เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างเหรียญพระ ๑,๐๐๐ บาท โอนเงินเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 ค่ะ
    ตอนแรก ตั้งใจจะโพสต์ข้อความพร้อมส่งภาพ ค่ะ แต่ส่งรอบแรกไม่ไป ก็เลยลืม
    โอนเข้า บัญชี ธนาคารกรุงเทพค่ะ นางพัชรินทร์ วงศ์เอนกอนันต์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2016
  2. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    ส่งภาพใบโอนเงิน ไม่มีภาพขึ้นค่ะ
    ขอไปรับเหรียญที่บ้านอาจารย์สุวิค่ะ ขอบคุณค่ะ กราบโมทนาบุญค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. มีนัม

    มีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +5,750
    ร่วมบุญไว้ 3 เหรียญ ไว้ไปรับที่บ้านคุณหมอครับ
     
  4. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    กระผมร่วมบุญเหรียญเงิน 1 เหรียญ
    ที่อยู่เคยส่งไปให้ทาง pm
    เดี๋ยวกระผมลงไว้ที่นี่ด้วยครับผม..

    กรุณาส่งมาที่

    นายณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    งานเลขานุการ
    ปณอ. 111 ม.ราชภัฏอุดรธานี
    อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000

    สาธุครับผม..
     
  5. itou

    itou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,196
    จะบวชมีคำแนะนำไหมครับ เลือกวัดยังไงดีครับ

    เห็นบางคนเบื้องบนเลือกวัดให้
     
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ขอชื่อที่อยู่อีกทีเถอะครับ
    แล้วจะต้องแยกที่ส่งหรือไม่

     
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ทุกท่านที่ร่วมบุญ และต้องการจะให้หมอสุวิ ส่งเหรียญพระให้

    ขอชื่อที่อยู่ใน Inbox หน่อยครับ
     
  8. พ่อณภัทร

    พ่อณภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    7,877
    ค่าพลัง:
    +3,633
    ผมแจ้งที่อยู่ทางกล่องข้อความให้ทราบครับ ส่งมาให้ผมทั้งหมดเลยก็ได้ครับอาจารย์ ผมจะส่งต่อให้ผู้ร่วมทำบุญเองครับ ขอบคุณครับ
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ได้เหรียญพระไปแล้ว ก็ลองอธิษฐานดูซิครับ
     
  10. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    พึ่งส่งที่อยู่ให้ อ. สุวิค่ะ และ forward ให้คุณผู้ใช้นามว่า พ่อณภัทร เผื่อคุณเป็นผู้จัดส่งเหรียญพระแทน อ.สุวิ ค่ะ

    ขอบพระคุณค่ะ
    กราบโมทนาสาธุค่ะ
     
  11. itou

    itou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,196
    กำลังสงสัยว่า เพราะแต่ก่อน หลังทำสมาธิผมชอบนำบุญที่ได้บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งปวง แล้วอธิษฐานแบบโง่ๆ (ไม่ประมาณตน) คือ "ขอให้เจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญายิ่งๆขึ้นไป ไม่มีทางเสื่อมลงได้เลย มีแต่จะเจริญขึ้นเท่านั้น"

    ตอนนี้เลย รู้สึกว่าการปฎิบัติก็ก้าวหน้าจริง แต่โดนสอบอย่างหนักเหมือนกัน :'(

    ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่า แต่ถ้าเกี่ยวกลัวนานๆไปจะไม่ไหว เอาแบบค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า เลยขอถามว่า มีวิธีแก้ไข หรือ ถอนคำอธิษฐานสำหรับคนโง่ไหมครับ
     
  12. พ่อณภัทร

    พ่อณภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    7,877
    ค่าพลัง:
    +3,633

    ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดครับ มีพี่ที่รู้จักร่วมทำบุญเหรียญสมเด็จองค์ปฐมผ่านทางผมด้วย ผมแจ้งที่อยู่ให้อาจารย์สุวิทราบแล้ว และขอรับเหรียญที่ผมร่วมทำบุญพร้อมกับของพี่ที่ร่วมทำบุญรวม 3 เหรียญเท่านั้น แล้วผมจะส่งต่อให้เขาเองครับ ส่วนของท่านอื่นที่ต้องการให้อาจารย์สุวิจัดส่งให้ก็แจ้งที่อยู่ให้อาจารย์ทราบโดยตรงครับ ท่านจะจัดส่งให้เองครับ (ผมไม่ได้รับเหรียญที่มีผู้ร่วมทำบุญทั้งหมดมาจัดส่งให้ครับ)
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พรหมวิหารสี่ พระโพธิสัตว์ และความประมาท (มีทั้งหมด ๕ ตอน)


    เห็นมีคนพูดถึง "อุเบกขา" อันเป็นหนึ่งในข้อธรรมแห่งพรหมวิหารสี่
    เลยมีนิทานมาเล่าให้ฟังนะ


    สมัยหนึ่ง หลังจากการฝึกเริ่มเข้าไคล
    ขณะนั่งสมาธิอยู่ ให้ระลึกถึงท่านผู้เฒ่า ระลึกถึงคำกล่าวที่ท่านได้กล่าวไว้ในเรื่องพรหมวิหารสี่

    ตอนที่ ๑ ความเมตตา กรุณา และมุทิตา

    ภาพปารกฏ เห็นท้องทุ่ง ชายป่าอันงดงานแห่งหนึง
    บุรุษหนึ่งผู้ตั้งความปรารถนาฝึกตนเพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์ เดินทางผ่านมา
    กระต่ายน้อยน่ารักตัวหนึ่ง กระโดดไปมา หากินอยู่บริเวณนั้น
    มีนกใหญ่ตัวหนึ่งบินผ่านมาเห็นกระต่ายน้อย จึงโฉบลงหมายจับกระต่ายน้อยเป็นภักษา
    ด้วยจิตอันเปี่ยมด้วยเมตตา และกรุณา แห่งมานพหนุ่ม
    จึงหยิบท่อนไม้ขว้างไปที่นกใหญ่น้น ด้วยหมายใจขัดขวางการไล่ล่า
    ให้บังเอิญ ถูกนกใหญ่นั้นได้รับบาดเจ็บบินหนีไป

    กระต่ายน้อยจึงปลอดภัยหากินด้วยความสุข
    ยังความปิติให้มานพผู้นั้น
    เมตตา กรุณา และมุทิตา ที่มานพหนุ่มบำเพ็ญ พร้อมสมบูรณ์แล้ว

    เรื่องจบแล้ว เรื่องมันก็ง่ายๆเช่นนี้ ทุกคนรู้กันทั่ว
    เริ่มหายใจเข้าลึก เพื่อเปลี่ยนอารมภ์จิต "ยัง..ยัง...ๆๆ ไม่จบ..ๆ"
    เสียงกระซิบเล็กๆดังขึ้นที่ศูนย์กลางแห่งทันตา
    แล้วภาพก็ดำเนินต่อ

    ภาพที่ปรากฏ
    เป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ในความรู้สึก สภาพคล้ายที่ว่าความตัดสินความดีและปูนบำเหน็จความชอบ คล้ายศาลตัดสินคดีความ

    มานพหนุมผู้นั้นปรากฏตัวขึ้น และถูกตัดสินชั่งน้ำหนักในความดีและเลว

    เขาได้รับปูนบำเหน็จแห่งคุณความดีที่ได้กระทำมา และเป็นที่สรรเสริญ ในธรรมคือพรหมวิหารสี่ที่ได้ปฏิบัติมาชั่วชีวิต
    ทว่ามานพผู้นี้ ยังต้องคดีฟ้องร้องอยู่คดีหนึ่ง โดยนางนกใหญ่ บรรยายคำฟ้องว่า

    นางเองเป็นนางนกใหญ่ มีปกติหาเลี้ยงชีวิตด้วยการจับสัตว์อื่นเป็นอาหารเพื่อยังชีพ
    มานพหนุ่มผู้นี้ เบียดเบียน ต่อนาง ขัดขวางการเลี้ยงชีพของนาง
    และยังบังอาจขว้างท่อนไม้ใส่นาง ทำให้นางได้รับบาดเจ็บ ออกหากินเลี้ยงชีพไม่ได้
    ทำให้นางต้องอดตายอย่างทุกข์ทรมารแสนสาหัส ก่อนเวลาอันควร
    ซ้ำยังทำให้ลูกน้อยอีกสามชีวิต ขาดผู้เลี้ยงดู ต้องพลอยอดตายไปด้วยความทรมาร

