่เหมาะกับคนจำพวกเหยาะแหยะไม่ปรารถนาความมั่นคง ความยิ่งใหญ่ เป็นคนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ชีวิตไม่ดิ้นรน คนพวกนี้ไม่ต้องมาเอาไป

    คาถาบูชา (นะโม3จบ)
    นะโมนะกะ นะโมพุทธายะ กูขอปราบศัตรู กูจะปราบไพรี กูจะปราบผีร้าย กูจะปราบปรปักษ์ กูจะปราบ กูจะปราบ นะมะอะอุ นะมะพะธะ นะกูจะปราบ นะกูจะปราบ กูจะปราบไพรี โอมสวาหะ กูจะปราบศัตรู นะมะอะอุ โอมสวาหะเถ็ก


    * พระไพรีพินาศรุ่นสำคัญนี้รับจองเฉพาะทาง PM ด้วยเหตุที่พ่ออาจารย์ท่านว่าเหลือไม่มาก มีห้าองค์เพราะพวกเจ้านายพวกอธิบดีเขาเอาไปใช้แล้วได้ดีเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงกันก็มีเขาก็แนะให้คนมาเอาเรื่อยๆ ท่านจึงว่าใครมีวาสนากับสมเด็จพระพุทธเรวัตตะก็ให้มาเอากันเอง ให้เป็นไปตามกรรมลิขิตแล้วแต่บุญแต่กรรมกันเลย แบบใครดีใครทันใครได้ รายได้ร่วมสมทบทุนไถ่ชีวิตโคกระบือสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา มงคลดูดพลังจักรวาลพระเจ้าปราบสังสารวัฏมหาจักรพรรดิบันลือ (ไพรีพินาศเก้าคราสตะวันดับ) บูชา 4,000 บาท

    39174750_228331444524470_8417124474016497664_n.jpg 37528074_263457414484587_4117862146295988224_n.jpg
    suriyothai.jpg 25561027-042938.jpg sri-ishta-siddhi-subramanya.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2018
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่รังสรรค์ EV 4401 5174 7 TH

    พี่วิชัย EV 4401 5175 5 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พระมาลัย
    อรุณสวัสดิ์ครับ หากกล่าวถึงพระมาลัยแล้วก็จะนึกถึงความเชื่อในเรื่องนรกสวรรค์ที่พระท่านเอามาเทศน์ พอคนได้ฟังมากก็เกรงชั่วกลัวบาปกัน แต่สมัยนี้จะหาพระที่เทศน์มาลัยสูตรก็แทบหาไม่มีแล้ว คนสมัยก่อนนับว่าโชคดีเพราะได้ฟังเรื่องเทศน์พระมาลัยแทบจะทุกโอกาสไม่ว่าจะงานบุญงานศพ แต่ชั้นหลังนี้ไม่เป็นที่นิยมก็เลยไม่เกิดคติเตือนใจเรียกว่าคนแก่ก็ไม่ได้จำคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ยินไม่ได้ตระหนักรู้ถึงผลของบุญและบาป ไม่รู้ว่านรกสวรรค์เป็นอย่างไร ที่สุขมันสุขอย่างไร ไอ้ที่ทุกข์ที่ทำบาปแต่ละอย่างมันทุกข์อย่างไรด้วยหาพระเทศน์มาลัยสูตรแทบไม่มีอยากอ่านอยากฟังก็ต้องร้องเองไปค้นพระมาลัยคำหลวงมานั่งอ่านแบบนี้ วันนี้ก็เลยเอาเรื่องพระมาลัยที่หลวงปู่ตื้อท่านเทศนาไว้มาลงคร่าวๆ เรื่องพระมาลัยนี้ต่อไปคงหาฟังได้จากพระยุคเก่ายุคโบราณจริงๆ

    " พระมาลัยเถระเจ้า กราบนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์พิภพ "

    เมื่อครั้งที่หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพานไปแล้ว ๖๐๐ ปี พระมาลัยองค์อรหันต์เถระเจ้า ได้มาจุติเป็นลูกของครอบครัวหนึ่ง พ่อมีศีล ๕ แม่มีศีล ๕ ออกจากท้องแม่ยายแล้ว อายุได้ ๗ ขวบ พ่อกับแม่ก็ถวายให้เป็นลูกพระเถระองค์อรหันต์เจ้า บวชในสำนักพระเถระอรหันต์เจ้า ต่อมาได้สำเร็จมรรคผล

    ครั้นสำเร็จมรรคผลแล้ว ได้ไปกราบมนัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ พระเจดีย์ต่างๆ ในชมพูทวีปลังกา แต่ยังเหลือแค่พระจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์พิภพ

    ครั้นรู้แล้ว ได้ดอกบัวจากโยมถวายมาตอนบิณฑบาตรฉันเช้า ก็เหาะขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อไปกราบนมันการสักการะพระจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์

    พระอินทราธิราช เจ้าแห่งดาวดึงส์พิภพมาเห็นเข้า จึงเอ๋ยคำขึ้นว่า อีหยังของพระคุณเจ้า ดอกบัวอุบลนี้ มันของต่ำ บ่คู่ควรกับพระคุณเจ้าดอกครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    โยม อาตมา ก็มาจากโลกียะ พ่อแม่ก็โลกียะ อาตมาก็อาศัยโลกียะมาเกิด ตอนอาตมาบวรเณร ก็ได้ดอกบัวอุบลนี้ล่ะถึงได้บวช ตอนบวชพระ ก็ดอกบัวนี้ละถึงได้บวชเป็นพระมาทุกวันนี้นะโยม...
    โยม มากล่าวอย่างนี้คงไม่ถูก โยมก็ไปลักลูกลักเมียเขามาเป็นเมีย อย่าว่าอาตมานี้ไม่รู้น่ะ (พระมาลัย กล่าว)

