ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อวานได้คุยกับพี่ใหญ่เรื่องพระกรุนี้ พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันอังคารนำพระบางส่วนไปให้ อ.ประถมดู อ.ประถมถึงกับบอกว่า ได้มายังไง เพราะเป็นพระของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร กรุเก่า ซึ่งเนื้อหาแตกต่างกับกรุใหม่หรือกรุอื่นๆ มาก และไม่พบเห็นกันง่ายๆ หากเช่าหากับ อ.ประถมในยุคแรกๆ คงอยู่ในหลักพันกลางถึงพันแก่ๆ ในบางพิมพ์ เรื่องกฤตยาคม หรืออิทธิคุณเลิกพูดถึง เพราะจะหาพระสงฆ์ในยุคปัจจุบันที่ไหนเก่งพอที่จะเสกได้ขนาดนี้ สุดท้ายก็เลยคุยเรื่องการแจก พี่ใหญ่บอกแจกฟรี (ยกเว้นค่าจัดส่งพระ)ให้คนที่เข้ามาร่วมบุญในกระทู้ให้หมด คาดว่าจะแจกได้ คงราวเดือน ก.ค.-ส.ค. เพราะรอวัดใจกันอีก เนื่องจากยังคงมีหลายท่านที่ศรัทธายังไม่มั่น อยู่หลายคนเลยต้องวัดใจ ว่าท่านมีความตั้งใจที่จะช่วยสงฆ์อาพาธจริง เราถึงให้ เพราะพระมีแค่ ร้อยกว่าองค์เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย หาไม่ได้แล้ว และยืนยันในเรื่องพลังอิทธิคุณได้ เพราะตรวจกันทั้ง อ.ประถม และพี่ใหญ่ครับ ผมเองมีท่านอยู่หลายองค์ยังมิวายอยากได้เลยบอกตรงๆ
     
  2. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ขอเล่าประสบการณ์ พระหลวงปู่โลกอุดรกรุแรกนี้ ผมได้รับจากอาจารย์ประถมมาประมาณปี 2529 ถึงวันนี้ก็22ปีแล้ว ผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ระดับขับรถความเร็ว170ชนจนหมุนบนทางด่วน จนกู้ภัยต้องช่วยออกมาจากรถ ผลปรากฏว่า นั่งไปกัน 4 คน ไม่มีใครเป็นอะไรเลย อย่างมากปากแตกบ้าง รถผมซ่อมไปหลายแสน คอนโซลพัง เกียร์พัง ฝากระโปรงรถยุบเกือบถึงกระจก ปีนั้นเข้าเกณฑ์เบญจเพศ ไม่รู้เป็นอย่างไรใจร้อนประมาท เลยรอดได้พระที่คอ เป็นของอาจารย์ประถมส่วนใหญ่

    ท่านใดได้พระกรุนี้ไปโดยไม่ต้องซื้อขาย นับว่าเป็นบุคคลที่มีบารมีต่อเนื่องกับหลวงปู่ เป็นผู้โชคดีที่มีของวิเศษติดกาย ไว้ระลึกถึงรัตนตรัย และ หลวงปู่โลกอุดร

    คุณลุงท่านนี้ก็ใช่ว่าจะร่ำรวยอะไร พระร้อยกว่าองค์ถ้าคิดง่ายๆ ไปขายองค์ 2000 บาท ก็จะได้เงินเกือบ 300000 บาท เปลี่ยนรถได้สบาย แต่ท่านไม่ทำเพราะ ท่านศรัทธาในบุญ ต้องการช่วยสงฆ์อาพาธ และ ทุนนิธิฯ โมทนากับลุงท่านนี้ครับ

     
  3. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ความหมายของทานครับ

    (๑๑) ทาน ๒<SUP>๑</SUP> (การให้, การเสียสละ, การบริจาค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2008
  4. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    การให้ทานในแบบต่าง ๆ และผลของทานชนิดนั้น ๆ

    ปัญหา ก่อนที่จะให้ทาน ถ้าเราตั้งใจขอให้ได้เสวยผลของทานผลจะเป็นอย่างไร ?

