ประวัติ KFC ใครรู้บ้าง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย lunasea, 12 มีนาคม 2008.

  1. lunasea

    lunasea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +433
    [​IMG]


    พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ
    เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี
    ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง

    เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน
    แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป
    เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้

    ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็นคนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว
    แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาสให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม

    เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา
    หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

    แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว)

    แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !
    แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด
    สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร
    ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน
    กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา

    ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร
    แต่เขา กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
    เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ
    เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ
    เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
    เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน
    เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว
    ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง
    เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่นผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ
    เขา
    เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้าบ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!"

    แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก
    อยู่บ้าง
    แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา
    ...
    วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย

    แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว
    เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า
    และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต

    แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้
    พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65
    ปี

    วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์
    ( ราวสี่พันบาท)
    เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
    ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

    มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้
    ชีวิต ของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน

    เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล
    เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย "
    เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง
    นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม

    แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา
    เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่
    เหลืออยู่
    เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก
    อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)

    เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้
    บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร
    ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง
    ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

    เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน
    และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา

    เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน
    สังคมฉบับต่อไปของเขา
    ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง

    จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงาน
    ที่ร้านกาแฟนั้น

    เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา

    แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส
    ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง

    ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี
    เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ

    เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร ์ส เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ
    ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น
    ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก
    ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน

    จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
    มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้"

    สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ

    แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2008
  2. Raindrops

    Raindrops เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ย๊าวยาว...
    อย่างนี้แหละ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ
    แต่บางคนเลือกที่จะเพียรพยายามเพื่อความสำเร็จ
     
  3. userx

    userx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +1,061
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=5 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=test3 align=left width="100%" background=top.jpg>ใครชอบ kfc ลองเข้ามาดูก่อนอาจเปลี่ยนใจ!</TD></TR><TR><TD class=test3 bgColor=#ffffff>[​IMG] KFC เป็นอาหารที่คนอเมริกันกินกันมากและแพร่หลายมากในอเมริกา

    แต่ใครจะรู้?? ว่าพวกเขากำลังกินอะไรเข้าไป ?????
    จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ KFC ของมหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์
    พบข้อเท็จจริงบางอย่างที่น่าตกใจ แต่ก่อนอื่น ใครรู้บ้างว่า ทำไมบริษัทถึงต้องเปลี่ยนชื่อจาก
    Kentucky Fried Chicken ไปเป็น KFC ??? เหตุผลเป็นเพราะว่า บริษัทนี้ไม่สามารถใช้คำว่า chicken หรือ ไก่ ได้อีกต่อไป
    เพราะ KFC ไม่ได้ใช้ไก่จริงๆ ในการทอดขายลูกค้า แต่บริษัทนี้ใช้ไก่ที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมมาทอดให้ลูกค้ากิน

    ไก่นี้ได้รับการเลี้ยงให้มีชีวิตอยู่ด้วยการต่อท่อเข้าไปในร่างกายของไก่เพื่อปั๊มเลือดและฉีดสารอาหารบำรุงกำลังเข้าไปในตัวไก่
    ไก่พวกนี้ไม่มีจะงอย ไม่มีขน และมีเท้าเล็กมาก เพื่อทำให้โครงสร้างของกระดูกหดตัวลง เพื่อให้ได้เนื้อมากที่สุด ซึ่งสิ่งนี้เป็นกลยุทธ์เด็ดของ KFC

    เพราะมันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการผลิตให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ไม่ต้องถอนขน จะงอย และเท้าไก่เวลาฆ่า
    รัฐบาลอเมริกันไม่อนุญาติให้ใช้คำว่าไก่กับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาใช้อีกต่อไป ขอให้ดูภาพข้างล่าง แล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมถึงไม่ให้เรียกว่า ไก่

    คนที่นำข้อมูลนี้มาเปิดเผย ไม่ได้ต้องการสร้างให้เกิดกระแสตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่ต้องการให้สาธารณชนได้รับรู้
    เพื่อที่ทางบริษัทจะได้มีสำนึก และหันกลับมาใช้ไก่ที่แท้จริงมาทำผลิตภัณฑ์

    ขอย้ำว่า ภาพข้างบน คือภาพที่ได้จากการถ่ายรูปของไก่ที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมจริงๆ ไม่ใช่ภาพการ์ตูนย์แอนนิเมชั่นหรือภาพตัดต่อแต่อย่างใด

    รู้งี้แล้วกินไก่ทอดหาดใหญ่บ้านเราดีกว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...