เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของพี่นักเขียนก่อน ยินดีด้วยนะครับที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ท่อนจากหนังสือ only love is real ที่คุณ eazy พิมพ์มานั้น อ่านเหมือนที่อ.โนวา สอนเลย เล่มนี้อ่านจบไปนานแล้ว แล้วเนื้อหาในหนังสือก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน

ช่วงนี้รู้สึกว่าคุณจิตวดี ความฝันจะแจ่มเลย

ฝีมือวาดภาพของคุณ vigie เนี่ยก็ดีวันดีคืนนะครับเนี่ย

 

สารจากพระเจ้า

 

ดีใจจังพี่นักเขียนกลับมาแล้ว
ที่ผ่านมานกก็ไม่ค่อยได้เล่นเลย คอมเจ๊ง ต้องเสียตังค์ซื้อใหม่ แง ๆ เล่นคอมซะควันออกเลย
ตั้งใจจะไปประกวดร้องเพลงของโครงการmariefrance แต่ป่านนี้ยังไม่ได้ซ้อมร้องอะไรเลย แง่ว ๆ จะปิดรับสมัครวันที่ 9 มีนานี้ล่ะ
พี่ ๆ เพื่อน ๆ ชาวห้องวิทย์ให้กำลังใจกันด้วยนะจ๊ะ แต่ยังไม่รู้จะร้องเพลงอะไรของAFเลย
ช่วงนี้แอบเอาเพลงไปโพสต์ที่บอร์ดเพลง อิอิ แอบเอามาให้ฟังกัน
วิจารณ์ได้เลยนะ นกจะได้ไปปรับปรุง แต่sound card on boardมันไม่ดีเลย เสียงไมค์มันเบา ๆ

http://palungjit.org/showthread.php?t=115925
http://palungjit.org/showthread.php?t=116066

 

อ่านจนเิพลินเลยเรา วันนี้ได้ความรู้มากๆ คงนอนหลับสบาย
เพื่อนๆพี่ๆน้องมีหนังสือแนะนำบ้างหรือเปล่าครับ เพราะตอนนี้ไม่มีหนังสือจะให้ศึกษา
เพิ่มเติมยามว่างเลย..และขอบคุณพี่นักเขียนมากๆครับ ที่ช่วยมาขยายความให้พวกเรา
ผมยังเชื่อมั่นเสมอครับ ว่าณ.ปัจจุบันชาติภพที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้มีสิ่งต่างๆที่เรายัง
ต้องเรียนรู้กันอีกมากมายๆ และขอให้ทุกๆคนดำเนินชีวิตด้วยความรักและมีความสุขกันทุกๆคนครับ

 

นิทานที่พี่นักเขียนพิมพ์มาให้อ่านนั้น ก็คาดว่ามีคนเล่าต่อมาเรื่อยๆ จนมีหลายเวอร์ชั่นมาก แต่ความหมายที่สื่อก็ยังคงเหมือนเดิม ก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนจะเป็นต้นฉบับ แต่อันที่เป็นบาทหลวงก็คงจะเป็นอันต้นฉบับเพราะเห็นบ่อยมาก

อันนี้นิทานที่ว่าเป็นอันที่แปลง
---------------------------------------------------
มีชายคนหนึ่งเรือแตก ลอยคออยู่ในทะเล 3 วัน 3 คืน เขาสวดอ้อนวอนพระเจ้าตลอด บอกว่าให้ช่วยเขาด้วย

วันต่อมา มีเรือลำหนึ่งแล่นผ่านมาถามว่าจะให้ช่วยไหม

เขาตอบว่า ไม่ต้อง เพราะเขารอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่

เรือก็จากไป

วันต่อมา มีเรือลำที่สองแล่นผ่านมาอีก และถามว่าจะให้ช่วยไหม

เขาตอบว่า ไม่ต้อง เพราะเขารอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่

เรือก็จากไป...

