**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

จองรายการ98ครับ

 

จอง98ครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

ต้องขออภัยด้วยนะครับ มีสมาชิกท่านอื่นจองแล้ว ไว้โอกาสหน้านะครับ ขอบคุณครับ

 

วันนี้เวลา 08.14.โอนเงินบูชาพระ รายการ 91,94,95,98 จำนวน 1,150 บาทแล้ว จัดส่งทีาเดิม ขอบคุณมากครับ

 

วันนี้ 13/1/60 ส่งพระให้คุณ

- sumobaimon EQ 3150 1935 5 TH
- อาทิตย์03 EQ 3150 1936 9 TH
- sa_nokorn EQ 3150 1937 2 TH

ขอบคุณครับ

 

วันนี้เวลา12.32น.ได้โอนเงินเข้าบัญชีค่าบูชารายการจองที่96แล้วนะครับรายละเอียดP.M. ไปแล้วครับ

 

รับทราบครับส่งแล้วจะแจ้งให้ทราบนะครับ ขอบคุณครับ

 

เหรียญดีอีกรุ่นของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
"สิงห์เหนือเสื้อใต้"
(ขออนุญาตติดแปะข้อมูลอีกครั้งหลังเปิดบอร์ดใหม่เพื่อท่านใดยังไม่ทราบ เป็นความรู้ครับ)



ลำดับเหรียญที่รุ่นที่ 23 เหรียญสิงห์เหนือเสือใต้(หรือเหรียญสองวัด) ปี 2529



จำนวนสร้าง 2000 เหรียญ(มีเนื้อทองแดงเนื้อเดียวเท่านั้น)
ผู้สร้าง..หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
ออกในนาม**วัดป่าสัมมานุสรณ์-วัดป่าศรัทธาวนาราม(วัดป่าโคกมน)

วัตถุประสงค์..เพื่อเป็นที่ระลึกในความสามัคคีการสร้างวัดป่าสัมมานุสรณ์-วัดป่าโคกมน



คำอธิบาย..หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

ท่านสร้างเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมาเพื่อมอบให้พระเณรและชาวบ้านโคกมนไว้เป็นที่ระลึกเพื่อเตือนสติลูกหลาน..

ท่านบอกสมัยก่อนบ้านโคกมนทั้งคุ้มเหนือคุ้มใต้มีแต่นักเลง คนบ้านเดี่ยวกันก็ทะเลาะทำร้ายกัน แม้บวชมาแล้วเป็นพระเณรจำพรรษาอยู่วัดเหนือ(วัดป่าสัมมานุสรณ์)-วัดใต้(วัดป่าโคกมน)ก็ยังเอาอดีตสมัยฆราสของตนเองมาตั้งป้อมใส่กัน...

ท่านบอกลูกศิษย์พระเณรที่มาอยู่ปฎิบัติกับท่านส่วนมากล้วนมาจากอดีตนักเลงนับตั้งแต่ท่านตั้งวัดป่าสัมมานุสรณ์ วัดป่าโคกมน เป็นต้น..

ท่านพิจารณาไม่อยากให้ลูกหลานแตกสามัคคีกันจึงสร้างเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมาแจกลูกหลานเพื่อเตือนสติให้มีความรักความสามัคคีต่อกัน คุ้มภัยให้ลูกหลาน ท่านบอกเหรียญรุ่นนี้ท่านอธิษฐานจิตเพียงองค์เดียวที่กุฏิผู้ว่าทองดำ วัดป่าโคกมน ผู้ออกทุนทรัพย์และออกแบบเหรียญให้ท่านคือ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก...



ท่านบอกเหรียญรุ่นนี้ท่านอธิษฐานจิตเมตตาด้วยคาถา "หัวใจนกยุงทอง" นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา (ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้น)...



หมายเหตุ....เหรียญรุ่นนี้มีการสร้างน้อยที่สุด ในบรรดาการสร้างเหรียญของหลวงปู่ชอบ ซึ่งอาจจะมีเนื้อพิเศษที่เป็นรองปั้มออกมาจำนวนน้อยมากๆ อยู่ด้วยก็ได้ เช่น เนื้อนวะแก่เงิน เนื้ออัลปาก้า เป็นต้น แต่มีจำนวนน้อยมากๆหลัก สิบกว่าๆองค์เท่านั้น
​

 

หลวงพ่อมี เขมธัมโม
วัดมารวิชัย ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา​

​

ประวัติโดยสังเขป​

หลวงพ่อมี เขมธัมโม มีชื่อเดิมเต็ม ๆ ว่า “บุญมี” ถือกำเนิดในตระกูล “ธนสนธิ์” โยมบิดานาม นายโหมด โยมมารดานาม นางพุฒ
หลวงพ่อมี ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2454 ตรงกับวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปีกุน ณ หมู่บ้านขนมจีน ข้างวัดมารวิชัยตอนใต้ หลวงพ่อมีเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องท้องเดียวกัน 5 คน

