(ข้าว.1) ปัญหาข้าวราคาตกต่ำในขณะนี้..สามารถแก้ไขได้ด้วยหลักการ "เขื่อนพระราชา"

ปัญหาข้าวราคาตกต่ำในขณะนี้..สามารถแก้ไขได้ด้วยหลักการ "เขื่อนพระราชา"

(ซึ่งข้าพเจ้า VisionPower, ขอมอบและอุทิศวิธีการนี้แด่ในหลวงภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า)

เขื่อนมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่ ในการแก้ปัญหากระแสน้ำที่ประดังเข้ามาอย่างหนักพร้อมๆกัน
ซึ่งสามารถช่วยป้องกันความเสียหายจากบ้านเรือนได้นับพันนับหมื่น ได้นั้น

ในด้านสถานการณ์พืชผลการเกษตร ทะลักเข้ามามากพร้อมๆ กัน เช่น ปัญหาข้าว ในตอนนี้นั้น
ก็สามารถแก้ไขได้อย่างฉะงัด ด้วยหลักการ "เขื่อนพระราชา" เฉกเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมาเรามักเห็นวิธีการแก้ปัญหาในลักษณะของการเยียวยา ซึ่งเป็นการบรรเทาปัญหาเท่านั้น
ไม่ได้แก้ไขในส่วนที่เป็นสาเหตุเลย ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดปัญหานี้ซ้ำขึ้นอีกได้เสมอ
ซึ่งเราก็ประสบปัญหาเช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่สำหรับวิธีการที่ประยุกต์นี้ จะมีความแตกต่างไปจากวิธีเดิมๆ
เพราะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้ได้เลยทันที และยังแก้ไขที่สาเหตุอีกด้วย ซึ่งจะได้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ

ซึ่งวิธีการนี้ผมมั่นใจว่าแก้ไขได้แน่นอน และยังแก้ไขพืชผลการเกษตรอื่นๆ ได้อีกด้วย
(พืชผลที่สามารถเก็บได้เกิน 1 รอบปี)

ดังนั้น ถ้าใครมีเบอร์ติดต่อท่านนายกหรือทีมงานของรัฐที่รับผิดชอบแก้ปัญหาในส่วนนี้
รบกวนด้วยครับ จะขอบพระคุณอย่างสูง

 

เอาเล๊ย เอาเลย โชว์เลยครับลุงแมวเชียร์เต็มที่

 

ที่นี่ร้องได้ทุกเรื่องเพื่อการพัฒนาประเทศ
สำนักนายกรัฐมนตรี 1111

 

หรือ
สำนักนายกรัฐมนตรี 1111

 

*******

 

*************

 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขื่อนครับ ยิ่งปลูกข้าวมาก จากปีละครั้งเดียวมาเป็นปีละ ๒-๓ ครั้ง
ข้าวก็ยิ่งล้นตลาด ราคาข้าวก็ยิ่งตก แล้วมันจะแก้ปัญหาราคาข้าวได้ตรงไหน ??

 

พูดง่ายแต่ทำจริงๆ ยากอะ เอาเวลาปลูกข้าวไปวิจัยเรื่องอื่นมั่งก็ได้
ประเทศไทยไม่ได้มีดีแค่ข้าว

 

ได้ร้องขอเสนอแนะแก้ไขปัญหา ไปตามที่ลุงแมวแนะนำเรียบร้อยแล้วครับ ดังนี้

------------------
ขอเสนอแนวทางแก้ไข ปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่กำลังประสบปัญหาอยู่นี้

ณ เวลานี้มีข่าว ราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งกระทบกับประชาชนจำนวนมาก
เพราะคนไทยทำนาปลูกข้าวสืบทอดอาชีพกันมายาวนานมากแล้ว
และปัญหาเรื่องข้าวนี้เราก็ได้ยินตามข่าว อยู่เสมอๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องจำนำข้าว และ
สร้างปัญหาใหญ่โต อีรุงตุงนัง

ซึ่งจากการรับรู้ที่ผ่านมา เรามักเห็นวิธีการแก้ปัญหาด้วยการเยียวยา ซึ่งเป็นการ
บรรเทาปัญหาของชาวนาเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ไขไปที่สาเหตุของปัญหา จึงทำให้
ปัญหาเล่านี้ยังกลับมาเกิดขึ้นได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซึ่งก่อนที่ผมจะชี้แจงแนวทางในการแก้ไขปัญหา ผมขอวิเคราะห์ทบทวนถึงสาเหตุ
ของปัญหาให้เห็นภาพกันก่อนนะครับ

ถ้าได้ลองพิจารณาดูแล้วเราจะพบว่า การปลูกข้าวส่วนใหญ่เพื่อ 2 อย่าง คือ เพื่อ
บริโภคภายในประเทศ และ เพื่อส่งออกขายนอกประเทศ
สำหรับข้าวที่ใช้บริโภคในประเทศนั้น ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และเราก็ยัง
รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักอยู่
แต่ในส่วนของข้าวที่ส่งออกขายนอกประเทศนั้น ทั้งปริมาณก็ไม่น้อย และมีความ
เสี่ยงมากกว่า เพราะถ้าหากประเทศที่เคยซื้อ กลับไม่ซื้อโดยไปซื้อที่อื่นแทน มันจะมี
ปัญหาว่าข้าวส่วนนี้จะทำอย่างไร?

ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ทำให้ข้าวเกิดการล้นตลาดขึ้นมา ส่งผลให้ราคาข้าวทั้งหมดตกลงมา
หมดนัั้นเอง และเราก็ไม่สามารถกั้นราคาระหว่างข้าวบริโภคในประเทศกับข้าวส่งออก
ด้วย เพราะคงกลัวปัญหาการลักลอบฉวยโอกาสแอบนำเข้าออกอีก ..

เบื้องต้นนั้น หากนึกให้ดี จะพบว่าปัญหานี้ เป็นปัญหาพื้นฐานที่ต้องประสบแน่นอน
ด้วย แต่เรากับไม่มีมาตรการอะไรเลยรองรับอย่างจริงจังเลย ซึ่งหากเป็นบริษัทคงเจ๊ง
ไปหลายรอบนานแล้ว

สำหรับแนวทางแก้ไขที่ผมจะขอนำเสนอนี้ จะเป็นแนวทางประยุกต์จากเขื่อน
ซึ่งจะขอเรียกว่า หลักการ "เขื่อนพระราชา" (หรือเขื่อนในหลวง)
ซึ่งหากพิจารณาหลักการของเขื่อนคือ มีหน้าที่ป้องกันน้ำโถมเข้ามามากพร้อมๆ กัน
อย่างกระทันหัน แล้วจะกักฉะลอไว้แล้วค่อยปล่อยออกมา ซึ่งจะป้องกันบ้านเรือนที่จะ
เสียหายได้นับพันนับหมื่นเลยทีเดียว

ที่นี้การประยุกต์แนวทางนี้เพื่อแก้ ปัญหาข้าวที่ล้นตลาดนี้ จะมีขั้นตอนหลัก 2 ขั้นตอน
คือ
1) จะต้องมีสิ่งที่เปรียบเสมือนเขื่อนไว้เก็บข้าวทั้งหมดที่ล้น เหมือนกระแสน้ำ
ซึ่งก็คือส่วนของข้าวที่ผลิตเพื่อส่งออก
ดังนั้น การทำเช่นนี้ ก็จะทำให้มีการซื้อข้าวเข้ามาเก็บในราคาเดิมปกติได้
ซึ่งจะลดความเสียหายจากการที่ชาวนาลงทุนปลูกในปีนี้ทันที

2) ขั้นตอนที่สองนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต่างออกไป
คือ เมื่อเราได้ข้าวมาเก็บจำนวนมากนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อ ?
(การเก็บในที่นี้ให้มองในเชิงบัญชีเสียก่อน)

เมื่อเรามีข้าวเก็บไว้จำนวนมาก เราก็ Monitor ว่า ปีหน้าเราควรจะปลูกข้าวหรือไม่นั้น
เอง ถ้าเรามีข้าวมากพอ ปีหน้าเราก็แค่บอกชาวหน้าว่าไม่ต้องปลูกข้าว
ให้เปลียนไปปลูกอย่างอื่น

ซึ่งหากพิจารณาให้ดี การบอกได้ว่าให้ชาวนาหยุดปลูกข้าวปีหน้า (ปีต่อปี)
ให้เปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่นแทนนั้น คือ การย้ายปัญหาปัจจุบัน ไปไว้อนาคต
ซึ่งยังไม่เกิดนั้นเอง ตรงนี้คือ จุดแตกต่างสำคัญที่ ผมอยากนำเสนอ
(ซึ่งจะแก้ปัญหาปัจจุบันทันทีคือ ชาวนาไม่ต้องขายข้าวที่มีปัจจุบันขาดทุน)
(และเพราะข้าวสารสามารถเก็บได้ข้ามปี)

ทีนี้ถ้าในเชิงปฏิบัติ เราจะสร้างเขื่อนหลวงเก็บข้าวอย่างไร จริงๆ มันก็จะคล้ายของเดิม
ที่เก็บไว้กับภาคเอกชน เพียงแต่ ข้าวจะต้องถูกลงทะเบียนผ่านรัฐ
และหากมีการปล่อยออก จะต้องปล่อยข้าวตามลำดับ เพราะข้าวที่เก็บจะต้องห้ามเสีย
ดังนั้น ข้าวเก่าจะต้องถูกปล่อยก่อน จึงต้องมีการควบคุมทางบัญชีอย่างเคร่งครัด

และปัจจัยเสี่ยงที่มีก็ยังอาจมีเรื่องการลักลอบนำเข้าข้าวจากนอกประเทศเข้ามาอีกอยู่ดี
ดังนั้น คงต้องมีมาตรการมาเสริมที่เลี่ยงไม่ได้ เช่น ภาษีข้าว หรือ การตั้งมาตรฐาน
คุณภาพข้าวให้สูง เหมือนที่เราโดนจากยุโรปนั้นเอง