    มานพผู้นี้สมควรถูกปรับโทษชดใช้ชีวิตต่อนาง
    ไม่ควรได้รับการปูนบำเหน็จและสรรเสริญใดๆเลย

    และภาพทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้
    ในความรู้สึกได้สัมผัสกับความในใจของมานพหนุ่ม
    ผู้รู้สึกในความผิดพลาดของตน
    และรับรู้ถึงความปรารถนาอย่างรุนแรง (ตั้งสัจจะ) เพื่อแก้ไขความผิดพลาดครั้งนี้

    และยังไม่ทั้นถอนลมหายใจ..
    ภาพเรื่องที่สองก็ปรากฏขึ้น......ในโนนึก
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พรหมวิหารสี่ พระโพธิสัตว์ และความประมาท (มีทั้งหมด ๕ ตอน)

    ตอนที่ ๒ อุเบกขาธรรม

    ภาพที่ปรากฏในสายตา
    มันก็ยังเป็นทุ่งหญ้าแลราวป่า สถานที่เดิม

    เจ้ากระต่ายน้อย ที่น่าเอ็นดู ก็ยังกระโดดโลดเต้นหากินอยู่เช่นเดิม และในสถานที่แห่งเดิม
    ดูบนท้องฟ้า นางนกใหญ่ บินเวียนว่อน หมายตาที่กระต่ายน้อย
    มานพหนุ่มผู้นั้น หยุดยืนมองที่กระต่ายน้อย และเหลือบมองนางนกที่โผบินอยู่บนฟากฟ้า ที่โฉบลงมาไล่ล่ากระต่ายน้อย ที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอยู่

    ใจสัมผัสได้ ใจแห่งมานพหนุ่มรู้ว่า นางนกมีปกติเลี้ยงชีพด้วยด้วยการจับสัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็นอาหารเพื่อยังชีพ
    ด้วยเหตุนี้มานพหนุ่มจึงวางอุเบกขาไม่คิดยุ่งเกี่ยว แล้วแลอยู่
    ไม่นานนางนกก็จับกระต่ายน้อยได้โผบินสู่ท้องฟ้าบินลับหายไป

    มานพหนุ่มก็เดินทางต่อ บำเพ็ญพรหมวิหารธรรมเป็นที่เลื่องลือ จนจวบสิ้นอายุไข

    เอ้อ..ธรรมมันก็ง่ายๆดีเนาะ..
    เออ...งานนี้ โพธิสัตว์หนุ่มจะสอบได้หรือสอบตกหว่า......
    จิตที่คำนึงถึงผลสรุป แล้วภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป

    ภาพที่ปรากฏในมโนนึกพลันเปลี่ยนไป

    สถานที่ว่าความแห่งเดิม ผู้ตัดสินคนเดิม ทุกสิ่งเหมือนเดิมทั้งสิ้น
    ความผิดถูกชั่วดีแห่งมานพหนุ่มได้ถูกนำขึ้นตาชั่ง
    สิ่งบันทึกไว้มีแต่ความดี พรหมวิหารที่บำเพ็ญเป็นที่ยกย่องสรรเสริญแก่เหล่ามนุษย์และเทวดา
    งานนี้มานพหนุ่ม สอบผ่านอย่างไม่ต้องสงสัย เสียงสรรเสริญอึงมี่

    ระหว่างการประกาศเกียรติคุณ
    เจ้ากระต่ายน้อยที่น่าเอ็นดูไม่รู้โผล่มาจากที่ใด
    ประกาศค้านการตัดสินครั้งนี้

    มานพผู้นี้บำเพ็ญพรหมวิหารได้ไม่ครบถ้วน
    ตนเป็นกระต่ายน้อย มีความรักชีวิต ปรารถนาหากินด้วยความปลอดภัย
    มานพผู้นี้ เห็นตนอยู่ในอันตราย โดยนางนกไล่ล่าอยู่
    มานพผู้นี้ กลับยืนดูอยู่เฉย ไม่ได้คิดเข้าช่วยเหลือ หรือแสดงสิ่งใดเลย
    อันแสดงถึงพรหมวิหารสี่ ในหัวข้อ เมตตา กรุณา และมุทิตา

