เรื่องเด่น เล่าเรื่องเมืองโลกทิพย์

คนเราเกิดมาอาจจะแตกต่างกัน บางคนสัมผัสอะไรไม่ได้เลย แต่บางคนอาจจะสัมผัสได้ รับรู้ได้ การรับรู้เรื่องราวที่สัมผัสได้นั้น คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเล่าให้คนอื่นๆได้ฟัง ได้รับรู้
ด้วยเหตุผลนานานับประการ เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับสถานที่สำคัญในพุทธศาสนา ก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่าอยากสื่อให้กับบุคคลทั่วไป ที่สัมผัสไม่ได้ อาจจะประโยชน์
เพราะการรู้บ้าง ย่อมดีกว่าไม่รู้อะไรเลย

 

เมื่อข้าพเจ้าได้ไปสักการะสถานที่แห่งนี้ และมีเวลาพอที่จะทำสมาธิ ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึง สิ่งที่ภพภูมิมนุษย์ เรียกว่า
เทวดา ครับ สถานที่แห่งนี้มีเทวดาครับ
คืนนั้นด้วยความอยากรู้ อยากทราบว่า
เทวดานั้นมาจากไหน ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตให้นิ่งสงบ
แล้วอธิษฐาน ขอชมบารมีเทวดา ณ ผาซ่อนแก้ว
ข้าพเจ้ารออยู่สักพัก ก็ได้รับการตอบกลับมาด้วย นิมิต
เทวดานั้นมีลักษณะงดงาม มีชฏา เครื่องทรงถูกตกแต่งด้วย เพชรพลอย เงินทองระยิบระยับไปทั้งองค์
เหมือนท่านเทวดาจะรู้ว่า ข้าพเจ้าจะถามอะไร
ท่านเทวดาเล่าให้ฟังเิงว่า
ในอดีต เราเป็นคนธรรพ์อยู่ในสรวงสวรรค์ มีพระชายาสามองค์
คราวนี้เราจะหมดบุญต้องลงมาเกิด แต่เราไม่อยากลงมาเกิด ด้วยความห่วงใยอาลัย พระชายาทั้งสามของเรา
เราเลยไปอ้อนวอนขอความเมตตาจากองค์อินทร์
ท่านองค์อินทร์เลยมีข้อแม้ว่า ถ้าเราสามารถทำให้มนุษย์นั้นเข้าถึง ศลีธรรมอันดี ก็จะให้เป็นเทวดาดั่งเดิม แต่ต้องลดชั้นไปหาสร้างวิมานบนโลกมนุษย์แทน
เราเลยเนรมิตลูกไฟสีต่างๆให้ชาวบ้านได้เห็น ได้รับรู้ เพื่อจะได้ศาสนะ สถานต่างๆ
เป็นที่ให้ผู้คนมาปฏิบัติธรรม
ส่วนสิ่งก่อสร้างในสถานที่แห่งนี้ ที่มีลักษณะมีแต่เกล็ดแก้วสีต่างๆ เพื่อจะให้เหมือนวิมานบนสวรรค์ครั่นอดีตของเรา
ส่วนพระชายาทั้งสามของเราก็มาเยี่ยมเยือนเราในบางครั้ง และสถานที่แห่งนี้ ผู้คนที่นำดอกไม้สีชมพูมาบูชาเรา ก็จะแสดงถึงความรักที่มั่นคงตลอดไป

 

ทำดี ย่อมดีเสมอ แต่ก็ทำให้เห็นว่า แม้เป็นเทพก็ยังไม่พ้นวัฏสงสาร พวกเราจงอย่าตั้งจิตเป็นเทพหรือพรหม หรืออรูปพรหม พระพุทธเจ้าให้ตั้งจิตเข้านิพพาน ให้มีศีลห้าเคร่งครัด ทำบุญทำทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา มีพรหมวิหารสี่ ตัดกายที่หลงใหลในความเป็นทั้งมนุษย์และความเป็นเทพพรหมทั้งหลายทิ้ง มองเห็นว่าโลกนี้มีความทุกข์หลายรูปแบบ แม้สุขมีแต่ก็ไม่ยั่งยืน นิพพานนั้นไม่สูญ แต่เป็นแดนที่พ้นจากความเวียนว่ายตายเกิดอย่างแท้จริง ให้ท่อง "นิพพานัง ปรนัง สุขัง" นิพพานเป็นสุขอย่างยิ๋ง พ้นจากความโลภ โกรธ และหลง ไม่มีขันธ์ห้าให้ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตายอีกต่อไป สาธุ

 

ว๊าาาาา จบละ

 

สถานที่ผู้คนพากันไปสักการะด้วยความศัทธาครับ

 

บรรยากาศดี เมื่อไปถึงก็สัมผัสได้ถึงโลกทิพย์ สถานที่แห่งนี้ เขาคิชฌกูฏ ในคืนนั้นพอตั้งจิตให้สงบก็รับรู้ได้ สัมผัสได้ว่า
มีเทวดาจำนวน สององค์ อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้

 

เนื่องจากเทวดา ณ สถานที่แห่งนี้ มีบุญบารมีมาก ผู้เล่าเลยต้องสวดมนต์ บทที่ว่า
" อิทัง สัพพะเทวานัง โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา "
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข

 

