เรื่องเด่น มุมมองผู้หญิงเข้าไปในพระอุโบสถเงินเชียงใหม่

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 27 ธันวาคม 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    99020_th.jpg


    มุมมองผู้หญิงเข้าไปในพระอุโบสถเงินเชียงใหม่
    แนะไม่ควรละเมิดจุดห้ามหรือความเข้าใจที่อ่อนแอ


    วันพุธ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560, 10.10 น.


    จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปสตรี 3 คนเข้าไปในพระอุโบสถเงิน วัดศรีสุพรรณ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงความไม่เหมาะสม และที่สำคัญคล้ายเป็นการลบหลู่จารีตประเพณีล้านนาที่ประพฤติต่อกันมาอย่างยาวนานกว่า 500 ปี ทั้งที่มีป้ายห้ามสตรีเข้าอย่างเด่นชัดพร้อมกับมีการติดป้ายเตือนอย่างชัดเจน เรื่องนี้ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักศาสนวิทยา ศาสนศาสตร์ และปรัชญา ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ศาสนวิทยา dr.Sinchai Chaojaroenrat ความโดยสรุปว่า

    “อุโบสถ เดิมเป็นสถานที่ที่พระภิกษุใช้ทำสังฆกรรม ซึ่งแต่เดิมจะใช้เพียงพื้นที่โล่งๆ ที่กำหนดเขตโดยใช้สีมาเท่านั้น แต่ต่อมาก็มีการสร้างเป็นอาคารถาวรและมักมีการประดับตกแต่ง ปกติอุบาสกอุบาสิกา (ชายหญิง) ก็จะเข้าไปได้เพื่อรักษาอุโบสถศีลหรือทำบุญ แต่วัดนี้เชื่อว่าเขาคงมีของขลังอะไรบางอย่างอยู่ ที่เขาเชื่อว่าหากสตรีเข้าจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสื่อม ตามคติที่มักมองสตรีว่าเป็นมารหรือเป็นศัตรูต่อการเข้าถึงธรรมะของบุรุษ และบุรุษเข้าถึงธรรมะชั้นสูงได้มากกว่า ก็เลยเป็นเช่นนี้แล

    แต่ที่สำคัญคือ คนไทยทั่วไปก็เชื่อและรับคติเช่นนี้มาตลอดโดยสนิทใจ ไม่เคยถามไม่เคย(กล้า)แย้ง ด้วยความนอบน้อม ซึ่งก็เป็นไปตามค่านิยมเอเชียที่ว่าคนดีคือคนหัวอ่อน คออ่อน หลังอ่อน และมืออ่อน ขอเสนออย่างสร้างสรรค์ว่าน่าจะมีการทำป้ายชี้แจงว่า การที่ห้ามอย่างนี้ต่างจากที่อื่นอย่างไร เพราะอะไร ก็น่าจะลดความรู้สึกได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าทางคณะที่เป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลสถานที่เขามีกฎว่าห้ามสตรีขึ้น ก็ไม่ควรไปละเมิดนะ แค่ถ่ายรูปแล้วเอามาเผยแพร่วิจารณ์ว่าไม่เห็นด้วยก่อนดีกว่าไปฝ่าฝืนก่อนแสดงความไม่เห็นด้วย ทำตามขั้นตอนได้ก็ควรทำ”

    ด้านพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า “แค่มองอะไร ด้วยความรู้สึกของคนในพื้นที่ กับคนนอกนี่ บางทีมันก็ต่างกันแล้วนะ บางทีเราเป็นคนนอก เป็นนักท่องเที่ยว เราเรียกร้องอยากให้สถานที่ที่เราเข้าไปเที่ยวเข้าไปดู อำนวยความสะดวก อำนวยอะไรต่างๆ ให้กับเรา ทำตามใจเรา อยากให้นุ่งสั้นได้ ใส่รองเท้าเข้าไปได้ ไม่ต้องคลุมศีรษะเข้าไปได้ เพราะเราแค่อยากได้ความสบาย แค่อยากแค่ไปเที่ยว อยากไปถ่ายรูป อยากไปดู โดยที่อีกมุมหนึ่งเราลืมไปว่า ที่ท่องเที่ยวบางแห่ง ในทางกลับกัน มันถูกมองหรือให้คุณค่าด้วยความรู้สึกของคนในพื้นที่อีกแบบหนึ่งนะ เขาเคารพของเขานะ เขานับถือของเขานะ เขามีธรรมเนียมปฏิบัติร่วมกันของพวกเขานะ ซึ่งเรื่องอะไรแบบนี้บางทีเราลืม

