เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    น้อมกราบหลวงพ่อฯครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.png
      image.png
      ขนาดไฟล์:
      23.3 KB
      เปิดดู:
      87
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2016
  2. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    สวัสดีพี่วรรณ พี่นอร์ พี่ปู และพี่ๆลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่านครับ วันนี้เป็นวันเสาร์ต้นเดือน เป็นวันดี ปมได้มีโอกาสมาทำบุญถวายสังฆทานและร่วมบุญหยอดตู้ชำระหนี้สงฆ์ , สังฆทาน-ชำระหนี้สงฆ์ , สา้างพระประธานหน้าตัก ๗ ศอก วิหารหลวงพ่อ ๕ พระองค์ และร่วมบุญวิหารทานที่บ้านสายลมครับ เอาบุญมาฝากครับทุกๆท่าน



    [​IMG]
     
  3. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่าน​




    [​IMG]
     
  4. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956
    อนุโมทนา...สาธุ...ครับ คุณอุทยัพ:cool::cool::cool:
     
  5. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475

    สาธุ สาธุ สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.9 KB
      เปิดดู:
      114
  6. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475

    ไหนๆคุยกันเรื่องรำมะนาดขอแนะนำกับเขาบ้างลองใช้ Sensodyne : Repair & Protect ครับ ราคาสูงหน่อยแต่ดีจริงเรื่องเสียวฟันปวดเหงือกเอาอยู่หมัดครับ
     
  7. 6thSense

    6thSense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +4,475

    รออ่านเรื่องต่อไปครับ:cool:
     
  8. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701

    [​IMG]

    สาธุโมทนาบุญกับน้องอุทยัพด้วยครับ
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/000c054XRR3.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/000c054XRR3.jpg" border="0" alt=" photo 000c054XRR3.jpg"/></a>

    [​IMG]
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    <a href="http://s1259.photobucket.com/user/Onenachai005/media/Views/1005364_535252773195987_315615141_n_zpsapndlrrk.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1259.photobucket.com/albums/ii546/Onenachai005/Views/1005364_535252773195987_315615141_n_zpsapndlrrk.jpg" border="0" alt=" photo 1005364_535252773195987_315615141_n_zpsapndlrrk.jpg"/></a>

    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    [​IMG]

    <dd>
    ประวัติการสร้างพระวิหารน้ำน้อย

    เรียบเรียงโดย..พระชัยวัฒน์ อชิโต (ลิขสิทธิ์เป็นของวัดท่าซุง)


    </dd><dd>เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๔๓ ท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ พร้อมด้วยคณะศิษย์ “หลวงพ่อพระราชพรหมยาน” ได้เดินทางไปทำพิธีบวงสรวง ณ วิหารพระพุทธมหามงคลบพิตร ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามที่เคยเดินทางไปเป็นประจำ ทุกปี เพื่ออนุเคราะห์บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททางภาคใต้

    </dd><dd>หลังจากเสร็จงานแล้วก็เดินทางกลับ ทุกคนมารออยู่ในห้องรับรองภายในสนามบินหาดใหญ่ ระหว่างนั้นคณะชาวหาดใหญ่และสงขลา ที่มาส่งได้ปรารภว่า ในปีหน้า (๒๕๔๔) อยากจะพิมพ์หนังสือประวัติ “พระวิหารน้ำน้อย” เพื่อเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน จึงได้เริ่มทำบุญกันเดื๋ยวนั้นทันที ๑๐,๐๐๐ บาท

    </dd><dd>ต่อมาท่านเจ้าอาวาสก็ปรารภซ้ำอีกว่า อยากจะให้พิมพ์หนังสือเล่มนี้ ซึ่งความจริงผู้เขียนก็ไม่ค่อยจะถนัดนัก แต่เพื่อเป็นการรักษาประวัติความเป็นมาไม่ให้สูญหายไป จึงได้เริ่มรวบรวมเรื่องราวที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เล่าไว้ และที่ ม.ล.วรวัฒน นวรัตน บันทึกไว้บ้าง เป็นต้น ตามที่ได้ค้นคว้า จากหนังสือต่างๆ ปรากฏว่า หลวงพ่อเดินทางไปปักษ์ใต้หลายครั้ง หลายวาระด้วยกัน นับตั้งแต่ชุมพร สุราษฏร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง นครศรีธรรมราช และพัทลุง เป็นต้น

    </dd>
    <dd>แต่เหตุการณ์สำคัญที่จะนำมาเล่าครั้งนี้ คงจะต้องย้อน กลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่จะต้องจารึกไว้เป็นประวัติว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ พร้อมด้วยคณะศิษย์ ได้เดินทาง โดยเครื่องบินมาลงที่ภูเก็ต โดยมี ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ ในสมัยนั้น เป็นผู้รับรอง พร้อมทั้งจัดรถออกเดินทางไปในที่หลายแห่ง จนกระทั่งมาถึงหาดใหญ่เมื่อ วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๗ แล้วได้ค้างคืนที่บ้านพักรับรองที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจัดไว้



    พบกับท่านพระพรหม

    </dd><dd>คืนนั้น ในขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนอนของท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เล่าว่า...

    </dd><dd>“...ขณะที่ใจ สบาย ทำท่าว่าจะหลับ ก็ปรากฏว่าพบชาย คนหนึ่งมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง เลยเท้าลงไป เป็นผู้ชาย ยกมือขึ้น แตะปาก ท่าทางดี เหมือนกับคนธรรมดา จึงได้ถามว่าเป็นใคร แกชี้มือขึ้นไปข้างบน แล้วก็บอกว่ามาจากพรหมขอรับ

    </dd><dd>ถาม ว่า ถ้ามาจากพรหมแล้วแต่งตัวแบบนี้เพื่อประโยชน์อะไร ทำไมไม่แสดงกายเป็นพรหม แล้วก็เมื่อตอนกลางวันก่อนที่จะเข้ามานะ ไปรับที่นอกเมือง เห็นพระพุทธรูปอยู่บนศีรษะนั่นเป็นท่านหรือ..?