    พระอินทราธิราช ยอมแล้ว ยอมรับครับ ท่านพระคุณเจ้า กระผมไปโดยการโดนบังคับครับ ถ้าบ่ไปกระผมจะต้องตายถูกลงโทษครับ (พระอินทราธิราช กล่าว)

    นั้นล่ะตราบใด๋ที่โยมยังล่ะจากกามคุณบ่ได้ บ่สมควรมาติเตียนคนอื่น นะโยม (พระมาลัยกล่าว)

    ข้าน้อยฯ ยอมทุกอย่างแล้วครับท่านพระคุณเจ้า (พระอินทราธิราช กล่าว)

    เชิญพระคุณเจ้า ไปกราบนมัสการพระเจดีย์ได้เลยครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    หลังจากพระมาลัยเจ้า กราบนมัสการพระเจดีย์แล้วได้ไม่ทันนาน เทวดาจากชั้นดุสิตนำบริวารมาแสนหนึ่ง มากราบพระจุฬามาณีเจดีย์ รัศมีสว่างไสวมาก พระมาลัย สอบถามพระอินทราธิราช นั้นใครหรือโยม ?

    พระอินทราธิราช นั้นคือพระศรีอาริยะโพธิสัตว์ครับกระผม ท่านมาจากชั้นดุสิต ลงมากราบนมัสการพระจุฬามณีเช่นเดียวกับพระคุณเจ้าครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    ตอนนั้นพระศรีอารียะโพธิสัตว์ ได้มากราบนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ เช่นเดียวกับพระมาลัย

    พระคุณเจ้ากราบนมัสการครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    โยมเป็นพระศรีอารีย์โพธิสัตว์หรือ ? (พระมาลัย)

    ครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    เมื่อใด๋โยมจะลงไปช่วยศาสนาพระโคตมะพุทธเจ้า (พระมาลัย)

    เมื่อถึงเวลาครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    สัตว์โลกยังมืดมนอยู่หลายเด้อโยม หน้าที่ของโยมควรจะลงไปโปรดสัตว์ช่วยรื้อขนสัตว์โลกออกจากกองทุกข์ใหญ่นี้ (พระมาลัยกล่าว)

    ครับกระผมพระคุณเจ้า โยมจะลงไปช่วยอยู่ครับ ยังมีสัตว์โลกที่เกี่ยวข้องกับโยมอยู่ โยมจะลงไปช่วยอยู่ครับพระคุณเจ้า (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    ดีแล้วละโยม อาตมา สาธุนำ แล้วยามใด๋โยมจะลงไปตรัสรู้ มนุษย์พวกไหนจะได้เห็นโยมได้ฟังธรรมจากโยมล่ะ ? (พระมาลัย)

    โยมจะลงมาตรัสรู้ ก็ต่อเมื่อหลังจากหมดศาสนาพระโคตรมะพุทธเจ้า มนุษย์อายุ ๘ หมื่นปี ฮู้จักความดี ความชั่ว อายุมนุษย์ยุคนั้น ๘ หมื่นปี มนุษย์ที่จะพบโยมต้องฟังเทศน์มหาชาติมื้อเดี่ยวจบกัณฑ์ ได้พบโยม คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อันนี้บ่ได้พบโยม คนลักเล็กขโมยน้อย อันนี้บ่ได้พบโยม คนผิดลูกผิดเมีย ผิดผัว อันนี้บ่ได้พบโยม คนขี้ปด มุสา อันนี้บ่ได้พบโยม คนมักของมึนเมา อันนี้บ่ได้พบโยม ให้พระคุณเจ้าไปบอกพวกมนุษย์ด้วยขอรับ ให้สร้างคุณงามความดีไว้จึงได้พ้อพบกับโยมแน่นอน (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    หลังจากนั้นพระศรีอาริยะโพธิสัตว์สันดุสิต ก็กราบลากลับชั้นของตนพระมาลัยเจ้า ก็ทูลลาถวายพระพรพระอินทราธิราช พระอินทราธิราชก็กราบนมัสการและร่วมส่งพระอรหันต์เจ้ากลับชมพูทวีปลังกาเพื่อโปรดสัตว์โลกต่อไป

    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    70662_full.png
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ EV 4402 9233 9 TH

    พี่ศิระ EV 4402 9234 2 TH
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พูดคุยรอบเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ ก็จะมาพูดคุยกันสบายๆตอบคำถามที่มีคนฝากไว้เมื่อวาน

    เกี่ยวกับเรื่องเจริญสตินี้ที่พ่ออาจารย์ท่านมักย้ำให้ทำและก็ย้ำกันในกระทู้ตลอดทั้งการเจริญสติ การภาวนา เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วยมีอานิสงค์ครอบคลุมหลายด้าน

    ไอ้ตัวอานิสงค์นี้ก็พูดกันแบบเห็นๆเป็นรูปธรรมจับต้องได้เลย นั่นคือตัวปัญญาของเรานั่นเอง ความคิด ปัญญา การไตร่ตรองพิจารณาทั้งหลายของเราจะเฉียบคมขึ้น

    " ปัญญาเปรียบดั่งอาวุธ เช่นนั้นสติก็ย่อมเปรียบดุจเครื่องระวังและเป็นกระทั่งที่ปรึกษาชั้นครู " พ่ออาจารย์ท่านมักจะกล่าวเช่นนี้เสมอ ตรงนี้แม้เป็นคนหรือสัตว์ท่านว่าก็มีเหมือนกันทุกคน จะมากจะน้อยนั้นล้วนขึ้นอยู่กับการฝึกฝนขัดเกลาและต้องถามตัวเองว่ารู้จักนำออกมาใช้หรือไม่