    อย่างไรก็ตามมีความเห็นของพระไพศาล วิสาโล แห่งวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ แม้นว่าจะไม่เกี่ยวข้อกับเหตุการณ์ข้างต้น แต่พอจะอนุโลมเป็นข้อคิดได้จึงนำมาเสนอประกอบ โดยมีข้อความดังนี้

    “มีเหตุการณ์หนึ่งน่าสนใจ มีสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในอเมริกา สมาชิกเป็นฆราวาสทั้งนั้น กรรมการสถานปฏิบัติธรรมนี้มีความเห็นว่า ควรจัดให้มีการจัดอบรมสันติวิธีแก่สมาชิก เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการคลี่คลายความขัดแย้ง ไม่ว่าในครอบครัว ในที่ทำงาน ในสังคม จึงเชิญวิทยากรคนหนึ่งมาฝึกอบรมสันติวิธีเป็นเวลาสองวัน โดยใช้ห้องสวดมนต์เป็นสถานที่จัดอบรม

    วันแรกผ่านไปด้วยดี วันที่สองวิทยากรอยากจะฝึกให้ยากขึ้น จึงสร้างเหตุการณ์สมมุติขึ้นมาว่า มีผู้ก่อการร้ายจับตัวประกันสองคน ให้สมาชิกสองคนรับบทเป็น “ตัวประกัน” คนที่เหลือสวมบทบาทเป็นผู้เจรจาเพื่อให้สองคนนั้นได้รับอิสรภาพ ส่วนวิทยากรรับบทเป็นผู้ก่อการร้าย เมื่อชี้แจงบทเรียบร้อยแล้ว เขาก็ควักบุหรี่ออกมาสูบ

    ผู้เข้าฝึกอบรมคนหนึ่งประท้วงขึ้นมาทันทีว่า “ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ เพราะนี้เป็นห้องสวดมนต์” ผู้ก่อการร้ายตอบว่า “ผมไม่สนใจหรอก คุณอยากเจรจาเรื่องสูบบุหรี่ หรืออยากให้เพื่อนของคุณได้อิสรภาพ?” ผู้เข้าอบรมก็บอกว่า “ถ้าคุณสูบบุหรี่ในนี้ เราก็ไม่เจรจากับคุณ” ผู้ก่อการร้ายจึงพูดว่า “ก็ได้ หยุดสูบก็ได้” ว่าแล้วก็เดินไปที่แท่นบูชา แล้วขยี้ก้นบุหรี่บนตักพระพุทธรูป”

    ทุกคนในห้องไม่พอใจมาก มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป นี่พระพุทธรูปนะ”

    ผู้ก่อการร้ายตอบว่า “ผมไม่สนใจ นี่ไม่ใช่พระพุทธรูปของผม และนี่ก็ไม่ใช่ห้องสวดมนต์ของผม ตอนนี้ผมหยุดสูบบุหรี่แล้ว พวกคุณอยากเจรจาเรื่องเพื่อนของคุณหรือเปล่า ไม่งั้นผมก็จะออกจากห้องนี้ไป”

    ตอนนี้ทุกคนโมโหจนลืมไปว่าตนกำลังสวมบทบาทสมมุติ มีคนหนึ่งบอกเขาว่า “เราเชิญคุณมาที่นี่เพื่อจัดอบรม เรารู้ว่าคุณไม่ใช่ชาวพุทธ แต่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา คุณควรเคารพสถานที่แห่งนี้ด้วย”

