เรื่องเด่น ทุกข์เพราะรัก หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 19 มีนาคม 2018.

  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,442
    %B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg

    ทุกข์เพราะรัก โดย หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
    วัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี


    ความวุ่นวายที่ทุกคนมีอยู่ยังดับไม่ลง เดี๋ยวเรื่องนั้นเข้ามาแทรกเดี๋ยวเรื่องนี้เข้ามาซ้อน เรื่องลูกหลานเรื่องบ้านเรือน เรื่องรักเรื่องใคร่ เรื่องโลภโกรธหลงมีอยู่ในหัวใจทุกคน แสวงหาความอยาก ความรัก เช่นไปขอความรักเขา อยากให้เขารักเรามากๆ รักน้อยไม่เอา อยากให้มันเพิ่มมากขึ้น ที่จริงมันเพิ่มทุกข์ทั้งนั้น

    สามีก็อยากให้ภรรยารักให้มากรักให้หลงเลย ให้รักตนคนเดียวไม่ให้ไปรักคนอื่น ภรรยาก็อยากให้สามีรักตนคนเดียวไม่อยากให้รักผู้หญิงอื่น ให้รักคนเดียวและอยากให้รักมากๆ มีเพื่อนฝูงก็อยากให้เพื่อนฝูงรักและเห็นใจตนคนเดียว

    เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็ทุกข์มากขึ้น รักมากก็กังวลมาก กลัวจะเป็นโน่นเป็นนี่ กลัวจะไม่ดี กังวลกลัวจะเปลี่ยนแปลง เกิดความทุกข์กระสับกระส่ายกระวนกระวาย เมื่อรักมากห่วงมากก็เป็นทุกข์มาก ห่วงมากๆเข้าก็หึงหวงเกิดทะเลาะขัดแย้งกันเพราะไม่ตรงตามที่ตกลง

    ภรรยาก็เป็นอย่างนั้น เมื่อสามีไปไหนไม่ตรงตามเวลา คอยแล้วคอยอีกคอยจนดึกดื่น ถ้าไม่มาคืนนี้ก็เป็นปัญหาเพราะมันรักหมดหัวใจจนหลงมากก็ห่วงมาก เป็นทุกข์กังวล ผลที่สุดเมื่อไม่สมใจแล้วก็ขัดแย้งกันต่อว่ากันถากถางกันรุนแรง ทีแรกก็หวานกันดีหนักเข้าคำพูดที่ไม่ดีก็ออกมา การต่อว่ากันทะเลาะขัดแย้งกันก็มาจากความรักมากนั่นเอง เพราะรักมากจึงต้องห่วงกลายเป็นว่าเอาความรักมาทะเลาะกัน

    แม้รักลูกมากก็ตาม ลูกกลับดึกดื่นกลับไม่ตรงเวลา แม่ก็ด่าสาดเข้าไปคอยบ่นคอยว่า ลูกก็ไม่ชอบ ความรักจึงกลายเป็นความทุกข์เสียแล้ว

    “ทำไมรักแล้วต้องเป็นอย่างนี้ด้วย” รักแล้วต้องคอยติดตามเป็นเงาตามตัวทำไม? คนถูกรักก็ไม่เข้าใจในความรัก คนที่รักก็ไม่เข้าใจในความรัก รักแล้วกลายเป็นห่วงกลายเป็นเฝ้าติดตามจนกลายเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา รักไม่มีธรรมะมักเป็นอย่างนี้

    เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วไม่มีครอบครัวหรือชีวิตใดที่เป็นไปตามความหวัง ตามความต้องการตามที่ตนปรารถนาได้ ลูกต้องการให้พ่อแม่ตนรักอย่างมีขอบเขต แต่พ่อแม่ก็รักมากเกินไปจนไม่มีขอบเขต สามีก็อยากให้ภรรยารักตนให้มากและให้มีขอบเขต แต่มันก็ไม่มีขอบเขต ภรรยาก็มีรักที่ไม่มีขอบเขตกับสามีหรือสามีก็มีรักที่ไม่มีขอบเขตกับภรรยา พิษภัยความทุกข์จึงเกิดขึ้นกับผู้ที่มีความรักมาก แล้วปัญหานี้ก็แก้ไม่ตก

    ถ้าเราไม่เข้าหาธรรมะมันก็หนักเอียงไปทางเดียว เอียงไปทางที่เป็นทุกข์อยู่เรื่อย เพราะเราอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันตรงกับตามความต้องการ แต่มันก็ไม่เป็นดังที่เราต้องการสักที นี่แหละชีวิตคนเราถ้าไม่มีธรรมะแล้วก็จะมีปัญหา แม้แต่ความรักก็เป็นเรื่องใหญ่โตเป็นความทุกข์ที่เข้ามาแทรกซ้อนอยู่ทุกลมหายใจ