    สมัยนี้ยิ่งเป็นสมัยที่นิยมความสะดวกสบาย สงสัยอะไรก็กดเข้าเว็ปไซด์ทันที อันไหนหนักหนาหน่อยก็ไปยืมสมองคนอื่นคิดให้ ที่เป็นเรื่องยากขึ้นมาอีก คนปกติไม่น่าเชื่อถือแล้วก็วิ่งไปหาหมอดูหมอทรงมาเป็นที่ปรึกษา ทั้งๆที่ปัญหาทั้งหลายมีไว้เพื่อพัฒนาตนเอง มีไว้เพื่อใช้สติตั้งระวังแลขัดเกลาปัญญา แต่ในปัจจุบันนี้ปัญหาเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการแก้ไขด้วยขั้นตอนที่สมควรของมัน ไม่ได้นับ 1..2...3 ไปจนถึง10 แต่วิ่งเข้าไปหา10เลย และเมื่อกระทำจนเป็นนิสัย ติดความสบายอย่างมากแล้ว ชนทั้งหลายจึงไม่ได้ขัดเกลาปัญญา ไม่มีการใช้สติค้นคว้าพิจารณาสิ่งใดๆ เมื่อไม่ใช้ของมันก็ไม่พัฒนา ซ้ำยิ่งจะเสื่อมจะสูญลง

    น่าแปลกที่คนเรานั้น บางคนเรียนมาก็มาก รู้ก็มาก รู้แทบจะทุกอย่าง แต่กลับไม่รู้ปัญหาของตน ไม่รู้คิดรู้แก้รู้แต่สวดอวดภูมิคนแบบนี้พอเจอปัญหาหนักๆก็ไปไม่เป็นต้องไปยืมจมูกคนอื่น ไปถามความเห็นคนอื่น บางคนไม่รู้จักกันเลยก็ยังต้องการความเห็นเค้า พ่ออาจารย์ท่านเปรียบว่าความรู้ของคนนั้น ถ้าเรียนมาตั้งมากแล้วใช้การไม่ได้จะรู้ไปเพื่ออะไร

    เช่นนี้ท่านจึงหมั่นพูด หมั่นเตือนให้เจริญสติเพื่อจะได้ใช้ปัญญาของตน พัฒนาตน พัฒนาศักยภาพทางจิตวิญญาณไปตามลำดับขั้น พ่ออาจารย์ท่านห่วงอยู่ว่าคนอยากบรรลุมรรคผลตั้งมาก วันๆฝันหาแต่สวรรค์นิพพาน แต่ตัวปัญญาไม่ได้รับการขัดเกลาอะไรเลย นั่งสมาธิยิ่งนั่งก็ยิ่งหลง เพราะไม่รู้จักนำผลที่ได้จากการเจริญสติมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตแล้วจะฝันหานิพพาน หาความรู้แจ้งไปทำไม ในเมื่อรู้จิตตน อารมณ์ ความคิด รู้ให้เท่าทันตนเองยังทำกันไม่ได้เลย

    สติปัญญาเป็นคำใช้คู่กัน สติเป็นของเรา ปัญญาก็เป็นของเรา แม้ร่างกายแตกดับไปมันก็ยังเป็นของเราท่านว่านี่พูดถึงเพียงวัฏจักรแห่งภพนะไม่ใช่การหลุดพ้นใดๆ ทั้งสองตัวนี้ใช้ได้ตั้งแต่เกิดยันตายและหลังตายเช่นนั้น ต่างกับธาตุขันธ์ร่างกายที่แตกดับอยู่กับเราไม่นาน แต่ชนทั้งหลายก็สรรหาอาหารดีๆ หาอะไรต่อมิอะไรสารพัดมาบำรุงปรนเปรอมันทั้งๆที่มันไม่ใช่ของเรา เหมือนมายืมร่างเขาอยู่มายืมอู่เขานอนใช้งานเสร็จก็ต้องจากไป ขนาดบำรุงมันมากในทุกๆวัน วันละหลายๆเวลามันยังมีแต่เสื่อมกับโทรมตามกฏไตรลักษณ์ ในขณะเดียวกันสิ่งที่เอากลับไปได้ สิ่งที่ควรพัฒนา ควรคิดและใช้งานอย่างเป็นระบบนั้นกลับไม่สนใจจะบำรุงมันบ้าง ไม่ได้สนใจจะพัฒนาปรับปรุงให้มันสูงขึ้น ทำให้มันเจริญสมกับชาติมนุษย์

    การเจริญสติ การทำสมาธิ การภาวนานี้ไม่ใช่ทำแต่เพียงลมๆ ทำเพราะดูว่าขลัง ทำเพราะเป็นคนพุทธ ทำเพราะอยากทำ อยากไปนิพพาน เห็นพระท่านทำเห็นพระพุทธเจ้าท่านทำเราก็ทำบ้าง มันไม่ใช่งานประเพณี หากแต่ทำแล้วต้องรู้จักการประคับประคองสติ ไม่ใช่มีสติแค่เวลาภาวนาพอลืมตาก้าวเข้าสู่วังวนปัญหาในวัฏจักรของมันสติก็หลุด เช่นนั้นท่านเอ๋ยสิ่งที่ทำไปย่อมเปล่าประโยชน์เพราะเขานำมาใช้ไม่เป็น

    เมื่อเกิดปัญหาก่อนที่เราจะไปปรึกษาอะไรใคร ก็สมควรจะใช้สติหยุดคิดพิจารณากันเสียก่อน อบรมขัดเกลาปัญญาของตน ปรึกษาทบทวนด้วยตัวของตนเอง เชื่อได้ว่าความรู้ที่เรียนมาทั้งชีวิตดีไม่ดีเราอาจจะมีเยอะกว่าคนอื่นก็ได้ ปัญญาเราที่สติประคับประคองดีแล้วเมื่อใช้ในการพิจารณาไตร่ตรองแบบลำดับขั้น ย่อมประณีตกว่าการคิดแบบส่งๆขอไปทีของคนอื่นแน่นอน เมื่อใช้ปัญญาแล้วต่อให้ยังผิดอยู่ก็จะได้รู้ได้เห็นเป็นประสบการณ์ขัดเกลาตนเอง ให้รู้จักคิดอ่านแก้ไขในลำดับต่อไป