    และถ้าจะประกาศเกียรติคุณยกย่องมานพผู้นี้ เขาต้องชดใช้หนี้ชีวิตต่อตนก่อน


    สรุป สอบตกอีกแล้ว
    จิตแห่งมานพหมุ่มคำนึงถึงความผิดพลาดครั้งนี้
    และตั้งความปรารถนาขอแก้ตัวอีก (ตั้งสัจจะ แสดงเงื่อนไข ขอแก้ตัว)
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พรหมวิหารสี่ พระโพธิสัตว์ และความประมาท (มีทั้งหมด ๕ ตอน)

    ตอนที่ ๓ บทสรุป เพื่อก้าวสู่ สุดยอดแห่งพรหมวิหารสี่

    ด้วยสัจจะ ขอแก้ตัวในความผิดพลาด แห่งโพธิสัตว์หนุ่ม
    พลันภาพที่ปรากฏได้เปลี่ยนไป

    ภาพชัดขึ้น
    เอ...ยังคงเป็นสถานที่เดิม ราวป่าเดิม ทุ่งหญ้าเดิม
    กระต่ายน้อยตัวเดิม กระโดดโลดเต้นด้วยท่าเดิมๆ
    นางนกตัวเดิมก็ยังโบยบินอยู่บนฟากฟ้า และก็ยังหมายตาที่กระตายน้อยอยู่เช่นเดิม

    แต่มานพหนุ่มเปลี่ยนไปแล้ว ทรงอำนาจแห่งโพธิสัตว์เจ้า มองดูการไล่ล่ากระต่าย ของนางนกอยู่

    ในห้วงคำนึงแห่งมหาโพธิสัตว์ รู้ถึงปกติในการเลี้ยงชีพแห่งนางนก
    และรู้ถึงความรักชีวิตของกระต่ายน้อย
    จึงเจรจาต่อรองด้วยอำนาจแห่งโพธิสัตว์
    ขอชีวิตกระต่ายน้อยไว้ และยอมพลีเนื้อในกายชิ้นหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยน ให้นางนกพอยังชีพ
    และด้วยอำนาจ เรื่องก็จบลงด้วยดี นางนกยอมรับในการแลกเปลี่ยน

    เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญจากเหล่าเทพยดา ณ. ราวป่าเบื้องหลังดังเซ็งแซ่
    โพธิสัตว์เจ้าหันไปมองยิ้มน้อยๆ แล้วจึงหันมามองกระต่ายน้อยด้วยความเอ็นดู

    พลันจิตท่านได้ยินคำกล่าว(ในใจ)ของเจ้ากระต่ายน้อย
    "ไอ้หน้าไง่ ข้าไม่เห็นจะต้องยินดีและรับในบุญคุณนี้
    เฮอะ ข้ากระโดดแค่ทีสองทีก็พ้นจากนางนกแล้ว
    ไอ้ไง่เอ้ย อวดฉลาดสละเนื้อตัวเอง ข้าไม่ยินดีในบุญคุณนี้"

    ด้วยความงุนงง เหลียวหน้าไปยังนางนกใหญ่ ก็ตะหนกไปกับความมาดมั่นของนางนก
    "เฮอะ ...เราได้ยินว่าเนื้อมนุษย์นี้เลิศรสนัก ยังไม่เคยลิ้มมาก่อน
    คราวนี้ได้กินเนื้อมนุษย์แล้ว ถ้าอร่อยจริง เราจักเลิกจับสัตว์อื่นเลี้ยงชีพ
    เราจักออกล่าเนื้อเด็กมนุษย์เป็นภักษาแทน"

    เห็นมหาโพธิสัตว์เจ้า ทำตาปริบๆ และภาพก็เริ่มเลือนหาย
    เอ....งานนี้สอบได้หรือสอบตกหว่า