    </dd><dd>ความจริงเข้าใจว่าเป็นเทวดา เพราะแต่งตัวแบบเทวดา มีเครื่องประดับแพรวพราว และมีสีสันวรรณะไม่ใช่ลักษณะ ของพรหม ท่านก็เลยบอกว่า คนที่ไปรับน่ะ เป็นเทวดาขอรับ แต่ผมนี่เป็นพรหม เป็นคนละคนกับบุคคลนั้น จึงได้ถามท่านว่า มาทำไม แล้วพระที่แสดงลอยอยู่เหนือศีรษะเทวดานั้นหมาย ความว่ายังไง... ไม่ทราบความหมาย..?

    </dd><dd>ท่านก็บอกว่า ที่ แสดงให้ปรากฏก็เพราะว่า ในเขตของ จังหวัดสงขลามีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ทำด้วยทองคำทั้งองค์ ไม่มีส่วนผสมอย่างอื่น คือไม่ใช่แกนทองแดงแล้วเอาทองคำหุ้ม หน้าตักกว้างประมาณ ๒ เมตร หรือ ๓ เมตร จำไม่ถนัด เพราะ เวลาพูดนี่ไม่ได้บันทึกไว้ ก็เลยถามท่านว่าไปแสดงให้ปรากฏ ทำไม...แสดงว่าบ้านเมืองนี้เจริญหรือประการใด..?

    </dd><dd>ท่านบอกไม่ใช่ขอรับ ผมเห็นว่าคณะของท่านที่มานี่ เป็นคณะที่มีศรัทธามาก เวลานี้พระพุทธปฏิมากรแทนองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มีทองมีน้ำหนักบอกไม่ถูก (ท่านบอก เหมือนกัน ทั้งองค์ ทั้งฐานน้ำหนักเท่าไร แต่ก็ไม่บอก) บอกว่า เวลานั้น ที่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลัง ปรากฏว่าเขาเอาพระองค์ นี้มาฝัง เกรงว่าพม่าพวกมีใจอธรรมจะนำทองคำเป็นประโยชน์ ส่วนตน อย่างที่อยุธยามันยังหลอมเอาทองคำไปกินเสีย มีน้ำ หนักตั้งหลายพันชั่ง

    </dd><dd>แต่ว่าพระองค์ นี้มีน้ำหนักยิ่งกว่าพระองค์นั้น สำหรับทองคำ เพราะว่าพระองค์นั้นภายในเป็นทองสัมฤทธิ์ ข้างนอกเป็นทองคำ แต่ว่าองค์นี้เป็นทองคำล้วน เวลานี้ยังอยู่ตรงนั้น ฝังอยู่ตรงไหน บอกไม่ได้ บอกอันตรายจะเกิดแก่ทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา แล้วก็เลยถามว่า ไปแสดงให้ปรากฏเพื่อประโยชน์อะไร

    </dd><dd>ท่านก็บอกว่า ตั้งใจจะให้คณะที่มาด้วยกันช่วยกันสร้างเจดีย์ทับพระพุทธรูปองค์นั้น เพราะฝังไว้ในดินลึกประมาณ ๕ วา เวลานั้น ใช้คนประมาณ ๓๐๐ คนเศษ นำพระมาแล้วก็บรรจุพระไว้ สร้างเครื่องล้อมป้องกันไว้อย่างดี แล้วทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับกษัตริย์ ก็มีอยู่มาก

    </dd><dd>ท่านถามว่าจะทำได้ไหม ก็เลยถามว่าเจดีย์ใหญ่ไหม ท่านบอกว่าไม่ต้องใหญ่ สูงประมาณ ๓ วาก็ได้ แต่ให้ฐานครอบ พระเข้าไว้ คนจะได้ไม่ข้ามไปข้ามมา ก็เลยบอกว่าเวลานี้สร้างวัด ยังเป็นหนี้เขามาก ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว ให้ช่วยกันมาสร้างที่ตรงนั้นก็แล้วกัน ไม่รีบไม่ร้อน ที่จะให้มา เที่ยวคราวนี้ ที่ยอมรับเขาก็เพราะว่า องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เจ้าเข้าดลใจ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายของท่านไม่ดีท่านก็ยอมรับ

    </dd><dd>ความจริงแล้วไม่ได้ตั้งใจจะไป เห็นว่าประโยชน์มันน้อย ในการท่องเที่ยว นอนดีกว่า แต่เมื่อเขาถามเข้าจริงๆ ก็ไม่ทราบว่า เป็นเพราะอะไร ตัดสินใจยอมรับเอาเฉยๆ มาดูหมายกำหนด การแล้วก็หายใจไม่ออก วันทั้งวันไม่มีเวลาหยุด คิดว่าคงจะไป พับจุดใดจุดหนึ่ง บังเอิญมันก็ไม่พับ เป็นมหัศจรรย์ เรื่องนี้แปลก มาก เดินทางทั้งวัน กลางคืนก็นอนน้อยที่สุด อย่างดีก็หลับไม่เกิน ๒ ชั่วโมง เช้าก็เดินทางต่อไป แต่ก็ไปได้ทุกจุด

    </dd><dd>นี่เห็นจะเป็นอำนาจพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ พรหมานุภาพ เทวดานุภาพ และครูบาอาจารย์ ตลอดจนพ่อแม่ เก่าๆ ที่สร้างผืนแผ่นดินไทย ช่วยผยุงกายของอาตมาไปได้กระมัง คิดอย่างนี้..ก็เป็นอันรับปากกับท่านพรหมว่า สิ่งเหล่านี้คงไม่หนัก

    </dd><dd>แต่ทว่าจะขอปรึกษาหารือกับบรรดาท่านพุทธ บริษัท มีท่าน พลอาศตรี ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์ ก่อน ถ้าพร้อมใจกันเมื่อไร แล้วก็วัดท่าซุงเสร็จเมื่อไรก็จะมาทำให้ เพราะของไม่โตนัก แต่ว่าหนักใจเรื่องที่ดินเจ้าของอาจจะเอาแพง เพราะเขาอยู่ในย่านของความเจริญมาก ท่านยกมือไหว้ด้วยความดีใจแล้วก็กลับไป...”


