ขอไม่เกิน 5 คำ สำหรับผู้ปฎิบัติเพื่ออริยบุคคล ผู้เงียบงัน

คุณอยากจะบอกอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังก้าวไปเพื่ออริยบุคคล ไม่เกิน 5 คำ

เพื่อมุมมองเเลกเปลี่ยนซึ่งกันเเละกันเพื่อความเจริญนะครับ

 

''อย่า หลง ตัว เอง มาก''
''หาง อึ่ง บรร ลุ ธรรม''
''เส้น ทาง นี้ อีก ไกล''
'' เด็ก ทา รก พึ่ง คลาน''
'' อนุบาลรัศมี''
'' ไป ฝึก มา ใหม่ นะ ''

 

"อย่า ไป ว่า เขา น่า"

 

คุณนพพูดจริง กิเลสนั้นหนาสั่งสมมานาน ไม่ใช้เรื่อง่ายครับ
ดังนั้นอย่าเสียเวลาเร่งเข้าเถิด

 

ผมไม่ได้ว่านะครับ เขียนเป็นนัยยะนะครับ
เจ้าของกระทู้ให้เขียน ๕ คำ
ซึ่งต้องถามเจ้าของกระทู้ก่อน
ว่าต้องการคำอธิบายในแต่ละ
ประโยคที่เขียนไหม
เพราะทุกประโยคสามารถขยาย
ความได้ ทั้งสิ้น

 

ถ้ายังงั้นก็ ขยายความไปทุกๆประโยคนั่นแหละ

 

ขออนุญาติอธิบายนะ
'' อย่างหลงตัวเองมาก ''
เป็นนักปฏิบัติอย่าให้เกิดความ
คิดแบบนี้กับตัวเองเป็นอันขาด
อย่าคิดว่าตัวเองดีและอย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้
ถ้าคุณเห็นว่าตัวเองดี ใจคุณจะเห็นอีกอย่างว่าไม่ดี
และจะปรุงสร้างให้คุณติดกับดักอัตตาตรงนี้
และอย่าคิดว่าตัวเองไม่ดี เพราะคุณจะคิดเปรียบเทียบ
กับอีกอย่างว่าดี เป็นเหตุให้ใจคุณเศร้าหมอง
'' หาง อึ่ง บรรลุธรรม ''
หมายถึง กำลังสมาธิไม่ว่าระดับใดก็ตาม
สามารถเป็นพื้นฐานที่เพียงพอที่จะใช้เดินปัญญา
เพื่อลดละกิเลสได้ จนทำให้เกิด
ปัญญาทางธรรม จนเป็นเหตุให้เกิด
ความเข้าใจในเหตุที่ทำให้เกิดเป็นทุกข์
รู้และเข้าใจในกองสังขารได้ทั้งสิ้น
ไม่จำเป็นว่า จะต้องได้ฌาน ๔ ฌาน ๘ เสมอไป
หรือต้องเป็นผู้มีความสามารถทางจิตสูงส่ง
หรือเป็นยอดมนุษย์อะไร
''เส้นทางนี้อีกไกล''
ให้พึ่งระลึกไว้อยู่เสมอว่า
หากว่าการหลุดพ้นมันง่าย
ป่านนี้ ดวงจิตเรานี้ มันคงไม่ได้
ลงมาเวียนว่ายตายเกิด
หรือมานั่งเสนอหน้าอยู่ในนี้หรอก
เพราะฉนั้นอย่าพากันประมาท
'' อนุบาลรัศมี ''
ให้พึ่งระลึกอยู่เสมอว่า ตัวจิตเรา
มันมีความรู้แค่ระดับอนุบาล
เพราะถ้ามันฉลาดจริง เราจะมาเดินปัญญา
มารักษาศีล มาฝึกสมาธิ มาเจริญสติ
เพื่อให้ ตัวโมหะ โทสะ โลภะ ในจิต
เราที่จะไปดึงสิ่งภายนอกเข้ามาจนกลาย
เป็นกิเลสทำไม....ป่านนี้เกิดมามันคง
บรรลุตัวเองได้ ปล่อยวางตัวเองได้แล้ว
ดังนั้น จึงความพิจารณาข้อนี้ให้ดี
''ไป ฝึก มา ใหม่ นะ ''
ไปพิจารณาทบทวนตัวเอง
ว่าตัวจิตเรา มันคลายตัวเองได้หรือยัง
ตัวโทสะ โมหะ โลภะ ที่จะไปดึง
เอาลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
เข้ามาจนกลายเป็นตัวเรา
มันยังมีอยู่ใหม่ในจิตเรา
เพราะถ้าเราแน่จริง เราเจ๋งจริง
ป่านนี้ เราบรรลุอรหันต์
มีความสามารถทางปัญญาปัญญาทาง
ธรรมอธิบายได้แตกฉานทะลุทะลวง
เหมือนครูบาร์อาจารย์มีชื่อ
ในอดีตที่ล่วงลับไปแล้วหละครับ
และถ้าเราเจ๋งอีก ป่านนี้
ความสามารถทางจิตเราทะลุทะลวงไปไกลแล้ว
ฝากพิจารณาข้อนี้ให้ดี

