ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อปฏิบัติและหลบภัย

ขออนุโมทนา กับทุกท่านที่เกี่ยวข้องในงานนี้ คุณมนตรี จานคลิก คุณmead คนขับ และช่าง

มองภาพแล้วได้ใจ สายบุญมารวม ก้าวไปอีกหนึ่งก้าว สาธุ

หลังวันงาน อีกก้าวของปรียนันท์ จานคลิกไปคุยกับอาจารย์กวัก ที่สำนักสงฆ์ อนุญาตให้ต่อไฟใช้ถาวรที่ปรียนันท์

ท่านมอบกุฏิ(ตรงทางที่เราผ่านขึ้นยอดเขา)ให้โดยไม่มีเงื่อนไข ให้เรารีบซ่อมแซม

ท่านแนะนำให้เราทำกุฏิหลังเล็กๆ แถวๆเชิงเขาสักจำนวนหนึ่ง สำหรับผู้ปฏิบัติ

ปรียนันท์กำลังก้าวไป ในฝันบอกชัด ก้าวไปไกลมาก รอเราท่านก้าวไปพร้อมกัน

 

ขอคารวะท่านที่เสียสละเป็นอย่างสูงครับ

 

ขอนับถือในน้ำใจของทุกท่านที่เป็นผู้เสียสละ
ช่วยเหลือทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ครับ

 

พระอาจารย์เล็กท่านเมตตาตอบคำถาม พี่ๆ กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
ที่ปรียานันท์ธรรมสถานว่า "ภัยที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ภัยในวัฏฏสงสาร
ตราบใดที่เรายังไม่หลุดพ้น มันก็ติดตามทำอันตรายเราได้ตลอดเวลา "
เก็บมาฝากพี่ๆน้องๆทุกคน ด้วยความระลึกถึงครับ(f)

 

"ไม่บ่อยครั้งนะครับ ที่ช่างภาพทั่วโลกจะต้องช่วยลงมือทำกิจการอันใด
เพื่อที่จะให้วัตถุประสงค์ที่ปรากฏในภาพสำเร็จลุล่วงไปได้โดยเฉพาะการร่วมแรง... "

รู้สึกถึงหยาดเหงื่อในแต่ละหยดที่เกิดขึ้นครับ...

หยาดเหงื่อที่ไหลริน...
คือสายพิณที่ขับขาน...
สีสร้างเป็นตำนาน..
ปรียนันท์กังวานไกล...
เรี่ยวแรงที่ร่วมร้อง...
จะมุ่งมั่นปรากฎชัย...
เหงื่อบุญชโลมใจ...
คือบุญในร่มนิพพาน...
สองเท้าที่ก้าวย่าง..
อีกมือผ่านธารน้ำจิต...
ร้อยแรงร่วมจริต..
อย่าได้ปิดสิทธิ์คัดค้าน..
แตกต่างไม่แตกแยก..
ประสงค์แจ้งแห่งวันวาน..
แย้งหรือจะเท่าทาน...
ความคิดเห็นที่เป็นธรรม...

ณ เวลานี้ แต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันไป..
ไม่มีใครดีที่สุด หรือไม่ดีที่สุด...

 

เอาใจช่วยครับน้อง Nut , มีอะไรคืบหน้าก็ส่งมาดูกันที่นี่นะครับ
งานออกแบบเส้นเพียงหนึ่งเส้นก็มีความหมาย
ต้องขยับกันจนกว่าจะเข้าที่ ยิ่งรากฐานโครงสร้างต้องมั่นคงครับ

+อ่านบทกลอนคุณ kchon แล้วสร้างกำลังดี..แบบนี้ยอมเสียเหงื่อได้อีกหลายปี๊บครับ

 

จริงๆต้องอย่างพี่สุเชษฐ์นะ ไม่ต้องออกแบบก็สร้างได้ (y)
ขอยกย่องในความสามารถครับ ทุกอย่างอยู่ในหัวหมด
คิดปุ๊บก็ทำเลย..นายช่างลงมาลุยเอง..กุฎิอันงดงามจึงเกิดขึ้นมาทันเวลา
ตอนนี้งานระบบสาธารณูปโภค น้ำ+ไฟ ยังไม่พร้อมนัก..พี่คลิกคงต้องจัดสรรอีกงานครับ
เพราะวันงานทอดผ้าป่าวันเดียวเราใช้น้ำไปเกือบหมดถัง (ถัง 2,000 ลิตร)
ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆคงหาน้ำดื่ม-น้ำใช้ได้ยาก..step นี้ก็จำเป็นต้องคิดเผื่อไว้ครับ

 