    เริ่มก่อสร้างพระวิหาร

    </dd><dd>เป็นอันว่า ขอนำเรื่องที่พระเดชพระคุณท่านเล่าไว้เพียง แค่นี้ ในเวลาต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปพิสูจน์ตามที่พระพรหม บอกไว้ ในขณะที่เดินทางมาถึงสามแยกควนเนียง พร้อมทั้งได้ เปลี่ยนจากการสร้างเจดีย์เป็นวิหารแทน ในตอนนี้ ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ได้เล่ารายละเอียดไว้ว่า...
    </dd><dd>“...เมื่อ หลวงพ่อรับปากพรหมองค์นี้แล้ว พรหมก็บอก จุดที่อยู่ให้ หลวงพ่อพาพวกเราไปดู ก็พบว่าจุดที่ตั้งตรงกับที่ บอกไว้ทุกประการ แม้แต่เลขที่หลักกิโลเมตร คณะหลวงพ่อ จึงมั่นใจมาก เกิดความศรัทธา ตกลงกันว่าจะสร้างวิหารเล็กๆ คลุมพื้นดินตรงจุดนั้น

    </dd><dd>พวกเราจึงลงจากรถเข้าไปติดต่อเจ้าของที่ดินชื่อ นางกิ้มไล่ ชูโตชนะ เพื่อ จะขอซื้อที่ดินบริเวณนี้ ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินไม่ยอมขาย แต่ยินดีที่จะให้หลวงพ่อก่อสร้างพระวิหารได้ตามต้องการ และจะขอนำที่ดินดังกล่าวทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง เมื่อตกลงเรื่องที่ดินเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อจึงแบ่งงานดังนี้

    </dd><dd>(๑) พลอากาศโท ม.ร.ว. เสริม และ คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ เป็นหัวหน้ากลุ่มคณะศิษย์จากส่วนกลาง รับบริจาค จากผู้มีศรัทธาได้เงินจำนวนประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท

    </dd><dd>(๒) นายมนตรี ตระหง่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในสมัยนั้นพร้อมด้วย นายเจริญจิตร ณ สงขลา ปลัดจังหวัด สงขลา เป็นหัวหน้ากลุ่มชาวสงขลา รวบรวมเงินได้ประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ บาท

    </dd><dd>(๓) ร้อยตรี ม.ล.วรวัฒน นวรัตน ผู้อำนวยการการ ไฟฟ้าฝ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ เป็นผู้ประสานงานทั่วไป โดยมี นายช่างจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จังหวัดกระบี่ คือ นายณรงค์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นผู้ออกแบบ และ นายปลั่ง ขาวบาง เป็นผู้ ควบคุมคนงานก่อสร้าง

    </dd><dd>การก่อสร้างครั้งนี้ ใช้เงินเฉพาะการซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ส่วน แรงงานและการขนส่ง ได้อาศัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เขต ๓ การก่อสร้างวิหารจึงใช้เงินน้อยกว่าปกติ รวมแล้วเพียง ๒๔๐,๐๐๐ บาท คือเงินจากส่วนกลาง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเงินจากจังหวัด สงขลาเพียง ๔๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือทางคณะศิษย์ หลวงพ่อมิได้ติดตามผล และมิได้เกี่ยวข้องด้วยประการใด

    </dd><dd>และหลวงพ่อได้สั่งไว้ว่า ก่อนจะเริ่มงานก่อสร้าง หลวงพ่อจะไปบวงสรวงพรหมผู้คุ้มครององค์พระพุทธรูปทองคำใต้ดิน วันที่มีพิธีบวงสรวง หลวงพ่อฯ พร้อมกับ หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง หลวงปู่ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง หลวงปู่ชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ได้เดินทางไปร่วมพิธีด้วย

    </dd><dd>หลวงพ่อฯ ได้ให้หลวงปู่ทั้งสามตรวจดูพระพุทธรูป ข้าพเจ้าแปลกใจที่เห็น หลวงปู่ธรรมชัย องค์เดียวลงนั่งยอง ๆ ดู แต่หลวงพ่อและหลวงปู่องค์อื่นๆ ยืนดูสักครู่ เมื่อการตรวจดู เสร็จสิ้นลง หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เมื่อสักครู่ หลวงปู่ธรรมชัย ถูกนังเลงดีเล่นตลก คือ "พรหม" ท่านเอามือมาแกล้งปิด หลวงปู่ธรรมชัยยืนดูไม่เห็น ท่านจึงต้องนั่งลงดูจึงเห็น

    </dd><dd>หลวงพ่อเล่าประวัติให้พวกเราฟังว่า พระ พุทธรูปทองคำ องค์นี้ "ปางมารวิชัย" ทำด้วยทองคำเนื้อเก้า คือบริสุทธิ์เกือบ ๑๐๐ % มีขนาดเล็กกว่าพระพุทธรูปทองคำที่ วัดไตรมิตร กรุงเทพฯ ประมาณ ๑ ศอก สมัยก่อนได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ พระอุระ คือที่หน้าอกขององค์พระ และสามารถถอดออกมา แล้วประกอบกันได้ถึง ๙ ชิ้น สร้างในสมัยกรุงสุโขทัย มีรวม ๓ องค์ เป็นชุดเดียวกัน องค์ที่ ๓ ปัจจุบันจมอยู่ในแม่น้ำโขง (เรียกกันว่า “พระเจ้าล้านตื้อ”)

    </dd><dd>ในตอนนี้ ผู้เขียนจะขอเพิ่มเติมเรื่องราวตามที่ คุณสุนิสา วงศ์ราม ได้ค้นคว้ามาจากนักประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นการยืนยันคำกล่าวของท่านพอจะสรุปได้ว่า พระพุทธรูปทองคำ “วัดไตรมิตร” องค์นี้ สร้างในสมัยสุโขทัยยุคกลาง ประมาณรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๐ - ๑๘๖๐) ขนาดหน้าตักกว้าง ๓ เมตรเศษ องค์พระถอดออกได้เป็น ๙ ชิ้น

    </dd><dd>เพิ่งจะรู้ว่าเป็นพระทองคำแท้เมื่อ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ (ในขณะที่อัญเชิญองค์พระขึ้นบนวิหาร แรงกระแทกทำ ให้ปูนที่พอกเอาไว้กระเทาะออก) สำหรับปูนที่พอกองค์พระไว้ แน่นหนาถาวร เป็นลักษณะอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่า เพื่อป้องกันพม่าทำลายยึดเอาทองคำไปเป็นสมบัติ และถูกปูน ห่อหุ้มซ่อนไว้ไม่มีใครทราบนานถึง ๑๘๘ ปี