และเขาตาย

เมื่อเขาตายไปก็ได้ขึ้นสวรรค์ แล้วพบกับพระเจ้า
ทันทีที่พบกับพระเจ้า
ชายหนุ่มก็เข้าไปตัดพ้อกับพระเจ้าเลยว่า
ทำไมท่านไม่ช่วยผม


พระเจ้าก็ตอบมาว่า
ข้าส่งเรือไปแล้วตั้งสองลำแต่เจ้าไม่ยอมขิ้นเอง
--------------------------------------------
เมื่อเกิดน้ำท่วมในเมือง แห่งหนึ่ง
บาทหลวงผู้ศรัทธาใน พระเจ้าได้ติดอยู่บน หลังคาโบสถ์
เมื่อมีเรือมาช่วย บาทหลวงจึงกล่าวว่า เรา เชื่อมั่นในพระเจ้า
พระเจ้าจะช่วยเราท่านจง ไปเถอะ
เมื่อเรือลำที่สองมา ช่วย บาทหลวงก็กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในพระเจ้า
พระองค์จะช่วยเราท่านจง ไปเถอะ
เมื่อเรือลำที่สามมา บาทหลวงก็พูดเช่นเดิม บาทหลวงจึงโดนน้ำท่วมตาย
เมื่อบาทหลวงไปพบพระ เจ้าจึงถามว่า เหตุใด ท่านถึงไม่ช่วยเรา
พระเจ้าจึงตอบว่า
เราส่งเรือไป 3 ลำท่านไม่ เจอเลยเหรอ
--------------------------------------------
มีบาทหลวงคนหนึ่งเป็นคนที่เคร่งในพระเจ้ามาก
วันหนึ่งเกิดมีพายุและฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม
ชาวบ้านต่างพากันพายเรืออพยพออกจากเมือง

ชาวบ้าน 1: หลวงพ่อครับ รีบขึ้นเรือเถอะ น้ำท่วมถึงตาตุ่มแล้วนะ
บาทหลวง: ไม่เป้นไรลูกเอ่ย พ่อเชื่อในพระเจ้า พระองค์ต้องช่วยพ่อแน่

พูดจบบาทหลวงก็สวดมนต์ต่อ เวลาผ่านไปน้ำก็ท่วมถึงเอวแล้ว

ชาวบ้าน 2: หลวงพ่อครับไปกับผมเร็ว น้ำท่วมถึงเอวแล้วนะ
บาทหลวง: ลูกไปเถอะ พระเจ้าต้องช่วยพ่อแน่

แล้วหลวงพ่อก็สวดมนต์ต่อ น้ำก็ท่วมขึ้นเรื่อยๆ จนถึงคอ

ชาวบ้าน 3: หลวงพ่อครับไปกับผมเร็ว เนี่ยผมเป็นเรือลำสุดท้ายแล้วนะ
บาทหลวง: ไปเถิดลูกเอ๋ย เดี๋ยวพระเจ้าต้องทำให้เกิดปาฏิหารย์แน่ๆ พระองค์จะต้องช่วยพ่อ

พูดจบชายคนที่สามก็พายเรือไป บาทหลวงสวดมนต์ต่อไปจนน้ำท่วมมิด
บาทหลวงก็เสียชีวิตและขึ้นสวรรค์ไปเจอกับพระเจ้า

บาทหลวง: ทำไม พระองค์ไม่ช่วยลูก ลูกเชื่อในพระองค์ เฝ้าสวดมนต์อ้อนวอนตลอดเลย
พระเจ้า: ก็ส่งคนไปช่วยตั้งสามคนแล้ว ไม่อยากไปกับเขาเอง ช่วยไม่ได้
บาทหลวง: ????????
--------------------------------------------------
ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง มีบาทหลวงคนหนึ่งเคร่งศาสนามากและมีความคิดว่า "เมื่อเขาศรัทธาในพระเจ้า พระเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งเขา"

วันหนึ่งเกิดพายุใหญ่ น้ำเริ่มท่วมเมือง ทางการจึงส่งเรือกู้ภัยเพื่อมาช่วยเหลือคนที่ประสบภัยในหมู่บ้าน เรือกู้ภัยลำแรกก็มาหลังจากน้ำท่วมได้ถึงชั้นหนึ่ง เมื่อผ่านมาทางโบสถ์

พนักงานกู้ภัย : พ่อขึ้นเรือหนีน้ำไปด้วยกันเถอะ..ตอนนี้น้ำกำลังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
บาทหลวง : ไม่เป็นไรลูกไปรับคนอื่นก่อนเถอะ พ่อยังขึ้นไปอยู่ชั้นสองได้ พระเจ้าไม่ทอดทิ้งพ่อหรอก