บรรพชาอุปสมบท
ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดมารวิชัย ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับ วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 โดยมีพระครูอดุลวุฒิกร หลวงพ่อพิน จันทโชโต วัดช่างเหล็ก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเขียน โชติสโร วัดบ้านพร้าวนอก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเกลี้ยง อินทโชติ วัดมารวิชัย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “เขมธัมโม” แปลว่า“ผู้มีธัมมะอันเกษม”​

มุ่งสู่หลวงพ่อเขียน​

หลวงพ่อเขียน โชติสโร วัดบ้านพร้าวนอก
​

หลวงพ่อเขียนองค์นี้ ท่านเป็นพระอาจารย์เรืองวิชาเป็นที่เลื่องลือว่า ท่านสำเร็จอภิญญาจิตมีอิทธิปาฏิหาริย์ สามารถเดินบนยอดไม้และนอนบนยอดตองได้ (นอนบนยอดใบกล้วย)​

ปฏิปทาอันงดงาม เคร่งครัดพระธรรมวินัยและปฏิบัติวิปัสสนาธุระอย่างสม่ำเสมอของหลวงพ่อเขียน เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านพร้าวเป็นอย่างมากในสมัยนั้น หลวงพ่อเขียน ท่านมีปฏิปทาแปลกไปอีกอย่างหนึ่งคือชอบเล่นว่านยา และชอบเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเป็นวิชาการหล่อ

หลอมวัตถุธาตุต่าง ๆ ที่มีราคาถูกให้กลายเป็นธาตุสูงค่าขึ้น เช่น การทำตะกั่วให้กลายเป็นเงินหรือทำเงินให้เป็นทองคำ ดังนี้เป็นต้น

ซึ่งหลวงพ่อมีกรุณาเปิดเผยสูตรทำเมฆพัดให้ทราบว่า การทำเมฆพัดประกอบด้วย เงิน ทองแดง ตะกั่ว ปรอท กำมะถันเหลือง และว่านยา 108 ชนิด มีว่านทองคำ เป็นอาทิ โดยมีส่วนของน้ำหนักพิกัดสิ่งละไม่
เท่ากันตามตำรา

นำมาหล่อหลอมรวมกันแล้วซัดด้วยกำมะถันเหลืองและว่านยาอยู่ตลอดเวลาตามกรรมวิธีอันแยบยลตามลำดับ จนกระทั่งเนื้อเมฆพัดหลอมจนเหลวได้ที่ดีแล้ว จะสำเร็จเป็น “กายสิทธิ์”

หลวงพ่อเขียน บอกว่า เมฆพัดจะมีฤทธิ์เดชในตัวเองสามารถป้องกัน ภูตผีปีศาจ เป็นคลาดแคล้วคงกระพัน บันดาลความร่มเย็นเป็นสุขให้คุณแด่ผู้เป็นเจ้าของยิ่งนัก หลวงพ่อมี เคยกล่าวยืนยันว่า วิชาทำตะกั่ว จน

กลายเป็นทองคำนี้ หลวงพ่อเขียนท่านทำได้จริงเมื่อท่านสามารถพิสูจน์จนรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ท่านก็เลิกเล่น และไม่ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่ผู้ใดอีก ชะรอยหลวงพ่อเขียนท่านคงจะเห็นโทษจากการหมกมุ่นในการแปรธาตุ

ซึ่งเป็นความละโมบผิดธรรมชาติ ดังนั้นในบั้นปลายของชีวิต หลวงพ่อเขียนท่านมุ่งบำเพ็ญภาวนา แสวงหาความหลุดพ้นจนถึงแก่กาลมรณภาพโดยสงบในที่สุด

แต่พระโบราณจารย์ท่านไม่ได้คิดเช่นนั้น กล่าวคือทองแดงที่ได้จากการเปลี่ยนแปรธาตุเมื่อทำสำเร็จ ถ้านำมาปลุกเสกตามตำรา จะกลายเป็นของกายสิทธิ์ ถึงขั้นสามารถป้องกันศาสตราวุธได้ทุกชนิด ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสังเกตว่า พระเครื่องรางเก่า ๆ ของพระอาจารย์หลายสำนักที่สร้าง

ขึ้นจากตำราเล่นแร่แปรธาตุโดยนำโลหะธาตุต่าง ๆ ที่ทำขึ้นมาสร้างเป็นพระเครื่องจึงมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านอยู่ยงคงกระพันสูงส่ง เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเขียน ไม่เคยสร้างอิทธิมงคลใด ๆ ไว้เลย ชื่อเสียงในวงการพระเครื่องจึงไม่มีใครรู้จัก แต่ก็ยังโชคดีที่ท่านมิศิษย์ผู้สืบ