    * ตรงนี้ก็ฝากกันเอาไว้ด้วย ไม่ต้องไปเร่หาหมอดูหมอทรงที่ไหน ถ้าเรายังเจริญสติเป็นประจำ มีคุณธรรมมีศีลขัดเกลาเป็นเกราะป้องกันตน เช่นนั้นก็นั่นแหละปัญญาของเราย่อมดีที่สุดในการที่จะเรียนรู้และแก้ปัญหาทุกสิ่ง อย่าเอาง่ายเอาแค่สะดวกสบายเข้าว่า เพราะถึงมันจะผ่านปัญหาไปได้แต่สติปัญญาของเรากลับไม่ได้ใช้และมีพัฒนาการขึ้นมาเลย

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2018
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่แมน EV 4402 9377 6 TH

    พี่พรเทพ EV 4402 9378 0 TH
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    มีคนเล่าๆมาว่าพระไพรีพ่ออาจารย์ท่านบารมีสูงมาก เดี๋ยวไว้ว่างๆจะยกมาพุดคุยกัน ส่วนที่ถามหาเครื่องรางหรือตะกรุดนั้นเอาไว้เดี๋ยวจะขอท่านมาลงให้อดใจกันสักหน่อยนะครับ ;)
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    อรุณสวัสดิ์ครับ พุดคุยยามเช้านี้ก็จะเริ่มจากเรื่องพระไพรีก่อน ได้ยินว่าคันฉ่องด้านหลังนั้นบางคนเขาเอาไปเล่นฤทธิ์กันได้หลายทาง อันนี้ก้ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าจะประยุกต์เอาไปใช้ทำอะไรด้วย เดี๋ยวรอเขาเล่าๆให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อนแล้วผมจะนำมาเล่าให้ฟังกัน

    ส่วนเรื่องตะกรุดที่จะเปิดพรุ่งนี้ ใครรอเครื่องรางพลาดๆกันมาหลายรุ่นพรุ่งนี้ก็ติดตามกันไว้ บอกคร่าวๆว่าเป็นวิชามหากลับ ทั้งกลับร้ายกลายเป้นดี กลับสิ่งที่สูญเสียไม่มีวันได้คืนให้ฟื้นขึ้นมา(ไม่ใช่ชีวิตนะ)....รายละเอียดเยอะเพราะเป็นวิชาสำคัญของท่าน


    * รายการมหากลับดอกครูนี้ติดตามกันดีๆ เฉพาะลายถักตะกรุดแค่เห็นก็รักแล้ว สวยดีจริงๆ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ใครที่รู้ตัวว่าฐานรากไม่แน่น ล้มง่าย วันพรุ่งนี้ห้ามพลาดนะครับ;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)

    ด้วยมนุษย์ย่อมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด ย่อมมีช่วงชีวิตที่เป็นสุขที่สุด ย่อมมีเวลาที่พึงใจ พอใจ สบายใจที่สุด และย่อมมีเวลาที่เสื่อมสูญความปรารถนาอันพึงสำเร็จนั้นไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ที่ผูกพันธ์และจดจำบันทึกช่วงชีวิตนั้นไว้อย่างแม่นยำ ด้วยความปรารถนาและความเพียรพยายามต่อสู้กับเวทีชีวิตเพื่อไปให้ถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกครั้ง...และอีกครั้ง

    อันชนทั้งหลายล้วนฝากคำถามและเคยปรารภบรรยายถึงช่วงเวลาสำคัญและถดถอยดั่งระดับน้ำที่มีขึ้นมีลง ล้วนแต่ใช้คำว่าเคย ทั้ง..เคยได้..เคยมี..เคยรวย..เคยคบ ....เคยสุขสมหวังต่างๆนานา แต่ไอ้ตัวเคยเหล่านั้นในสถานการณ์ปัจจุบันล้วนไม่มีสิ่งใดเป็นเหมือนเมื่อวันวานทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือรักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย

    พ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่าชนทั้งหลายนั้นย่อมมีวาสนา คนที่เคยสำเร็จ เคยสุขเสมอใจ เคยรวย เคยมีเคยได้ คนเหล่านี้ล้วนเคยมีวาสนาทั้งสิ้นและก็ยังมีสัญญายึดติดอยู่กับความสุขทางกามคุณทั้งลาภยศชื่อเสียงอันเป็นโลกียะที่ผองชนใฝ่ฝันหา ด้วยสัญญาความจำได้หมายรู้ ด้วยความเพียรพยายามไม่หยุดนิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ควรแก่เวลาที่คนเหล่านั้นจะข้ามอุปสรรคได้เสียที

    เหตุที่คนทั้งหลายนั้นล้มบาง ลดบ้าง ทิ้งตัวบ้าง ต่ำตกบ้าง สูญเสียบ้าง ท่านว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะรากไม่มั่นคง ฐานก็ไม่แน่น แล้วยังไปคิดฝันไปฝืนสร้างให้ใหญ่โต ยังรั้นจะเดินตามความปรารถนาต่อไปในฐานที่ทรุดๆแหว่งๆเช่นนั้น ท่านว่าสุขเท่าไหร่ รวยเท่าไหร่ มีเท่าไหร่ มันก็รังแต่จะรั่วจะไหลออกหมด ยิ่งฝืนมากมันก็ยิ่งพังยิ่งล้มง่าย ด้วยวาสนาที่เป็นพื้นฐานแต่ละคนมันรองรับไม่ไหว ด้วยไม่ได้เกิดมาเพื่อให้มีวาสนาเช่นนั้นแม้เพียรพยายามอย่างไรก็มีแต่จะพังพินาศย่อยยับไปได้ไม่เป็นท่าเหลือเพียงความจำและสัญญาที่ปรากฏว่าเคยมีเคยไปถึงเพียงเท่านั้น