    วิทยากรซึ่งยังสวมบทผู้ก่อการร้ายอยู่จึงพูดว่า “คุณอยากรู้ว่าผมเคารพสถานที่นี้แค่ไหนหรือ?” ว่าแล้วเขาก็เดินไปมุมห้องแล้วฉี่ใส่พื้น

    เท่านั้นแหละทุกคนอดใจไม่อยู่ ต่างวิ่งไปทำร้ายเขา เตะต่อยสารพัด จนเขาล้มลง แต่ก็หนีออกมาได้ พร้อมกับบอกให้ “ตัวประกัน” เป็นอิสระ แล้วเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

    คำถามคือ ทำไมผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งตั้งใจฝึกสันติวิธี จึงลงเอยด้วยการเตะต่อยวิทยากร ทั้งที่หลายคนไม่เคยทำร้ายใคร ยุงก็ไม่ตบ บางคนกินมังสวิรัติด้วย คำตอบก็คือ เพราะคนเหล่านั้นเห็นว่า วิทยากรทำไม่ถูกต้อง แต่เขาลืมไปว่า นี่เป็นการแสดง ไม่ใช่ของจริง และเป็นความตั้งใจของวิทยากรที่อยากให้โจทย์ยากๆ ว่าจะใช้สันติวิธีได้อย่างไรหากถูกยั่วยุหรือเจอเรื่องกระทบใจ แต่ผู้ปฏิบัติธรรมเหล่านั้นกลับลืมตัวเมื่อถูกยั่วยุ หันไปใช้ความรุนแรงกับวิทยากร

    ทำไมเขาเหล่านั้นลืมตัว ก็เพราะเขาเห็นความไม่ถูกต้อง และเนื่องจากยึดมั่นในความถูกต้องมาก พอเห็นคนอื่นทำสิ่งไม่ถูกต้อง ก็เลยลืมตัว ลืมไปว่า นี่คือเรื่องสมมุติ เป็นแบบฝึกหัดเพื่อใช้สันติวิธีแก้ปัญหา ผลก็คือ ทุกคนสอบตกหมดเลย ทั้งๆ ที่เป็นแค่การซ้อมหรือเป็นสถานการณ์จำลองเท่านั้น

    นี่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การมีสำนึกเรื่องความถูกต้อง แม้เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราไปยึดมั่นถือมั่นมันมาก เราอาจจะลงเอยด้วยการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องขึ้นมาได้

    ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยกล่าวว่า “ความดี ถ้าไปยึดมั่นถือมั่นมาก มันก็กัดเจ้าของได้” ผู้คนจำนวนไม่น้อยทุกข์เพราะความดี ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจทำให้คนอื่นทุกข์ เพราะยึดมั่นในความดีแบบของตนด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ บินลาดิน หรือ ไอเอส คนเหล่านี้เชื่อมั่นว่าเขาทำความดี เขากำลังอุทิศตนเพื่อพระเจ้า เมื่อมีความไม่ดีหรือความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น เขาก็ต้องจัดการโค่นล้มหรือทำลาย ซึ่งรวมถึงสังหารคนที่คิดหรือทำไม่เหมือนเขา

    กลุ่มไอเอสเกลียดคนยุโรปมาก เพราะว่าเป็นพวกวัตถุนิยม บูชาเนื้อหนัง กระทำสิ่งที่เหยียดหยามพระเจ้า เพราะฉะนั้นจึงต้องทำลาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เข้าไปก่อการร้ายในปารีส ฆ่าผู้คนนับร้อย กลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก คนเหล่านี้ทำในนามของความถูกต้อง ในนามของสิ่งสูงส่ง คือพระเจ้า แต่ความยึดมั่นถือมั่นนั้น กลับทำให้เขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำสิ่งที่ชั่วร้ายได้