 

การขยายความนี้ ทางปรัชญาก็พอฟังได้เพลินๆไป

''เส้นทางนี้อีกไกล''
ให้พึ่งระลึกไว้อยู่เสมอว่า
หากว่าการหลุดพ้นมันง่าย
ป่านนี้ ดวงจิตเรานี้ มันคงไม่ได้
ลงมาเวียนว่ายตายเกิด
หรือมานั่งเสนอหน้าอยู่ในนี้หรอก
เพราะฉนั้นอย่าพากันประมาท

คุณนพพูดเหมือนว่า เมื่อชาติที่แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เคยฝึกจิตทำสมาธิทำกรรมฐานมาแล้ว แล้วไม่บรรลุธรรมยังงั้นแหละนะ

 

ม จ ด กวน มาก

 

มันเป็นอะไรที่พูดได้โดนใจมากกกกกกกกกกกกกกก
(ต้องลาก ก ยาวหน่อย พอดี มันเติม s ไม่ได้)
เข้ากับ นัยยะ '' เส้นทางนี้อีกไกล '' เหลือเกิน
บอกตรงๆนะ ตั้งแต่คุณพิมพ์มา ๕,๒๘๙ โพส
อุตสาห์ตั้งกระทู้มามากมายจนนับไม่ถ้วน
ได้มาตั้ง ๒,๓๐๐ กว่าไลท์ มีข้อความนี้ที่ส่วนตัวชอบมากครับ
เรียกได้ว่า ไอ้ที่เคยปะชะดะกันก่อนหน้านี้
ทำให้ลืมไปเลย...เหมือนเริ่มต้นกันใหม่..

น่าจะถูกนะถ้าไม่บรรลุธรรม เพราะปกติแล้วส่วนตัว
ความเข้าใจทางด้านนามธรรมก็ค่อนข้างหยาบใช่เลย
ปัญญาทางธรรมก็หยาบๆ ตรงนี้ยอมรับ
แบบไม่อายใคร เพราะท่านที่เป็นห่มเหลือง
ที่สอนสมาธิให้ ก็บอกเช่นนี้ครับ
แต่ท่านรู้ด้วยเครื่องรู้ และพูดแบบเทียบ
สภาวะจิตท่านนะครับ
ไม่ได้ ใช้ทิพยมโนเดาสญานนะครับ

อย่าว่าแต่เรื่องบรรลุธรรมเลย
เรื่องกรรมฐานส่วนตัวก็แค่เด็กน้อยครับ
เด็กน้อยในวงการเลยครับ กลับท่านที่สอน
ข้าพเจ้าเนี่ย ข้าพเจ้ายิ่งเหมือนเด็กพึ่งคลาน..