ทอดพระเวทวิทยาคมอยู่องค์หนึ่ง คือ หลวงพ่อมี เขมธัมโม พระเถราจารย์จอมขมังเวทแห่งวัดมารวิชัย ซึ่งเป็นทั้งศิษย์และหลานแท้ ๆ ของหลวงพ่อเขียน พระอาจารย์ผู้เรืองวิชาแห่งวัดบ้านพร้าวนอก ปทุมธานี

เรียนวิชากับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค


หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค​

เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุได้ 1 พรรษา ก็มาปวารณาตัวเป็นศิษย์คอยรับใช้หลวงพ่อปานที่วัดบางนมโค เมื่อต้นปี พ.ศ. 2476 ในวันแรกที่หลวงพ่อมีมาอยู่วัดบางนมโค ได้พำนักที่กุฏิของหลวงพ่อปาน

ซึ่งใช้เป็นสถานที่รักษาโรคและให้บรรดาคนไข้และแขกเหลื่อมาค้างแรม หลวงพ่อมี จึงมีโอกาสเห็นหลวงพ่อปาน ทำการรักษาคนไข้อย่างใกล้ชิดด้วยน้ำมนต์บ้าง ด้วยยาสมุนไพรพื้นบ้านที่หาได้ง่าย เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น แต่ก็มีสรรพคุณสูงสามารถใช้รักษาโรคร้ายและไข้ต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยถูกเขากระทำย่ำยีมา หรือถูกผีเข้าเจ้าสิง กระดูกแตกหักต่าง ๆ หลวงพ่อปานสามารถรักษาให้หายได้ทั้งนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ “ผู้ที่ได้บวชเรียนแล้ว อย่าให้ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อย่าเกาะโลกธรรม 8 อันเป็นเรื่องทางโลก คือ...อิฏฐารมณ์

ความพึงพอใจในลาภยศ สุข และสรรเสริญและความไม่พึงพอใจในอนิฏฐารมยณ์...คือการขาดลาภ ขาดยศ มีทุกข์ และการนินทา...”

“เมื่อเป็นพระอย่าหวังร่ำรวย ปัจจัยที่ได้มาจงนำมาเป็นสาธารณประโยชน์แก่ศาสนาและประชาชนให้หมด...อย่าหวังลาภ ยศ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าเมาในยศถาบรรดาศักดิ์...เรื่องของลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เป็นตัวกิเลส ต้องตัดออกให้หมด เราเป็นพระภิกษุสงฆ์รวยด้วยบุญญาบารมี เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าการบวชนี้ เพื่อหวังนิพพานเท่านั้น” โอวาทของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อมีกล่าวว่ายังจำขึ้นใจถึงปัจจุบันและระลึกอยู่เสมอ ปฏิบัติอยู่เสมอ

เมื่อหลวงพ่อปาน พิจารณาลักษณะอันกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของหลวงพ่อมี นึกรักขึ้น จึงรับปากจะถ่ายทอดวิชาให้ โดยให้ฝึกอสุภกรรมฐานก่อน เพื่อเป็นการสร้างอำนาจจิตของตัวเองให้กล้าแข็ง อสุภ แปลว่าไม่สวยไม่งาม ซากศพ
ทุกอย่างที่เกิดเป็นอารมณ์สร้างให้จิตใจสงบแน่นิ่งเป็นพลังพุ่งเข้าสู่การเจริญ

วิปัสสนากรรมฐานได้โดยง่าย ดั่งคำของหลวงพ่อปานที่กล่าวไว้ว่า
“เมื่อปฏิบัติอสุภกรรมฐานจนมีความชำนาญแล้ว ย่อมเป็นของง่ายในการวิปัสสนาญาณ และจนลุล่วงสำเร็จไปด้วยดี”

เรียนวิชากับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก


หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก​

เมื่อสิ้นหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคไปแล้ว ศิษย์ของท่านทุกองค์รวมทั้งหลวงพ่อมี ต่างมุ่งตรงไปศึกษาหาความรู้ต่อกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เพราะก่อนที่หลวงพ่อปานท่านจะมรณภาพ ท่านได้บอกบรรดาศิษย์ของท่านให้ไปหาหลวงพ่อจง ซึ่งท่านว่าเป็น “พระทองคำทั้งองค์”

ดังนั้นในปี พ.ศ. 2481 หลวงพ่อมีจึงมาฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชากับหลวงพ่อจงอย่างจริงจัง โดยขอเล่าเรียนวิชาทำตะกรุดกับท่านก่อนตามที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส ในสมัยเป็นฆราวาส หลวงพ่อมีท่านเคยเห็นคนมาลองของกับหลวงพ่อจงด้วยการเอาตะกรุดให้ท่านเป่า แล้วไปลองยิง ปรากฏว่าปืนขัดลำกล้อง แต่เมื่อหันปากกระบอกปืนไปทางอื่น เสียงปืนก็ลั่นเปรี้ยงทันที