เย็นวันนี้...ก็คุยกับพี่คลิกเหมือนกันครับ...เรื่องน้ำ...ก็ถือโอกาสแจ้งไว้ในกระทู้เสียเลยว่า...จะเอาถังสแตนเลส...ตราเพชร (ใช้แล้วแต่สภาพดี)...ขนาด 2000 ลิตร...มอบให้ 1 ใบ

เดี๋ยววันเวลาว่าง...จะขนไปให้...ที่ปรียนันท์...ครับ

ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย...ให้ข้าพเจ้าและครอบครัว...รวมถึงทุกๆท่านที่ได้รับรู้ข่าวสารจากเวปพลังจิต...ขอจงมีความสุขความเจริญ...มีความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต...ทุกอย่างทุกประการ...เทอญ

 

วันนี้ เขียนเพิ่มชั้น 2 อย่างหยาบ

พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาจะขึ้นชั้น บนสุด ครับ

 

เรื่องที่อยู่ในหัวก็มีเยอะอยู่

กรณีที่ผมทำเป็นการในกรณีเร่งด่วน หรือเหตุเฉพาะหน้า และใช้ได้ในบางโอกาสเท่านั้น พลาดไปก็ปัญหาเยอะตามมา

กว่าจะตัดสินใจทำลงไป ต้องมาวิเคราะห์กันหนักเลย

ผลที่ไดรับมีทั้ง บวกและลบ เป็นบวกได้อะไร เป็นลบได้อะไร ต้องคิดหมด

แม้นจะมีลบเกิดขึ้น มีผลกระทบให้เจ็บปวดบ้าง แต่ถ้าคำนวนแล้วผลบั้นปลายได้ประโยชน์มากกว่า ก็ลุยได้

ต่อไป ทีมงานเราแข็งแกร่ง เป็นรูปธรรมชัดเจน วิธีการของผมใช้ไม่ได้ครับ

 

ตอนนี้กำลังคิดวิธีที่จะนำวัสดุที่ได้รับมา เอามาสร้างสรรค์ทำศาลาให้ดูดีและมีประโยชน์สูงสุดในราคาประหยัด
ยากไม่ใช่เล่นที่จะทำให้ทั้งสวยถูกและทน ที่คิดไว้ก็มี :-
+ หน้าต่างชุด 3บาน ถ้าเราเอามาวางแนวตั้งจากพี้นเรียงขึ้นไปก็จะได้บานกระทุ้งโปร่งๆยาวตลอดแนว
+กระเบื้องลอนคู่ นอกจากทำหลังคาแล้วก็เอามาดัดแปลงทำผนังกั้นห้องได้ด้วย
นำมาทาสีขาวก็ดูน่าสนใจและนุ่มนวลไม่เบา ในขณะเดียวกันความแข็งแรงก็หายห่วง
+สังกะสี ถ้าเอามาทาสีขาว ใส่เฟรมโลหะทรงสูงๆทำบานประตูหมุนปิด-เปิดได้..
+เฟรมไม้+เชือกหรือสลิง นำมาขึงตึงๆ..สานไข่วกันไปมาเหมือนใยแมงมุมก็นำมาทำผนังได้..ต้องคิดกันอีกเยอะครับ..อาทิตย์หน้าล่ะครับคงเห็นแบบ
ใครมี Idea เกี่ยวกับศาลาก็ช่วยเสนอแนะกันมาได้ครับ

 

ขออนุญาต..เสนอความเห็นสักเล็กน้อยครับ

1. เนื่องจาก...ศาลาเอนกประสงค์...เป็นที่ประดิษฐาน..พระสมเด็จองค์ปฐม (ชั่วคราว/ถาวร ก็แล้วแต่)...ขอให้แบบศาลาเป็บแบบไทยๆ...มีเอกลักษณ์ไทย หรือไทยประยุกต์...ครับ

2. หากต้องการปรับปรุง...ศาลาเอนกประสงค์...ให้เป็นวิหารองค์ปฐม...ตามเจตนารมณ์เดิมของกระทู้...ขอให้ออกแบบเผื่อ...ให้ศาลาเอนกประสงค์...สามารถติดตั้ง...พระปรางค์...ช่อฟ้า...ใบระกา..หางหงส์...หรือเครื่องประดับอื่นๆ (เรียกไม่ถูกครับ)....เพื่อปรับเปลี่ยน...ศาลา...ให้เป็น...วิหาร...ให้สมพระเกรียติ (ตอนนั้นเราคงมีงบประมาณมากกว่านี้)

3. ศาลาเอนกประสงค์นี้...มีการยกพื้น..เพื่อให้ลมผ่านได้...หากทำผนังที่ชั้นล่างแล้ว ปิดผนังด้วยดิน...เพื่อป้องกันรังสี....ขอให้ทำแล้วไม่อบอ้าวครับ...เข้าใจว่า...ตกเย็นพื้นดินจะคายความร้อน...อันนี้ไม่รู้คิดมากไปเปล่า ?