    ภาพสถานที่ตัดสินความก็ไม่ปรากฏ เอ..ที่ถูกต้อง จะสรุปตัดสินอย่างไรวุ้ย..
    มีเสียงกระซิบส่งท้าย
    พิจารณาและตัดสินเองซิ
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พรหมวิหารสี่ พระโพธิสัตว์ และความประมาท (มีทั้งหมด ๕ ตอน)

    ตอนที่ ๔ สุดยอดแห่งพรหมวิหารสี่ ตอนที่ ๑

    อ้าพิจารณาและตัดสินเองซิ เสียงกระซิบเบาดังขึ้นในมโนจิต
    จอภาพดับมืด และทุกสิ่งเงียบสนิท ในใจรู้สึกงุนงงเล็กๆ
    เอ..ทำไงต่อหว่า...

    หายใจเข้าลึก เปลี่ยนอารมภ์จิต ตั้งต้นใหม่ กำหนดจิตอยู่ที่แสงใสกระจ่างที่เบื้องหน้า
    ทำเช่นใดหนอ... เราจึงกระจ่างในสภาพธรรมทั้งมวลที่ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว
    นิ่งในนิ่ง รอคำตอบ
    แต่ทุกสิ่งก็ยังเงี่ยบสนิท มีแต่แสงใสกระจ่างที่เบื้องหน้า นานแสนนานจนต้องทวงถาม

    พิจารณาและตัดสินเองซิ เสียงกระซิบดังขึ้นอีก
    อะไร...ให้ว่าความเองรึ...ทำไม่ค่อยเป็นนา....
    เอ...หรือลองดู...เอาก็เอาวะ

    หายใจเข้าลึก เปลี่ยนภาวะจิตใหม่ ประมวลภาพ และเรื่องราวทั้งมวลอีกครั้ง
    ตั้งแต่เริ่มแรก จนจบ พิจารณา ความทั้งปวงใหม่อีกครั้ง

    เอ..ทีสรุปไว้แล้วก็ถูกต้องนี่หว่า
    ใจลึกๆ รู้ว่า ในเรื่องที่สาม สอบตกอีกแน่ๆ... แต่เพราะเหตุใด ...ยังตอบไม่ได้
    พิจารณาวนเวียนเช่นนี้ ทั้งเดินหน้าแลถอยหลัง ซ้ำๆหลายสิบรอบ
    แต่ก็ยังหาคำตอบ ที่ไร้ข้อโต้แย้งไม่ได้

    เอ...จนมุมซะกระมัง ....สงสัยจะสอบตกเองซะแล้ว....ทำไงดีวุ้ย...
    เอ...หรือภาวะจิตใม่สมบูรณ์

    หายใจเข้าลึก สลัดคืนอารมภ์จิตทั้งปวง พิจารณา สำรวจ ภาวะแห่งจิต ด้วยธรรมอันเป็นเลิศ เจ็ดประการ คือ

    1. ทรงไว้ซึ่งสติและสัมปชัญญะอันเสมอกัน
    2. ตั้งบทศึกษาในธรรมนั้นให้ถูกส่วน
    3. กระทำแล้วด้วยความเพียร
    4. ทรงไว้ซึ่ง ปิติ
    5. ทรงไว้ซึ่งความสงบ
    6. ตั้งมั่น เฝ้ารู้ ในวงกว้างและหยั่งลึกในธรรมนั้น
    7. รับรู้และวางเฉย(อุเบกขา)ในสังขารธาตุ สังขารธรรมทั้งปวงที่บังเกิด ให้รู้ ให้เห็น ในขบวนการเฝ้าพิจารณานั้นๆ

    และเมื่อภาวะแห่งจิตสมบูรณ์พร้องด้วยธรรมอันเป็นเลิศ 7 ประการแล้ว
    การพิจารณาก็เริ่มใหม่ เหตุการณ์ทั้งปวงถูกนำขึ้มาประมวลผลใหม่ เดินไปข้างหน้า และย้อยกลับ (อนุโลม, ปฏิโลม)

    ความต่างๆค่อยๆปรากฏเป็นข้อสรุปให้เห็น

    เมื่อจิตสมบูณ์พร้อมด้วย ธรรมอันเลิศเจ็ดประการ แล้ว
    จิตจึงมีสภาพ“รู้รอบควรแก่งาน”แล้วการพิจาราณาจึงเริ่มใหม่