เพื่อเป็นการเพิ่มสมาธิจิตให้กล้าแข็งอันเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการเล่าเรียนพระเวท หลวงพ่อจงท่านจึงถ่ายทอดวิธีปฏิบัติการเพ่ง เตโชกสิณ แก่หลวงพ่อมี พร้อม ๆ กับการสอนสูตรการลง นะหน้าทอง หลวงพ่อมี ผู้สำเร็จอสุภกรรมฐานกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แล้วยังมาได้วิชากสิณไฟจากหลวงพ่อจง อัน

เป็นกรรมฐานเกี่ยวกับการสร้างพลังจิตทั้งสิ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมอิทธิมงคลทุกอย่างที่ผ่านมาปลุกเสกจากหลวงพ่อมี ล้วนมีประสบการณ์เข้มขลัง เป็นที่กล่าวขานโดยทั่วไปในขณะนี้ ! หลวงพ่อมีได้ศึกษากรรมฐานและวิทยาคมต่าง ๆ มากับ หลวงพ่อจง เป็นเวลานานเกือบ 30 ปี ท่านได้เดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างวัดหน้าต่างนอก และวัดมารวิชัยอยู่เสมอ ๆ ทั้งยังได้ร่วมงานกับหลวงพ่อจงอย่างใกล้ชิดอยู่บ่อยครั้ง และได้ปฏิบัติดูแลหลวงพ่อจง ตราบจนท่านสิ้นลมหายใจ

หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2543 อย่างสงบ ณ วัดมารวิชัย จ.พระนครศรีอยุธยา​

 

รายการที่ 99
รูปหล่อรุ่นแรก เนื้อพิเศษ สร้างแค่ 33 องค์เท่านั้นครับ เนื้อนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกเฉพาะกรรมการที่ช่วยงาน และออกปัจจัยการสร้างเท่านั้น
(มีเปิดให้บูชา เพื่อท่านใดเก็บของหายาก เพราะต่อไปจะไม่มีออกมาให้เห็นอีกแล้ว เพราะเนื้อปกติ ยังไม่ค่อยเจอแล้วครับ)
กลายเป็นรุ่นที่ หายากและสร้างน้อยที่สุด ของหลวงปู่ท่านไปแล้ว

องค์ที่ 1


องค์ที่ 2






พิธีอธิษฐานจิต




"สำลีเอ่ยให้เดินตามรอยเราเด้อ ให้เอาพุทโธเด้อ"
หลวงปู่หลุย จันทสาโร ให้โอวาสธรรมหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต



****

หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต และ หลวงพ่อขันตี ญาณวโร ถ่ายเมื่อปี 2522 ที่ประเทศอินเดีย ติดตามพระเดชพระคุณหลวงปู่หลุย ไปแสวงบุญครับ

-----
องค์ละ 650
(หมดแล้ว หมดเลยครับเพราะผู้เขียนมีแค่ 3 องค์แต่เก็บไว้เอง 1 องค์ สวยเหมือนกันทุกองค์ครับ)

จองครบแล้วครับ
​

 

ขอจองรายการที่ 99 องค์ที 1 ครับอาจารย์

 

จอง 1องค์ครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ(เก็บวันนี้ ต่อไปจะหาแทบไม่ได้แล้วครับ และพระชุดนี้ นอกจากผ่านพิธีต่างๆแล้ว ส่วนตัวผมนำไปขอเมตตาหลวงพ่อขันตี และ หลวงพ่อสมศรี เมตตาอธิษฐานจิตอีกครั้งแล้วครับ)

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ(พระชุดนี้นอกจาผ่านพิธีต่างๆผมยังได้นำไปขอเมตตา หลวงพ่อขันตีและหลวงพ่อสมศรี เมตตาอธิษฐานจิตอีกครั้งแล้วครับ)

 

พระดีศรีเมืองเลย
หลวงปู่เทือง ญาณธโร
วัดโพธิ์ชัย ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
(เจ้าคณะอำเภอวังสะพุง ผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์)



ประวัติหลวงปู่เทือง ญาณธโร​

จังหวัดเลยนั้นมีพระเถจารย์ผู้มีปฎิปทางดงามหลายองค์ ทั้งสายมหานิกายและธรรมยุติ และมีวัตถุมงคลยุคแรกๆที่หาได้ยากของจังหวัดเลยคือ เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่คำ อรโก วัดศรีสะอาด จัดสร้างเมื่อ ปี 2470 หลวงปู่คำ อรโก เป็นพระเกจิที่ได้รับนิมนต์จากรัชการที่ 5 ในการเข้าปลุกเสกพระเครื่องต่างๆในวัดเบญจมบพิตรและในงานปลุกเสกเหรียญพระพุทธนรสีห์ เพียงรูปเดียวจากภาคอีสาน