สำหรับแนวทางหลักการ "เขื่อนพระราชา" นี้ยังสามารถประยุกต์ใช้แก้ปัญหา
พืชผลการเกษตรอื่นๆ ทีสามารถเก็บได้นานเกินรอบปลูก (เช่น 1 ปี) ได้อีกด้วย

ดังนั้นด้วยประโยชน์ที่ชี้แจงมา จึงขอฝากท่านที่เกี่ยวข้องโปรดรับไว้พิจารณาด้วยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง
นายเสรี
29/10/2559

 

ต่อไป ชาวนา จะต้องมีความสามารถในการปลูกพืชอื่นๆสลับกันได้มากกว่า 2,3 อย่าง ในนาข้าว (สลับกันได้)

 

ข้าวมันก็มีเวลาหมดอายุเหมือนกันนะครับ เก็บไว้นานๆ มากไม่ได้
เหมือนกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะรีบไปขายแบบ g2g กับจีน อะ แต่คนไทยรู้แผนซะก่อนเลยล่ม
g2g ของยิ่งลักษณ์คือขายข้าวถูกๆ ให้บริษัทพวกตัวเองที่เมืองจีนอะ เอาไปขายปลีกก็คงราคาตกอีกละ
ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดก็ขอประทานอภัยด้วย ไม่เข้าใจโกงตรงไหน ขายให้ญาติก็เรียกโกงเหรอ

 

ตอนนี้มีกระแสออนไลน์ ให้ซื้อข้าวผ่าน online ตรงกับชาวนา (ไม่ต้องผ่านโรงสีหรือพ่อค้าคนกลาง)

แต่อย่างที่ได้ชี้แจงไปแล้วว่า .. การแก้สาเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั้น
คือการช่วยกันควบคุม supply ไม่ให้ล้น ให้พอดีกับ demand ทั้งในและนอกประเทศ
(และอย่างที่บอกเนื่องจาก demand ในส่วนของนอกประเทศควบคุมยาก และก้อนใหญ่เสียด้วย)
.. ซึ่งจะต้องมี Center กลางเป็นผู้รวบรวมยอด ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ

และยังจะต้องแก้ปัญหาราคาข้าวในปัจจุบันไม่ให้ตกต่ำได้ด้วย โดยการซื้อทำ stock ในอนาคต

 

ใช้หลักการ "เขื่อนพระราชา" นี้ .. ไม่ได้หมายถึงเขื่อนจริงๆ หรอกนะ
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีคนอ่านไม่เข้าใจนะ

"เขื่อนพระราชา" ในทีนี้ คือ เขื่อนสำหรับกักเก็บกระแสเมล็ดข้าว ที่กำลังไหลถาโถมออกมานั้นเอง

 

จะขออธิบายใหม่ในอีกมุมหนึ่ง เผื่อบางคนยังไม่เข้าใจนะครับ

ง่ายๆ คือ ให้ซื้อข้าวรอบนี้เผื่อสำหรับปีหน้า (เพราะข้าวสารเก็บข้ามปีได้) ด้วยราคาปกติไม่ต้องลดเลย
แล้วบอกชาวนาว่า ปีหน้าไม่ต้องปลูกข้าวให้ปลูกอย่างอื่น

นี้คือหลักการภาพใหญ่ครับ

แต่ในเชิงปฏิบัติจะต้องบอกชาวนาได้ว่า ไม่ต้องปลูกกี่ไร่นะครับ
ไม่ใช่เหมาว่า ชาวนาทั้งประเทศไม่ต้องปลูกข้าว

ดังนั้นอย่างที่บอก คือ จะต้องมีผู้เป็น Center กลางในการ Monitor ค่านี้

 

สรุปคือ .. ให้ซื้อข้าวจากชาวนาเผื่อไว้สำหรับปีหน้าไปเลย ด้วยราคาเดิมปกติ ไม่ต้องลด
แล้วบอกชาวหน้าว่าปีหน้าให้ลดปลูกข้าวเปลี่ยนไปปลูกอย่างอื่นแทนก่อน
เพราะซื้อข้าวรอบนี้ตุนไปสำหรับปีหน้าแล้ว

-> ข้อดีคือ แก้ปัญหาข้าวเปลือกราคา กก 6 บาท นี้ ได้ทันที ..
ไม่ต้องไปเสียหายเรื่องค่าพยุงราคาเอย, จ่ายเงินเยียวยาเอย กี่หมื่นๆ ล้านนั้นนะ ...
" แก้กันด้วยหลักการบริหารอนาคต" นี้ล่ะ

.

 

(ชาวนาโดยปกติมีความเสี่ยงในการปลูกข้าวกว่าจะได้ข้าว ก็เสี่ยงทั้งภัยธรรมชาติ ภัยโรค แมลงต่างๆ
มาทีนี้คนซื้อไปเก็บข้ามปี ก็ขอให้เก็บรักษากันด้วยดี อย่าให้เน่าคาโกงดังแล้วกัน)