หลังจากนั้นไม่นานน้ำก็ท่วมถึงชั้นสองหน่วยกู้ภัยก็มาหาบาทหลงท่านนี้อีก
พนักงานกู้ภัย : พ่อขึ้นเรือมาด้วยกันเถอะ.....อันตรายมากพายุไม่มีท่าทีว่าจะสงบเลย
บาทหลวง : ไม่เป็นไรลูกไปรับคนอื่นก่อนเถอะ พ่อไม่เป็นไรหรอก พ่อศรัทธาในพระเจ้า พระเจ้าไม่ทอดทิ้งพ่อหรอก

ต่อจากนั้นไม่นานน้ำท่วมถึงหลังคาหน่วยกู้ภัยก็มาหาบาทหลวงที่โบสถ์อีก ก็เห็นบาทหลวงยืนอยู่บนหลังคาโบสถ์
พนักงานกู้ภัย : พ่อขึ้นเรือมาเถอะน้ำไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย พ่อก็ไม่มีที่ให้หนีแล้วนะ ไป ไปด้วยกันเร็ว
บาทหลวง : ไม่เป็นไรลูกไปรับคนอื่นก่อนเถอะ พระเจ้าไม่ทิ้งพ่อหรอก

หลังจากหน่วยกู้ภัยจากไปไม่นานน้ำท่วมมิดหลังคาโบสถ์ กระแสน้ำได้พัดพาร่างบาทหลวงหายไปกับสายน้ำ บาทหลวงที่เคร่งศาสนา ศรัทธาในพระเจ้า และกระทำดีมาตลอดเมื่อเสียชีวิตแล้วจึงได้ขึ้นสวรรค์
เมื่อได้ขึ้นสวรรค์บาทหลวงท่านนี้ได้พูดกับพระเจ้าว่า

บาทหลวง : ลูกศัทธาในพระเจ้า และก็กระทำดีมาตลอดไม่เคยบกพร่องเลย ทำไมเวลาที่ลูกมีเรื่องเดือดร้อนพ่อจึงไม่ช่วยลูก
พระเจ้า : "ก็พ่อส่งเรือไปช่วยต้อง 3 ลำแล้ว ทำไมลูกไม่ขึ้นมา"
-------------------------------------------
นานมาแล้วมีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งศรัทธาในตัวพระเจ้าเป็นอย่างมาก ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้อาศัยอยู่ที่เมืองแห่งหนึ่ง
และในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่องแห่งนี้ได้เกิดวิกฤต ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมเมือง ผู้คนในเมืองพากันอพยพหนีออกจากเมืองนั้น

แต่ชายหนุ่มผู้นี้ทำอย่างไรก็ไม่ย่อมออกจากเมือง ทั้งที่ญาติพี่น้องของตนนั้นได้ชวนเท่าไรก็ไม่ยอมไป
ได้แต่บอกว่า "เราจะรอให้พระเจ้ามาช่วยเรา" ญาติได้ยินดังนั้นจึงพากันออกจากเมือง
แต่มีหญิงคนหนึ่งเดินมาชวนชายหนุ่ม ที่ศรัทธาพระเจ้า ในวันแรกที่น้ำท่วมถึงหัวเข่า
หญิง - ไปกับเราเถอะท่าน
ชายหนุ่ม - ไม่ เราจะรอจนกว่าพระเจ้าจะมาช่วยเรา

วันที่สองน้ำท่วมถึงอก
หญิง - ท่านจะไม่ไปกับเราจริงๆเหรอ นี่น้ำมันท่วมถึงอกเราแล้วนะ
ชายหนุ่ม - ไม่ เราจะรอจนกว่าพระเจ้าจะมาช่วยเรา
หญิง - แต่เราจะมาช่วยท่านนะ

วันที่สาม น้ำท่วมจนมิดหัว และชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เสียชีวิต หลังจากได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เดินตรงไปหาพระเจ้าด้วยอารมณ์ที่โกรธมาก เพื่อจะต่อว่า
ชายหนุ่ม - ทำไม ท่านไม่ไปช่วยเรา
พระเจ้า - ก็เราส่งคนไปช่วยท่านแล้ว แต่ท่านไม่ยอมไปกับเขาเอง
ชายหนุ่ม !!!
-------------------------------------------------