ปัจจุบันจะกล่าวถึงพระเถราจารย์แห่งยุคปัจจุบันของจังหวัดเลยท่านคือ หลวงปู่เทือง ญาณธโรญาณธโรภิกขุ หรือ พระภิกษุผู้ทรงญาณ ภูมิความรู้ ญาณสมาธิ วิชา พระเถราจารย์ผู้มีปฎิปทา แห่งดินแดนทะเลภูเขา จ.เลย เกิดเมื่อ 20 กรกฎาคม 2479 (ตามการเกิดจริง) นามเดิม เทือง ไชยพรหมมา อุปสมบทเมื่อปี 2500 พรรษา ที่วัดศรีชมชื่น อ.วังสะพุง จ.เลย เริ่มแรกร่ำเรียนวิปัสนากรรมฐานก่อนที่สำนักวัดโพธิ์โนนทัน

บริเวณริมบึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น ว่ากันว่าเป็นสำนักฝึกกัมฐานแห่งภาคอีสาน ขณะนั้นท่านเป็น 1 ใน 20 ที่นั่งได้สำเร็จสมาธิปัจฉิมบทกับพระคณาจารย์สายป่าที่อายุพอสมควรที่ภายหลังได้พระอริยะ ทั้งที่พรรษาท่านยังน้อย ประมาณ 20 ต้นๆ จนมีญาณกัมฐานไว้ฝึกปฏิบัติ จากนั้นร่ำเรียนสายพระคาถาจากหลายพระคณาจารย์เพื่อมาปกครองเป็นที่พึ่งของมวลชน ร่ำเรียนการทำตระกรุดจากสายหลวงพ่อทบ จังหวัดเพชรบูรณ์

​

และหลวงพ่อคูณ ปริสุธโธ แห่งวัดบ้านไร่ ปัจจุจันตระกรุดองค์ครูที่ร่ำเรียนจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธยังอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยเป็นอนุสรณ์แห่งครู เพื่อมาปกครองเป็นที่พึงปวงชน

ขณะนั้นชนบทมีแต่ป่าดงพงไพร สัตว์ป่าดุร้าย ผีสางนางไม้ โจรป่า ร่ำเรียนจนเชี่ยวชาญกับหลายๆพระอาจารย์ เมื่อปี 2515 หลวงปู่ได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโพธิ์ชัยบ้านเกิด หลวงปู่ได้เริ่มจารตระกรุด โดยทำควบคู่กับอาจารย์ศิลา หมอยาผู้บวชเก่า ผู้เป็นแพทย์ประจำท้องถิ่น จารตระกรุดทองคำ เงิน นาค ทองแดง ทองเหลืองปัจจุบันหาได้ยาก ตระกรุดที่ว่าเป็นของหายากคือตระกรุดจันทรุปาคาจะจารในช่วงจันทรุปาคาทำได้ไม่เกิน 20 ดอกต่อวาระ และสุริยุปาคาปี 2538 หาได้ยากยิ่ง พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นยันต์ประจำตัว เหรียญที่ดำริให้สร้างครั้งแรกเมื่อปี 2537

หลวงปู่ให้สร้างรูปเหมือนแต่คนรับงานไม่ทำตามประสงค์ ได้เป็นเหรียญพระพุทธชินราชแทน จึงแจกไปแค่ 1,000 เหรียญ อีก 4,000 เหรียญถูกบรรจุไว้ใต้องค์พระประธาน เหรียญนี้ปัจจุบันหายาก พุทธคุณเด่นมาก เรื่องเมตตา ค้าขาย ปัจจุบันมีมูลค่าราคากลาง 1,000-2,000 บาท แล้วแต่สภาพความสวย

วัดโพธิ์ชัย ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย มีมาแล้ว 193 ปี มีอดีตเจ้าอาวาสแล้ว 9 องค์ อดีตหลวงปู่หลวงตามีวิชาอาคมทั้งสิ้น สมัยก่อนคนที่เป็นนักรบเดินทางมาสักยันต์ไว้ป้องกันให้คงกระพันชาตรี ที่นี่มีตำรายามงคลเรียกได้ว่า มหาโอสถ ผู้สืบทอดของดีของมงคลภูมิปัญญาขณะนี้คือหลวงปู่เทือง ญาณธโร พระเถราจารย์ผู้มีปฎิปทาแห่งจังหวัดเลย

*******


อุปนิสัยของท่านเป็นพระพูดน้อย ปฏิบัติเยอะ วิชา ตบะ มันมาเองตามการปฏิบัติ และวาสนา ท่านว่าไว้ ผ่านมาแล้วหลายสิบปีเผาผีมาแล้วหลายรุ่น