    นี้เป็นสิ่งที่เราต้องระวังมาก โดยเฉพาะผู้ใฝ่ธรรม เมื่อใดก็ตามที่เราคิดว่าเราเป็นคนดี มีความเชื่อที่ดีงาม หากยึดมั่นในความเชื่อของเรา เราก็อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนเรา เชื่อเหมือนเรา แต่ถ้าเขาเชื่อไม่เหมือนเรา เห็นแย้งเรา เราก็เห็นเขาเป็นศัตรู แล้วความโกรธความเกลียดก็ตามมา”



    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.banmuang.co.th/news/education/99020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2017
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "ขอโอกาสท่าน เพื่อวิสัชนา"

    ก่ารห้ามมีดังนี้

    บ้างก็ว่ามาจากอิทธิพลในเรื่องนี้

    "
    พระเถระทั้งหลายกล่าวต่อไปว่า ท่านอานนท์ ข้อที่ท่านให้มาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคก่อน พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเปื้อนน้ำตาของพวกนางผู้ร้องไห้อยู่ แม้นี้ก็เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น

    ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าคิดว่ามาตุคามเหล่านี้อย่าได้อยู่จนเวลาพลบค่ำ จึงให้พวกมาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคก่อนข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุที่ให้มาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคนั้น ว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัตินั้น
    "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บ้างก็ว่า"สมัยก่อนถือว่าประจำเดือน เป็นสิ่งสกปรกครับ ซึ่งธรรมชาติผู้หญิงจะมีประจำเดือน จึงห้ามไม่ให้เข้าประชิดองค์พระบรมสารีริกธาตุ"

    เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติ เท้ายังไม่ถึงดิน ก็มีเทพบุตรทั้ง ๔ มารองรับพระองค์ไว้ แล้วทูลกับพระมารดาว่า "พระแม่เจ้าจงพอพระทัยเถิด บุตรอันมีศักดาใหญ่ของพระแม่เจ้าเกิดแล้ว,, ยิ่งกว่านั้น เวลาพระองค์ประสูติ พระวรกายของพระองค์ยังสะอาดหมดจด ไม่เปื้อนด้วยเลือดเมือกหนอง ไม่เปื้อนด้วยของเน่าเหม็นอย่างคนธรรมดา นับเป็นผู้สะอาดหมดจด

    พระนางสิริมหามายาทรงสุบินนิมิต

    ซึ่งในคืนวันเพ็ญเดือน ๘ พระนางสิริมหามายาผู้จะได้เป็นพระพุทธมารดา ทรงอธิษฐานสมาทานอุโบสถศีล ในยามใกล้รุ่งได้ทรงสุบินนิมมิตว่า ท้าวจตุมหาราชทั้งสี่ได้มายกพระองค์พร้อมกับพระแท่นที่บรรทมทูลเชิญไปยังป่า หิมพานต์ เหล่าเทพธิดาทั้ง ๔ ได้ทูลเชิญพระนางเสด็จไปสรงน้ำในสระอโนดาต ชำระล้างมลทินแห่งมนุษย์ แล้วทรงผลัดด้วยผ้าทิพย์ ลูบไล้ด้วยของหอม ทรงประดับบุปผชาติอันเป็นทิพย์ แล้วเชิญเสด็จเข้าที่บรรทมบนพระแท่นในวิมานทอง ในภูเขาเงิน ทรงบ่ายพระเศียรไปยังทิศตะวันออก ขณะนั้นมีพระยาช้างเผือกชูงวงจับดอกบัวขาวที่เพิ่งแย้มบานกลิ่นจากภูเขาทอง ด้านทิศตะวันออก ร้องก้องโกญจนาทเดินเข้าไปในวิมาน กระทำประทักษิณาวัตรเวียนพระแท่น ๓ รอบ

    เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์นั้น พระครรภ์บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนด้วยครรภ์มลทินและประทับนั่งสมาธิอยู่ในพระ ครรภ์ ไม่คุดคู้เหมือนเด็กทารกอื่น พระราชมารดาทรงทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์ซึ่งอยู่ในพระครรภ์ ท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ ได้ถวายการอารักขาเพื่อป้องกันมิให้เกิดอุปัทวันตรายแก่พระโพธิสัตว์และพระ ราชมารดา