    </dd><dd>ขอวกกลับมาถึงเรื่องของเราต่อไปว่า เมื่อการก่อสร้างดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง พลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ ได้ถวายพระ พุทธรูปทองสัมฤทธิ์ (แบบพระพุทธชินราช) ให้เป็นพระประธานในพระวิหารนี้ หลวงพ่อถวายชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธมหามงคลบพิตร” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพระทองคำ ที่ฝังอยู่ใต้ดิน

    </dd><dd>ในครั้งนี้คณะหลวงพ่อได้เดินทางไปพร้อมกับ หลวงปู่สิม และ หลวงปู่ธรรมชัย เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธ รูปขึ้นประดิษฐานบนพระวิหาร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๑๙

    </dd><dd>ในวันที่อัญเชิญพระประธานขึ้นไปบนแท่นในวิหารนั้น หลัง จากหลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ท่านได้เล่าว่า เมื่อสักครู่นี้ พรหมท่านขยับเลื่อนองค์พระใต้ดิน ให้เข้ามาอยู่ ใต้พระประธาน ซึ่งอยู่ในวิหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เพราะจุดที่ฝังพระไว้ใต้ดิน ไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปได้ อาจทำให้เกิด อันตรายต่อพระพุทธรูปใต้ดิน หรือห้องใต้ดินที่คนสมัยก่อน สร้างเอาไว้ได้

    </dd><dd>พระพุทธรูปองค์นี้ สร้างสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีการทำพิธีตรึงแผ่นดินไทยไว้ ทิศเหนือที่เชียงแสน ทิศใต้ที่ สงขลา เลยเขตนี้ออกไปไม่แน่นอน ยามใดไทยถอยอำนาจลง ก็แยกตัวออกไปเป็นประเทศอื่น แต่ว่าสมัยต่อไปภายหน้าพวก ดังกล่าวนี้ คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู เป็นต้น

    </dd><dd>และดินแดนเหนือเชียงรายขึ้นไป จะกลับมารวมกับไทยอีก ทั้งนี้ เพราะเขาเห็นว่าไทยรวย จะมาช่วยกันใช้เงินของไทย ฉะนั้น ต่อไปถึงสมัยที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดีมีศีลธรรมแล้ว พระพุทธรูปทองคำองค์นี้ จะขึ้นมาอยู่บนพื้นดินให้คนสักการบูชา

    </dd><dd>เมื่องานก่อสร้างพระวิหารเสร็จลง พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เพื่อทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุใน พระเกศมาลาของพระพุทธรูป เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๑๙

    </dd><dd>พระสงฆ์ที่ร่วมพิธีในวันนั้น นอกจากหลวงพ่อแล้ว ยังมีพระสุปฏิปันโน อีก ๗ รูป คือ หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร, หลวงปู่บุดดา ถาวโร, หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก, หลวงปู่ชัยวงศ์, หลวงปู่กล่อม วัดบุปผาราม, หลวงปู่มหาอำพัน และ หลวงปู่ธรรมชัย ธัมมชโย อีกด้วย



    พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาพร้อมตลับ



    </dd><dd>ส่วนเรื่อง “พระบรมสารีริกธาตุ” ที่บรรจุนั้น คุณโยม จันทร์นวล นาคนิยม ได้เล่าไว้ว่า...

    </dd><dd>“หลวงพ่อท่าน ก็คิดๆ ว่า จะเอาพระบรมสารีริกธาตุ จากไหน วันหนึ่งก็เดินไปเดินมาอยู่ในกุฏิ ก็มองไปเห็นห่อผ้า ผูกริบบิ้นสีเหลือง อยู่บนชั้นที่วางเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ หลวงพ่อท่านก็ไปหยิบเอามาดู แล้วออกมาถามว่าเป็นของใคร เมื่อทุกคนไม่ทราบ ท่านก็เอาเข้าไปในกุฏิ แก้ห่อผ้าออกดูก็ พบตลับเงินเป็นรูปเหลี่ยมๆ ราวห้าหรือหกเหลี่ยม เป็นตลับ เงินฉลุลวดลายสวยงาม

    </dd><dd>เมื่อเปิดฝาตลับดูในนั้น จะมีของรูปกลมๆ คล้ายนาฬิกา ใส่กระเป๋าแบบคนโบราณใช้ มีหูหรือห่วง ใส่กับสร้อยก็ได้ สองข้างของรูปวงกลมนั้น จะเป็นหินใสๆ มองเห็นข้างในนั้น จะมีพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐ กว่าองค์ สวยงามมาก เมื่อหลวงพ่อ เปิดดูก็พบพระบรมสารีริกธาตุหลายสี มีสีทับทิม ๔-๕ องค์ สี งาช้าง สีอิฐ และสีขาว สวยจริงๆ องค์ที่ใหญ่ที่สุดเกือบเท่าเม็ดถั่วเขียว ทั้งหมดหลวงพ่อถวาย “ในหลวง” บรรจุไว้ในพระเศียร”



    [​IMG]

    พระพุทธานุภาพ



    </dd><dd>สำหรับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ก็ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ว่า...

    </dd><dd>“...วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๑๙ ก่อนหน้านั้นอาตมาไป จังหวัดสงขลา แล้วก็ไปพบเหตุสำคัญ ว่าสถานที่ตรงนั้นควรจะ สร้างพระพุทธรูปสักองค์หนึ่ง ก็จัดแจงสถานที่ คิดว่าจะซื้อก็ไม่ไหว ก็พอดี ร.ต.ต.ชัยณรงค์ ชูโตชนะ (เป็นบุตรชายบุญธรรมของ นางกิ้มไล่) เป็นเจ้าของที่ จะไปขอซื้อท่าน ไม่ทันจะซื้อ ท่านทราบข่าว ท่านก็เลยมาถวาย บอกว่าหลวงพ่อขอรับ หลวงพ่อจะสร้าง ที่..วัดเอาตามชอบใจเลยขอรับ

    </dd><dd>แน่ะ.! ท่านให้..แหม..ศรัทธาของท่านดี ที่ติดทางรถไฟ และติดถนนรถยนต์ ถ้าจะเอากันจริงๆ ราคามันก็แพงลิ่ว ก็คิด ว่าที่ประมาณสัก ๑ งาน แสนบาท นี่เขาจะเอาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอตกลง ท่านถวายก็ไปทำการขอพื้นที่ตามธรรมเนียมของพระ เพราะเกรงว่าจะมีอนุษย์เป็นผู้เฝ้าที่