ผู้มีภูมิ ปรุงยา จนแข็งแรงมาถึงปัจจุบัน พระดีศรีเมืองเลย ยังคงรับบาตรจากชาวบ้าน เดินวันละหลายกิโล

เอกอุศิษย์หลวงปู่ชอบในตำบลเดียวกันได้กล่าวเอาไว้
"หลวงพ่อใหญ่ท่านศักดิ์สิทธิ์ ท่านวิเศษมานานแล้ว"

ปัจจบันท่านอายุ 80 ปี 60 พรรษา​

 

วันนี้ส่งพระให้คุณ

- sumobaimon EQ 3150 7347 5 TH

ขอบคุณครับ

 

พระมงคลศีลาจารย์ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร
วัดวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง



หลวงปู่คร่ำเป็นพระภิกษุที่มีบุญญาบารมีเป็นที่ปรากฏแก่ประชาชนมาเป็นเวลานานแล้ว ท่านมีคุณูปการแก่สังคมหลายวงการอย่างกว้างขวาง ทั้งฝ่ายศาสนจักรและ
อาณาจักรทั้งในจังหวัดระยองและจังหวัดอื่นๆและเป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับการเคารพและ คารวะศรัทธาเป็นอย่างสูงจากชาวพุทธทั่วประเทศ เห็นได้จากงานพุทธาภิเษกที่สำคัญที่จัดในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง หลวงปู่จะได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีเกือบทุกครั้ง
​

เนื่องจากมีผู้ให้ความเคารพศรัทธาหลวงปู่คร่ำจำนวนมากต่างพากันยึดหลวงปู่เป็นสรณะในยามที่ต้องเผชิญกับภาวะ คับขัน ทั้งยังขอพรบารมีจากท่านช่วยบันดาลใช้ประสบโชคลาภ ประสบความสำเร็จสมปรารถนา

มีความสุขสมหวังในชีวิตจึงมีผู้ให้สมญานามท่านว่า"เทพเจ้าของชาวระยอง"บ้าง"ท่านพ่อแห่งฝั่งทะเลตะวันออก" บ้าง"เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออ"ฯลฯรวมความว่าหลวงปู่คร่ำเป็นพระที่อยู่ในใจของทุกคน

กำเนิดหลวงปู่คร่ำมีนามเดิมว่า คร่ำ อรัญวงศ์ ท่านเกิด วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา

ตรงกับวันที่๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ที่บ้านวังหว้า ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โยมบิดาชื่อ
นายครวญ อรัญวงศ์ โยมมารดาชื่อ นางต้อย อรัญวงศ์
หลวงปู่เป็นบุตรคนโต มีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน๓คนเป็นชายสองหญิงหนึ่ง

หลวงปู่ได้อุปสมบทที่วัดวังหว้าเมื่อวันจันทร์ แรม ๗ ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่๑๑มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับฉายาว่า”ยโสธโร”แปลว่าผู้ทรงไว้ซึ่งยศหรือผู้ดำรงยศ
พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูสังฆการบูรพทิศ (ปั้น อินทสโร) เจ้าคณะแขวงแกลงวัดราชบัลลังก์
พระกรรมวาจารย์ คือ พระใบฎีกาหลำ ปัญญายิ่ง รองเจ้าคณะแขวงแกลง วัดพลงช้างเผือก
พระอนุสาวนาจารย์ คือพระอธิการเผื่อน เจ้าอาวาสวัดวังหว้า

หลวงปู่คร่ำมุ่งศึกษาด้านพระธรรมวินัยซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของพุทธศาสนาและหลักธรรมของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยนั้นวัดวังหว้ายังไม่มีสำนักสอนธรรม
หลวงปู่ต้องไปเรียนที่วัดพลงช้างเผือก และสอบได้นักธรรมตรีและโทเป็นลำดับ

นอกจากเรียนรู้พระธรรมวินัยเป็นพื้นฐานแล้ว ท่านยังศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ และตำรับยาสมุนไพรจนมีความรู้ความสามารถนำไปใช้บำบัดรักษาช่วยเหลือชาวบ้านได้เป็นอย่างดี

ในสมันที่ยังไม่มีสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลดังเช่นทุกวันนี้ วิชาที่หลวงปู่ชำนาญเป็นพิเศษ คือ กรรมวิธีต่อและประสานกระดูกอันเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ

​

การศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคม หลวงปู่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ พระครูนิวาสธรรมสาร(หลวงพ่อโต) วัดเขากะโดนและวัดเขาบ่อทอง
ซึ่งหลวงพ่อโตเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานชำนาญการธุดงควัตร เป็นผู้มีพลังจิตรแก่กล้า
และวิทยาคมขลังเป็นเลิศ หลวงปู่คร่ำได้ร่ำเรียนด้วยอุตสาหะพากเพียรจนมีความรู้ความชำนาญในวิชาอาคมหลายด้านเมื่อกลับมาที่วัดวังหว้า

