เมื่อขี้เกียจ..ภาวนา..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 18 มีนาคม 2016.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    [​IMG]



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2016
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    ความมีวินัย เปลี่ยนชีิวิตได้


    การตั้งสัจจะอธิษฐาน ทำจากช่วงเวลาน้อยๆ สั้นๆ

    และความมีวินัย ที่ต้องทำเป็นประจำ ตามที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้


    ...จะทำให้เกิดความเคยชินที่จะทำ(ภาวนา)ได้โดยไม่ต้องฝืน เพราะ ได้กลายเป็นนิสัย และอุปนิสัย เมื่อเราได้ฝืนบังคับตนเองไปได้ ระยะเวลาหนึ่ง



    ...ตอนนั้น แม้มีอาการขี้เกียจ มันก็เรื่องอาการสภาวะธรรมของความขีี้เกียจ
    ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป


    ส่วนการภาวนา ที่ได้ทำจนเป็นนิสัย ก็ยังทำต่อไปตามปกติได้ โดยที่ความขี้เกียจไม่มีผลต่อช่วงเวลาการภาวนา หรือมี ก็น้อยลงไปมาก


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2016
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    ยกตัวอย่าง


    ที่ครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย ท่านกำหนดเวลาตายตัวที่จะสวดมนต์ทำวัตร

    หรือ กำหนดเวลาภาวนา สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ในช่วงเวลาต่างๆของวัน
    ก็เป็นเพียงแค่ ฝึกให้ฝืนความอยาก ความขี้เกียจ ฝึกให้ทำบ่อยๆจนชิน กลายเป็นนิสัยที่ไม่ต้องเป็นไปตามการบังคับ

    เพราะ ในชีวิตจริงที่เราต้องทำงาน อยุ่ในสังคม เ่ราสามารถภาวนาได้ในระดับต่างๆ
    โดยที่ภายนอก ยังคงผ่อนปรนใช้ชีวิตไปตามสังคม แต่ภายใน ยังสามารถภาวนา
    ไม่ทิ้งหลักของใจ สามารถย้อนกลับมาสู่ความสงบภายในได้อยู่ ไม่เสียหลักทิ้งการภาวนาจนไหลไปไกลตามอารมณ์โลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2016
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    "..เดินไปเราก็ภาวนาของเราเรื่อยไป ภาวนาบ้างลืมไปบ้าง นั่งรถไปภาวนาไป
    กระจุ๋มกระจิ๋ม นิดๆ หน่อยๆ อย่างนี้ดีมาก ถ้าแบบนี้มันจะใช้อารมณ์ได้ทุกเวลา

    การเจริญพระกรรมฐาน ถ้ายังเก่งในมุ้งอยู่ ยังอีกนาน
    ถ้าไม่ถึงเวลาสงัดเราทำสมาธิไม่ได้ ยังอยู่ไกลมาก

    ถ้าทำจุ๋งๆ จิ๋งๆ นิดๆ หน่อยๆ ตามเรื่องตามราว
    นั่งคุยอยู่กับเพื่อน เพื่อนเขาลุกไปทำธุระ เราจับลมหายใจเข้าออก ภาวนา ๒-๓ คำ
    เพื่อนมาก็คุยกันใหม่ ดีไม่ดีทำงานทำการไป เหนื่อยๆ ก็วางปากกา
    วางเครื่องมือ จับคำภาวนาเสียนิด ไม่ต้องขัดสมาธิ

    อย่างนี้ดีไหม ? ..”



    (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    การภาวนา ตามนิสัยถนัดแต่ละคน ต่างวิธีการกัน
    มีหลักประยุกต์ใช้ต่างกันบ้าง ตามเทคนิคของแต่ละสำนัก แต่ละครู แต่ละปัจเจกวิสัย เป็นเรื่องปกติวิสัย

    แต่ ก็ไม่พ้นวิถีที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า " สติปัฏฐานสี่ เป็นทางเอก " และ " สติสัมปชัญญะ เป็นดังรอยเท้าช้าง ที่ครอบรอยเท้าสัตว์เล็กใหญ่ทั้่งปวง "