    **พุทธดำรัสตอบ
     
  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้เสียสละในการช่วยเหลือพระสงฆ์ที่กำลังอาพาธด้วยครัย โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    ผมนำภาพพระโลกอุดรที่เรียกว่า
    "กรุเก่า" มาให้ชมกันนะครับ ซึ่งพระกรุนี้แทบจะไม่มีให้เห็นอีกแล้วครับ


    1. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์รูปเหมือนปรมาจารย์

    [​IMG]



    2. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์พนมมืออธิษฐานฤทธิ์

    [​IMG]



    3. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์อรหันต์ใหญ่

    [​IMG]




    4. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์อรหันต์กลาง

    [​IMG]



    5. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์อรหันต์น้อย

    [​IMG]



    6. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตานะเอกลักษณ์

    [​IMG]



    7. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาเศียรบาตร

    [​IMG]


    8. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาสมาธิราบ


    [​IMG]



    9. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาสองหน้า(โสณะอุตร)


    [​IMG]




    10. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาสังฆาฏิ

    [​IMG]




    11. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาสี่กร

    [​IMG]



    12. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์ปิดตาอะระหัง

    [​IMG]



    13. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์มหากัจจายน์ใหญ่

    [​IMG]




    14. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์มหากัจจายน์กลาง


    [​IMG]




    15. พระกรุหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร พิมพ์มหากัจจายน์เล็ก


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    โอ้โฮ อ.ปุ๊ สุดยอดมาก ประสบการณ์
    1. อรหันต์กลาง แขวนแล้วหญิงตรึม ระวังศีลข้อ 3.ให้มั่น เสร็จแน่ (ตอนเป็นหนุ่ม ลองแล้วเห็นผลจริง) แถมมีผงราชวรมัน ผสมด้วยล่ะ
    2. ปิดตาสังฆาฏิ การงานเจริญก้าวหน้า อธิษฐานฟาดรุ้ง ขาดเป็นริ้วๆ เลยเห็นผลกับตาตัวเองเช่นกัน
    3.ที่แน่ๆ ทั้งหมดอธิษขอลาภขอได้จริงๆ ด้วย เพราะเคยได้รับรางวัลใหญ่จากการจับรางวัลของบริษัท 3 ปีซ้อน ติด 1ใน 3 จากจำนวนคนที่สำนักงานใหญ่พันกว่าคน
     
  7. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    พิมพ์นี้ครับ ปิดตาด้านหลังมีคำว่า อรหัง เป็นหนึ่งในสามองค์ ที่ช่วยผมรอดตายจากอุบัติเหตุบนทางด่วน ขนาดพวกกู้ภัยมองรถแล้วยัง งงๆ ว่าทำไมไม่เป็นอะไร?

    วันนั้นใส่ ปิดตาอรหัง ปิดตาโสฬสมหาพรหม (บินเดี่ยว)และ เหรียญหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงปีประมาณ2517

     
  8. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ได้โอนเงินจำนวน 8000 บาท เข้าบัญชีของทุนนิธิฯ เป็นเงินทำบุญตามรายนามดังนี้ครับ
    คุณกนกพร นิตย์ธีรานนท์ 1098 บาท
    คุณพิชญ์ธนัน อนันธรสิริ 102 บาท
    คุณมาลินี ชาติขุนพล 100 บาท
    คุณอนันต์ และ คุณสุนารี ตั้งธาราวิวัฒน์ 1000 บาท
    คุณวิศัลย์ ณ ระนอง และผมโสระ 1500 บาท
    คุณวิชัย อัครวิทยาภูมิ 1000 บาท
    คุณปิยะวัฒน์ วรัทเศรษฐ์ 1600 บาท
    คุณชมพู ดิษฐ์ประเสริฐ 200 บาท
    คุณนาลดา อมรพัชระ 300 บาท
    เด็กชาย วิภูช์ ตั้งธาราวิวัฒน์ 100 บาท
    คุณพลภัทร ตั้งธาราวิวัฒน์ 1000 บาท

    พิมพ์ชื่อและนามสกุลท่านใดผิดพลาดไป ขออภัยด้วยครับ บุญเป็นทิพย์อยู่แล้ว ไม่บอกกล่าว ก็ได้จากการกระทำดีครับ

    สาธุ โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2008
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ประวัติพระพุทธเจ้าในภัทรกัป 4 พระองค์ จากจำนวน 5 พระองค์ ที่มีคุณอนันต์ในการอธิษฐานขอบารมีท่านลงมาช่วยในการหล่อพระ "กำลังใจ" ในครั้งนี้