    เขาไม่ได้ว่าความเป็นแม่ ความว่าความรักษาจารีต มารยาท ในที่ที่นี้เขาก็ห้ามอยู่แล้ว ฉนั้น ผิดก็ผิดแต่เรื่องแรก เรื่องนี้กล่าวถึงการที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งใดควรให้เกียรติสถานที่นั้น ในที่นี่คือ พุทธสถานที่มีคำเตือนคำต้องห้ามชัดเจนครับ

    สรุป แค่นี้ไม่พอ ต้องลองป่าวประกาศพิสูจน์ให้เห็นกับตา "ชักชวนสตรีผู้มีรอบเดือนไปในสถานที่ต้องห้าม แล้วป่าวประกาศว่า ฉันมีประจำเดือน ฉันจะเข้าไปให้ได้ อย่าว่าแต่ศาสนาพุทธเลย ศาสนาอื่นก็มีห้ามไว้เหมือนกัน บทลงโทษก็มีแตกต่างกันไป

    เราต้องเปิดใจยอมรับความคิดเห็นทั้งมวลแล้วจึงสรุป เพื่อยับยั้งอธิกรณ์ปัญหาที่จะเกิดให้ได้ เราก็คิดแบบท่านทั้งหลายฯเหมือนกัน แต่ต้องคิดเผื่อไปอีก เพราะว่า เรื่องนี้ ว่าด้วยการ "ละเมิดกฎ

    ถ้าไม่ละเมิดกฎ บ้านกฎเมืองไม่มีปัญหาครับ

    คงยากมากที่เปลี่ยนจารีตประเพณี ที่เขายังรักษากันอยู่ หากว่าเราเป็นผู้มีศรัทธาปรารถนาไปในที่ที่ไม่เคยไป ก็ควรเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตามก่อนครับ ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงยกเลิกค่อยว่ากันอีกที


    ความสกปรกร่างกายล้างได้ง่าย แต่ใจสกปรกล้างยาก

    ผมผ่าท้องเกิด เพราะมารดาเกือบยืนคลอดที่กลางสะพานเพราะเอาเท้าออก ผมพอพูดถือทิฏฐิได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บ้างก็ว่า"สมัยโบราณ เวลาจะสร้างที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุกัน โดยมากเขาจะขุดลงเป็นหลุม แล้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในหลุมนั้น แล้วก็มักจะหาคนมีวิชา สร้างหุ่นพยนต์เอาไว้ตรงนั้น ป้องกันคุ้มครองพระบรมสารีริกธาตุ แล้วก็สร้างพระเจดีย์ครอบไว้ด้านบน อย่างเช่นในตำนานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นต้น

    ก็อย่างนี้แหละ เขาถึงห้ามสตรีมีประจำเดือนเข้าใกล้องค์พระธาตุ เพราะเกรงว่าจะไปทำให้
    หุ่นพยนต์ที่คุ้มครองป้องกันพระบรมสารีริกธาตุเสื่อมฤทธิ์ ใครจะไปขุดเอาพระบรมสารีริกธาตุก็ขุดเอาได้โดยง่าย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บ้างก็ว่า"ผู้หญิงกับพระธาตุ เคยได้ยินมาว่า
    อันที่จริงแล้วผู้หญิงสามารถเข้าใกล้พระธาตุได้
    แต่เมื่อมีประจำเดือน ห้ามเข้าใกล้
    และห้ามสัมผัสพระธาตุเด็ดขาด
    จะทำให้พุทธานุภาพลดลงและแผ่ไปได้ไม่เต็มที่
    ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ท่านก็ห้ามผู้หญิงทั้งหมด
    เข้าใกล้พระธาตุ"

    [ขฺลัง] ว. มีกําลังหรืออํานาจที่อาจบันดาลให้เป็นไปได้ มีอํานาจศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า อาจบันดาลให้สําเร็จได้ดังประสงค์.