    </dd><dd>เมื่อขอพื้นที่เสร็จ คนสำคัญคนหนึ่ง คือ พ.อ.เฉลียว เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายทหาร มานั่งบูชาเจ้าของที่ จุดธูปเทียนว่า ที่นี้ถ้ามีพระพุทธรูปทองคำจริง ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ถูกหวยลอตเตอรี่ แล้วท่านก็ไปถูกลอตเตอรี่

    </dd><dd>ต่อมาท่านก็เกิดสงสัย เอ้า..บูชาใหม่ ว่าขอให้ถูกล็อดเตอรี่ ท่านก็ถูกใหม่ เรื่องถูกล็อตเตอรี่นี่ จะเป็นอำนาจของพระพุทธานุภาพ คือพระทองคำหรือไม่นี่อาตมาไม่ทราบ แต่ท่านพันเอก เฉลียวท่านว่าอย่างนั้น และท่านก็ถูกจริงๆ ก็เป็นเรื่องของท่าน อาตมาไม่โฆษณาถึงขนาดนั้น

    </dd><dd>ต่อมาทำการก่อสร้าง ระหว่างการก่อสร้างก็ปรากฏว่า นายช่างกับลูกจ้างกับลูกมือช่าง เห็นเหตุอัศจรรย์ คือเห็นภาพ พระ..เป็นพระสงฆ์ มายืนใหญ่ตระหง่านให้เห็นอยู่เสมอ เรื่องนี้ จะมีอะไร จริงหรือไม่จริง ท่านพิสูจน์เอาเอง อาตมาก็ฟังข่าวมา เดี๋ยวจะหาว่าเป็น “เจ้ากรมข่าวลือ” ไปเสียอีก เขาลือกันมาอย่างนั้น ก็ฝากฝังบรรดาท่านพุทธบริษัทให้พิสูจน์ในความจริง

    </dd><dd>เมื่อวันเวลาใกล้จะมาถึงงานเสร็จ สำหรับการก่อสร้าง ก็ได้อาศัยบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ในกรุงเทพฯ บ้าง นอกกรุงเทพฯ บ้าง สงขลาบ้าง ที่อื่นบ้าง ช่วยกันสร้างวิหาร ร.ต.ต. ชัยณรงค์ เป็นเจ้าของที่มอบถวายเป็นกรณีพิเศษ สำหรับพระประธาน ท่านพลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ กับคุณหญิงเป็น คนถวาย ส่วน “เรือนแก้ว” คณะศิษยานุศิษย์ทำครอบให้

    </dd><dd>เป็นอันว่างานสร้างเสร็จ จึงได้ให้ท่าน พลเรือเอกจิตต์ สังขดุลย์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กับ พลอากาศโท ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหาร คุณหญิงสุวรรณาภา สังขดุลย์ และ คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ กราบถวายบังคมทูลเชิญ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ให้เสด็จ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๙

    </dd><dd>ต่อมา ท่านอาจารย์ภาวาส รองราชเลขาฯ ได้นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแจ้งอาตมาทราบว่า เรื่องนี้พระองค์ทรงทราบแล้ว แต่วันที่ ๒๖ พระองค์จะเสด็จไป พระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยสงขลาฯ ถ้าจะเสด็จวันที่ ๑๒ ก็จะกลายเป็นเสด็จ ๒ ครั้ง แล้วท่านอาจารย์ภาวาสได้ บอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า

    </dd><dd>ท่านเองท่านก็มีความเคารพนับถือหลวงพ่อมาก ถ้าหลวงพ่อจะให้เสด็จไปวันนั้น ท่านก็จะไป แต่ว่ามันเป็นการไป ๒ ครั้ง การทูลเชิญเสด็จคราวนี้ เป็นการทูลเชิญเสด็จบรรจุพระ บรมสารีริกธาตุ อาตมาฟังแล้วก็ตกใจ เมื่อทราบน้ำพระทัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ว่าพระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา

    </dd><dd>การทูลเชิญเสด็จครั้งนี้ มิได้หมายความว่า ต้องจำกัดเวลา แต่เห็นว่าวันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จ พระบรมราชินีนาถ จึงตั้งใจจะถวายพระราชกุศล แต่ในเมื่อทราบว่า

    </dd><dd>พระองค์มีพระราชภารกิจจะต้องเสด็จไปพระราช ทานปริญญาบัตร วันที่ ๒๖ สิงหาคม ก็ตกใจว่า เอ๊ะ..ถ้าเราทำอย่างนั้นก็เป็นการไม่ สมควร จึงได้บอกท่านอาจารย์ภาวาส รองราชเลขาฯ ให้กราบทูล พระองค์ว่า

    </dd><dd>อาตมาขอขอบพระทัยพระองค์มาก ที่ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณ ถ้าทราบว่าจะเสด็จวันนั้น ก็คงไม่ทูลเชิญเสด็จวันที่ ๑๒ ในเมื่อจะมีกำหนดพระราชทานปริญญาบัตรก็เป็นการดี ขอพระราชทานวันนั้นแหละ เป็นรายการต่อท้ายเลย ก็เป็นอัน ว่าเป็นที่ตกลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงรับ

    </dd><dd>เมื่อวันเวลาใกล้จะมาถึง ก่อนหน้าวันที่จะเสด็จ อาตมาก็ เดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพงพร้อมคณะ ไปตอนเย็น..เช้าสว่าง ถึงสถานีทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รถจอด ๑๕ นาที คณะที่ไป ด้วยก็ลงไปซื้ออาหาร ก็นำหนังสือพิมพ์ติดขึ้นมา ปรากฏว่าหนังสือ พิมพ์ไทยรัฐพาดข่าวตัวโตในทำนองว่า ฤาษีลิงดำใช้อิทธิพลบีบ บังคับเจ้าคณะจังหวัด ให้ถอดถอนเจ้าอาวาส...ฯลฯ

    </dd><dd>(เรื่องนี้ผู้เขียนของดไว้ เพราะผู้อ่านทราบความจริงกันดี อยู่แล้ว แต่จะขอเล่าแทรกไว้สักนิดว่า วันที่ท่านออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ตรงกับวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๑๙ แล้วไปพักค้างคืน ที่บ้านพักรับรองของท่านอธิการบดีสมัยนั้น ภายในมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ กลางคืนวันที่ ๒๕ ก็มีการถวายสังฆทานกัน