เพิ่มเติม： หลังจากที่ได้ไปลองหาดู ต้นฉบับภาษาอังกฤษน่าจะเป็นหนังสือที่ชื่อว่า "The Prayer of the Frog"（เพราะว่าชื่อคล้ายกัน） แต่งโดยคุณพ่อ Anthony de Mello นะครับ หนังสือเล่มนี้มีสองเล่ม ลองดูหน้าปกได้ที่เวปนี้ http://www.wellsprings.com.sg/nzc/index.php?main_page=index&cPath=1_40_61&sort=20a&page=1

เพิ่มเติม2：หนังสือที่พี่นักเขียนว่าไว้หน้าปกเป็นประมาณนี้ใช่หรือเปล่าครับ


ไปเจอมาที่นี่ http://www.issara.com/product/book/frog-pray.html

และก็ไปเจอที่เค้าแปลหนังสือเรื่อง Taking Flight ซึ่งผลงานของคุณพ่อ เดอเมลโล (Anthony De Mello) เหมือนกัน ในเรื่องนี้มีเรื่องน้ำท่วมนี่เหมือนกันด้วย อยู่หน้า 53-54 ลองอ่านได้ที่นี่ฮะ http://www.shb.or.th/article/ACAaAeA_eOCoO1_1.doc

 

Happy จังเลย

ขอบคุณ คุณ zip มากๆที่ให้ที่มาของหนังสือ คำภาวนาของกบ
เป็นอันว่าการค้นหาอันยาวนานของพี่นักเขียน ก็มาสัมฤทธิ์ผลที่ห้องวิทย์นี้อีกหนึ่งอย่างแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของ Einstein Zipper (deejai)
พี่นักเขียนลอง Google ดูเลยพบหนังสือของ Anthony de Mello (Jesuit)
อีกหลายเล่ม คุณ easymz3 คงจะได้เติมเต็มยามว่างอย่างสนุกสนานไปอีกนานนะคะ

1.The Song of the Bird, 1984. ISBN 978-0385-19615-4
2.Sadhana: A Way to God, 1984. ISBN 978-0385-19614-7
3.Wellsprings, 1986. ISBN 978-0-385-19617-8]
4.One Minute Wisdom, Image, 1988. ISBN 978-0-385-24290-5
5.Awareness, Image,1990. ISBN 978-0385-24937-9
6.Taking Flight, 1990. ISBN 978-0-385-41371-8
7.The Way to Love, 1992. ISBN 978-0385-24939-3
8.The Heart Of The Enlightened, Image, 1994. ISBN 978-0-517-11474-2
9.Awakening, Image, 2003. ISBN 978-0385-50995-4
10.Contact with God, Image, 2003. ISBN 978-0385-50994-7
11.One Minute Nonsense
12.The Prayer of the Frog
13.Praying Naked: The Spirituality of Anthony de Mello (by J. Francis Stroud, S.J.), Image 2005. ISBN 978-0385-51314-2

The Prayer of the Frog ฉบับภาษาอังกฤษ ที่ขายในอเมริกาเล่มละตั้ง $50 แต่ร้านหนังสือในอินเดียขายแค่ $5 บวกค่าส่งแล้วก็ยังไม่ถึง $20 และหน้าปกไม่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าคนแปลคนละคนกันหรือเปล่า เข้าใจว่ามีฉบับแปลเป็นหลายภาษาทั่วโลก ต้นฉบับเป็นภาษา Spanish เพราะบาทหลวงคนที่เขียนเป็นชาวสเปน คงจะมีภาคภาษาไทยหลายเล่มแล้วค่ะ (rose)

 

ความก้าวหน้าของจิตวิญญาณ

ขอบคุณ คุณน้องขจรวรรณสำหรับความรักที่เพิ่มมาให้พี่นักเขียนค่ะ

ส่งความรักกลับมาให้คุณน้องขจรวรรณอีกหลายเท่าด้วยเสียงเพลงนะคะ เพราะร้องเพลงไม่เก่ง พี่นักเขียนตั้งใจว่าจะเรียนจากน้องนกและคุณ VeggieGuy ก่อนค่ะ