    ด้วยสถานการณ์เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะแก้คนก็ต้องแก้ที่ฐานราก แก้ที่ตัววาสนาในชะตาของเขาท่านจึงได้ขอครูพระสยมเพื่อใช้วิชาท่านสร้างตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา)ขึ้นมา

    ตะกรุดนี้สำคัญอย่างไร ...พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเสกกลยันต์หนุนกลวาสนาชะตาชีวิตคน วางระบบแบบจักรวาทิน ใช้ชะตามหาจักรพรรดิผูกเข้า แทรกซึมไปในเนื้อตัวและวาสนาคนใช้คนรับไปอาราธนา อันมหาจักรพรรดิคือเจ้าแห่งราชาที่อยู่เหนือจอมราชันทั้งหลาย การจะเป็นมหาจักรพรรดิได้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ใช่แต่คนเขาจะยอมรับ หากแต่สามโลกแม้ในนรกหรือบนสวรรค์ก็ต้องยอมรับด้วย เรียกว่ามีอำนาจและบารมีสะกดภพภูมิทั้งหลายได้ไม่ครั่นคร้ามทีเดียว

    ดังนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านทำตะกรุดและได้ใช้บารมีมหาจักรพรรดิมาเป็นรากฐาน เป็นวาสนาให้กับคน ท่านว่าตรงนี้สำคัญมากเพราะมหาจักรพรรดิมีบุญบารมี มีพระราชอำนาจเป็นอาญาสิทธิ์กดขี่สรรพชีวิตทั้งปวง ท่านทำเพื่อหนุนนำวาสนาลับฐานร้ายให้กลายเป็นดี พลิกฟื้นสิ่งที่เราสูญเสียไปให้กลับคืนมาเป็นของเราตามกาลมหากลับแห่งพันธะสัญญา

    ด้วยวิสัยวาสนาของมหาจักรพรรดิ สิ่งที่ได้มาแล้ว เป็นของเราแล้วย่อมไม่มีเสื่อมสูญไปทั้งยังจะได้มากขึ้น เพิ่มพูนขึ้น เรียกว่าแผ่กระจายรากฐานได้มั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นตามคติจักรวาทินของการขยายพระราชอำนาจสู่ทิศตะวันออก พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดเสริมรากฐานเช่นนี้ทำยากนะเพราะมันต่อวาสนาคนใช้เท่านั้นไม่พอมันยังเสริมให้จนแกร่งแม้อยากจะทรุดก็ทรุดลงไปไม่ได้อีก ทั้งยังขยายขอบเขตอาณาบริเวณฐานรากเราออกไปเนืองๆด้วย กล่าวภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายก็คือขยายอำนาจวาสนาชะตาของเราออกไปให้ดีขึ้น ประเสริฐขึ้นดั่งวาสนามหาจักรพรรดิที่หนุนนำอยู่

    พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นวิชาเฉพาะทางเป็นของคู่บารมีคน เอาว่าเค้ารู้ตัวว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไร จะชัดแจ้งแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา เขารู้อยู่แก่ใจว่าทำให้ตายลงไปตรงนั้นแต่วาสนาเขารับได้แค่ไหน ท่านว่าถ้าคนที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักเขาจะไม่คู่ควรกับตะกรุดนี้เลย

    ตะกรุดนี้นอกจากตั้งรากต่อฐานแล้ว ท่านว่าที่สำคัญเลยคือเอาไว้ใช้ต้านคลื่นลมด้วยนะ คลื่นลมที่ฉันหมายถึงนี้ไม่ใช่จะเอาไปหยุดฝนหยุดน้ำขึ้นน้ำลงในทะเลแต่อย่างใด หากแต่หมายถึงคลื่นลมที่พัดใส่ชีวิต เป็นมรสุมของความยุ่งยากเรื่องเดือดร้อนที่จำเพาะพัดโหมมาในบางช่วงเวลาเป็นระยะๆไป คลื่นลมเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าล้วนแต่เจอกันทุกคน กำลังดีๆมีลาภบ้างมีความสุขบ้างคราวเคราะห์ก็มาเยือนทำให้มีอันเป็นไปต่างๆนานนา

    เช่นนั้นท่านจึงว่ามีร้อยก็ลดเหลือสิบ มันจะเอาอะไรไปสำเร็จไปเจริญขึ้นมาได้ นอกจากรากจะแข็ง ฐานจะกว้างแล้ว คลื่นลมยังเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามรสุมเล็กๆพอที่จะผ่านไปด้วยกำลังปัญญาของตนได้นั่นมันก็ไม่มีอะไร แต่หลายๆครั้งหรือแทบจะทุกครั้ง ทุกคนจะเจอมรสุมใหญ่ คลื่นลมที่มีกำลังแรงเกินกว่ารากกว่าฐานเราจะต้านรับได้ มันสำคัญอยู่เช่นนี้ถ้าทำฐานให้กว้าง ทำรากให้แน่น แต่วิบากกรรมมันแรง มรสุมมันมีกำลังมากจะแน่นจะกว้างอย่างไรรากก็พังฐานก็แตกพ่ออาจารย์ท่านจึงต้องใช้ค่ายกลคุณวิชาของครูพระสยมนำบารมีมหาจักรพรรดิมาจำกัดขอบเขตกระแสกรรมอันเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคล

    ตะกรุดนี้นอกจากจะมีความลึกซึ้งถึงระดับยากเกินจะบรรยายและทำความเข้าใจได้เพราะเป็นค่ายกลกำลังที่ส่งผลต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบ เป็นของเฉพาะคนเฉพาะกาลอย่างแท้จริงแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังเสกไว้ให้ใช้ได้ครอบคลุมแก่ผู้รับอาราธนาอีกด้วย นอกจากจะกลับร้ายให้กลายเป็นดีอุปมาเหมือนเนื้อร้ายกลายเป็นเนื้อดีพลิกฟื้นคืนวาสนากลับสิ่งอันสูญเสียเป็นของเราแล้ว ยังใช้ได้ในด้านอื่นๆอีกเหลือคณานับ

    ทั้งช่วยหนุนดวง เร่งโชคชะตา ทำให้เหตุการณ์ร้ายๆเปลี่ยนแปลงและมีจุดจบลงเอยที่ดีเหมาะสมแก่ตัวเรา ทำให้ศัตรูที่ปองร้ายกลับกลายเป็นมิตรมีความคิดช่วยเหลือเรา ทำให้ศัตรูแพ้ภัยตัวเองส่งผลกรรมวิบัติแก่ผู้คิดทำลาย เดินทางไปไหนเมื่อไปแล้วต้องได้กลับ ไปได้ก็กลับได้แคล้วคลาดปลอดภัย...ท่านว่าอุปเท่ห์ใช้ได้ไม่รู้จบถือคติไปได้ก็กลับได้ทั้งกลับใจคนรัก คนที่จากไปแล้วให้กลับมาหาเรา กลับของที่สูญเสียไปทั้งโชคลาภวาสนาชะตามงคลให้เข้ามาเพิ่มพูนมากล้นเหนือกว่าเดิม ท่านว่าตามแต่จะอธิษฐานเอาเลย ใช้ทางปลดหนี้ก็ได้ อะไรที่เป็นของเราล้วนแต่เอากลับคืนมาได้ ทั้งยังสร้างสิ่งที่เป็นของเราให้มากขึ้น เยอะขึ้นตามวาสนาจักรพรรดิที่กำกับไว้

    นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันขจัดปัดเป่าภัยพิบัติต่างๆไม่ให้มาย่ำยีฐานชะตาชีวิตเรา ท่านว่าสิ่งที่จะทำลายเราเข้าถึงไม่ได้เลย ถึงวันนั้นจะรู้เองจำคำของเราไว้ให้ดีว่าเอาไว้ใช้กันภัยพิบัติในอนาคต นอกจากนั้นตะกรุดนี้ท่านยังลงไว้ให้ครบ ท่านว่าติดตัวเอาไว้ดีใช้ได้ยันตัวตาย เมื่อถึงกาลกิริยาจะไม่ตายทรมาน ไม่ตายโหง จะจากโลกนี้ไปอย่างสบาย ไม่ทนทุกข์ทรมานต้องสอดใส่สารพัดสายหรือนอนติดเตียงทรมานกับกายสังขารที่ไม่มีพลังงานให้เคลื่อนไหวเช่นนั้นเลย

    คาถาบูชา
    สหวัสสา ทัสสะนา สัมปะถากะถา สาสินิระ สัพพา นะหิชาติ

    * พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้เป็นของเฉพาะคน จะชี้มาก แนะมากก็ไม่ได้มันผิดกฏข้างบนเขา เราได้แต่ทำแต่ถ้าเขาไม่ขวนขวายกันเองก็ถือว่าไม่มีวาสนา ท่านว่าทำไว้ให้แปดดอกถักเชือกลายจรเข้ขบฟันเพื่อแยกไว้เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันเหลืออยู่ห้าดอก อีกสามดอกนั้นคนที่เขารู้เขาก็รีบมาเอาไปอุดฐานชะตาเขาจนมั่งคั่งมั่งมีไม่รู้เสียเท่าไหร่ ด้วยสำคัญว่าวิชานี้จะหาใครทำให้ไม่ได้เลย และท่านก็จะทำหนเดียวเพราะต้องเสกนาน ท่านว่าจะจารจะถักก็ไม่ยากเท่ากับเสก

    ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดตั้งรากต่อฐานต้านคลื่นลม(กาลมหากลับพันธะสัญญา) บูชา 2,500 บาท

    39274522_303582110447403_3377704298963009536_n.jpg
    39388089_2108030879484632_560960266871767040_n.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    - เกี่ยวกับตะกรุดก็มีถามกันเข้ามาหลายท่านว่ายาวกี่นิ้ว อย่างที่ทราบกันบอกได้แค่รายการนี้แรงเพราะนานๆท่านจะทำของแก้พื้นฐานชะตาคน ท่านว่ามันทำยากยิ่งกว่าพวกหนุนดวงไม่รู้เท่าไหร่ ได้สอบถามพ่ออาจารย์ท่านแล้วว่าจริงๆความยาวตะกรุดนั้นยาวห้านิ้ว แต่ท่านม้วนมุมตัดด้านความกว้างเพื่อเน้นให้ตะกรุดมีขนาดดอกเล็กพกง่ายแต่ด้วยความยาวเต็มพิกัดม้วนก็หนาพอประมาณ ลองวัดดูแล้วก็ประมาณดอกละสองนิ้วกว่าๆอาจจะถึงจุดห้าหรือไม่ถึงคลาดกันนิดหน่อย
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ เคยได้ยินคนเรียกกันถึงคำว่าผีสางนางไม้ วันนี้ก็จะยกมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนางไม้ก่อน เพราะคนยังสับสนอยู่มากกับนางไม้ที่เป็นรุกขเทวดากับสัมภเวสี



