พลังอำนาจแห่งความรัก

ตราบดวงตะวัน มั่นคงบนฟ้าไกล
หนึ่งดวงฤทัย จะมั่นในรักเธอ
เมื่อโชคชะตา ลิขิตให้พบเจอ
จะรักแค่เธอ ไม่ยอมเปลี่ยนใจ

จะร้ายจะดี พรุ่งนี้อย่างไร
ไม่เคยสนใจ จะอยู่กับเธอวันนี้
จะร้อนจะเย็น จะขอเผชิญข้างเธอคนดี
สัญญาจะมีแต่กันและกัน

ต่อให้ฟ้าพรากเราให้ห่าง ไม่มีทางพรากใจของฉัน
สองดวงใจจะเคียงคู่กัน ไม่มีวันห่างหาย
หากวันใดฟ้าจะพรากใจ ก็คงทำได้เพียงความตาย
จากวันนี้ถึงวันสุดท้าย จะรักเธอ ดั่งลมหายใจผู้เดียว

ตราบใดมีรัก ประกายในหัวใจ
มืดมัวเท่าไร ก็ยังไม่มืดมน
สักวันชะตา อาจเปลี่ยนให้ทุกข์ทน
แต่เราสองคน ไม่ยอมเปลี่ยนใจ

จะร้ายจะดี พรุ่งนี้อย่างไร
ไม่เคยสนใจ จะอยู่กับเธอวันนี้
จะร้อนจะเย็น จะขอเผชิญข้างเธอคนดี
สัญญาจะมีแต่กันและกัน

ต่อให้ฟ้าพรากเราให้ห่าง ไม่มีทางพรากใจของฉัน
สองดวงใจจะเคียงคู่กัน ไม่มีวันห่างหาย
หากวันใดฟ้าจะพรากใจ ก็คงทำได้เพียงความตาย
จากวันนี้ถึงวันสุดท้าย จะรักเธอ ดั่งลมหายใจผู้เดียว

หากวันใดฟ้าจะพรากใจ ก็คงทำได้เพียงความตาย
จากวันนี้ถึงวันสุดท้าย จะรักเธอ ดั่งลมหายใจผู้เดียว

จากวันนี้ถึงวันสุดท้าย จะรักเธอ ดั่งลมหายใจผู้เดียว

https://www.youtube.com/watch?v=q8h-wODy5w4

 

ชีวิตจริง แม้ผมเลือกเดินไปหาเธอที่ฝันนั้นไม่ได้
แต่ผมเลือกจะนำเธอที่ฝันนั้นเข้ามาสู่หัวใจ
ข้างในตัวผมได้ ตราบลมหายใจยังมี
ปล.ก๊อปมาให้อ่านค่ะ(ซึ้งหลายๆ):'(

 

อยากจะฝากถึงผู้มีรักในหัวใจทุกท่านว่า
ถ้าคุณรักใคร คุณต้องใช้หัวใจนำทางค่ะ
อย่าสับสน อย่าเก้กฟอร์ม อย่ามีทิฐิมานะแห่งตน
เพราะรักด้วยทิฐิฯ ยังไงก็ต้องจบ.
ไม่มีใครไปถึงความรักได้
หากยังไม่รู้จักความรักที่แท้จริง...(deejai)

 

เห็นด้วยครับ พุทธเราเน้นศีล เพื่อให้คนเราไม่เบียดเบียนกัน
ก่อกรรมต่อกัน ทำให้มีวิบากน้อย จิตจึงไม่ฟุ้งซ่าน ผลคือ
จิตเกิดความสงบได้ง่าย สมาธิจึงไม่ไช่ตัวเหตุ แต่เป็น
ตัวผลที่ได้จากการรักษาศีล ยิงปืนนัดเดียวได้ครบเลย
ได้ทั้งสมาธิ ได้ทั้งไม่เบียดเบียนกัน ได้ไปพร้อมๆกัน
จึงไม่จำเป็นต้อง ไปนั่งสมาธิให้หลังขดหลังแข็งก็ได้
ศาสนาพุทธต่างจากลัทธิอื่นๆ ตรงนี้แหละ

 

แสดงว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูกปกปิดไว้หรอคะ?

 

เรื่องการมอบพลังงานความรัก หรือ พลังงานกระแสจิตด้านบวกให้แก่กัน นอกจากผู้รับและผู้ให้ ต่างฝ่ายต่างได้รับแล้ว พลังงานที่ว่านี้เป็นการมอบให้แก่โลกของเราด้วยนะคะ

สนามคลื่นแม่เหล็กโลก (แม๊กนิโตสเฟียร์) ก็เป็นคลื่นกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกที่มีพลังงานแบบเดียวกับพลังงานจิตด้านบวกของมนุษย์ นะคะ ตราบใดที่มนุษย์ปลดปล่อยพลังงานด้านบวก ก็เป็นการมอบพลังงานความรักให้กับโลกเพื่อใช้หมุนรอบตัวเองรักษาความสมดุลเอาไว้ ทำให้โลกน่าอยู่นะคะ

เรื่องนี้ในยุคพลังงานเก่าไม่มีทราบ เพราะถูกปกปิดเอาไว้ เพิ่งจะมาเปิดเผยในยุคพลังงานใหม่นี้แหละค่ะ หรือ อีกนัยยะหนึ่งที่ทุกศาสนาสอนให้คนมีคุณธรรมศีลธรรมไม่เบียดเบียนกัน นอกจากจะทำให้สังคมสงบสุขแล้ว ก็ยังมอบให้โลกด้วยนะคะ

ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก มีเส้นทางเดียว คือ มรรค 8 ค่ะ

จักรวาลแห่งความรัก คือ จักรวาลที่มีหน้าที่มอบพลังงานด้านบวกให้แก่กันเท่านั้น จึงถือว่า หน้าที่นั้นได้ทำอย่างสมบูรณ์ ที่สุดแล้วค่ะ

 

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ..และเห็นด้วยค่ะ ศีลและสมาธิ ต่างต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ไม่มีศีลสมาธิก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีสมาธิก็ทำให้ศีลถึงพร้อมไม่ได้

ที่จริงแล้วคำว่าศีล นั้น จริง ๆ ก็คือ ความปกติของใจ ถึงแม้การกระทำจะไม่เบียดเบียนใคร แต่เมื่อใจเราไม่ปกติแล้วเราส่งความไม่ปกติไปหาคนอื่น คนอื่นเขารับได้ ก็พลอยทำให้ใจให้ไม่ปกติตามไปด้วยค่ะ

เขาถึงเรียกว่า แรงดึงดูด ที่สื่อหากันได้ว่าทำไม เราอยู่ของเราดี ๆ เราจึงวุ่นวายหรือไม่ชอบใจขึ้นมาได้ค่ะ ก็เพราะกระแสจิตที่ส่งถึงกัน เพราะใจที่ไม่ปกติของคู่กรณี ก็ดึงใจของเราไม่ปกติตามไปด้วย

มนุษย์เราส่วนมากก็จะเป็นอย่างนี้กันทั้งหมด ถ้าไม่สังเกตุดี ๆ นะคะ สมาธิ ความสงบของใจจึงเกื้อกูลศีล ให้เรามีสติไม่ไหลไปตามกิเลสของคนอื่นได้

ความปกติของศีล อีกนัยยะหนึ่ง ก็คือ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั่นเอง

 

ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็คือ ความรักที่มีให้แก่กัน

พลังงานด้านบวกอันบริสุทธิ์ จึงเป็นพลังงานความรักอย่างแท้จริง

โลกได้มอบให้กับเรา หรือ ธรรมชาติได้มอบกับสิ่งต่าง ๆ ให้กับเราเราอย่างไร้เงื่อไขอย่างไร

รักบริสุทธิ์แบบไร้เงื่อนไขเป็นอย่างนั้น ก็เปรียบดั่งธรรมชาติที่กระทำต่อกันโดยทำตามหน้าที่ไร้หวังผลตอบแทน

พลังงานแห่งความรัก จึงหายากในยุคสมัยนี้ เพราะส่วนใหญ่เป็นไปด้วยกิเสลตัณหาอัตตาตัวตนทิฐิมานะ

โลกจึงเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้ค่ะ โลกขาดพลังงานความรักที่บริสุทธิ์ของมนุษย์

แม้แต่ตัวเองรู้ซึ้งก็ยังทำไม่ได้ค่ะ ผู้ที่ทำได้อย่างแท้จริง ก็มี พระอริยะเจ้า หรือ ผู้ที่มีหัวใจพระโพธิสัตว์

แต่ไม่ใช่เราจะทำกันไม่ได้นะคะ...ผู้ที่ทำได้ต้อง ไม่ใส่ใจตัวตน พ้นไปจากกิเลสตัณหา ปราถนาอุทิศเป็นผู้ให้เสมอ เท่านั้น ค่ะ

 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/jXC9tuumjiA?list=RDZ5tEd16aBCY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

(rose)

 

ทุกครั้งที่มีโอกาสออกไปสัมผัสธรรมชาติ
เมื่อกายสัมผัสสายลมแค่เพียงแผ่วเบา สูดลมหายใจลึกๆ
อ่า..ช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้..นะ
แสดงว่าลึกๆแล้วมนุษย์มีความผูกพันกับสิ่งน้ี้
เพราะต้นกำเนิดเรามาจากสิ่งนี้..
แต่ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาสิ่งนี้โดยวิธีใด
เลยหลงกันวุ่นวาย..น่าเศร้าใจ
ปล.มั่วไปเรื่อย..อิอิ.:d

..ธรรมชาติรักเราอย่างไร้เงื่อนไขจริงๆ แต่เรา(ส่วนใหญ่)ไม่รู้สึก

 

มีเพลง"สีดา"ด้วย

 

ไม่มีใครรู้จักความรัก
ที่เห็นและเป็นอยู่(ส่วนใหญ่) "หลง"ทั้งสิ้น
.....................................
"สติ"ตัวเดียวช่วยได้.จับสติให้มั่น
ทุกอย่างแก้ได้ด้วย"สติ"
..................................
ถ้าคุณปล่อยใจพ่ายแพ้แก่ตัณหาราคะ
(ความอยากชั่วครู่)
ทุกอย่างจะวนเวียนไม่จบสิ้น
ลองพิจารณาตัวเองกันดูนะ
ด้วยความรักและปรารถนาดี.
............................
ความรักต้องเย็นๆเบาๆสบายๆ.
ถ้ามาแนวร้อนรุ่มดั่งไฟลน แบบนั้นอันตราย
ใครรู้ตัวว่ากำลังเป็นไฟ
โปรดหาน้ำมาดับโดยพลัน

 

เขาเรียก แม่ในแดนธรรม

กามาสวะ >>>กามตัณหา>>>ราคะ

อุปถัมภ์ ทุกดวงจิตในแดนสมมุติ...

....