    เพราะสติปัฏฐานสี่ ใน่ระดับที่เป็นสมถะ-วิปัสสนา ที่รวมตัวแล้ว

    จะนำสิ่งที่มากระทบทางอายตนะหก มาเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดรู้ แล้วเห็นสภาวะธรรม ได้ทุกอย่าง

    ่จึงสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้

    แม้แต่สภาวะที่เกิดกับจิตใจเช่น ขี้เกียจ ขยัน ฯลฯ ก็ตาม ก็หยั่งลงสู่ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐานได้ ...สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรค กลับกลายมาเป็นเครื่องถูกรู้ในการภาวนา
    เสียอีก


    นี่คือ อัศจรรย์แห่งธรรม ที่พระพุทธองค์ ทรงจำแนกสั่งสอนไว้ดีแล้ว
     
  6. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    หัดนั่งวันที่ 2 ก็ยังมืดเหมือนเดิม ยังคงงมๆ ไม่เป็นต่อไป.. ห่างไกลแต่ก็อยากตามไปให้ถึง.. T_T สาธุเจ้าค่า_/\_
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุ _/\_
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    อีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้คนหลายคนที่เริ่มฝึกภาวนา

    คือ ไม่ว่าจะทำในอิริยาบถใดก็ตาม

    ..ไม่ค่อยมีอาการชุ่มชื่นของใจ ในการกำหนดสติสัมปชัญญะทำไปแต่ละครั้ง


    ยิ่งมีความคิดฟุ้งซ่านมากเป็นปกติ ยิ่งท้อถอย และ เลิกง่าย


    ให้ใช้หนามยอก เอาหนามบ่ง คือ...


    เมื่อจิตใจมันยังมีกำลังคิดมาก ก็ให้มันคิดแต่ในเรื่อง
    บุญกุศลที่เราได้ทำมา
    คิดในเรื่องศรัทธาที่มีต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    และอุบายต่างๆที่จะทำให้จิตใจปล่อยวางที่จะคิดเรื่องภายนอก
    กลับเข้ามารวมพลังคิด-นึก ไว้แต่ภายใน

    พอจิตใจเริื่มชุ่มชื่น ก็จะเป็นปราโมทย์ และปิติ

    พอปิติแล้ว ให้รู้เฉยๆสบายๆ สักระยะ มันจะสุขนิื่งภายใน
    ไม่ไปคิดอะไรอื่นมาก นอกตัวแล้ว

    ทำบ่อยๆ แล้วจะเข้าสู่ความสงบท่ามกลางความเคลื่อนไหว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กรกฎาคม 2016
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    เมื่อสงบ ท่ามกลางความเคลื่อนไหว ได้บ่อยขึ้น

    ก็สามารถพัฒนา เป็น" ความเคลื่อนไหว ท่ามกลางความสงบได้ "


    เป็นการปล่อยให้ธรรมชาติของจิตใจที่ต้องคิด-นึก ได้คิดนึกในขอบเขตที่เรากำหนด
    โดยมีกำลังของความสงบภายใน เป็นหลักยึด คอยคุม ไม่ให้เตลิดไปไกล เสียพลังงาน


    ไม่ว่าจะคิด นึก พิจารณา ในองค์ของวิปัสสนา
    หรือภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จตามภาระรับผิดชอบ
    จะได้ความรู้อันลึกซึ้ง
     
  11. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุค่ะ.. วันนี้หัดนั่งวันที่4 นั่งได้นานขึ้นแต่ก็มืดเหมือนเดิม555.. วันนี้ได้ไปไหว้หลวงพ่อโตที่วัดบางพลี คนเยอะมาก และไปไหว้หลวงปู่ดู่วัดสะแก อยุธยา. ดูสงบ เรียบง่ายดีค่ะ:cool:
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    ใหม่ๆ เน้นที่อารมณ์"เบา และ ทำสบายพอดีๆ

    ท่านสอนให้เบา เบาในที่ีนี้ คือ อาการที่จิตวิ่งไปรับรู้แล้วติดยึดจนวุ่นวาย
    กับโลกธรรมแปด ลดลง

    ใจ คือ ความคิด นึก ตึก ตรอง ความหมายรู้ ในเรื่องโลกธรรมแปดน้อยลง ไม่เก็บมาใส่ใจให้ทุกข์