แต่แปลกนะ พอท้านักปฏบัติ ในนี้ที่ว่าตนเอง
เก่งเหลือเกิ๊น โม้ว่าตนคล่อง เข้าฌานเก่งเหลือเกิน
พอท้าให้แสดงความสามารถ จริงๆ
ในระดับที่พิสูจน์ได้ แสดงผลได้
อุตสาห์ให้เลือก กรรมฐานที่คิดว่า ตนเองเก่งสุดด้วยและท้า
แบบแสดงให้คนอื่นๆรับรู้ได้ กลับไม่มีใครกล้า
กับคนที่ระดับกรรมฐานเด็กน้อยเหมือนข้าพเจ้า
ประหลาดดีเนาะ...


และก็ที่ประหลาดอีกเรื่องนะ
ที่เวลาที่ส่วนตัวมาถาม จอมปี๊แปะทั้งหลาย
ที่หลงตัวเองว่า บรรลุโน้นนี่นั้น ถามคำถาม
หรือกิริยาแบบเด็กๆ สภาวะนามธรรมต่างๆแบบเด็กๆ
ที่เกิดในระหว่างทางของการฝึกกรรมฐาน
(แค่ระหว่างทางนะ ยังไม่ถึงขันใช้งานได้นะ)
ทำไม เหล่าผู้บรรลุธรรมวาจาดีที่
ชอบใช้คำพูดเสียดสี อ้างทั้งตำรา อ้างทั้งสารพัด สารเพ
หรือที่บอกว่าตัวเอง เป็นระดับสูงๆ หล่อๆ เท่ห์ๆทั้งหลาย
กลับไม่รู้เรื่อง กลับตอบคำถาม
จากกระผมที่ไม่บรรลุธรรม และความเข้าใจทางด้านนามธรรม
ตลอดจนปัญญาทางธรรมหยาบๆแบบกระผมไม่ได้


ทำไมท่านกลับไม่รู้เรื่อง แค่แยกรูปแยกนาม
ที่ยังเป็นแค่เพียงเริ่มต้นเดินปัญญาได้เท่านั้น
ไม่ต้องไปพูด บรรลุธรรมขี้เท่อ ห้าเหว อะไรหรอก
ประมาณว่า กิริยาทางจิตยังหัดคลาน
แต่โม้ประมาณว่า เป็นนักวิ่งทีมชาติ
พอถามเบสิค การเดิน เบสิค การวิ่ง
กลับก๊อบปี๊ะ แปะ หรือไม่ก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้
น่าจะเป็นอย่างนั้น มโนและเดาเอาล้วนๆ
ประหลาดไหมครับ
ย้ำว่าน่าแปลกดีไหม

ประหลาดไหมหละใช่ ก็คือ สรุปว่า
คิดว่าตัวเองฉลาดมาก ในสิ่งที่ตนรู้
ในสิ่งที่ตนทำได้ ณ ปัจจุบันนี้

แต่พอให้แสดงความเห็น
ให้แก้สภาวะ ที่เป็นนามธรรมกลับโง่มาก
ทั้งๆที่ เรื่องบรรลุธรรม ก็เป็นนามธรรมนะครับ
เพราะมันไม่มีเครืองมือมาวัดนะครับ
ไม่ได้สอบเอาแล้วจะบอกว่าบรรลุนะครับ
ไม่ได้ปี๊แปะ แล้ววิเคราะห์เอาแล้วจะบรรลุนะครับ
แต่ก็ยังคิดว่าตนฉลาดนั่นหละ
ประหลาดไหม ไม่น่าเชื่อเนาะว่าจะมีจริง...๕๕

ไม่ต้องเอาเรื่อง กรรมฐานต่างๆหรอกนะ ขี้เกียจพูด..
เอาแค่เรื่องปัญญาทางธรรม ที่คิดว่าจะทำให้ตน
บรรลุธรรมก็พอ เอาเรื่องปัญญานี่หละ
เรื่องตรงทางพุทธศาสนากันไปเลยครับ