    เรื่องช่างผมกรีดเท้า ปลงพระชนม์พระราชบิดาพิมพิสาร

    พระนางเวเทหิประทับยืนกรรแสงที่ประตูเรือนจำ คร่ำครวญว่า “ยามเขาเป็นเด็ก พระองค์ก็ไม่ให้ฆ่า ทรงเลี้ยงศัตรูไว้แท้ ๆ บัดนี้หม่อมฉันคงเห็นพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าโทษของหม่อมฉันมีอยู่ ขอได้โปรดพระราชทานอภัยโทษให้หม่อมฉันด้วย” แล้วเสด็จกลับ

    นับแต่นั้นมา พระเจ้าพิมพิสารไม่มีพระกระยาหารเสวย แต่พระองค์ก็ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยความสุขในมรรคผลที่พระองค์ท่านบรรลุแล้ว ด้วยวิธีเดินจงกรม ทรงมีพระวรกายเปล่งปลั่ง พระราชกุมารทรงทราบแล้ว ตรัสให้ช่างผมใช้มีดโกนกรีดพระบาทของพระราชบิดาทั้งสองข้าง แล้วเอาน้ำมันผสมเกลือทาและใช้ความร้อนจากถ่านไม้ตะเคียนย่างพระบาท

    เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทอดพระเนตรเห็นช่างตัดผม พระเจ้าพิมพิสารดำริว่า ลูกเราคงมีใครเตือนให้รู้สำนึกแล้ว จึงส่งช่างมาแต่งหนวดให้กระมัง แต่ช่างผมกราบทูลให้ทรงทราบพระราชโองการตรัสสั่ง กราบทูลขออภัยโทษที่ต้องกระทำตามสัง แล้วกระทำการกรีดพระบาท

    ซึ่งอรรถกถาว่า ในอดีตพระราชาพิมพิสารนี้เคยใส่ฉลองพระบาทเข้าไปในลานพระเจดีย์ และเอาเท้าสกปรกเหยียบเสื่อที่เขาจัดไว้สำหรับนั่ง จึงทรงเสวยผลของกรรมนั้น

    ขลังในที่นี้หมายถึง ผลกรรม อานุภาพ ก็ได้เหมือนกันในกรณีละเมิดคำสั่งคำเตือนข้อห้าม ขลัง ไม่ใช่มีแต่ ในการปลุกเสกเพียงอย่างเดียว "เช่นวัดนี้ขลังมากนะ อย่าริบังอาจไปรบกวนทำอะไร?พิเรนท์กันเชียว"


    ขึนอยู่กับการจำกัดความ ว่า ทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? แล้วจึงนำมาพิจารณา ว่า ผิดตามนั้นมีมูลเหตุเพียงไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    “ภายในองค์พระธาตุพนม” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ห้ามผู้หญิงเข้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.4 KB
      เปิดดู:
      292
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บ้างก็ว่าที่หวงห้ามเป็นที่เจริญวิปัสนากรรมฐาน อันเพ่งอยู่ จึงไม่อยากให้สิ่งอื่นมารบกวนอันจิตใจ ในขณะตั้งที่อันเลื่อมใสและบริสุทธ์อยู่

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นกลิ่นอื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนกลิ่นสตรีเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายกลิ่นสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นกลิ่นอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่จะครอบงำจิตของสตรีตั้งอยู่เหมือนกลิ่นบุรุษเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายกลิ่นบุรุษย่อมครอบงำจิตของสตรีตั้งอยู่.
    "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บ้างก็เคร่งตาม "มหาปรินิพพานสูตร" เพราะอาจเกิดความกำหนัดยินดีต่อสตรีได้

    "พระพึงปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร"

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์พึงปฏิบัติในมาตุคาม (สตรี) อย่างไร"

    "ดูก่อนอานนท์ การไม่เห็นได้เป็นการดี"

    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจำเป็นต้องเห็น (เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้) จะพึงปฏิบัติอย่างไร"

    "ไม่ต้องพูดด้วยสิ อานนท์"