ขอบพระคุณครับ

 

ถ้าตามที่คุณ ZZ บอกมา เราคงต้องทำโครงสร้างศาลาก่อน และค่อยประดับตกแต่งรายละเอียดภายหลัง ตามงบประมาณที่อาจแบ่งเป๋น 2 ช่วงครับ..
เรื่องระบายความร้อนจากพื้น ต้องมีช่องระบายอากาศแบบใต้ถุนบ้านทั่วไป..ไม่งั๊นคงสุกจากความร้อนใต้ดินครับ ของเราต้องออกแบบให้ปิดเปิดได้ด้วยหากจำเป็น ขอบคุณครับที่เสนอแนวทาง มีภาพตัวอย่างมาให้ดูครับ

 

ทั้ง ๓ ข้อผมก็คิดไว้ แต่ไม่กล้าบอก แหะ....คิดตรงกันได้ยังไงเนี่ย

 

พอดีผมพอมีภาพตัวอย่าง เผื่อใช้สานต่อแนวคิด ผมดูแล้วแหม....สวยจับจิต จริงๆ ทั้งภายนอกและภายในครับ กิเลสผมเริ่มโผล่อีกแล้ว
แหะ...........

 

พี่สุเชษฐ์ ดูที่เดียวกับเราได้ไงนี่ เป็นไปได้ไงน๊า????

 

ศาลาแนวนี้งามเป็นธรรมชาติดีนะครับ..ไม่ต้องหรูหราเป็นทองคำไปซะหมด
ใครชอบแบบไหนเอามาดูครับ เดี๋ยวจับ mix ผสมผสานให้..
กำลังมองหาตัวอย่างแนวไทยๆเป็นธรรมชาติพอดีครับ
จะได้ประดิษฐานพระทั้งถาวร-และชั่วคราวให้ชื่นใจกันล่ะครับคราวนี้



“พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” จ.เพชรบูรณ์
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14107

 

อุณหภูมิของดินแห้ง ลึกประมาณ1 เมตร อุณหภูมิจะคงที่ครับ ประมาณ30 องศาเซลเซียส ครับ

 

ขออนุญาต เสนอความเห็นนะครับ
...
สำหรับความเห็นที่เสนอให้ศาลานี้เป็นส่วนหนึ่งของวิหารโดม มีเหตุผลประกอบคือ
1.เวลาเกิดภัยพิบัติมายกตัวอย่างเช่นนิวเคลียร์ จะแยกอยู่กันสองอาคารหรือครับ (นอกจากจะทำทางเชื่อม ที่กันรังสีได้ระหว่างสองอาคารนั้น) ดังนั้นของทุกอย่าง ต้องแบ่งเป็นสองส่วนหมด ทั้งคน เครื่องใช้ ยารักษาโรคฯ คงไม่สะดวกในการจัดการ

2.ถ้ารวมสองอาคาร เป็นหนึ่งเดียวได้ จะประหยัดในเรื่องค่าก่อสร้าง เพราะมีการใช้โครงสร้างร่วมกัน

3.ส่วนความสวยงามของอาคาร ตาม ฐานานุรูปของอาคาร คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่มีอยู่ และสามารถเพิ่มเติมได้ถ้ามีปัจจัยเพิ่ม แต่ประเด็นหลักคงต้องคำนึงถึงการใช้สอยเป็นอันดับแรกเพื่อปกป้องผู้คนให้รอดชีวิตนานที่สุดครับ

4.อันนี้ผมยังคิดไม่ออกนะครับ ถ้าในส่วนศาลาโล่ง โถง ใช้งานในยามปกติ แต่ตอนภัยพิบัติมา สามารถมีผนัง+ดินถม เลื่อนเข้ามาทันท่วงทีน่าจะดี

5.ถ้าเกิดนิวเคลียร์ขึ้นจริง ส่วนอาคารเปิดโล่งรวมทั้งถาวรวัตถุ ที่ประดิษฐานไว้ น่าจะเสียหายก่อนส่วนอื่น คิดตามเหตุและผล ครับ
นอกจากจะมีปาฏิหาริย์บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองปกป้องรักษาไว้
...
ความเห็นใดใด ที่ผมเสนอ ออกไป
ถ้าทำให้ขุ่นข้องขัดแย้งประการใด
ก็ขอโทษด้วยก็แล้วกันนะครับ