ขณะที่จิตเป็นสมาธิ สติสัมปชัญญะจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปจากภาวะเดิม การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปแตกต่างกัน ตามธรรมชาติอันหลากหลาย ซึ่งหากเราสามารถวัดหรือเรียกวิถีการจดจ่อแต่ละครั้งได้ เราจะพบว่ามันไม่เคยซ้ำกันเลย แม้ว่าประสบการณ์นั้นๆจะดูเสมือนว่าคล้ายคลึงกัน แต่หากเราพิจารณาด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัดได้มากขึ้นเรื่อยๆ เราจะพบว่ามันไม่เคยเป็นประสบการณ์ที่ซ้ำกัน หรือเหมือนกันเลย เช่นเดียวกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา ชั่วชีวิตเราไม่เคยมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดขณะหนึ่ง เหมือนกันหรือซ้ำกันกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอีกขณะหนึ่ง เพราะมันเปลี่ยนแปลงและผันแปรไปตลอดวันเวลา

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ใน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 4 ประสาทสัมผัสภายในว่า
การที่เธอจะเรียนรู้ได้ว่าจิตวิญญาณคืออะไร มีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้นคือ การศึกษาและวินิจฉัยสติสัมปชัญญะของเธอ ด้วยการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ และการใชสติสัมปชัญญะหลายหลากวิธีการที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดังนั้นคุณน้องขจรวรรณไม่ต้องวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อคุณน้องสังเกตเห็นความแตกต่างนั้นๆได้มันหมายถึงว่า คุณน้องได้เปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะครอบคลุมทิศทางอื่นๆซึ่งยังไม่เคยครอบคลุมมาก่อน

ขอแสดงความยินดีด้วยกับความก้าวหน้าค่ะ (deejai)

 

อย่างงี้นี่เองนะครับเรื่องนรกสวรรค์ ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องสวรรค์นะผมก็ยังคิดเลยว่าไม่เห็นจะอยากไปเลยสวรรค์ อยู่โลกมนุษย์สนุกกว่าเยอะ อิอิ
รักเพื่อนร่วมโลกครับ!

 

คุณ Veggie วาดรูปเก่งจัง สงสัยขจรวรณจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแล้วสิ.. ฮือฮือ..:'(
น้องนกก็ร้องเพลงเพราะเชียว ไว้ประกวดเมื่อไหร่จะไปเกาะอยู่ข้างเวทีเลยค่ะ.. อิอิ..(kiss)
คุณ Zip ก็ข้อมูลแน่นเชียว ไม่ว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรคุณ Zip ก็หาข้อมูลให้ได้อย่างทันท่วงทีเลยค่ะ..(good)
รอร้อรอ.. พี่จิตต์อ่านหนังสือจบ 10 เล่ม จะได้มาเล่าความฝันที่น่าตื่นเต้นให้พวกเราฟัง..

 

พี่นักเขียนคะ การที่เราจะพิจารณาใครสักคนว่าเป็นไปตามที่เค้าแสดงออกมาให้เราเห็นหรือไม่ เราจะต้องทำยังไงบ้างคะ อย่างเช่นฉากหน้าแสดงตนว่าเป็นผู้มีความรักความเมตตา แต่ฉากหลังอาจจะไม่ใช่อย่างที่เป็น เอ.. อาจจะใช้คำว่าอย่าเชื่อสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่เป็นก็น่าจะได้ เพราะบางครั้งเราก็มักจะคิดไม่ถึงและคิดว่าเค้าเป็นคนดีอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นจริง ๆ อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ..

 

ถ้าไม่มี search engine อย่าง google ก็คงลำบากอ่ะคับ ทุกสิ่งหามาได้ด้วย google เพียงแค่เลือกใช้ keyword ให้ถูกเท่านั้นเอง หุหุ

ตอนเที่ยงไปเห็นหนังสือพลังจิตของหมอแกน กายสิทธิ์ ใครรู้จักบ้างเอ่ย?

http://www.morgangaiyasit.com/

 

...

ต่างกับผมเลยครับคุณ easymz3 เพราะผมมีหนังสือในมือค่อนข้างเยอะครับ
แต่ยังไม่มีเวลาได้อ่านสักเท่าไหร่ ตั้งใจว่าจะทำเว็บไซต์ส่วนตัวแนะนำหนังสือที่ตนเองอ่าน ประมาณว่า "My bookshelf" น่ะครับ แต่คงอีกสักระยะครับ

ยังไม่ได้ฟังเพลงของคุณสิงห์สาวเลย เพราะช่วงนี้เครื่องไม่มีลำโพงครับ
ว่าแต่เราไปออกอัลบั้มคู่กันดีมั้ยครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจในการวาดรูปครับ ก็จะพยายามพัฒนาไปเรื่อยๆ ครับ