เมื่อผู้เล่ากล่าวบทนี้เสร็จ รออีกประมาณสักอึดใจ ก็ปรากฏผู้ชายสองคน ใส่เสื้อแขนยาว ไม่สวมชฏา ใส่ผ้านุ่ง มีเพชรประดับเต็มเสื้อผ้าไปหมด
มีรัศมีกาย รัศมีแก้วสว่างช่วงโชติสวยงาม
เหมือนท่านเทวดาทั้งสองจะล่วงรู้ความคิดของผู้เล่าว่า อยากรู้เรื่องราวของท่าน
หนึ่งในสองเทวดานั้นก็อนุเคราะห์เล่าให้ฟังว่า

 

เรามาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราสององค์เป็นเทวดาที่สนิทสนมกันบนสวรรค์
ครั้นเมื่อเราลงมาสร้างวิมาน ณ สถานที่แห่งนี้ เทวดาที่เป็นเพื่อนของเราก็มาอยู่ด้วย
เทวดาอย่างเรา มีแต่กายทิพย์ ไม่มีกายเนื้อ การให้ความช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเป็นการ "ดลจิตดลใจ"
และเราปรารถนาผู้ที่มีความมุ่งมั่น หรือคนที่มีวิริยะบารมี ใครก็ตามที่เดินทางมาสถานที่แห่งนี้
ด้วยการสัมมาวาจา ไม่ย่อท้อ เรามักจะให้พร ให้ประสพความสำเร็จตามที่มุ่งมาดปรารถนา
การที่เรามาสร้างวิมาน ณ สถานที่แห่งนี้ ด้วยกันสององค์ บางครั้ง เราทั้งสองต้องช่วยกัน
ให้ความปรารถนาของผู้ที่ศรัทธาประสพความสำเร็จ

 

ขอบคุณครับ

 

สถานที่ลึกลับ อาถรรพ์แห่งเมืองบาดาลครับ

 

คำชะโนดครับ สถานที่ที่นับวันจะมีผู้คนศรัทธามากขึ้น

 

สถานที่แห่งนี้ เมื่อไปเยือนสัมผัสได้ถึง คำว่า วังนาคินทร์ ในรูปต้นมะเดื่อยักษ์
ณ สถานที่แห่งนี้ คือปากทางเข้าเมืองนาคินทร์ครับ พญานาคทุกตนจะต้องผ่านเข้าออก
ทางนี้ ยกเว้น พญานาคศรีสุทโธและวงศ์เครือญาติ

 

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ คือ สถานที่ ที่พญานาคศรีสุทโธใช้ผ่านเข้าออก โดยสัมผัสได้ถึงพลังกายทิพย์
ของเหล่าชาวเมืองบาดาล ที่แตกต่างกัน

 

ผู้เล่า สัมผัสได้ถึงเหล่า นาคี นาคา ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นจำนวนมาก
ส่วนที่บ่อน้ำ ซึ่งใช้เป็นทางเข้าออก ของพญานาคศรีสุทโธนั้น จะสัมผัสได้ถึง
พลังเทพของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ในความเข้าใจของผู้เล่า
พญานาคศรีสุทโธน่าจะอยู่ในชั้นนี้

 

ด้วยความรู้ อยากเห็น อยากเข้าใจชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบาดาล
ผู้เล่าเลยขอพักอาศัยบริเวณใกล้ๆ ณ คำชะโนด เพื่อจะได้ทราบถึง
ในสิ่งที่อยากรู้ อยากสัมผัส ได้ด้วยตนเอง

 

ปูเสื่อรอ..ตอนต่อไปอยู่น่ะค่ะ^^

 

ก็ทำใจให้สงบ เข้าถึงอัปปนาฌาน ทำให้ว่างปราศจากอารมณ์จากการถือตัวตน แล้วก็ถอยจิตออกมาอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ พร้อมกับการวิตกวังนาคินทร์ ต่อจากนั้นก็เข้าอัปปนาฌานอีกครั้ง รอสักพัก.....
เรื่องนี้ ถ้าใครก็ตามอดีตเคยบำเพ็ญบารมีมาก่อน จะเกิดอัศจรรย์ต่างๆนานา
เกิดอยากรู้ อยากเห็น เทวดา ภูตผี นาคา นาคี เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว มันจะเห็นของมันเอง
อย่างน่าอัศจรรย์มาก

 

คำชะโนดในภพภูมิของมนุษย์คือ เกาะลอยน้ำที่ต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในสภาวะของความเป็นโลกทิพย์ ช่างแตกต่างกัน
คือ เป็นเมืองๆหนึ่ง ที่ทอแสงสีสีทองเรืองๆ สะพานที่ข้ามจากแผ่นดินจากวัดนั้น ก็เปลี่ยนเป็นสะพานสีขาวใส คล้ายๆสะพานทางเดินของสวรรค์แต่ไม่เรืองแสงเท่านั้นเอง

 

วังนาคินทร์มีลักษณะ มีกำแพงอยู่ตรงกลาง รอบๆนั้น เป็นบ้านลักษณะคล้ายๆศาลาทรงไทย มีผู้คนใส่ชุดอยู่แค่สองสี คือ ถ้าเป็นนาคีจะใส่ ผ้าถุงสีน้ำตาลเข้ม เสื้อทรงกระบอกสีขาวขุ่น มีผ้าคาดอกด้วยผ้าสีเหลืองจางๆ ส่วนนาคานั้น จะนุ่งโจมกระเบน มีสายรัด สร้อยสังวาลย์พาดอก