อ่อตรงนี้ขำๆนะถ้าชาติที่ ๑๗
(นับจาก ๆๆๆ)ประกันได้ว่าผมเป็นคนครับ
แต่คุณยังเป็นแค่ดวงจิตล่องลอยในอากาศครับ

แล้วการจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ก็ไม่ได้
เกี่ยวกับการบรรลุหรือไม่บรรละธรรมห้าเหวอะไรนะครับ
มีแต่พวก ขี้เท่อ ที่หลงคิดว่า ตัวเองบรรลุธรรม
พอระดับสองสลึง แล้วจะไม่ได้กลับมาเกิดอีก
นั่นหละครับ......ถามง่ายๆ
ตัวจิต มีปัญญาญาน ที่จะรอบรู้กองสังขารหรือยัง
จิตทำได้ไหม จิตเป็นอย่างนั้นไหม
แยกรูปแยกนามยังไม่ได้ ดันไปพูดเรื่องบรรลุธรรม
บรรลุแบบขี้เท่อ ทั้งนั้นหละครับ

ประเด็นนี้เล่าให้ฟังนะครับ
ดวงจิตที่บรรลุธรรม มิได้หมายความว่าจบชาตินี้
จะไม่ได้ลงมาเกิดนะครับ...
นี่ยังไม่นับรวมพวกที่ไม่บรรลุห้า เหวอะไรเลย
แล้วอ่านตำราและหลงตัวเองว่าบรรลุนะครับ
อย่าว่าแต่จะได้เกิดเป็นคนเลย แทบเป็นไปได้ยากครับ

หรือดวงจิตที่บรรลุธรรมในชาตินี้
ก็มิได้หมายความว่าจะไม่กลับมาเกิดอีกนะครับ
ต้องดูเนื้อหาเดิมแท้ของจิตดวงนั้นๆด้วยนะครับ
ว่ามีปฏิธานอะไรด้วยนะครับ...
ดังนั้นสำหรับผู้ที่เข้าถึงได้
จึงได้พบเจอกับเหล่าครูบาร์ อาจารย์
ท่านมีชื่อ ท่านที่สร้างบารมี ท่านที่มีความดีทั้งหลาย
อยู่ในชั้นดุสิตเพียบ........

และการบรรลุธรรมมีหลายระดับนะครับ
ตั้งแต่แค่ปล่อยวางใจได้แบบไม่ต้องบังคับอะไร
หรือแค่ปล่อยวางใจได้แล้วพอเข้าใจนามธรรมได้ง่าย
หรือปล่อยวางได้แล้วมีปัญญาทางธรรมที่ดี
หรือปล่อยวางได้แล้วมีปัญญาทางธรรมทะลุทะลวง
หรือปล่อยวางแล้ว มีปัญญาทางธรรมชนิดเหนีอโลก
ก็ยังจะต้องกลับมาเกิดนะครับ

ถ้าดวงจิตที่จะไม่ได้ลงมาเกิดอีก
คือดวงจิตที่พ้นแล้ว หรือดวงจิต
ที่นิพพาน ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดครับ

เรื่องนี้มันเป็นอจิณไตยเล็กน้อยครับ
ถ้าไม่มีประสบการณ์ หรือรู้อะไรได้ด้วยตัวเอง

ปล. พอเข้าใจนัยยะ '' เส้นทางนี้อีกไกล ''
เพิ่มขึ้นแล้วหรือยังครับ (^_^)

 

ฝึกปล่อยวางตัวตนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กินข้าวเอง อิ่มท้องคนเดียว คนอื่นไม่ได้อิ่มกับเรา เราก็รู้ได้ว่าอิ่มแล้ว
อย่าไปคิดว่า คนอื่นจะว่ายังไง เรามั่นใจแล้ว ว่าเราบรรลุถึง ขั้นไหน
เราก็ฝึกปล่อยวาง ให้เหมือนขั้นนั้น อย่าไปแคร์คำคนรอบข้าง
เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็เหลือแต่เราเอง ที่ต้องข้ามฟากไป
รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แค่นี้ ก็เรียกว่า การสั่งสมเพื่อบรรลุธรรม
ฝึกพิจารณา ความเบื่อ ให้เป็นอารมณ์ ความเบื่อ จักนำพาให้ไม่อยากเกิดอีก
เมื่อไม่อยากเกิด ก็คือ การเปิดประตูพระนิพพาน ได้นั่นเอง