    ........พอจิต-ใจ เบาลงเรื่อยๆ ต่อเนื่อง ชีวิตจะเป็นสุขขึ้นจากภายใน

    สิ่งดีๆ พลังงานดีๆ กรรมดีในอดีตที่เคยทำไว้ ก็เข้ามาหาเราได้ง่าย

    วิชาความรู้เก่าๆที่เคยทำมาในอดีต ก็ระลึกได้ หรือฟื้นกลับมาได้

    เพราะจิต-ใจ เบาสบาย ให้ความสำคัญกับเรื่องบวก คิดบวก
    จะเป็นตัวดึงสิ่งดีๆ ให้กลับเข้ามาในชีวิต
     
  13. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุค่ะ.. _/\_
    เดี๋ยววันนี้ นั่งอีก อย่างน้อยๆ ก็ไม่รู้สึกกลัว ตอนนั่งสมาธิและสวดมนต์แล้ว...ถึงจะรู้สึกขนลุกก็ตาม

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ^___^
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    ตอนนั่งภาวนา หรือสวดมนต์ แล้วมีอาการปิติ ขนลุก ก็ถือว่า จิตใจละเอียด และจิตเบาระดับหนึ่งแล้วครับ

    บทสวด สวดตอนไหนก็ได้ที่นึกได้ ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทำงานประจำ
    นึกแผ่เมตตา( น้อมใจสัพเพฯ)บ่อยๆ ถ้าทำตามแนวหลวงปู่ดู่สอน
    แค่นึกภาพหลวงปู่ดู่ออก แล้วน้อมขอให้ท่านแผ่กำลังบุญให้เป้าหมาย

    จิตเราจะยิ่งเบาได้เร็วขึ้น ธาตุขันธ์ กายใจ จะเบาขึ้น
    เพราะ พลังงานท่านฟอกเราไปด้วย ขณะที่น้อมแผ่ให้ชีวิตอื่น

    ไม่ยากครับ
    สนุกด้วย
     
  15. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    มีคนแนะนำว่า.. เวลาขับรถอย่าสวดพระคาถาชินบัญชรดีกว่า .. จริงหรือเปล่าคะ

    คือจะมีบทสวดพระคาถาชินบัญชร ติดรถไว้ฟัง กะหัดสวดด้วย ก็จะเปิดเกือบทุกครั้งที่ขับรบ (เมื่อวานก็เปิด แล้วคนในรถก็สวดกัน 555)

    เวลาทำงาน.. ก็สวดบ้าง เข้ามาอ่านธรรมะบ้าง (ค่อนข้างว่าง แหะๆ)
    ติดอยู่ที่เรื่อง สมาธิ นี่ต้องฝึก.. ได้อ่านโพสของพี่ "Me, myself " มีนอนสมาธิด้วย สุดยอดกับกำลังบุญพี่เค้าจริงๆ อ่านไปตาตั้งไป ..ตัวเรานี่ขนาดนั่งสมาธิ ยังไม่เป็น 555
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533

    ถ้าประกอบกิจกรรมที่ต้องเสี่ยง ก็ให้ตั้งสติสัมปชัญญะ ไว้เฉพาะสิ่งนั้นก็จะสมควรครับ

    เช่นขับรถ เพราะ การกำหนดสติสัมปชัญญะเป็นปัจจุบันกับสิ่งที่ทำ ก็คือสมาธิประการหนึ่ง แต่ถ้าสวดแล้วเพลินไปกับบทสวดหรือนึกว่าสวดผิดถูก ตรึกไปในบทสวด จนลืมมองถนน ก็จะแย่ เช่นเดินเล่น นั่งนอนเอนหลังเฉยๆ ยืนเม่อปล่อยจิตล่องลอยไปกับเรืองโลกๆ ก็เอาจิตใจมาสวดฯมาบริกรรมจะดีกว่า

    ที่ผมบอกว่า นึกสวดตอนไหนก็ได้ ก็หมายถึงตอนที่ประกอบกิจการที่ไม่ต้องเสียงมาก ไม่ต้องกังวลกับผลที่จะเกิดมาก