    แม้คนที่รักเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอะไรขึ้นมาก็เป็นทุกข์กับคนที่รัก ทรมานจิตใจเหลือเกินเจ็บหัวใจเหลือเกินเพราะไม่อยากให้เขาเจ็บไข้ไม่อยากให้เขาตาย อยากให้เขาดีอยู่ตลอดเวลา เพราะความรักมากเป็นห่วงมากจึงเฝ้าเป็นทุกข์อยู่คนเดียว

    ส่วนพ่อแม่ที่รักลูกมาก ลูกไม่เป็นทุกข์แต่พ่อแม่เป็นทุกข์เพราะห่วงลูกมากอยากให้ลูกเป็นไปตามที่ตนต้องการ แต่ลูกก็เป็นลูกอย่างนั้นเองที่ไม่เข้าใจพ่อแม่ แม้ภรรยาก็เป็นภรรยาอย่างนั้นเองที่ไม่เข้าใจสามี หรือแม้สามีก็เป็นสามีอย่างนั้นเองที่ไม่เข้าใจภรรยา จึงเป็นความรักที่ไม่เข้าใจกัน

    ความรักจะเข้าใจกันทีแรกเท่านั้น อยู่ไปนานๆ มันไม่รู้จักความเข้าใจเพราะมันเกินเลยไม่มีขอบเขต คนเราจึงมีปัญหาหัวใจ เป็นทุกข์เพราะห่วง เพราะหวง เพราะกังวล เพราะมันไม่ตรงตามที่เราต้องการ

    แม้ความรักที่สาบานว่าจะรักกันจนตายมันก็ยังทิ้งกันได้ ต่างคนต่างเกิดมาก็ตายจากกันได้ ไม่มีอะไรเป็นของเที่ยงเลย แล้วจะไปยึดมั่นถือมั่นว่าทุกอย่างนั้นจะเป็นไปตามสัญญาไม่มีหรอก

    ถ้าเขาไม่รักแล้วจะทำอย่างไร

    เขาไม่ห่วงเราแล้วเราจะห่วงเขาทำไม? เขาไม่รักเราแล้วเราจะรักเขาทำไม? เมื่อรักไม่สมปรารถนา เราจะตายบูชาความรักทำไม? เขานั่งยิ้มอยู่แต่เราไปผูกคอตาย เป็นความคิดผิดๆ รักเขามากเขาไม่รักด้วยไปตายดีกว่า โธ่! เขาไม่รักแล้วจะตายทำไมจะต้องทำใจให้ได้ รักตัวเองเข้าหาธรรมสิ!

    คนเรามันโง่ก็คิดไปผิดๆ เขาไม่รักเรายิ่งทุกข์ใหญ่ เขาไม่รักเราสิสบายใจเราไม่ต้องไปปรนนิบัติเอาใจเขา เป็นทาสของความรัก เรียกว่าเป็นทุกข์เพราะความรัก

    ถ้าเป็นคนมีธรรมะใครไม่รักไม่หวงไม่ห่วงก็ไม่เป็นไร เราจะได้อยู่กับธรรมะ จะได้ไปบวชเรียนไปสร้างบารมีจะได้คบคนดีเป็นมิตร จะได้ไม่ผิดหวัง ไม่เจอคนหลอกลวง ถ้าฝืนทนอยู่กับคนที่เขาไม่รัก เขาไม่จริงใจด้วย เป็นความคิดผิด เป็นความทุกข์

    ถ้ามีธรรมะประจำใจแล้วจะปลงตก ผัวไปมีเมียน้อยก็ยกให้เมียน้อยเลย จะได้ไปหาธรรมะรอเวลานี้มานานแล้วจะได้หมดห่วงเสียที อยู่กับคนไม่ดีคนสองใจนี่ไม่มีความสุขหรอก ไปอยู่กับธรรมะใจเดียวดีกว่าสบายใจดี ถ้าฉลาดคิดสักหน่อยสลัดทิ้งเหมือนผ้าขี้ริ้วเลย ถ้าไม่ฉลาดคิดก็เป็นทุกข์อยู่นั่นเองต้องตกเป็นทาสของมันเป็นทาสของความรัก ความหวง ความห่วง