    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <CENTER></CENTER><CENTER>กุกกุสันธพุทธวงศ์ที่ ๒๒</CENTER><CENTER>ว่าด้วยพระประวัติพระกกุสันธพุทธเจ้า</CENTER>[๒๓] สมัยต่อมาจากพระเวสสภูพุทธเจ้า มีพระสัมพุทธเจ้าผู้อุดมกว่าสัตว์ พระนามว่า กุกกุสันธะ มีพระคุณประมาณมิได้ยากที่จะเทียมถึง ทรงเพิกภพทั้งปวง ถึงที่สุดแห่งจริยา ทรงทำลายกิเลสดังราชสีห์ทำ ลายกรงแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เมื่อพระกุกกุสันธะ พุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัย ครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์สี่หมื่นโกฏิ ในคราวเมื่อพระองค์ทรงแผลงฤทธิ์ กระทำยมกปาฏิหาริย์ในอากาศ พระองค์ทรงยังเทวดาและมนุษย์ให้ ตรัสรู้สามหมื่นโกฏิ ในคราวเมื่อทรงประกาศจตุราริยสัจ แก่มนุษย์ เทวดาและยักษ์ ธรรมาภิสมัยครั้งนั้น จะคำนวณนับมิได้ พระผู้มี พระภาคกุกกุสันธะ ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจาก มนทิน ผู้มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ครั้งเดียวในกาลนั้น พระภิกษุขีณาสพ ผู้บรรลุถึงภูมิที่ฝึกแล้ว เพราะสิ้นกิเลสเหตุให้เป็นหมู่คณะมีอาสวะ เป็นต้น มาประชุมกันสี่หมื่น สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์ มีพระนามว่า เขมะ เราได้ถวายทานมิใช่น้อยแด่พระตถาคตและพระสาวก เรา ถวายบาตร จีวร ยาหยอดตา ชะเอมเครือ เราถวายของดีๆ ทุกอย่าง ตามที่ภิกษุสงฆ์ปรารถนา แม้พระมุนีกุกกุสันธะผู้เป็นนายกชั้นพิเศษ พระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่าในภัทรกัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระ พุทธเจ้าในโลก ....... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟังพระพุทธ พยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราอธิษฐานวัตร ในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการยิ่งขึ้น นครชื่อว่าเขมวดี ในกาลนั้น เรามีชื่อว่าเขมะ เมื่อแสวงหาพระสัพพัญญุตญาณจึงออกบวชใน สำนักของพระองค์ พราหมณ์นามว่าอัคคิทัตตะเป็นพุทธบิดา นางพราหมณีชื่อว่าวิสาขา เป็นพุทธมารดา ตระกูลใหญ่ของพระ- สัมพุทธเจ้าเป็นตระกูลที่ประเสริฐสุดกว่าตระกูลอื่นๆ มีชาติสูง มียศมาก อยู่ในเขมนครนั้น พระองค์ครอบครองอาคารสถานอยู่ สี่พันปี มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อกามวัฑฒะ กามสุทธิ และรติวัฑฒนะ มีนางสาวนารีสามหมื่นนาง บุตรชายนามว่าอุตระ พระพิชิตมารทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงออกผนวชด้วยรถอันเป็น ยานพาหนะ บำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม พระกุกกุสันธมหาวีรเจ้า ผู้อุดมกว่านรชน ทรงประกาศพระธรรมจักรที่มฤคทายวัน ทรงมี พระวิธุรเถระและพระสัญชีวนามเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระ ชื่อว่าพุทธิชะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสามาเถรีและพระจัมปนามา เถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่าไม้ซึก อัจจุคตอุบาสก และสุมนอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก นันทาอุบาสิกา และสุนันทาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีมีพระองค์ สูง ๔๐ ศอก พระรัศมีสีเปล่งปลั่งดังทองคำ เปล่งออกไป ๑๐ โยชน์ โดยรอบ พระองค์มีพระชนมายุสี่หมื่นปี เมื่อทรงดำรงอยู่เท่านั้น ทรงช่วยให้ประชุมชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงแจกจ่าย ตลาดธรรมให้แก่บุรุษและสตรี ทรงบันลือสีหนาทในโลกพร้อมทั้ง เทวโลกแล้ว เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระองค์ ทรงถึง พร้อมด้วยพระดำรัสมีองค์ ๘ ไม่มีช่องเนืองนิตย์ ทุกอย่างหายไป หมดแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระกุกกุสันธชินเจ้าผู้ ประเสริฐเสด็จนิพพานที่เขมาราม พระสถูปอันประเสริฐของ พระองค์สูงคาวุตหนึ่ง ประดิษฐานอยู่ ณ เขมารามนั้น ฉะนี้แล.