    </dd><dd>พอถึงรุ่งเช้าวันที่ ๒๖ หลวงพ่อพร้อมด้วยหลวงปู่ทั้งหลาย ก็ได้ออกมายืนรอกันอยู่ที่หน้าบ้านพัก พอดี คุณเหม่ มีกล้องถ่าย รูป จึงขอให้หลวงพ่อและหลวงปู่ รวม ๘ องค์ (ความจริงงานนี้มี หลวงปู่กล่อม เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม ฝั่งธนบุรี ไปร่วมงานด้วย แต่ท่านแยกไปพักต่างหาก) ยืนถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก

    </dd><dd>เพราะเจ้าของบ้านบอกว่า ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นเถาอยู่หน้า บ้านนี้ ปกติไม่เคยออกดอกเลย แต่ครั้งนี้ได้ออกดอกเป็นสีส้ม บานสะพรั่งงามดีเหลือเกิน รูปภาพนี้ได้นำเผยแพร่ไว้บูชากันมา นานแล้ว ปัจจุบันนี้ท่านก็ได้มรณภาพไปหมดแล้ว โดยมี หลวงปู่ชัยวงศ์ เป็นองค์สุดท้าย)

    </dd><dd>กลับไปพูดถึงเรื่องสงขลา ตามหมายกำหนดการ พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงประมาณ ๑๗ นาฬิกา ทรงเจิมเทียนชัยของสถานีตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ ที่กองกำกับการเขต ๙ คือหลังจากทรงศีลแล้วก็ทรงเจิม หลัง จากนั้น อาตมาก็นำเสด็จสู่พระวิหาร ทรงบรรจุพระบรมสารีริก ธาตุ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา กลับลงมาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวถวายเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ถวายพระพร ถวาย อดิเรก แล้วก็เสร็จพิธี

    </dd><dd>ต่อไปตามกำหนดการ เป็นการเยี่ยมเยียนประชาชน แต่ที่ไหนได้ เมื่อทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระองค์ก็ ทรงพระเมตตามาตรัสถามเรื่องธรรมะ ความจริงที่ท่านถาม ไม่ได้ ถามเรื่องบ้านเมืองกิจการงาน เป็นเรื่องธรรมะ การปฏิบัติ วิปัสสนาภาวนา พระราชดำรัสที่ตรัสถาม อาตมาเกือบจะจน แต้มหลายหน

    </dd><dd>นี่พูดกันอย่างจริงๆ ของจริงเป็นของจริง เพราะว่าพระ ปรีชาสามารถที่ตรัสออกมา ทำให้อาตมาคิดว่า นี่พระองค์ทรง ปฏิบัติได้ดีจริงๆ ไม่ใช่ลอกตำรากัน ในช่วงเวลานั้น สมเด็จ พระบรมราชินีนาถกับสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์ ก็เสด็จ เข้าเยี่ยมราษฎร แบ่งงานกันทำ

    </dd><dd>เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสร็จ ภารกิจจาก การสั่งสนทนากับอาตมาแล้ว ก็เสด็จไปร่วมเยี่ยมเยียนราษฎร คลุกคลีกับราษฎรอย่างกันเอง ประทับนั่งคุย ราษฎรหลาย คนน้ำตาไหลพราก โดยส่วนใหญ่ปลื้มปีติมาก ในเวลานั้น เลยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไปว่า ราษฏรที่เขามีเงินน้อย น่าจะให้เขา เอาสตางค์ใส่พาน ถ้าเขาอยากถวายพระองค์ เท่าไรก็ได้ ดีกว่าซื้อพวงมาลัย แต่เขาไม่ทำกัน

    </dd><dd>ความจริงในที่ทุกสถาน ถ้าเจ้าหน้าที่ประกาศว่า ราษฏร คนใดจะถวายพวงมาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัง สมเด็จ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอละก้อ คิดเป็นเงินไปเถอะ แต่ไม่บังคับ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ไม่ต้องใช้พานก็ได้ ใช้มือส่งถวายท่านก็รับ อย่างนี้..จะมีประโยชน์ มาก ทีนี้กลับมาถึงเรื่องที่พระองค์ตรัสถามอยู่ตอนหนึ่งว่า

    </dd><dd>“ที่หลวงพ่อก็ดี อาจารย์องค์อื่นก็ดี มักจะขู่อยู่เสมอว่า คนที่เจริญสมาธิจะต้องมีศีลบริสุทธิ์ แต่กระผมเห็นว่า ถึงแม้ว่าศีลไม่บริสุทธิ์ก็เจริญสมาธิได้..?”

    </dd><dd>นี่สิ..บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นน้ำพระทัยของ พระองค์ไหม เอาเวลาที่ไหนมาเจริญสมาธิ เหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ทั้งคืน ตอนนี้อาตมาจึงได้ถวายพระพรว่า

    </dd><dd>“คนที่มีศีล บริสุทธิ์ หรือไม่มีศีลบริสุทธิ์ ก็มีสมาธิได้ ฝึกสมาธิได้ แต่ว่าผลย่อมต่างกัน ตอนที่คนที่มีศีลบริสุทธิ์ เขามีผลอย่างคนมีศีลบริสุทธิ์ คนที่มีศีลไม่บริสุทธิ์ ก็มีผล อย่างคนที่มีศีลไม่บริสุทธิ์”

    </dd><dd>แล้วก็ตอนหนึ่งที่พระองค์ตรัสว่า พระองค์หญิงวิภาวดี มีความปรารถนานิพพาน อัน นี้ถ้าจำพลาดไปก็ต้องขอพระราช ทานอภัย แต่คงไม่ผิดตามใจความ พระองค์หญิงวิภาวดีมีความ หวังตั้งใจเพื่อนิพพาน เห็นว่าจะเป็นการไกลเกินไป (หรือยังไง ไม่ทราบ หรือว่ายากเกินไป จะมีผลน้อย หรือจะไม่มีผลเลยก็ได้ เป็นความหมาย แต่ว่าพระองค์ไม่ได้ตรัสยาว)