    การปรุงแต่งที่ผิดๆว่าลูกเราครอบครัวเราทำไมจึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เกิดความกังวลเป็นทุกข์ นึกคิดขึ้นมาเพราะความหลงผิดปรุงแต่งผิดๆ ไปนึกถึงคนนั้นคนนี้ขึ้นมาก็เกิดความร้อนรุ่มกลุ้มใจ ถ้าเราเพิ่มความรักมากขึ้นก็ทุกข์มากขึ้น ควรทำใจให้สงบคิดเสียว่า (ช่างมึ..ช่างมัน) มันจะเกิดก็ต้องเกิดมันจะดับก็ต้องดับมันเป็นของมันอยู่อย่างนี้นานเนแล้ว

    ความรู้ความเข้าใจมีสติระลึกรู้ระวังใจตัวเองนี้ต้องฝึกฝนอบรมไปเรื่อยๆ ทำให้เรามีความสุขได้มากเหมือนไปสวรรค์ในครั้งหนึ่งเหมือนมีวิมานในใจ ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักยึดเหนี่ยวทำให้ใจร่มเย็น เรามีความสุขสงบครั้งหนึ่งก็เท่ากับเป็นทุนเป็นปัจจัยที่ฝังลึกลงไปในหัวใจเราว่าทางดับทุกข์มีทางเดิน แต่ที่วุ่นวายอยู่นี่เพราะเรายังเดินทางไปไม่ถึง เรายังอยู่กับความวุ่นวาย เราต้องละความห่วงความกังวลให้มันน้อยลงมันก็สิ้นทุกข์ไปเอง

    การมีธรรมะฝึกอบรมใจช่วยให้จิตใจเรามีพื้นฐาน เมื่อมีทุกข์จะได้ไม่ไปทุกข์กับมัน อดทนรู้ทันอารมณ์รู้ทันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมา อันนี้เขาเรียกว่าธรรมะคุ้มครองปกป้องรักษา อยู่กับพระรัตนตรัยแล้วก็จะมีความสุข

    การมีธรรมะได้เปรียบอย่างนี้แหละ พยายามฝึกใจฝึกให้เห็นธรรมให้รู้ธรรมที่ใจ ทุกข์มันเกิดที่ใจก็ต้องแก้ปัญหาที่ใจด้วยความคิดทางธรรม และแก้ปัญหาด้วยการภาวนา (พุทโธ) ทำให้ใจเราเย็นลงสงบลง ภาวนามากๆ เข้า ใจมันสบายเอง จิตมันไม่สับสนกังวล ความห่วงก็น้อย

    เพราะอะไร เพราะมีปัญญาที่ตัดใจได้ เมื่อเราเกิดมาคนเดียวก็ตายคนเดียว ห่วงกันก็แค่นั้นเองช่วยอะไรกันไม่ได้ พอมีปัญญาก็ปลงตก ถ้าไม่มีปัญญาก็ทุกข์คนเดียวทั้งที่คนอื่นเขาไม่ทุกข์เท่าไหร่ ฉะนั้นธรรมะนี้จึงแก้ปัญหาหัวใจตนเอง

    เราต้องรู้จักบั่นทอนตัดกิเลสอย่างหยาบอย่างกลางอย่างละเอียดให้มันลดน้อยถอยลง ขัดเกลาให้มันว่างบ้างสงบบ้าง จากหนักกลายเป็นเบา เบาลงๆเกิดความปล่อยวางขึ้นก็สบาย เพราะความรู้ทันว่าอะไรควรคิดอะไรไม่ควรคิด อะไรควรรับอะไรไม่ควรรับจึงจะมีความสุข เมื่อเข้ามาสู่แดนธรรมมาสู่ทางสว่างทางสงบ

    รู้จักละวางให้ใจว่างบ้างด้วยการภาวนา ด้วยการเข้าใจธรรม พอมันไปห่วงไปรักไปกังวลคนอื่นมันเป็นทุกข์ทุกทีอีกแล้วว่าเขาจะเป็นโน่นเป็นนี่ ตัดใจให้ได้ช่างมันเถอะเกิดคนเดียวตายคนเดียว เอาความตายมาตัดปุ๊ปสบายใจ คนเรากรรมใครกรรมมัน เขาทำบุญไว้ก็ต้องไปดีเขาทำบาปก็ต้องไปตามกรรมของเขา ใครจะไปดึงรั้งเขาได้

    จึงว่าเราเกิดมาแล้วก็ศึกษาชีวิตให้เป็นธรรมะเสีย เกิดคนเดียวตายคนเดียวกินคนเดียวทุกข์คนเดียว ถ้าเรายังช่วยใจตนเองให้สงบไม่ได้ ก็ช่วยคนอื่นไม่ได้จะต้องช่วยเหลือตนเองก่อน เมื่อช่วยเหลือตนเองได้ก็ช่วยเหลือผู้อื่นได้

    ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15361
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...