ก็ได้ฝึกฝนพลังจิตเจริญสมาธิภาวนาโดยตลอดมิได้ขาด ในกาลต่อมาหลวงปู่ได้ใช้วิทยาคมที่ได้ฝึกฝนร่ำเรียนมานั้นให้เป็นประโยชน์ ต่อญาติโยมและบุคคลทั่วไปนานัปการจนชื่อเสียงเกียรติคุณขจรไกลไปทั่วเมืองไทยและต่างประเทศ

สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ยึดมั่นโดยตลอดคือ กตัญญุตาการรำลึกถึงคุณของบูรพาจารย์ ทุกปีของหลวงปู่จะประกอบพิธีไหว้ครู ตามหลักปฏิบัติสืบเนื่องมาไม่เคยขาด
จึงส่งผลให้หลวงปู่คร่ำเจริญยิ่ง ด้วยชื่อเสียงเกียรติคุณตลอดมา การปกครองและอบรมสานุศิษย์หลังจากหลวงปู่อบรมได้ ๔ พรรษา

ของดีหลวงปู่ ​

วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังของหลวงปู่คร่ำ มีมากมายหลายอย่าง ทั้งตะกรุดโทน สีผึ้งเมตรตา ผ้ายันต์ น้ำมันงา และเหรียญแบบต่างๆสิ่งที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของหลวงปู่คร่ำ คือ ผ้ายันต์พัดโบก ชื่อเต็มว่า”ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง”แบ่งเป็นสองท่อนท่อนบนสีแดงท่อนล่างสีขาวประกอบด้วยรูปหลวงปู่และยันต์หลายชนิด ผ้ายันต์พัดโบกนี้หลวงปู่ทำขึ้นเพื่อป้องกันวาตภัย ทั้งลมและฝนในยามที่มรสุมรุนแรง

จะพัดทำความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนผ้ายันต์พัดโบกจะโบกให้ลมเปลี่ยนทิศทาง รวมทั้งโบกเอาความชั่วร้ายอื่นๆมิให้กล้ำกรายมาถึงบ้านเรือนของผู้ที่ครอบครองผ้ายันต์นี้ได้

ผ้ายันต์พัดโบก


​

เป็นยันต์พัดโบกให้ร้านค้าต่างๆโบกนำลาภผลเข้าสู่อาคารร้านค้าอีกด้วยบรรดาบ้านเรือนแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก

เกือบทุกบ้านจะมีผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่คร่ำไว้คุ้มภัยและเป็นมงคลแก่บ้านเรือน
รวมไปถึงกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศไทยก็ปรากฏยันต์พัดโบกของหลวงปู่คร่ำอยู่ทั่วไปแม้แต่ในประเทศ
ลาว ผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่คร่ำยังโบกสะบัดไปถึง

เวียงจันทน์ในประเทศเขมรซึ่งเป็นดินแดนแห่งไสยศาสตร์
ผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่ก็โบกไปทั่วจากคนไทยที่ไปทำมาค้าขายที่นั่น

​

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก​

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัตร์หลวงปู่ปฏิบัติตนสำรวมในศีลอย่างเคร่งครัดได้รับความเคารพนับถือ
และศรัทธาจากสานุศิษย์และมหาชนทั่วประเทศที่เดินทางมานมัสการทุกวัน

หลวงปู่จะนั่งพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้พูดคุยด้วยถ้าพอมีเวลาใครขอให้ช่วยทำอะไรถ้าไม่ขัดต่อศีลธรรมและเป็นเรื่องที่ดีงามแล้วหลวงปู่ไม่เคยขัดช่วยทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มเป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา ไม่เคยอยู่นิ่งเฉยสร้างวัด

สร้างโรงเรียนหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำบลวังหว้าทุกโรงเรียนหลวงปู่ได้มีส่วนช่วยก่อสร้างและทะนุบำรุงตลอดเวลา

หลวงปู่ได้ละสังขารถึงแก่มรณภาพ
ในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลาประมาณ ๑๔ นาฬิกา ด้วยอาการสงบ ณ. โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชาท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยของสานุศิษย์และสาธุชนทั่วประเทศนับล้านคนที่ได้ทราบข่าว
ต่างหลั่งไหลมากราบไหว้ เคารพศพที่วัดวังหว้าตลอดเวลา ๑๕ วัน ที่บำเพ็ญกุศล
นับเป็นบุญญาบารมีของหลวงปู่โดยแท้
รวมอายุได้ 100 ปี 80 พรรษา​

 