    </PRE>http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8347&Z=8393&pagebreak=0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2008
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER></CENTER><CENTER>โกนาคมนพุทธวงศ์ที่ ๒๓</CENTER><CENTER>ว่าด้วยพระประวัติพระโกนาคมนพุทธเจ้า</CENTER>[๒๔] สมัยต่อมาจากพระกุกกุสันธพุทธเจ้า พระสัมพุทธนราสภชินเจ้าผู้ อุดมกว่าสัตว์ เชษฐบุรุษของโลก พระนามว่าโกนาคมนะ ทรง บำเพ็ญธรรม ๑๐ ประการบริบูรณ์ ข้ามทางกันดารได้แล้ว ทรงลอย มลทินทั้งปวงแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เมื่อพระองค์ผู้ เป็นนายกชั้นพิเศษของโลก ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัย ครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์สามหมื่นโกฏิ และในคราวเมื่อพระองค์ ทรงทำปฏิหาริย์ย่ำยีวาทะของผู้อื่น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่ สัตว์สองหมื่นโกฏิ ต่อแต่นั้น พระมุนีสัมพุทธชินเจ้าทรงแผลงฤทธิ์ ต่างๆ เสด็จไปยังดาวดึงส์เทวโลก ประทับเหนือบัณฑุกัมพลศิลา- อาสน์ ทรงจำพรรษาอยู่ ณ ดาวดึงส์นั้น ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่ทวยเทพหมื่นโกฏิ แม้ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ก็ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบระงับ คงที่ ครั้งเดียว ในกาลนั้น พระภิกษุขีณาสพผู้ล่วงโอฆะทั้งหลายและทำลายมัจจุราชแล้ว มา ประชุมกันสามหมื่น สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์พระนามว่าบรรพต ถึงพร้อมด้วยมิตรและอำมาตย์ มีพลนิกายและพาหนะมากมาย เรา ไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้าได้ฟังธรรมอันยอดเยี่ยมแล้ว นิมนต์พระสงฆ์ พร้อมด้วยพระชินเจ้า ได้ถวายทานตามปรารถนา เราได้ถวายผ้า ปัตตุณณะ ผ้าเมืองจีน ผ้าไหม ผ้ากัมพล และรองเท้าทอง แก่ พระศาสดาและพระสาวก แม้พระมุนีพระองค์นั้น ก็ประทับนั่ง ท่ามกลางสงฆ์ตรัสพยากรณ์เราว่า ในภัทรกัปนี้ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธ เจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์ แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราได้อธิษฐานวัตรในการ บำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป เราผู้อุดมกว่านรชน เมื่อ แสวงหาพระสัพพัญญุตญาณ จึงให้ทาน ละราชสมบัติอันใหญ่หลวง บวชในพระสำนักพระชินเจ้า พระนครชื่อว่าโสภวดี พระบรมกษัตริย์ พระนามว่าโสภะ ตระกูลใหญ่ของพระสัมพุทธเจ้าอยู่ในพระนครนั้น ยัญทัตตพราหมณ์เป็นพุทธบิดา นางอุตราพราหมณีเป็นพุทธมารดา พระองค์ครอบครองอาคารสถานอยู่สามหมื่นปี มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อดุสิต สันดุสิต และสันตุฏฐะ มีนางสาวนารี หมื่น หกพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม นางรุจิคุตตาพราหมณีเป็น ภรรยา บุตรชายนามว่าสัตถวาหะ พระองค์ผู้เป็นอุดมบุรุษได้เห็น นิมิต ๔ ประการ จึงออกบวชด้วยยานช้างยานพาหนะ บำเพ็ญเพียร อยู่ ๖ เดือน พระโกนาคมนมหาวีรเจ้า นายกของโลก ผู้อุดมกว่า นรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักรที่ มฤคทายวัน ทรงมีพระภิยโยสเถระ และพระอุตรเถระเป็นพระอัคร- สาวก พระเถระชื่อว่าโสตถิชะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสมุททา เถรีและพระอุตราเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์ เรียกชื่อว่า ไม้มะเดื่อ อุคคอุบาสกและโสมเทวอุบาสกเป็นอัคร- อุปัฏฐาก สีวลาอุบาสิกาและสามาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระองค์สูง ๓๐ ศอก ประดับด้วย พระรัศมีเปล่งปลั่ง ดังทองที่ปากเบ้า พระองค์มีพระชนมายุในขณะ นั้นสามหมื่นปี ทรงดำรงอยู่เท่านั้น ทรงช่วยให้ประชุมชนข้ามพ้น วัฏสงสารได้มากมาย ทรงยกธรรมเจดีย์อันประดับด้วยผ้าคือธรรม ขึ้นแล้ว ทรงร้อยพวงดอกไม้คือธรรมเสร็จแล้ว เสด็จนิพพานพร้อม ด้วยพระสาวก พระองค์มีพระลีลาอันใหญ่มีธรรมอันเป็นสิริเป็นเครื่อง ปรากฏ สิ่งทั้งปวงหายไปหมดแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระ โคนาคมนสัมพุทธเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ปัพพตาราม พระธาตุของ พระองค์แผ่กว้างไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
    </PRE>http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8394&Z=8445&pagebreak=0
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER></CENTER><CENTER>กัสสปพุทธวงศ์ที่ ๒๔</CENTER><CENTER>ว่าด้วยพระประวัติพระกัสสปพุทธเจ้า</CENTER>[๒๕] สมัยต่อมาพระโกนาคมนพุทธเจ้า มีพระสัมพุทธเจ้าผู้อุดมกว่าสัตว์ เป็นพระธรรมราชา มีพระรัสมีสว่างไสวทรงพระนามว่า กัสสปะ ทรัพย์อันเป็นต้นทุนของตระกูล ที่สัตว์เป็นอันมากบูชา พระองค์ ทรงละทิ้งเสียแล้วทรงเป็นทายกผู้องอาจให้ทาน ยังฉันทะให้เต็ม ทรง ทำลายกิเลสดังสัตว์ร้ายแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เมื่อ พระกัสสปะผู้เป็นนายกของโลก ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมา- ภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์สองหมื่นโกฏิ ในคราวเมื่อพระพุทธเจ้า เสด็จจาริกไปในโลกตลอด ๔ เดือน ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มี แก่สัตว์หมื่นโกฏิ ในคราวเมื่อพระองค์ทรงทำยมกปาฏิหาริย์แสดง ฤทธิ์ต่างๆ ทรงประกาศพระญาณธาตุ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มี แก่สัตว์ห้าพันโกฏิ ในคราวที่พระองค์ทรงแสดงธรรม ณ สุธรรมเทพ- นครอันรื่นรมย์ พระชินเจ้าทรงทำให้เทวดาสามพันโกฏิได้ตรัสรู้ และในคราวทรงแสดงธรรมแก่มนุษย์ เทวดา และยักษ์อีกครั้งหนึ่ง มนุษย์เป็นต้นผู้ได้ตรัสรู้ธรรมนั้นจะคณนานับมิได้ แม้พระพุทธเจ้า พระองค์นั้นก็ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ครั้งเดียว ครั้งนั้นพระภิกษุขีณาสพผู้ล่วง สุดภพแล้ว ผู้คงที่ด้วยหิริและศีลมาประชุมกันสองหมื่น ในกาลนั้น เราเป็นมาณพ มีชื่อปรากฏ ว่าโชติปาละ เป็นผู้เล่าเรียน ทรงมนต์ รู้จบไตรเพทถึงที่สุดในคำภีร์ทำนายลักษณะและคัมภีร์อิติหาสะ เป็น ผู้ฉลาดในวิชาดูพื้นที่และอากาศ เป็นผู้ใช้วิชา ไม่มีทุกข์ ฆฏิการ อุบาสกผู้อุปัฏฐากแห่งพระผู้มีพระภาคกัสสปะ เป็นผู้มีความเคารพ ยำเกรง เป็นพระอนาคามี ฆฏิการอุบาสกได้พาเราเข้าไปเฝ้าพระ- กัสสปชินเจ้า เราได้ฟังธรรมของพระองค์แล้วบวชในสำนักของ พระองค์ เราเป็นผู้ปรารภความเพียร ฉลาดในวัตรและมิใช่วัตร ไม่เสื่อมในที่ไหนๆ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระชินเจ้าบริบูรณ์ เล่าเรียนนวังคสัตถุศาสน์เท่าที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วทุกอย่าง ยัง พระศาสนาของพระพิชิตมารให้งดงาม แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงเห็นความอัศจรรย์ของเราแล้ว จึงทรงพยากรณ์ว่า ในภัทรกัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ...... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้วยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เรา อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญเพียรบารมี ๑๐ ประการ การให้ยิ่งขึ้นไป เรานึกถึงพระพุทธพยากรณ์อย่างนี้แล้ว งดเว้นอนาจาร กระทำกรรม ที่ทำได้ยาก เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น พระนครชื่อว่า พาราณสี พระบรมกษัตริย์ พระนามว่ากิกี ตระกูลใหญ่ของพระ- สัมพุทธเจ้าอยู่ในพระนครนั้น พรหมทัตตพราหมณ์เป็นพุทธบิดา นางธนวดีพราหมณีเป็นพุทธมารดา พระองค์ทรงครอบครองอาคาร สถานอยู่สองพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อหังษะ ยสะ และสิริจันทะ มีนางสาวนารีสี่หมื่นแปดพันนางล้วนประดับ ประดาสวยงาม นางสุนันทาพราหมณีเป็นภรรยา บุตรชายนามว่า วิชิตเสน พระองค์ผู้เป็นบุรุษอุดม ได้เห็นนิมิต ๔ ประการ จึงออก บวชพร้อมด้วยปราสาท ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน พระกัสสปมหา- วีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลกผู้อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักรที่มฤคทายวัน ทรงมีพระติสสเถระและ พระภารทวาชเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าสรรพมิตตะ เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระอนุลาเถรีและพระอุรุเวลาเถรีเป็นพระ- อัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่านิโครธ สุมังคล อุบาสกและฆฏิการอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก วิชิตเสนาอุบาสก และ ภัททาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มี พระองค์สูง ๒๐ ศอก มีพระรัศมีเปล่งปลั่งดังสายฟ้าในอากาศ ดุจพระจันทร์เต็มดวง พระองค์มีพระชนมายุสองหมื่นปี เมื่อทรง ดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้ประชุมชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงสร้างสระน้ำคือธรรมไว้ ทรงประทานเครื่องลูบไล้ คือ ศีล ทรงจัดผ้าคือธรรมไว้นุ่งห่ม ทรงแจกพวงมาลัยคือธรรม ทรงตั้ง กระจกเงาอันไร้มลทินคือธรรมไว้ให้มหาชน ด้วยทรงหวังว่า ชน บางพวกปรารถนานิพพาน จงเห็นเครื่องประดับของเรา ทรงจัดเสื้อ คือศีล เกราะหนังคือญาณ ทรงจัดหนังคือธรรมไว้ให้คลุม และ เครื่องรบอย่างดีเลิศให้ ทรงจัดโล่ห์คือสติ หอกคือญาณอันคมกล้า ดาบอย่างดีคือธรรม และศาตราวุธเครื่องย่ำยีศัตรูคือศีลไว้ให้ ทรงจัด ภูษา คือไตรวิชา พวงมาลัยสวมศีรษะคือผล ๔ เครื่องอาภรณ์ คือ อภิญญา ๖ และดอกไม้เครื่องประดับคือธรรม ร่มขาวคือพระสัทธรรม อันเป็นเครื่องป้องกันบาป ทรงนิรมิตดอกไม้ คือ ความไม่มีเวรภัย ไว้ให้เสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก แท้- จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระคุณหาประมาณมิได้ ยากที่จะรู้ได้ พระธรรมรัตนะที่ตรัสไว้ดีแล้วควรเรียกให้มาดู พระสังฆรัตนะผู้ ปฏิบัติดี ไม่มีผู้อื่นยิ่งไปกว่า ทั้ง ๓ รัตนะนี้ หายไปหมดทุกอย่างแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระมหากัสสปชินศาสดา เสด็จนิพพาน ที่เสตัพยาราม ทระสถูปของพระองค์ สูงหนึ่งโยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ เสตัพยารามนั้น ฉะนี้แล.