 

อาการอย่างท่าน อาจารย์นพกานต์ นี่ ยังอีกไกลจริงๆ
นี่ยิ่งกว่า จ่ายักษ์ อีกนะเนี่ย เหมือน สญชัญปริพาชก กับ พระสารีบุตร

 

ขอชมคุณนพอยู่อย่างหนึ่งอย่างเดียว คือ ขยันพิมพ์ พิมพ์ทีเยอะๆ เมื่อเราเอากระบวยคนๆดูแล้ว ไม่เนื้อเลย มีแต่น้ำ เขาถามนิดเดียว ก็ตอบประเด็นที่ถามก็จบ แต่พิมพ์ (กลบเกลื่อน)อะไรมานักก็ไม่รู้ เลอะไปหมด แดงไปทั้งกระดาน เดี๋ยวก็หวดด้วยไม้หน้าสาม

 

ขอบคุณที่ชมนะครับ ไม่นึกว่า กระบือจะชมคนได้ด้วย
พอเข้าใจครับ พวกมันสมองน้อย และไร้ตรรกะ เลยต้องใช้
กระบวยคนเอา เพราะคุณไม่เข้าใจสภาวะเพราะคุณ
ไม่ใช่นักปฏิบัติ เป็นพวกปี๊แปะเอา จะพูดเหมือนคุณนั่นหละครับ
พวกสันดานสุนัข ก็จะบอกว่า ไม่มีเนื้อ
ก็จะมีเนื้อได้อย่างไรหละ ก็มะรึง ทำไม่ได้
ปฏิบัติไม่ได้ไง ๕๕๕๕๕ เลยอ่านไม่รู้เรื่อง จึงไม่สามารถ
เขียนได้ไง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ถึงได้บอกว่า ฉายากระบือแท้ไม่มีวันปน ไม่มีใครสู้คุณได้ไงคับ
๕๕๕๕๕๕

และก็เข้าใจสันดานเหมือนพวกจรเข้น้อย
นิสัยหน้าตัว... จอมตอแหล หน้าไหว้หลังหลอก
ทำเป็นถามแล้วก็จะมีแขวะอย่างคุณดีครับ
จริงๆไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้นะ หลายๆคนที่เค้า
คุยกับคุณ เค้าก็ด่าคล้ายๆผมด่าคุณนี่หละครับ
ผมรู้ครับ คุณจะขยันพิมพ์เฉพาะกับ ผู้หญิงเนาะ
คุยกันทีเป็นหน้าเลย.
พอเข้าใจครับ ชีวิตของ ผู้ชาย
นามว่ามาจากดิน ที่ทั้งชีวิตเจอแต่หญิงเข้ามาหลอกหลวง
(เศร้าแทนจังเลย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕)
และถ้าตามระดับมันสมองปกติของคุณ
ก็จะใช้วิธีการปี๊แปะ และก็ปี๊แปะ ๕๕๕๕๕

เอ่อว่าล่าสุดคุณ ได้เขียนความคิดเห็น ๔ บรรทัด
ใช้สมองเยอะไหมครับ
หมดหญ้าไปกี่กิโลครับ

อยากเจอจังไม้หน้าสาม
ในชีวิตจริงพวกที่คิดกับผม
แบบนี้ส่วนมาก จะนอน
กองเลือดกบปากที่พื้นทุกรายนะครับ
พอดีผมมีคนคอยดูแลอยู่นะครับ
และก็พอมีมือมีเท้ามีอะไรพอป้องกัน
ตัวเองได้อยู่นะครับ จะลองดูไหมหละ