    </dd><dd>อาตมาก็ได้ถวายพระพรว่า “สำหรับคนที่ตั้งใจจริง ย่อมมีผล เป็นของไม่หนักใน เรื่องพระนิพพาน”

    </dd><dd>นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท พระองค์ตรัสมากกว่านี้ พระองค์ตรัสไปก็ทรงดูอากาศไป ตรัสไป ม.ล.วรวัฒน บอกว่า ใช้เวลาทั้งหมด ๓๕ นาที..มืด เมื่ออากาศสลัวตาก็เปิดไฟฟ้า พระองค์ก็เสด็จลงไปเยี่ยมประชาชน มีคนบางคนเขาบอกว่า อาตมาไปหน่วงเหนี่ยมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขามา แนะนำว่าอาตมานั่งที่เก้าอี้ พระองค์นั่งคุกเข่าก็ต้องลุกขึ้นยืน

    </dd><dd>ความจริงไม่พากย์กันไว้เสียก่อนนี่คนพากย์ เอ๊ย..คน บอกบท ไม่ได้บอกไว้เสียก่อน อยู่ๆ ก็คิดว่าเก้าอี้มีตั้งหลายตัว คิดว่าพระองค์จะประทับบนเก้าอี้ มาถึงปั๊บ..! พระองค์ทรง นั่งคุกเข่าลงข้างหน้า พระวรกายตรง..ตั้งตรง อาตมาก็ตกใจ

    </dd><dd>เออ..นี่คนชั้นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน มาถึงมานั่งคุกเข่าลงข้างหน้า ไอ้เก้าอี้เขาตั้งให้ก็เฉพาะกันพอดี ยกเท้าขึ้นมาพับเพียบก็ไม่ได้ เลยต้องนั่งห้อยขาคุยกับเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ แหม..นึกในใจว่า ไอ้เรานี่มันซวยจริงๆ ถ้ายกขาขึ้นมาทำท่าพับเพียบก็ต้องหล่นแน่ ดีไม่ดีก็ไปทับพระองค์เข้าอีก

    </dd><dd>เป็นอันว่า วันนั้นตามหมายกำหนดการก็ควรจะเสร็จเวลา ๖ โมงเย็น เมื่อเวลาค่ำแล้ว พระอาทิตย์ตกแล้ว เขาเปิดกระแส ไฟฟ้า พระองค์ก็เสด็จเข้าพลับพลาที่ประทับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เชิญบุคคลที่จะโดยเสด็จพระราชกุศลมาถวายเงิน กี่สิบราย อาตมาจำไม่ได้ รายละ ๕,๐๐๐ บาท

    </dd><dd>อันนี้น่าจะขอบใจท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคน นั้น และ ขอบคุณในความดีของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ที่เขาถวาย เงินโดยเสด็จพระราชกุศล แล้วก็มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จัดการเรื่องทะนุบำรุงบริเวณเขตนั้นที่เขาถวายไว้ ทั้งพระ ทั้ง วิหาร ทั้งที่ดิน

    </dd><dd>ถ้ามีอะไรบกพร่องสลายตัวลงไป ต้องซ่อมแซม โดยจะ ใช้เงินจำนวนนั้นเข้ามาบูรณะปฏิสังขรณ์ หน้าที่ของอาตมาใน การที่จะต้องเข้าไปยุ่งกับพระพุทธรูปองค์นี้ ก็หมดไปตั้งแต่ บัดนั้นเป็นต้นไป เพราะมอบหมายการบำรุงรักษาไว้กับเจ้าคณะ จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว

    </dd><dd>องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเวลานั้น ก็ทรงแสดง ความเมตตา ถามว่าใครเป็นเจ้าของที่ ท่านก็เรียกผู้ว่าราชการ จังหวัด เรียก ร.ต.ต.ชัยณรงค์ เจ้าของที่เข้าไปเฝ้าพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ไม่ได้ทรงยืนหรือนั่งอยู่เฉยๆ ให้คนเข้าไปหา ทรงเดินออกมาหาเขาด้วย

    </dd><dd>แหม..แสดงพระองค์วันนั้นเห็นชัด เห็นชัดว่าไม่ได้ ทรงถือตัวว่าเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นกันเองกับบรรดา ประชากรทั้งหมด ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีให้กับประชาชน คนที่น้อมเกล้าฯ ถวายของทุกอย่างแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ วันนั้นว่ากันหมดกระเป๋า มีอะไรก็ถอดถวายกัน ปลื้มใจ..ดีใจ บางคนกราบถวายบังคมทูลด้วย ร้องไห้ไปด้วย น้ำตาไหลไปตาม ๆ กัน ไม่ใช่บางคน..หลายคน!

    </dd><dd>วันนั้นอาตมาจะต้องเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ กองกำกับการ ตำรวจตระเวนชายแดน เขต ๙ จังหวัดสงขลา ซึ่งมี พ.ต.อ. เจิดจำรัส เป็นผู้นิมนต์ไว้ คิดว่าจะเข้าไปในพิธีประมาณ ๑ หรือ ๒ ทุ่ม กว่าจะออกจากที่นั่นได้ หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับ เห็นจะเป็นเวลาประมาณ ๒ ทุ่ม พอพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ ก็มีคนเข้ามาหา ขอน้ำมนต์บ้าง ขอให้จับศีรษะบ้าง..ว่ากันไป!

    </dd><dd>ความจริงมันเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า ร่างกายก็ไม่ค่อยดี ป่วยด้วย ลูบกันไปคลำกันไป กว่าจะเสร็จพิธีก็เกือบ ๔ ทุ่ม เข้าไปถึงกองกำกับการเขตฯ รถกำลังแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ ต้องขอทางให้ ไปถึงก็ไปนั่งอ่อนใจหาที่อาบน้ำ กว่าจะเข้าพิธี กับเขาได้ก็นาน

    </dd><dd>พิธีการวันนั้น ไปนั่งปลุกเสกอยู่พักหนึ่งแล้วก็นอน มันไม่ไหว นอนตื่นขึ้นมาประมาณตีสอง ก็ว่ากันใหม่อีกที เรียกว่าวันนั้นก็เหมา คือปลุกทั้งคืน แต่ความจริงไม่ได้เต็มคืน หรอก เข้าก็ดึก ดึกมากก็พัก พัก..เช้ามืดตื่นขึ้นมาก็ว่ากันไป สะดวกดีเหมือนกัน