    เรื่องที่เคยปรากฏแล้วได้ถูกนำขึ้นมาดูอีกครั้งอย่างพินิจพิเคราะห์
    เดินไปข้างหน้าและย้อนกลับ เหมือนดูหนังกลับไปกลับมา
    บางครั้งวางจิตลงบนตัวละครตัวนั้นบ้างตัวนี้บ้างแล้วซึมซับความรู้สึก(เวทนา)ในขณะจิต ที่ตัวละครนั้นๆแสดงอยู่วาระแล้ววาระเล่า

    ด้วยเหตุนี้เรารับรู้ถึงความรู้สึกของมานพหนุ่ม ในขณะถูกตัดสิน
    รับรู้ถึงความรู้สึกที่จะขอแก้ตัวใหม่
    รับรู้ถึงการตั้งสัจจะที่จะแก้ไขเรื่องราวที่จะไม่ให้เกิดความผิดดังกล่าวขึ้นอีก
    และตามดูการแก้ไขแล้วแก้ไขอีกของมานพหนุ่ม

    ผิดจากเรื่องแรกแล้วมาผิดซ้ำสองในอีกเรื่องที่เคยสอบผ่านแล้วและผิดซ้ำสาม ในดวามอวดดีถือในอำนาจ

    แต่ในขณะจิตที่มานพหนุ่มกระทำเพื่อการแก้ไข
    กลับไม่รู้ตนเลยมีสติอยู่ด้านเดียว ที่จะแก้ความผิดพลาดเดิม เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้นี่เป็นความประมาทในความประมาทโดยแท้

    ในเรื่องที่ 1
    มานพหนุ่มสอบผ่านอย่างทุลักทุเล(50%) ในข้อเมตตา กรุณา และอุเบกขา
    แต่กระทำด้วยความประมาท จึงทำให้นางนกตาย และลูกนกตายด้วย
    ช่วยหนึ่งชีวิตแต่ทำให้อีกสี่ชีวิตต้องตาย แพ้คดีอยู่เห็นๆ

    แต่คำฟ้องที่ว่า“มานพหนุ่มผู้นี้เบียดเบียนต่อนาง......”แทบจะกล่าวได้ว่าลบล้างคุณความดี ข้อเมตา กรุณา มุทิตาที่แสดงออกจนเกือบจะหมดสิ้น
    จึงพูดได้ว่าสอบผ่านอย่างทุลักทุเล(ใครได้ฟังก็ส่ายหัว)
    ตัวมานพหนุ่มเองก็รู้ดีจึงตั้งใจ(สัจจะ)ว่าจะไม่กระทำผิดเช่นนี้อีก
    นี่คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง(เรื่องไม่ทันเกิดก็ตั้งใจทำผิดแล้ว)
    เป็นความประมาทในความประมาทโดยแท้

    เรื่องที่ 2
    ด้วยสัจจะที่ตั้งไว้ทำให้มานพหนุ่มกำหนดงานไปตามความตั้งใจ
    จิตไม่ตั้งบน"ความรู้รอบควรแก่งาน"กระทำไปด้วยสัจจะที่ชี้นำ
    จึงวางอุเบกขาแล้วแลอยู่ด้วยพิจารณาแล้วว่าวิธีนี้จึงจะรอดจากคำกล่าวหาของนางนก
    ตกลงสอบตกข้อที่เคยสอยได้ 50% (อย่างทุลักทุเล)จึงกลายเป็นสอบตกอย่างไม่น่าเชื่อ
    งานนี้มานพหนุ่มยังไม่รู้ตัวในความประมาทจึงตั้งสัจจะซ้ำ ขอแก้ตัวอีก
    และตกลงใจจะไม่ให้ทั้งนางนกและกระต่ายน้อนฟ้องซ้ำได้อีก
    และอุเบกขาที่มานพผู้นี้กระทำก็มิใช่อุกเบกขาที่แท้จริงที่แท้แล้วนี่คือการเพิกเฉย(ละทิ้งงาน)