ปล แดงพอไหม อ่านไม่ได้
ไม่รู้เรื่องก็อย่ามาโชว์โง่
แนะนำให้ไปตายซะนะครับ

 

ไอ้ขี้เท่อตัวพ่อครับ. คุณเอาฉายานี้ไปเลยนะครับ
ไม่ต้องมาเดือดร้อนอะไรแทนผมหลอกครับ
พอดีผมไม่เคยบอกว่าตัวเองบรรลุอะไร
ไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่ง และเป็นคนดีอะไร
พูดง่ายๆว่า ตรูไม่พยายามสร้างภาพเหมือนคุณครับ
ดังนั้น เรื่องบรรลุธรรมเรื่องอะไร สบายใจได้นะ
ไม่ได้สนใจอะไรหรอก พ่อขี้เท่อตัวพ่อ


นั่นหละครับ ผมถึงได้เขียนไว้ว่า ประหลาด
มาหละ เจ้าของตัวอย่าง คำว่า ประหลาด
ออกมายอมรับเต็มๆ ๕๕๕๕๕

คุณรู้สึกอาย เสียหน้าหรือเปล่าครับ
ถึงได้อ้างอิง ข้อความของผมครับ
คือผมว่า ผมอ้างอิง ข้อความ คุณมาจากดินนะครับ
เพราะน่าจะคุยกับผมนะ เพราะมีคำว่า คุณนพ นะ
ไม่ทราบว่า มันทำให้คุณทนไม่ได้หรือไปป่วนเซลสมองส่วนไหน
คุณหรือเปล่าครับ. ทำไมหรือครับ
จะมาอ้างอิงผม เพื่อ ?????


เอาน่า
ผมเข้าใจได้ ถึงปมด้อยในใจคุณดีครับ
ผมพอเข้าใจพวกชอบสร้างภาพ
ที่เที่ยวประกาศ บอกคนอื่นๆ
ให้รู้ว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วกันเนาะ
(เอาต่อมส่วนไหนของสมองคิดวะ ๕๕๕๕๕
เรื่องนามธรรมพื้นๆยังไม่รู้เรื่อง
แต่พูดเรื่องบรรลุธรรมที่เป็นนามธรรมระดับสูง
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕)
พูดง่ายๆติดหล่อนะ คือ ฟอร์มหล่อไว้มาก
เอาน่ายอมรับมาเหอะ..


และก็เข้าใจนะ คนที่โม้ว่าตัวเองทิ้งฤิทธิ์แล้ว
เพราะว่าโม้แต่เรื่องกรรมฐานระดับสูงๆ
ในอดีตพอโดนท้าพิสูจน์ความสามารถ
เพราะว่า ดันไปสอนแบบใช้ความคิด
ไม่ได้มาจากประสบการณ์ตนเอง เลยขอท้าพิสูจน์
แต่กลับไม่กล้า
แล้วก็มาเล่นมุขหายตัวได้ว่า ผมได้ทิ้งแล้ว ๕๕๕๕๕๕
(มีหรือทำได้หรือ
หรือเคยมีกับเขาด้วยหรือวะงง
อ่านจากที่แนะนำก็รู้แล้ว ๕๕๕๕๕)

ตอนนี้ก็ไม่มี แต่โม้ระดับอรูปฌานขั้นสุดท้าย
ที่ท่านที่ทำได้ เล่นแร่แปรธาตุ หายตัวได้แบบชิวๆ
พูดเหมือนตัวเองเก่งระดับนั้น ประหลาดแท้


คือถ้าคุณทำได้จริงๆ คุณต้องสอนผมได้สบาย
จะสอนผมได้ต้องรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้างและ
ต้องต่อยอดให้ผมได้สบายๆ เหมือนครูบาร์
ท่านต่างๆที่สอนผม
และคงไม่แนะนำอะไรโง่ๆให้ผมไปเรียนกับคนอื่นๆง่ายๆ
หลอกครับ โดยเฉพาะฆารวาส ที่เที่ยวบอกชาวโลก
ว่าตนเองจบกิจแล้ว จริงๆนิสัยคล้ายคุณนะ
เที่ยวอวด เที่ยวบอกว่าตนเองบรรลุธรรม