    ตำนานนางไม้

    นางไม้ในคติความเชื่อของไทยเราสามารถแสดงฤทธิ์ทำให้คนไม่กล้าตัดต้นไม้ เช่นอาจจะร่ายมนตร์ทำให้คนไม่กล้าตัดต้นไม้ เช่น อาจจะร่ายมนตร์ทำให้คนที่ตัดต้นไม้ล้มเจ็บ เป็นไข้ หรือคลุ้มคลั่งเป็นบ้าเสียสติไป นางไม้ที่ปรากฏในภาพวาดหรือนิยาย เรื่อเล่าต่าง ๆ มักถูกจินตนาการเป็นหญิงสาวสวยผมยาวสลวยประบ่า นุ่งผ้าจีบ ห่มผ้าสไบเฉียง ถ้านางไม้ที่เป็นฝ่ายชายจะเรียกว่า รุกขเทวดาอยู่ส่วนใหญ่มักรุกขเทวาจะอยู่ประจำที่ต้นไทร หรือรักษาต้นไม้ใหญ่ ๆ ส่วนนางไม้จะสถิติอยู่ในต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ในหลาย ๆ แห่งมีชาวบ้านนิยมนำผ้าแพร 3 สีไปผูกให้ต้นไม้หลังจากมีคนเห็นนางไม้ปรากฏอยู่ที่ต้นไม้ต้นใดในหมู่บ้าน

    นางไม้ในคติความเชื่อของไทยเรานั้นมีทั้งกล่าวถึงนางไม้ที่ดี และนางไม้ที่ร้าย นางไม้ที่เป็นภูตที่ดี ก็มักจะมาปรากฏในแบบสวยงามมาเตือนเหตุเภทภัยให้แก่มนุษย์ที่ดูแลต้นไม้อย่างดี แต่นางไม้ที่เป็นดั่งปีศาจร้ายก็มี ที่ออกมาหลอกมนุษย์ผู้ชายให้หลงใหลแล้วก็เอาไปทำสามีบ้างหรือฆ่าให้ตายบ้าง ภูตนางไม้มีหลายประเภท นางตะเคียนนางตานี ก็ถือเป็นนางไม้เช่นกัน หากเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่นับที่ว่ามีคนตายโดยผูกคอกับต้นตะเคียน แล้วเกิดมีผีมีวิญญาณสิงอยู่กับต้นไม้นั้น อย่างนั้นไม่เรียกว่านางไม้

    นางไม้ที่เป็นนางตะเคียน หรือนางไม้ ประจำต้นไม้ใหญ่ ๆ ว่ากันว่า มักจะดุร้ายกว่านางไม้หลาย ๆ ประเภท เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่มีอายุหลายสิบหรือนับร้อยปี แผ่กิ่งก้านสาขาลำต้นสูงใหญ่ ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงกลัวยิ่งนักในยามกลางคืน คนไทยสมัยก่อนเชื่อกันว่าต้นตะเคียนมีนางไม้สิงอยู่ ถ้ายิ่งมียางไม้ไหลออกมาอยู่เสมอก็ยิ่งถือกันว่า นางตะเคียนจะยิ่งเฮี้ยน หรือมีฤทธิ์แรงมาก แต่ก่อนหากจำเป็นต้องมีการตัดต้นตะเคียนหรือต้นไม้ใหญ่ ๆ ผู้ตัดมักต้องทำพิธีขอ เพื่อให้นางไม้ให้รู้ตัวและจะได้ย้ายไปหาที่อยู่ใหม่ หากทำการตัดไปเลยโดยไม่ขอขมาก่อน คนที่ตัดต้นตะเคียนหรือต้นไม้ใหญ่ก็มักจะประสบหายนะ ถูกลงโทษ ทำให้เจ็บไข้ไร้สาเหตุหรือมีอาการคลุ้มคลั่งเสียสติไปในที่สุด

    ในสมัยก่อนยังมีความเชื่อเรื่อง แต่งงานกับนางไม้อีกด้วย โดยเฉพาะทางใต้ นับเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเมืองสงขลา เกิดจากเมื่อมีใครไปไหว้บนบานขอให้นางไม้ช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ หากสำเร็จด้วยดีก็บนบานว่าจะแต่งงานกับนางไม้เป็นการสังเวยตอบแทน การแต่งงานกับนางไม้ของทางใต้ มีตำนานเล่าว่า มีนางไม้ปรากฏนิมิตให้เห็นหลายครั้งที่ต้นมะม่วงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง บรรดาชาวบ้านจึงได้ปั่นรูปหญิงสาวขนาดเท่าคนจริง แต่งกายงดงามพร้อมเครื่องประดับ สร้างเป็นรูปเคารพไว้ที่ศาล โดยทำการก่ออิฐเล็ก ๆ ใต้โคนไม้นั้น พวกชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ้าแม่ม่วงทอง”

    ตำนานบางเมืองเล่าแตกต่างออกไปว่าครั้งหนึ่ง มีธิดาของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชถูกโจรจับตัวมาเพื่อปล้นและเรียกค่าไถ่ ระหว่างทางได้ถูกฆ่าตาย พวกโจรนำศพไปซ่อนอยู่ในโพรงต้นมะม่วงใหญ่ ต่อมาธิดาเจ้าเมืองได้แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารให้ปรากฏเนือง ๆ จนชาวบ้านนับถือและทำการบวงสรวงบนบานกันเป็นนิตย์ โดยที่พิธีกรรมการบวงสรวงมักมีการ ฝากตัวและบุตรหลานเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อีกด้วยเพื่อให้เจ้าแม้คุ้มครองอย่างดีนั่นเอง เมื่อครอบครัวใดทำพิธีฝากตัวแล้ว ก็ยังจะต้องทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่ โดยเฉพาะเพศชายที่มีอายุครบบวช พอใกล้ก่อนบวชก็จะต้องมาทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่เสียก่อน จะได้ปลอดภัยและเป็นมงคลชีวิตตลอดไป แม้เมื่อทำพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่แล้ว ต่อไปเมื่อสึกจากการบวชแล้ว จะไปเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงอื่นตามปกติวิสัยก็ย่อมทำได้ เจ้าแม่มิได้เอาผิดเอาโทษใด ๆ แต่ถ้าชายผู้นั้นมีบุตรคนโตเป็นผู้ชาย ลูกคนนั้นก็ต้องมาเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่สืบแทนบิดาด้วย ถือกันว่าเป็นเรื่องที่ต้องกระทำสืบทอดกันไปจนถึงรุ่นลูก หลาน เหลน