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8446&Z=8516&pagebreak=0


    </PRE>
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER></CENTER><CENTER>โคตมพุทธวงศ์ที่ ๒๕</CENTER><CENTER>ว่าด้วยพระประวัติพระโคตมพุทธเจ้า</CENTER>[๒๖] บัดนี้ เราเป็นพระสัมพุทธเจ้านามว่า โคดม เจริญในศากยสกุล เราบำเพ็ญเพียรแล้ว ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม พรหมอาราธนา แล้ว ประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์ ๑๘ โกฏิ ต่อแต่นั้น เมื่อเราแสดงธรรมในสมาคมมนุษย์และเทวดา ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ ในคราวที่เรา กล่าวสอนราหุลบุตรของเราบัดนี้ ณ ที่นี้แล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ เรามีการประชุมพระสาวกผู้แสวงหา คุณใหญ่ครั้งเดียว ภิกษุที่ประชุมกันมี ๑๒๕๐ รูป เราผู้ปราศจาก มลทินรุ่งเรือนอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ เราให้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่าง เหมือนแก้วมณีให้สิ่งที่ต้องการทั้งปวง ฉะนั้น เราประกาศจตุราริยสัจ เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้หวังผล ผู้แสวงหาธรรมเครื่องละ ความพอใจในภพ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์สองแสน ธรรมาภิสมัย ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์โดยจะคณนานับมิได้ คำสั่งสอน ของเราผู้เป็นศากยมุนี กว้างขวางเจริญแพร่หลายงอกงามดี บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ภิกษุหลายร้อยล้วนเป็น ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะมีจิตสงบระงับมั่นคงแวดล้อมเราอยู่ทุก เมื่อในกาลบัดนี้ ภิกษุเหล่าใด เป็นพระเสขะยังมิได้บรรลุอรหัต ละภพมนุษย์ไป ภิกษุเหล่านั้น วิญญูชนตำหนิ ชนทั้งหลายผู้ชอบใจ ทางพระอริยเจ้า ยินดีในธรรมทุกเมื่อ มีปัญญารุ่งเรือง ถึงจะยัง ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ก็จักตรัสรู้ได้ นครของเราชื่อกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะเป็นโยมบิดาของเรา โยมมารดาบังเกิดเกล้าของเรา เรียกพระนามว่า มายาเทวี เราครอบครองอาคารสถานอยู่ ๒๙ ปี มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อสุจันทะ โกกนุทะ และ โกญจะ มีสนมนารีกำนัลในแปดหมื่นสี่พันนาง ล้วนประดับประดา สวยงาม มเหสีของเรานามว่า ยโสธรา บุตรชายของเราชื่อว่าราหุล เราเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ได้บำเพ็ญ เพียรประพฤติทุกกรกิริยาอยู่ ๖ ปี เราประกาศธรรมจักที่ป่าอิสิปตน- มฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เราเป็นพระสัมพุทธเจ้าชื่อว่าโคดม เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง ภิกษุ ๒ รูป ชื่ออุปติสสะและโกลิตะ เป็นอัครสาวกของเรา ภิกษุชื่ออานนทะ เป็นอุปัฏฐาก อยู่ในสำนัก ของเรา ภิกษุณีชื่อเขมาและอุบลวรรณาเป็นอัครสาวิกา จิตต- คฤหบดีและหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เป็นอัครอุปัฏฐาก นันท- มาดาและอุตราอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา เราบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดม ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ เรามีรัศมีซ่านออกด้านละวาทุกเมื่อ สูงขึ้นไป ๑๖ ศอก บัดนี้ อายุของเราน้อย มี ๑๐๐ ปี ถึงเราจะดำรง อยู่เพียงนั้น ก็ช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย เราตั้งคบ เพลิงคือธรรมไว้สำหรับให้คนภายหลังได้ตรัสรู้ อีกไม่นานเลย แม้ เรากับสงฆ์สาวกก็จักนิพพาน ณ ที่นี้แลเพราะสิ้นอาหาร เหมือน ไฟสิ้นเชื้อ ฉะนั้น เรามีร่างกายเป็นเครื่องทรงคุณ คือ เดชอันไม่มี เทียบเคียง ยศ กำลังและฤทธิ์เหล่านี้ วิจิตด้วยลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ มีรัศมี ๖ ประการ สว่างไสวไปทั่วทิศน้อยใหญ่ ดุจ พระอาทิตย์ ทุกอย่างจักหายไปหมดสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ ฉะนี้แล.
    </PRE>http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8517&Z=8562&pagebreak=0
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  15. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ทุกอย่างที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอ่านทีไรก็ ตื้นตันใจ อิ่มใจ เป็นบุญในทันใด

    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่า ขอบารมีท่านแล้ว ท่านมาหรือเปล่า คงต้องยกให้ท่านผู้มีอภิญญาจิตตรวจกันเอง เพราะเกินความสามารถของผมที่ยังอุดมไปด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ ครอบงำ จะตรวจสอบได้......
     
  17. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    วันนี้ผมและครอบครัวได้โอนเงินจำนวน 500 บาทเข้าบัญชีสงฆ์อาพาธ(อ. ประถม) หมายเลข 3481232459 21/03/51 เวลา 18.11 ขอบุญกุศลนี้จงสำเร็จแก่เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าและครอบครัวและเทวดาประจำตัว
    ทุกๆท่านที่อนุโมทนาบุญเทอญ สาธุๆๆๆ
     
  18. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ในวันนี้เพื่อนที่ทำงานได้ขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
    คุณบรรจง หิปานัด เป็นจำนวนเงิน 100 บาทครับ
    เดิมทีเค้าตั้งใจจะไปด้วยครับแต่เนื่องด้วยการงานทำให้เดือนนี้พลาดไป
    ก็เลยฝากเงินมาทำบุญแทนครับ

    อนุโมทนาบุญครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    น้องโอ๊ต
     
  19. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    ขออนุโมทนากับทุกๆท่านและคุณลุงด้วยที่บริจาคทานเพื่อต่ออายุพระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนาให้สึบต่อไป
    (ขอเกาะบุญด้วยคน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2008
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หัดให้ลูกสาวตัวเองวิเคราะห์เรื่องธาตุขันธ์ของตัวเรา ลองอ่านดูครับ