แถมยังเคยปรามาส พระอาจารย์ชื่อย่อ ล ที่ตอนนี้
เป็น ดร.ว่าท่านประมาณว่าไม่รู้เรื่อง อรูปฌานด้วยนะ
ป้าดโถ่ ช่างกล้า ช่างไม่เจียม ความสามารถทางจิต
ตนเองเลย ถึงได้กล้าพูด
แล้วเลยมาเน้นปัญญาอย่างเดียว
พอโดนถามเรื่องพื้นๆ ระดับก่อนที่จะเดินปัญญาได้
แต่กลับไม่รู้ และไม่สามารถตอบได้
ความรู้สึกเสียหน้ามันจะเป็นอย่างไรนะครับ
คือประมาณว่า ปลาตายน้ำตื้นครับ


พอดีที่คุณอ้างอิงมาก่อนหน้า
คุณคงโดนไปหลายดอกเข้าเต็มๆนะครับ
แต่บอกตามตรงว่า คุณจะสื่ออะไรหรือครับ
ใครจะเหมือนคุณหละครับ
เที่ยวประกาศเป่าๆว่าตนเองบรรลุธรรม(ถุยยยยย)
เที่ยวสอนแต่กรรมฐานนั่งเทียนคิดเอาเอง
พูดถึงอรูปฌานพูดถึงระดับสุดท้ายที่ฝึกเอาเองไม่ได้
แต่คุณสามารถฝึกสำเร็จได้ด้วยการคิดเอา
คือ ไอ้อรูปฌาน ปลาซิวปลาสร้อยแบบคุณ
คนไม่ต้องฝึกสมาธิก็สามารถเข้าถึงได้นะครับ
มีอย่างที่ไหน บอกว่า ผมเป็นหนึ่งในล้าน
ที่สามารถเข้าถึงและสำเร็จอรูปฌานได้ โดยไม่
ต้องผ่านรูปฌาน นี่มะรึง โคตระเก่ง
กว่า พระเกจิ เก่งกว่าครูบาร์อาจารย์ในอดีตอีกนะเนี่ย
แต่ในความเป็นจริง.เรื่องนี้ขำไปถึง วงแหวนดาวเสาร์เลยครับ


มีแต่มโนล้วนๆ ไอ้ฟายยยย
ถามจริงนะ พ่อซื้อบื่อ
คนที่เค้าเข้าถึงอรูปฌานจริงๆ
มีที่ไหน ที่ไร้ความสามารถเรื่องพลังงานอย่างคุณ
ไม่รู้เรื่องนามธรรมอย่างคุณ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่อง
ที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติสำหรับคนที่เข้าถึงได้

หลังๆหนักไปทางมโนมนึก คุยกับภพภูมิท่านโน้นท่านนี้
บอกได้เลยว่า คุณเริ่มจะเพี้ยนแล้ว
อีกอย่างโครตหลงตัวเองสุดๆ......


ไอ้นักปฏิบัติ ขี้เท่อ บ้านไหนวะ มาบอกว่าตัวเอง
บรรลุธรรม มาบอกตัวเองเป็นระดับโน้นนี่นั้น
ดูปัญญาทางธรรมตัวเองหน่อยก่อนจะพูดอะไร

และนักปฏิบัตประเภทไหนกันครับ
ที่คุยโม้แต่กรรมฐานระดับสูงๆ พูดอยู่เรื่องเดียว
เอ๊ะอะ ใครถามอะไรมันก็ไปอรูปฌานอย่างเดียว
เรียกว่า ไม่ว่าจะเจอสภาวะอะไร
ก็สามารถโยงไปอรูปฌานได้หมด ๕๕๕๕๕๕๕
คือประมาณว่า แนะนำไปแล้วกลัวว่าจะไม่หล่อ
เด่วคนมาถามเค้าจะคิดว่าเราไม่เก่ง ต้องอรูปฌานไว้ก่อนเว้ย
แถวบ้านนิสัยอย่างนี้ น่าไปเล่นตลกนะ


แต่ว่าไร้ความสามารถในการทำได้จริง
และไม่สามารถพิสูจน์ได้จริง
กล้าเถียงผมไหมหละครับ
ผมท้าว่าคุณทำไม่ได้เลย
เพราะทุกกรรมฐานคุณมันคิดเอา
มันสำเร็จได้ด้วยการคิด ขี้เท่อจริงๆ....