    อนุโมทนา

    </dd><dd>เป็นอันว่า ชาวสงขลาที่รัก และชาวกระบี่ ชาวภูเก็ต ชาว ตรัง ชาวพังงา ชาวสตูล ชาวปัตตานี ยะลา นราธิวาส โอ๊.. เยอะแยะที่ใกล้ๆ พากันไปที่นั่น อาตมาขอขอบคุณท่าน การขอบคุณก็น่าจะขอบคุณบรรดาประชาชนทั่วประเทศไทย ที่เมตตาสงเคราะห์อาตมา จะไปทางไหนก็สงเคราะห์ที่นั่น ด้วยจตุปัจจัยบ้าง

    </dd><dd>โดยเฉพาะในการก่อสร้างวิหารคราวนี้ อาตมามอบภาระ ในการก่อสร้างให้ หม่อมหลวงวรวัฒน นวรัตน ลูกศิษย์คนสนิท แท้ ๆ นะ ท่านผู้นี้ก็มีคุณอย่างเลิศ เจ้าหน้าที่การช่างก็แสนจะดี ทำงานทุกอย่างโดยไม่เรียกค่าจ้างรางวัล สำหรับ ม.ล.วรวัฒน นี่ อาตมาให้ฉายาพิเศษว่า “ขุนกระบี่” เพราะว่าทำงานดี อ่อนน้อม แล้วก็การทำงานคล่องตัวมาก

    </dd><dd>เป็นอันว่า กิจการงานทุกอย่างสำเร็จขึ้นมาได้ เพราะ อาศัยความสามัคคีของท่านพุทธบริษัท หลายท่านถวายเงินโดย เสด็จพระราชกุศล ในการสร้างวิหารทานคราวนี้ ฝ่ายผู้ว่า ราชการจังหวัดบอกว่ามากเกินไป จนกระทั่งแบ่งเอาไว้ถวาย ในวันหลัง ที่เห็นกำลังใจศรัทธาของบรรดาพี่น้องชาวสงขลา และหาดใหญ่ มีน้ำใจประกอบไปด้วยความดี คือมีกุศลศรัทธา เป็นกรณีพิเศษ ยากที่เราจะพึงหาได้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ พระองค์ท่านได้ทรงรับไว้ ไม่เคยเอาติดกระเป๋ากลับไป มอบไว้ เป็นการบำรุงวิหาร...”


    บรรยากาศในวันนั้น

    </dd><dd>เรื่องนี้ยังมีเรื่องที่จะเล่าจาก ม.ล.วรวัฒน ต่อไปอีกว่า “ข้าพเจ้านึกเป็นห่วงว่า วันที่ “ในหลวง” เสด็จ ถ้าฝนตกประชาชน ที่มาเฝ้ารับเสด็จจะเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีเต้นท์สำหรับราษฏร จึงให้ นายปลั่ง ขาวบาง บน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ขออย่าให้ฝนตกในบริเวณงานวันนั้น ขณะที่กำลังมีงาน
    <table width="97%" align="center" border="0" cellpadding="2" cellspacing="1"><tbody><tr><td><dd>แต่หลวงพ่อบอกว่า เสด็จในกรมฯ ไม่ทรงรับการบนครั้งนี้ ท่านอธิบายว่า ในหลวงเป็นคนมีบุญมาก ไปที่ใดฝนต้องตก อย่างน้อยที่สุดต้องโปรยลงมาเป็นละออง จะห้ามไม่ให้ตกเลยนั้น ห้ามไม่ได้ ปรากฏว่าวันงานตั้งแต่เช้าขึ้นมาแสงแดดแจ่มใส แต่พอตกตอนสายเมฆรวมตัวกัน เหมือนเป็นร่มคันใหญ่มหึมา แผ่บางๆ กั้นกันแดดไว้พอเย็นสบาย พอตกบ่ายก่อนถึงเวลา เสด็จประมาณ ๑ ชั่วโมง ฝนตกลงมาซู่หนึ่งแล้วหยุดตก เป็น อันว่าจริงตามธรรมเนียม...” </dd></td></tr></tbody></table>





    </dd>

    [​IMG]

    [​IMG]


    บทความเรื่องประวัติการสร้างพระวิหารน้ำน้อยนี้นำมาจากเวบตามรอยพระพุทธบาท ท่านสามารถเข้าไปหาอ่านเรื่องอื่นๆได้จากลิงค์ url ด้านล่างนี้ครับ

    http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=35#8

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2016
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/6-1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/6-1.jpg" border="0" alt=" photo 6-1.jpg"/></a>

    หลวงพ่อและหลวงปู่บุดดา ถาวโร
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    <a href="http://s1259.photobucket.com/user/Onenachai005/media/Views/S__98308_zpsdlfbfyyv.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1259.photobucket.com/albums/ii546/Onenachai005/Views/S__98308_zpsdlfbfyyv.jpg" border="0" alt=" photo S__98308_zpsdlfbfyyv.jpg"/></a>

    รูปเหมือนหลวงพ่อรุ่น 100 ปีเกิด
     
  15. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    สวัสดีพี่วรรณและทุกท่านครับ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 กรกฏาคม ได้ไปถวายสังฆทานที่บ้านสายลม และได้บูชารูปหล่อลอยองค์หลวงพ่อเนื้อเงิน ใต้ฐานอุดมวลสาร ราคา 10 ใบแดงครับ


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2016
  16. แพน119

    แพน119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +10,122
    [​IMG]

    สวัสดีวันอาทิตย์ อาวัน อาCobraa อา6thSense และทุกคนที่อ่านด้วยนะคะ
     
  17. Prasong9500

    Prasong9500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +1,347
    สวัสดีครับ พี่น้องลูกหลานหลวงพ่อพระราชพรหมยานทุกท่าน
    [​IMG]
     
  18. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956
    สวัสดียามบ่ายวันอาทิตย์ พี่วรรณ และลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ...ทุกท่าน ครับ

    รูปหล่อ ลพ.สวยกันทุกท่าน...โมทนาด้วยนะครับ :cool::cool::cool:
     
  19. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  20. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    รูปเหมือนหลวงพ่อรุ่น 100 ปีเกิด
    ใต้ฐานอุดมวลสารทุกเนื้อไหมครับพี่วรรณ ขอบคุัณครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...