    การสวดฯ หรือ นึกถึงพระจนหลับไป กราบหกครั้งถวายชีวิตต่อพระแล้วสวดฯจนหลับ เมื่อใจตกศูนย์ลงภวังค์หลับไป จิตจะตรึกนึกไปในทางพระหรือบทสวด ใจก็จะบันทึกบุญจากการหลับที่มีกระแสพลังงานพระ ไปด้วย

    บางที ท่านก็จะพาไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ชีวิตต่างๆ และสวดแผ่บุญ(สัพเพฯ) ให้กับสิ่งนั้น สถานที่นั้น ชีวิตเหล่านั้น เป็นการฝึกในขณะร่างกายหลับ ..........เวลาของชีวิตจะไม่สูญเปล่ากับการนอนหลับของชีวิตอื่นๆทั่่วไป..............



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2016
  17. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    นี่คือการนอนสมาธินี่เอง.. (กำลังหาใน google)

    ขอบคุณค่ะ อนุโมทนาบุญค่า _/\_
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    คำสอนหลวงตาม้าเกี่ยวกับ "การนอนสวด"
    1. การนอนสวดภาวนา คือการฝึกจิตให้ดี(ดีกว่านอนหลับแต่กาย แต่ใจฝันฟุ้ง เสียเวลาเปล่า)
    2. การฝันยังเป็นการสร้างบารมี เช่น ฝันว่าสวดมนต์ ฝันว่าไปให้ทาน ขนาดนอน ขนาดฝันยังได้บุญเลย
    3. สวดก่อนนอนได้กลางคืน สวดก่อนตื่นได้กลางวัน
    4. เวลานอนให้สวดบทจักรพรรดิจนหลับ จิตจะอัดบุญตอนนอน พอตื่นนอนสวดก่อนลุก จะได้รับบุญกลางวัน อยู่ไม่นานก็ม่อง (ตาย) แล้ว เวลาสวดให้นึกถึงถ้ำ นึกถึงหลวงปู่ ส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ไปไหนก็ให้นึกถึงท่าน นอนก็นึกถึงท่าน เวลาสวดมนต์ต้องสวดแบบมีอารมณ์สบาย ๆ
    5. หลับยังได้บุญ เพราะเวลาหลับก็ฝันว่าไปทำบุญ ไปส่งวิญญาณ ไปสัพเพ
    6. เราหลับในจักรพรรดิ บุญก็เกิดในจิตแล้วส่งมาที่ธาตุอีกที เป็นสายใยกัน บางครั้งสวดไปเรื่อย ๆ มันจะนิ่งไปเลย เงียบไปเลย

    7. ก่อนนอนสวด ก่อนตื่นสวด ไปไหนมาไหนก็แผ่บุญไป อีกสามปีเท่านั้นกลายพันธุ์
    8. ตอนนอน ถ้าสวดแล้วนอน ก็เป็นการอัดบุญทั้งคืน ธาตุน่ะพักผ่อน แต่จิตกำลังทำงาน.


    ข้อความจากหนังสือคติธรรมคำสอนพระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า) วัดถ้ำเมืองนะ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2016
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,728
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,136
    ค่าพลัง:
    +70,533
    อานิสงส์ของการภาวนา
    หลวงปู่ดู่ ได้ให้ความสำคัญ ในเรื่องของการปฏิบัติบูชามาก เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับในขณะที่ปฏิบัติสมาธินั้น ได้บุญพร้อมถึงองค์ ๓ คือ ทาน ศีล และภาวนา


    เกี่ยวกับทานมีกล่าวไว้ในพระสูตร ว่าด้วยเรื่องของการให้ทานนับตั้งแต่การให้ทานกับเดรัจฉานร้อยครั้ง ไม่เท่ากับการให้ทานกับคนธรรดาหนึ่งครั้ง ให้ทานคนธรรมดาร้อยครั้ง ไม่เท่ากับการให้ทานคนที่มีศีลหนึ่งครั้ง ให้ทานผู้มีศีลร้อยครั้ง ไม่เท่ากับให้ทานพระอริยบุคคลขั้นโสดาบันหนึ่งครั้ง เรื่อยมาจนถึงให้ทานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร้อยครั้ง ไม่เท่ากับถวายสังฆทานหนึ่งครั้ง โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานและการถวายสังฆทานร้อยครั้งไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ได้แก่ โบสถ์ วิหาร ฯลฯแต่ถึงจะถวายวิหารทานไว้มากมายถึงร้อยครั้ง อานิสงส์ก็ยังไม่เท่ากับการเจริญเมตตาจิต หรือการภาวนาได้แสงสว่างเพียงเท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เพียงครั้งเดียว