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วยจะพึงปฏิบัติอย่างไร"

    "พึงพูดด้วยสติสิ อานนท์"

    ข้อความนี้จาก มหาปรินิพพานสูตร ขณะพระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินมุ่งหน้าไปยังเมืองกุสินาราเพื่อปรินิพพาน ณ คราวหนึ่งพระอานนท์ พุทธอนุชา ได้กราบทูลถามวิธีปฏิบัติต่อมาตุคาม (คือสตรี) ว่าพึงปฏิบัติตนอย่างไร พระองค์ตรัสดังข้อความข้างต้น https://www.youtube.com/watch?v=xEp0NHng_XE
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ท่านสามารถมีความยินดีเมื่อคนแปลกหน้าเข้าไปสู่บ้านท่านได้หรือเปล่า ถ้ามีใครสักคนเขาไปในเรือนเคหะของท่านโดยที่ท่านยังไม่ได้รับอนุญาตซึ่งไม่ว่าท่านจะมีเหตุผลกลใดก็ตาม ก็ห้ามเข้า ท่านจะยินดีให้เขาเข้าเรือนท่านไหม?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เรื่องเขตหวงห้ามนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องพระธาตุเจดีย์กับสตรี แต่ยังมีการห้ามฆราวาสผู้ครองเรือนเข้าเขตสงฆ์ ซึ่งแม้แต่บุรุษก็ไม่สามารถเข้าได้

    อย่างสำนักแม่ชี หรือกุฏิแม่ชี ก็ห้ามไม่ให้บุรุษเข้าเหมือนกัน ผู้ชายก็ห้ามถูกเนื้อต้องตัวแม่ชี เหมือนกับที่ห้ามสตรีถูกเนื้อต้องตัวพระเณร

    เรื่องเหล่านี้มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติปกติของสังคม เช่นถนนส่วนบุคคลสงวนสิทธิ์ห้ามบุคคลภายนอกเข้า หรือซอยส่วนบุคคลสงวนสิทธิ์ห้ามบุคคลภายนอกเข้า หรือห้ามบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาล หรือสถานที่ราชการ,ศาสนสถาน โปรดแต่งกายสุภาพ เหล่านี้เป็นต้น

    ถ้าไม่เอากฎข้อห้าม อย่างนั้น ผู้ชาย ฆราวาสก็สามารถเข้าหาที่พักแม่ชีตลอดจนภิกษุณีได้ตามสะดวก

    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสิทธิสตรี แต่เป็นเรื่องมารยาท กฎและข้อห้าม อย่าเอามาปนกัน
     
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ถ้าเห็นด้วกับการละเมิด ก็สรุปได้ว่าคงอยากจะให้ผู้ชายเข้าพื้นที่หวงห้ามในอาวาสของภิกษุณีและแม่ชีได้ตามสะดวก ใครจะเอาก็เอาแต่เราไม่เอาด้วย

    ที่ถูกธรณีสูบอีกคนก็คือ นันทมานพ แม้จะมิได้ทำร้ายต่อพระพุทธองค์โดยตรง แต่ก็ได้ทำผิดขั้นร้ายแรงต่อพระอรหันต์

    เหยื่อของนันทมานพก็คือ ท่านอุบลวรรณาเถรี สตรีผู้มีโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของชายผู้พบเห็นตั้งแต่พระราชาและเศรษฐีคหบดีทั่วไป แต่ท่านอุบลวรรณเถรีเบื่อหน่ายในโลกีย์สุข ต้องการหาความสงบตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงออกบรรพชาเป็นภิกษุณีตั้งแต่อายุได้ ๑๖ ปี ในที่สุดก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    แม้ท่านอุบลวรรณาเถรีจะก้าวไปอยู่ในโลกแห่งความสงบ ปราศจากกิเลสใดๆ แล้ว แต่นันทมานพก็ยังฝังใจด้วยกิเลสตัณหา ปรารถนาจะลิ้มรสสวาทจากนางให้ได้ วันหนึ่งจึงไปแอบซุ่มอยู่ในป่าข้างกระท่อมที่ท่านอุบลวรรณฯจำพรรษาอยู่ เมื่อเห็นว่าออกจากกระท่อมไปบิณฑบาตแล้ว นันทมานพก็เข้าไปซ่อนอยู่ใต้เตียง และเมื่อท่านอุบลวรรณฯ กลับมานันทมานพก็เข้าปลุกปล้ำ แม้ท่านอุบลวรรณฯ จะร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะอยู่ในป่าเปลี่ยววิเวก พระอรหันต์อุบลวรรณเถรีจึงได้กล่าวกับนันทมานพหวังจะเตือนสติให้เขาสำนึกในการกระทำว่า