นิทานที่พี่นักเขียนเล่ามามีหลายเวอร์ชั่นจริงๆ ครับ ที่ผมเคยฟังมาก็อีกม้วนหนึ่ง
ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องเล่า เพราะสื่อเรื่องเดียวกันครับ

คุณขจรวรรณอย่าเพิ่งถอดใจสิครับ สู้ๆ

 

ยกขบวนไปเชียร์กันทั้งห้องวิทย์เลยนะ เย้ ๆ อิอิ(kiss)

 

ได้เลยคุณพี่VeggieGuy เป็นดูโอประจำห้องวิทย์ อิอิ

 

ขอบคุณ คุณ VeggieGuy สำหรับสาระและข้อความดีที่มีมาอย่างสม่ำเสมอ และเป็นประโยชน์สำ
หรับผู้บริโภคอย่างผมครับ อยากวาดรูปได้เก่งๆอย่างคุณจังเลย(||)
คุณ mead คงมีความสุขมากเลยทีเดียวแอบอิจฉาอยู่ลึกๆครับ(อิจฉาแมวครับ)(one-eye)
คุณ khajornwan เป็นคนเปิดประเด็น ส่วนพี่นักเขียนก็เป็นคนอธิบาย น่ารักมากครับคู่นี (ping-love
ขอบคุณนักค้นคว้าอย่่างคุณ Zipper ที่คอยหาอาหารดีๆมาป้อนให้ได้ความรู้กัน อิมกันถ้วนหน้าครับ (deejai)
คุณ leogirlw99 ครับ ผมได้ฟ้งแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าอยากให้วิจารณ์หรือเปล่า (smile) เอาสักหน่อยนะครับ ผมว่าเนื้อเสียงของคุณ leogirlw99 ดีทีเดียวครับ ออกเสียงได้ชัดท่อยชัดคำเยี่ยมครับ แต่ผมฟ้งหลายๆเที่ยวแล้วมันยังเหมือนอั้นๆครับ ผมว่าน่าจะลองร้องเพลงที่มีโทนเสียงสูงๆกว่านี้และลองขับพลังให้ออกมาเต็มที่ดูนะครับ อย่างน้อยก็ได้บริหารปอด (good) ลองเปรียบเทียบ Miss Call กับพี่ชายที่ไม่แสนดี(ความรู้สึกจากการเอาหูแนบลำโพง) ผมว่าเพลงแรกยังขาดอารมณ์แต่เพลงที่สองรู้สึกว่าใส่อารมณ์ได้ดีกว่าไม่รู้ว่าิอิน..ในเนื้อเพลงหรือเปล่าครับ (smile) รวมแล้วดีมากครับที่น้อยไปหน่อยก็มีเีพียงพลังและอารมณ์ร่วมครับ ฝึกเยอะรับรองรุ่งครับ อย่างนี้ต้องขอถ่ายรูปด้วยแล้ว เก็บไว้เป็นที่ระลึก (good)

แหมพี่นักเขียนกลับมาห้องดูคึกคักจัง หายเหงาแล้วเราหลังจากเฝ้าบอร์ดมานาน (good) (good)

 

รู้เขา ด้วยการร่วมรู้สึก

พี่นักเขียนขอตอบคำถามอย่างสั้นที่สุดก่อนค่ะว่า เราสามารถรู้เขาได้ ด้วยการร่วมรู้สึก แต่ความหมายของคำตอบยาวอีกหลายไมล์นะคะ

คำถามของคุณน้องขจรวรรณที่ว่า เราจะรู้หรือเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของผู้อื่นได้อย่างไรนั้น เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบสองส่วนด้วยกันคือ
1. รู้และเข้าใจได้อย่างไร
2. รู้และเข้าใจแล้ว ควรประพฤติปฏิบัติหรือทำความเข้าใจกับความเป็นจริงนั้นๆอย่างไร

เพราะหากเราเพียงแต่รู้หรือเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของผู้อื่นได้เท่านั้น แต่เราไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหลังความคิดและการแสดงออกของเขา และเราไม่สามารถประพฤติปฏิบัติให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้ ความรู้นั้นก็เปล่าประโยชน์หรือให้โทษด้วยซ้ำไป ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าผู้อื่นพูดไม่ตรงกับใจ เขาพูดหรือแสดงออกเสมือนเป็นผู้ที่ซื่อตรง ใจกว้าง ไว้วางใจได้ แต่ใจจริงกลับคดโกง ใจแคบ เอารัดเอาเปรียบหรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