รายการที่ 100
พระสิวลีมหาลาภ หลวงปู่ถิน ปภากโร เนื้อนวะ โค๊ตเลข 93 สภาพสวยมาก สร้างเพียง 589 เหรียญ เท่านั้น หายากสภาพสวยพุทธคุณด้านโชคลาภ เงินทอง
หลวงปู่ถิน พระอริยะเจ้าผู้ทรงอภิญญา ขนาดเดินจงกรมยังมีแสงออกมาทางฝาเท้า....
(เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ ด้านโชคลาภมากในเมืองเลยและจังหวัดใกล้เคียง)​

​

​

******​

สูง ถึงขนาดเป็นที่ กล่าวขานกันในสมัยนั้นว่า
" พระอาจารย์เรืองวิทยาคม ผู้มีพลังจิตอันสูงส่ง ปรากฎแสงเรืองรองจากฝ่าเท้าทั้งสอง ขณะเดินจงกลมบำเพ็ญสมาธิจิต "

หลวงปู่ถิน ท่านอยู่ ภูเรือ ไม่ลงจากเขาเลย ตั้งแต่ท่านมาอยู่ที่นี่ ปฏิบัติ์ เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเลย แม้แต่พระสายท่านพระอาจารย์ มั่น ก็รู้จักท่านน้อยมาก

หลวงปู่ชอบ สมัยท่านยังอยู่ และ แข็งแรง ต้องขึ้นไปกราบ ทุกปี ฌาณ ของท่าน แม่น และรู้ไกล สามารถ ปกปักษ์รักษา ลูกศิษย์ ถึงกรุเทพได้ ท่านส่งพระที่เป็นลูกศิษย์ มาตามหา เฮีย อ๋า ที่อยู่ฝั่งธน ไม่เคยลงมาหรือรู้จักบ้าน

จาก ภูเรือ ถึงฝั่งธน ได้ ให้ลงมาช่วย ว่ามีเคราะห์ร้าย บ้านเกิดไฟไหม้ ชั้น2 ให้ขึ้นไปหาท่านไปไม่ได้ ให้เอาเสื้อผ้าไปแทน ไปทำพิธี สะเดาะห์เคราะห์ คล้ายๆ คนจีนทำ ในปี พศ. 2519 ถึง 20 อย่าคิดว่ามีโทรศัพท์ นะครับ ​

หลวงปู่ ถิน วัดโพนทอง จ.เลย​

เป็น ศิษย์ ผู้น้อง ท่านพระอาจารย์ มั่น วัดป่าสุทธาวาส สกลนคคร เป็นศิษย์ หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง
เป็นลูกพี่ ลูกน้อง กับ หลวงปู่ชอบ วังสะพุง จ.เลย มีศักดิ์ เป็น น้า หรือ พี่ ผมจำไม่ได้แล้ว

ท่าน พระอาจารย์ มั่น ท่านชอบ วิปัสสนา ล้วนๆ ไม่เน้น วิชา อาคม ท่านบอกว่า ไม่เสก วัตถุมงคลให้คนไม่มีศีล และขี้เมา เอาไปยิงกัน
แต่หลวงปู่ถิน ท่านชอบ ไสยศาตร์ ด้วย
ท่านกล่าวว่า ท่านชอบทางนี้จีงเรียนด้วย แต่ ทางมันอ้อม สุดท้ายที่หมายเดียวกันแต่เสียเวลาไปนาน ถ้าติด ก็ไม่ถึงที่หมาย ไม่เหมือนศิษย์ พี่ ท่านเดินตรงอย่างเดียว เพื่อ พุทธภมิ

สามารถคลิกขยายอ่าน จำนวนที่การสร้างที่แน่นอนที่ถูกบันทึกไว้ 40 ปี ที่แล้วได้ที่รูปครับ​

มีมาแบ่งแค่ 1 เหรียญนะครับ เพราะว่าหายากมากๆอันนี้เป็นเหรียญเก่าเก็บของส่วนตัว ซึ่งเนื้อนวะนี้(หรือเรียกเนื้อชนวน) ทำขึ้นจาก โลหะสำคัญๆชนิดต่างๆและนำมารีดก่อนจะนำมาปั้มเป็นเหรียญอีกครั้ง

ในพื้นที่นั้นหายากมากๆ โดยต่อมือกันบางทีเกิน 5000 ไปแล้ว แต่เหรียญนี้เป็นของเก่าเก็บ ที่พึ่งหาพบโดยส่วนตัวเก็บมา 10 ปี เจอสวยๆแค่ 2 เหรียญเท่านั้น จึงนำมาแบ่งของดี ที่หายากแขวนเดี่ยวได้เลย วันนี้ 1 เหรียญเพื่อท่านสมาชิกท่านได้ศรัทธาสนใจครับ(ในราคาแบ่งปั้น) เป็นรุ่นนี้เดี่ยวนี้มีของเก๊ มาแล้วครับ
(ปิดจอง)

​