จ่ายักษ์เนี่ยพอดีผมไม่รู้จักนะครับ ไม่มี
นิสัยนี้ในสัญญาผม ต้องขออภัยนะครับจึง
ไม่ขอออกความเห็น แต่เรื่อง ท่านสัญชัยปริพาชก(สะกดอย่างนี้นะน้อง) และ ท่านพระสารีบุตรหรืออุปติสสะปริพาชกเนาะ
ที่ประมาณว่า ได้ชวนท่าน สัญชัยปริพาชก
ไปอยู่กับพระสมณโคดมเนาะ
คุณจะพูดประมาณว่า ตัวเองเทียบได้กับพระสารีบุตรเนาะ
ผู้เป็นเลิศด้านปัญญาเนาะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ประมาณว่า ตัวเองเนี่ยฉลาดมากกกกกกก พูดสอนธรรม
พยายามดึงผมเข้ามาร่วม ดูจากการแนะนำ
ให้ผมไปฝึกกับครูบาร์อาจารย์นักร้องอะไรของคุณ
เปรียบประหนึ่งว่าเป็น พระสมณโคดมว่างั้นเถอะ...
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

เป็นเรื่องตลกระดับจักรวาล พวกที่อยู่บนวงแหวน
ดาวเสาร์เนี่ยฮาหลุดวงจรไปเลย...พูดเปรียบ
ถึงความตลกว่า มันไกลแค่ไหนนะครับ ไม่ใช่เรื่องจริง

ปล. คุณคงเข้าใจคำว่าประหลาด
และทำไมผมถึงเรียกคุณว่าไอ้ขี้เท่อ แล้วนะครับ

 

พร่ำเรื่องอะไรนักก็ไม่รู้ เขาถามงัวตอบควาย เดี๋ยวน้ำร้อนสาดเลย คือตีด้วยไม้หน้าสามก่อนแล้วเอาน้ำร้อนสาดใส่ อิอิ

 

เห็นไหมครับท่าน ผิดจากปากว่าสะที่ไหน แดงเทือกทั้งกระดาน แต่น้ำทั้งนั้น ปากจัดเหมือนกรรไกร รพ. แจ๊บๆๆๆๆ คิกๆๆ

 

๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ขำดี ไม่นึกว่าจะพูดจาตลกเป็นด้วย

ปล.รวมกันแค่ ๖ บรรทัดอ้างอิงใน #rep เดียวก็พอ

เอ่อนิสัยคล้ายกันเนาะ ไม่ได้คุยด้วย ก็ยังอ้างอิงมา


และท้ายสุดแดงพอไหม และจะแดงไปเรื่อยๆนะ

พอดี พ่อขี้เท่อ ช่วงหลังแกชอบน้ำเงิน

ไม่อยากซ้ำรอยแก

กลัวบรรลุธรรม. เด่วจะหล่อเกิ๊นไปแบบพ่อขี้เท่อ

ไม่กล้าแข่งด้วย เพราะเป็นแค่คนธรรมดา

ปล. ปากจัดชอบครับ ขอบคุณที่ชมนะครับ

 

มีสาระตรงไหนบ้าง อิอิ ดูเอา ไม่มีเลย

 

อ้าว คุณนพเป็นอาจารย์กับเขาด้วยหรอเนี่ย เพิ่งรู้เพิ่งเห็นนี่ล่ะ เยอะจัดอาจารย์
อาจารย์ทางไหนหรือขอรับ เสกปลัดหรอ