หากเรารู้ได้เพียงแค่นั้น สิ่งที่ตามมาก็คงไม่พ้นความโกรธ ความเกลียด ความรังเกียจ ความอาฆาตมาดร้าย แต่หากว่าเราสามารถเข้าใจต้นกำเนิดของความเป็นจริง ที่อยู่เบื้องหลังความคิดและการแสดงออกของเขา เราจะเข้าใจต่อไปอีกด้วยว่า เราจะประพฤติปฏิบัติในทิศทางใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่นและต่อบุคคลผู้นั้น ความรู้นั้นจึงจะเกิดประโยชน์ เพราะมันจะทำให้เราไม่หยุดอยู่เพียงแค่รู้แล้วก็โกรธ เกลียด รังเกียจ หรืออาฆาตมาดร้าย แต่ทำให้เรารู้ว่าเราจะพลิกผันประสบการณ์ของเราได้อย่างไร เช่น จะทำให้บุคคลผู้นั้นซื่อตรงกับเรา จริงใจกับเรา หรือหากเราเปลี่ยนบุคคลผู้นั้นไม่สำเร็จ อย่างน้อยที่สุดเราก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาได้สำเร็จ คือตระหนักได้ว่า พฤติกรรมของเขามีที่มาจากทัศนคติหรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดที่คล้อยตามความเชื่อในทางอันใดของเรา เช่น ความเชื่อของเราที่ว่าเขาไม่หวังดีต่อเรา เชื่อว่าเราจะพบกับความไม่ซื่อตรง เชื่อว่างานที่เราทำจะต้องเผชิญกับอุปสรรค และอุปสรรคดังกล่าวก็ปรากฎในรูปของผู้ร่วมงานที่ไม่ซื่อ เป็นต้น

บางครั้งเราคิดว่าเราจะทำงานโดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน ความคิดดังกล่าวของเราก็ทำให้เราเผชิญกับผู้ที่หวังผลประโยชน์ส่วนตน กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตนหริือคดโกงเรา เพราะความคิดทั้งหมดของเราเป็นไปตามกฎแห่งการดึงดูดของจักรวาล เมื่อเราคิดว่าเราจะไม่เอาผลประโยชน์ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็มีที่ไปคือ ไปเข้ามือผู้ที่หวังผลประโยชน์ส่วนตน เพราะมันเป็นความคิดต่างขั้วที่คล้องจองกันและดึงดูดกันและกันการตามกฎของจักรวาล ประสบการณ์ในแง่ลบทั้งหมดไม่ได้มีต้นกำเนิดจากภายนอก แต่ถือกำเนิดมาจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราโดยแท้

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า :
เธอจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะตระหนักได้ถึงประสาทสัมผัสภายในเหล่านี้และใช้งานมัน การใช้ประสาทสัมผัสภายในเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะทำให้จิตวิญญาณของเธอขยายตัวได้ด้วยการเรียนรู้ธรรมชาติแห่งความเป็นจริงหลากมิติ
(ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 4 ประสาทสัมผัสภายใน หน้า 39)

พี่นักเขียนจะคัดลอกข้อความจากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 4 ประสาทสัมผัสภายใน มาให้อ่านกันอีกครั้ง เพราะประสาทสัมผัสภายในคือความสามารถอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ เราทั้งหลายคือจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนัง ความสามารถอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณจึงอยู่กับเราและเป็นของเรา และเราสามารถนำมันมาใช้การได้เสมอ

พี่นักเขียนอยากจะขอให้พวกเราศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสภายในอย่างจริงจัง เพราะมันเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับตนเองได้ และยังผลให้เราเข้าถึงความเป็นจริงของทุกสิ่งทุกอย่างได้ รวมทั้งการเข้าใจผู้อื่นได้อย่างหมดเปลือก ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า:

ประสาทสัมผัสภายในไม่ได้มีความสำคัญเพราะเหตุว่า มันทำให้เธอรู้เห็นอนาคตหรือติดต่อสื่อสารทางจิตได้ แต่ประสาทสัมผัสภายในเปิดเผยให้เธอรู้เห็นความเป็นอิสระจากโลกทางกายภาพ ทำให้เธอตระหนักถึงความเป็นเอกลักษณ์และการเป็นบุคคลตัวตนในโลกหลากมิติ หากเธอรู้จักใช้ประสาทสัมผัสภายในอย่างเหมาะสม มันจะแสดงให้เธอรู้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของการมีชีวิตทางกายภาพและตำแหน่งหน้าที่ของเธอในโลกนี้ เธอจะดำเนินชีวิตในทิศทางที่ฉลาด-มีคุณค่า-ก่อเกิดคุณประโยชน์และมีชีวิตที่เป็นสุข เพราะเธอจะเริ่มเข้าใจว่า เธอมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์-เป็นบุคคลตัวตนเพื่อวัตถุประสงค์อะไร (หน้า 42)

ประสาทสัมผัสภายในช่วยให้เธอใช้ความสามารถในการติดต่อสื่อสารทางจิตได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถอ่านจิตใจผู้อื่นได้ มันหมายความว่าในครอบครัว ในวงการธุรกิจ ในสังคม เธอจะมีสัญชาติญาณที่ทำให้เธอมีสติรู้เห็นได้คมชัดว่า ผู้อื่นกำลังพยายามสื่อความหมายอะไรที่แท้จริงกับเธอ

เธอจะตระหนักถึงความเป็นจริงที่อยู่ลึกไปกว่าคำพูดของเขา เธอจะสามารถใช้คำพูดได้ดีขึ้นในการสื่อสารถึงความรู้สึกภายในของเธอกับผู้อื่น เธอจะรู้ความหมายที่แท้จริงของความรู้สึกเหล่านั้น เธอจะปราศจากความรู้สึกกลัวและไม่มีความจำเป็นจะต้องซ่อนเร้นปิดบังความรู้สึกเหล่านั้น

พวกเธอจำนวนมากมักเรียกประสาทสัมผัสภายในชนิดหนึ่งว่า

 

ขอบคุณค่ะคุณพี่easymz3 นกก็รู้สึกบ่อย ๆ เลยว่าเวลาร้องเพลงแล้วเหมือนยังปล่อยเสียงไม่เต็มที่ จะติดร้องแบบเบา ๆ ประจำ เด๋วพยายามหาเพลงยาก ๆ มาร้องอีก ให้พี่ ๆ ช่วยวิจารณ์กันนะ
ฝึกไปจะได้เก่ง ๆ เผื่อประกวดเข้ารอบขึ้นมาจะยกกันไปทั้งห้องวิทย์เลย 555

วันนี้ก็แอบแว้บไปซื้อsoundcardที่พันธุ์ทิพย์มา มาร้องใหม่เสียงจะได้ฟังชัด ๆ หน่อย คุณพี่easymz3จะได้ไม่ต้องเอาหูแนบลำโพงแล้ว อิอิ
http://palungjit.org/showthread.php?t=116219
http://palungjit.org/showthread.php?t=116239
http://palungjit.org/showthread.php?t=116249
miss callมีร้องใหม่ด้วยจ้า http://palungjit.org/showthread.php?t=115925

 

น้องนกครับ เสียงดนตรีมันบดบังเสียงของนกครับ หากเอาเสียงน้องนกให้โบยบินอยู่เหนือเสียงดนตรี
ได้จะเยี่ยมมากครับ เนื้อเสียงดีอยู่แล้วแสดงพลังมันออกมาให้สุดครับ (good) เปลี่ยน Soundcard แล้วฟังเพลงของน้องนกได้เพลิดเพลินดีครับ ขอให้มีความสุขกับการร้องเพลงครับ
บาย ดึกแล้วพรุ่งนี้สายเดี๋ยวหัวหน้างานว่าเอา

 

สวัสดีค่ะพี่นักเขียนและพี่ๆทุกท่าน ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ ไม่ได้เข้ามาในห้องวิทย์นานมากๆๆ ตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ วันนี้พึ่งได้เริ่มเข้ามาอ่านใหม่พึ่งอ่านมาได้ถึงหน้า 7 วันนี้ขอนอนก่อนดึกมากแล้ว...ไว้พรุ่งนี้มาอ่านต่อ สนใจหนังสือค่ะ...ไม่ทราบตอนนี้ยังมีวางขายหรือเปล่า (เห็นว่าระงับจำหน่ายเหรอค่ะ) ยังพอมีทีไหนบ้างน้อ....