    แต่ถ้ารุ่นไหนมีลูกหัวปีเป็นชาย แต่มิได้ทำการวิวาห์ตามธรรมเนียมของสกุลนั้น คนรุ่นนั้นก็จะพบเจอกับอาถรรพ์ต่าง ๆ จะประสบปัญหาเดือดร้อนไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะมีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น พิธีแต่งงานของคนกับนางไม้ หรือเจ้าแม่นี้ มีขันหมาก เงินทอง และเครื่องบูชาต่าง ๆ เช่น หัวหมู สุรา เป็ด ไก่ และผลไม้ เป็นต้น พิธีแต่งงานจะทำได้เฉพาะวันอังคารและวันเสาร์เท่านั้น ผู้เป็นเจ้าบ่าวแต่งงานกายให้สุภาพเรียบร้อยเหมือนเจ้าบ่าวทั่วไปในงานของมนุษย์ปกติ แต่มักจะเหน็บกริชไว้ด้วย ขบวนขันหมากก็มี โดยจะจัดกันเป็นที่ครึกครื้น มีการรดน้ำสังข์และสวดชุมนุมเทวดา บูชาเทวดา เล่ากันว่าเคยมีผู้หญิงบนบานแล้วสำเร็จสมหมาย จึงแก้บนได้ด้วย การแต่งกายเป็นผู้ชายเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าแม่ก็มีเช่นกัน



    hqdefault_1.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ใครที่ถามหาพระขรรค์กับแมงมุมไว้ ที่ขอสำรองกันไว้ก็ต้องแจ้งว่าของหมดแล้วนะครับไม่มีหลุดให้คนที่สำรองเลย โดยเฉพาะพระขรรค์นี่ยังมีคนโทรหาผมอยู่แทบทุกวัน ตรงนี้ปิดยอดแล้วเพราะเราให้สิทธิ์คนที่เขา PM หรือข้อความแจ้งไว้ชัดเจนก่อน
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส้ง EMS

    พี่ธีรนนท์ EV 4402 9737 5 TH

    พี่วุฒิชัย EV 4402 9738 4 TH

    พี่สมศักดิ์ EV 4402 9739 8 TH

    พี่วิทัส EV 4402 9740 7 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 4402 9741 5 TH

    พี่ศิระ EV 4402 9742 4 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    คนที่ไม่ทันแมงมุมและพระขรรค์กับคนที่ถามหาพยนต์แบบเดี่ยวๆพกง่ายๆไว้ ช่วงนี้ติดตามกระทู้กันดีๆนะ ....แอบมาบอกเดี๋ยวจะตกขบวน;)
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,112
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พูดคุยรอบเช้า

    จากที่มีคนถามมาและผมให้ติดตามพูดคุยกันนั้น วันนี้ก็จะมาพูดคร่าวๆไว้ว่าพยนต์สายนี้เป็นสายวิชาโบราณที่พ่ออาจารย์ท่านว่ามีมานานนับพันปีในลัทธิพราหมณ์หากแต่หาคนทำคนสร้างเต็มวิชายังไม่มี

    ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าถามความแรงมันแรงกว่าแมงมุมไปไกลลิบ แต่แรงในลักษณะที่ต่างกัน เหมือนมีรถถังมีปืนใหญ่พกไว้เฉพาะตัว เป็นของมีเดชมีอานุภาพเช่นนั้น ปกติเราใช้มีดหมอใช้เทพศาสตราสิ่งนั้นก็เป็นดั่งอาวุธ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากอาวุธร้ายแรงนั้นมีชีวิต เป็นพยนต์ที่มีอานุภาพร้ายกาจทั้งมีจิตวิญญาณ รวมถึงอุปนิสัยเอกเทศน์แบบที่สิ่งอื่นไม่มี...เพราะอุปนิสัยเขาเหมาะที่
    จะสงเคราะห์ไม่เลือกเรื่อง ไม่เลือกปัญหาว่าจะชั่วหรือจะดี ไม่สนจริงๆว่าเรื่องจะดีหรือร้ายขอเพียงขอเขาช่วยทั้งหมด

    ท่านว่าสิ่งนี้ถ้าทำสำเร็จแล้วจะให้คุณมาก มากขนาดคนใช้ยังคิดไม่ถึง ด้วยเป็นศาสตร์ที่มีมานานนับพันปีและเลือนรางสูญหายไปแล้วท่านจึงได้ทำไว้ให้เสียครั้งหนึ่ง บอกไว้เลยว่าใครชอบของพกง่ายลงเอวหรือใส่กางเกงได้ องค์ไม่ใหญ่มากห้ามพลาด แม้จะเอามาห้อยคอเป็นของสวยงามทำเป็นจี้ประดับตามภาษาวัยรุ่นว่าห้อยแล้วเท่ก็ยังทำได้ ที่สำคัญท่านให้ออกแค่หลักร้อยเพราะอยากให้มีคนนำไปบูชากันได้ทั่วๆ

    สิ่งนี้ลึกซึ้งมาก ติดตามกันแบบเต็มๆเอาวันพรุ่งนี้ ใครพลาดนี่พลาดยาวเหมือนแมงมุมกับพระขรรค์ ยิ่งเป็นสิ่งนี้...พ่ออาจารย์ท่านว่านับพันปีที่ยังไม่มีคนทำเต็มวิชา เราก็จะทำเพียงหนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าท่านพูดเช่นนี้คงไม่มีออกมาให้ดูเป็นหนที่สองแน่ๆ วาสนาของใครของมันจริงๆ


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...