    “จงอย่าทำเช่นนี้เลย ความหายนะจะมาสู่ท่าน”

    นันทมานพก็หาฟังไม่ ปลุกปล้ำท่านอุบลวรรณฯ จนสำเร็จดังใจปรารถนา แต่พอเขาก้าวลงจากแคร่ ธรณีก็เปิดอ้าสูบลงไปในขุมนรกอเวจี เพราะกรรมที่เขาก่อกับพระอรหันต์นั้นหนักหนาสาหัสนัก

    การที่ท่านอุบลวรรณเถรีถูกกระทำเช่นนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของภิกษุ ภิกษี และพุทธบริษัททั้งปวงว่า เมื่อท่านอุบลวรรณฯได้รับการสัมผัสเช่นนี้ ย่อมจะฝืนความยินดีให้คล้อยตามไปด้วยยาก พระพุทธองค์จึงตรัสบอกกับพุทธสาวกว่า

    “พระอรหันต์นั้นเป็นเช่นเดียวกับไม้ผุ ไม่มีกิเลสและไม่มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่นตุ๊กตาที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันท์ใด พระอรหันต์ก็เป็นฉันท์นั้น...”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • banner_file.jpg
      banner_file.jpg
      ขนาดไฟล์:
      387.3 KB
      เปิดดู:
      185
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    และเราขอบอกไว้ตรงนี้ว่า เพศที่ทำให้เราละอายมากที่สุดในชีวิตจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ก็คือ ท่านพระภิกษุณีในสมัยพุทธกาล ผู้ทรงมีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเลิศ เป็นผู้ฉลาดทิ้งโลกออกจากเปลือกตมเสียได้ นี่ควรสรรเสริญเคารพบูชากว่า พระสงฆ์ซึ่งยกเว้นไว้เสียแต่พระอริยะบุคคลที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบในสมัยนี้เสียด้วยซ้ำ ฉนั้นข้อที่ใครจะหาว่าเราไม่ให้เกียรติเพศแม่จึงไม่มีอยู่จริง เพศแม่นี่ล่ะที่จะทำให้บุรุษผู้เป็นอสัตบุรุษแทบเอาหน้า่ซุกแผ่นดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2017
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "หวังว่าเรื่องนี้คงจบเพียงเท่านี้ครับ " ถ้าผิดก็มาขอขมากรรม ทำบุญเลี้ยงพระ ให้ท่านสวดอนุโมทนาฯ สร้างผลบุญสืบต่อด้วยเหตุจากเหตุ มีเพียงเท่านั้น วัดก็ควรชี้แจงอย่างนั้น ไม่ควรโวยวายมากพลาดก็คือพลาด แล้วมาทำแก้เสีย คงจบได้ด้วยดีสำหรับในเรื่องนี้ ทางวัดก็ควรหาทางรับมือในเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่ปักป้ายอย่างเดียว ไม่มีคนคอยตรวจห้ามปราบ เกิดเขาไม่รู้หรือจงใจจะแกล้งเอา หรือปล่อยคนเสียสติ หรือไปจ้างไปหลอกใครมาให้มาทำแบบนี้ เพราะฉนั้นในสถานที่หวงห้ามควรวางคนเคร่งครัดในการตรวจสอบและดูแลครับ

    ขออนุโมทนาฯ สาธุธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...