    วิเคราะห์ ขันธ์5กับสิ่งที่ตามองเห็น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขันธ์ 5 นั้นประกอบด้วยทั้งหมด 5 ส่วนด้วยกัน ได้แก่<O:p</O:p
    1.รูป เราสามารถจะเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เกิดขึ้นด้วยอำนาจของธาตุ 4 อาการ 32 เป็น อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขัง เต็มไปด้วยความทุกข์ อนัตตา มีความสลายตัวไปในที่สุด<O:p</O:p
    2.เวทนา ก็คืออารมณ์ อารมณ์ที่เป็นสุข อารมณ์ที่เป็นทุกข์ อารมณ์ที่ไม่สุขไม่ทุกข์ รู้ว่าเวทนามันเกิดขึ้นแล้วก็สลายตัวไป ไม่มีอะไรคงที่ มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเหมือนกัน<O:p</O:p
    3.สังขาร คือสภาพที่ปรุงแต่งจิต หมายความถึงอารมณ์ของจิต อารมณ์ที่เข้ามาแทรกจิต ได้แก่อารมณ์ที่มีความทุกข์ อารมณ์ที่มีความสุขก็คือบุญ อารมณ์ที่มีความทุกข์ก็คือบาป ความชั่ว และอารมณ์ที่วางเฉยเป็นอารมณ์กลาง<O:p</O:p
    4.สัญญา คือความจำ จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง จำได้นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็สลายไป ตั้งอยู่ไม่ได้นาน<O:p</O:p
    5.วิญญาณ ที่รับรู้สภาพของอากาศ ดินฟ้าอากาศ ความร้อน ความหนาว ความหิว ความกระหาย ความเจ็บ ความปวด ความอ่อน ความแข็ง นี่เป็นอาการของวิญญาณ คือประสาท สัมผัสรู้ว่าอ่อน รู้ว่าแข็ง รู้ว่าเย็น รู้ว่าร้อน แล้วก็เลิกสัมผัส ไม่มีอะไรแน่นอน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จากการที่ได้พิจารณาแจกันที่ใส่ดอกกุหลาบแล้วนั้น ก็ทำให้เห็นถึงความสอดคล้องของขันธ์ 5 กับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวของคนเรา การที่เราสามารถมองเห็นแจกันดอกกุหลาบ การที่เห็นแล้วรู้สึกชอบ รู้สึกสวย รู้สึกอยากจับต้อง อยากได้ ก็เป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง และทำให้เราสามารถจำได้ว่านั่นคือแจกันใส่ดอกกุหลาบและเมื่อได้สัมผัสก็ได้รับรู้ถึงสภาพของสิ่งนั้นๆ ความเหมือนของขันธ์5กับสิ่งที่เราสามารถมองเห็นได้ก็คือ ดวงตาของเราสามารถมองเห็นรูปร่างของสิ่งต่างๆซึ่งประกอบจากธาตุทั้ง4นั้นได้ สัมพันธ์กับเรื่องของรูปขันธ์ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถมองเห็นได้จากประสาทสัมผัสทางสายตาและเมื่อเราสามารถมองเห็นได้ ความรู้สึกอื่นๆก็จะตามมา สามารถระลึกได้จากระบบสั่งการของสมองเกิดเป็นขันธ์5ขึ้นมา ส่วนสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างขันธ์5และสิ่งที่ตามองเห็นก็คือ ขันธ์5นั้นประกอบไปด้วยความรู้สึกในส่วนต่างๆ ความชอบ ความไม่ชอบ การจำได้ การจำไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามองเห็นก็เป็นเพียงสิ่งที่แค่มองเห็นเท่านั้น ไม่สามารถรู้สึก ไม่สามารถรับรู้ถึงผิวสัมผัสนั้นได้ถ้าขาดการประมวลผลจากสมอง และอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างก็คือขันธ์5สามารถรับรู้ได้ว่า ณ เวลานั้นๆเรากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่และสามารถยับยั้งความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นได้ แต่สายตาไม่สามารถมองเห็นความรู้สึกหรือยับยั้งควบคุมความรู้สึกของตัวเองหรือผู้อื่นได้ ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เป็นอารมณ์หรือสิ่งที่ไม่มีรูปได้ แต่ขันธ์5กับประสาทสัมผัสทางตานั้น นับว่ามีความสัมพันธ์และจำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้องเพื่อประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้น



    ผิดถูกอย่างไรผมผู้เป็นพ่อขออภัยแทนลูกสาวด้วยครับ แบบหัดให้วิเคราะห์ธรรมไว้ก่อนก่อนที่จะหัดให้เป็นกรรมฐานในภาคปฏิบัติ เพราะเด็กสมัยนี้ถ้าไม่ซึมซับเข้าในใจแล้ว สอนยากมากจริงๆ

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...