    ถ้าจะมีผู้แย้งว่า ขณะนั่งสมาธิไม่มีการให้ทาน ขอตอบว่าทานในขณะปฏิบัติเป็นทานอันยิ่ง คืออภัยทาน เพราะในเวลานี้ถ้าเราโกรธ อาฆาต พยาบาทใครก็ตามเราต้องให้อภัยมิเช่นนั้นแล้วสมาธิจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องมีเมตตาธรรมบังเกิดขึ้นจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า

    เกี่ยวกับการให้ทานนี้ ก็เพื่อลดความเห็นแก่ตัวนั่นเองมิใช่เป็นการให้ทานเพื่อหวังผลตอบแทนอย่างเลอเลิศ เพราะจะกลายเป็นผู้โลภบุญ


    หลวงปู่ทวดเคยให้คำจำกัดความของบุญกับอาจารย์ศุภรัตน์ว่า "บุญ คือความสบายใจ ก่อนทำสบายใจ ขณะทำสบายใจ ทำแล้วสบายใจ คิดถึงทีไรสบายใจทุกที"


    เรื่องของศีลนั้น ในขณะที่ปฏิบัติ เราจะเป็นผู้ที่มีศีลอย่างสมบูรณ์เนื่องจากได้สมาทานและมีเจตนาที่รักษาศีลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้บางท่านจะภาวนาเลยก็ย่อมมีศีลอยู่กับใจ(ศีลโดยแท้ คือ ภาวะปกติของใจที่ไม่กระเพื่อมไปตามอำนาจกิเลสเรียกว่า ศีลใจก็ไม่ผิด) เพราะว่าเราไม่ได้ไปผิดศีลข้อใดในขณะนั้น ตั้งแต่การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม เป็นต้น เมื่อเรามีศีลบังเกิดขึ้น อานิสงส์ของศีลย่อมทำให้เรามีความสุข มีชีวิตอยู่ก็มีความสุข ตายไปแล้วก็มีสุคติเป็นที่หวังอย่างแน่นอน


    สำหรับการภาวนามีจุดประสงค์เพื่อให้จิตเกิดความสงบมีสมาธิ การบริกรรมภาวนา ไม่ว่าสัมมาอรหัง พุทโธ หรือพุทธังฯ ธัมมังฯ สังฆังฯต่างก็มุ่งหวังให้จิตเป็นสิ่งเหนี่ยวนำหรือได้ทำงานในสิ่งที่ดี เนื่องจากสภาพของจิตมักจะอยู่ไม่นิ่งเหมือนลิงมีอาการซุกซนคิดโน่นคิดนี่ไม่มีสมาธิ ผู้ปฏิบัติจึงต้องอาศัยคำภาวนา ผูกจิตเอาไว้ไม่ให้วอกแวกไปทางอื่น เมื่อมีสติอยู่กับคำภาวนาจนจิตเกิดความสงบ หรือบังเกิดแสงสว่างขึ้น จึงมีอานิสงส์พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน เป็นการรวมตัวของบุญที่กระทำขึ้นจึงมีอานิสงส์มากกว่าการตักบาตร หรือการทำทานเพียงอย่างเดียว


    ดังนั้นการปฏิบัติสมาธิหรือการภาวนา ดังที่หลวงปู่กล่าวไว้จึงเป็นการสร้างบารมีอย่างดียิ่ง อันให้ประโยชน์กับตนเองทั้งปัจจุบัน และภายภาคหน้าด้วยประการนี้


    กายสิทธ์




    [​IMG]
     
  20. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุ... กราบหลวงปู่ หลวงตาเจ้าค่า _/\_
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...