    เรื่องที่ 3
    ด้วสัจจะที่ตั้งมานพหนุ่มจึงยอมตัดใจกำหนดวิธีที่จะไม่ถูกฟ้องโดนนางนกและกระต่ายน้อย
    ก็มีแต่วิธีนี้ สละเนื่อตัวเองเอาบุญ (ใครๆก็คิดออกนิ)
    แต่ถูกซ้อนแผน(โดยผู้กำกับการแสดง-เป็นใครก็ไม่รู้)
    โดนชมเชยแซ่ซ้องสรรเสริญโดยเทวดา(ปิติ)
    โดนตำหนิค่อนขอดโดยกระต่าย(หดหู่)
    เห็นความพยาบาทมาดมั่นของนางนก(ตะหนก)

    เพียงยินดีในสรรเสริญ หดหู่ไปกับการข่อนขอดนินทาหรือตะหนกไปกับความพยาบาทมาดมั่น
    งานนี้ก็สอบตกแล้วตกในข้ออุเบกขา
    นี่คือธรรมในข้ออุเบกขาอย่างแท้จริง
    อ้อเขาคงรู้ว่ามานพหนุ่เข้าใจผิดเรื่องอุเบกขา จึงซ้อนเรื่องอุเบกขามาให้ฝึกสอบตกอีกจนได้

    เอ....
    แล้วถ้าจะไม่ให้เรื่องราวเกิดพิศดารอุตลุดอย่างที่เห็น มานพหนุ่มควรทำอย่างไรหว่า

    โอ้ย..ง่ายจะตาย
    ในเรื่องที่1 ถือไม้ท่อนนึ่ง เข้าไปยืนเอ็ดตะโล ตรงกลางระหว่างกระต่ายน้อยกับนางนก ทั้งคู่ก็ตกใจ ก็แยกย้ายกันไปแล้ว

    แล้วเรื่องที่ 2 ละ
    ก็ทำแบบเดิมซิละไม่เห็นจะยาก
    เออ..จริงวุ้ยไม่ยากจริงๆ

    แล้วเรื่องที่ 3 ละ
    ก็ทำแบบเดิมนะแหละ จะไปทำอะไรให้มันยากพิศดารหวือหวา จะให้คนมาชมเชยยกย่องเหรอ
    เออ..จริง ทั้งสามเรื่องไม่เห็นต้องทำอะไรให้หวือหวา

    เอ..แล้วพวกโพธิสัตว์เขาทำไปทำไมกันหว่า ตั้งเยอะแยะอุตลุด ความจริงไม่เห็นต้องทำอะไรมากเลย
    อ้าว..ถ้าไม่ทำอะไรแล้วเอ็งจะได้อะไรละ
    เออ..จริงถ้าไม่ทำอะไรแล้วจะได้อะไร

    แล้วทีเอ็งเห็นด้วย ถึอไม้ท่อนนึ่งไปยืนเอ็ตะโล จะว่าไปขวางนางนกก็ไม่ใช่ จะว่าไปไล่กระต่ายก็ไม่เชิง แล้วเอ็งได้อะไรละ
    เออ..จริงแล้วจะได้อะไรวุ้ย (ชักงงงงเฮะ...)

    แล้วมานพหนุ่มได้อะไรจึ่งทำเรื่องพิศดารปานนั้น
    ก็ บารมี ไง

    อ้าว แล้วทีไปขวางทางปึนแบบไง่ๆเซ่อๆ จะว่าขวางนางนก็ไม่ใช ไล่กระต่ายก็ไม่เชิงละคืออะไร......
    สุดยอดแห่งพรมวิหารสี่ไง......
    สรรพเพธรรมาอนัตตาติ.....


    เสียงสุดท้ายแว่วๆมาแล้วจางหายไป
    แล้วเรื่องนี้ก็จบลงแบบ มึนๆ งงงงงงงงงง
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พรหมวิหารสี่ พระโพธิสัตว์ และความประมาท (มีทั้งหมด ๕ ตอน)

    ตอนที่ ๕ สุดยอดแห่งพรหมวิหารสี่ ตอนที่ ๒

    สุดยอดแห่งพรหมวิหารสี่เหรอ ..... สุดยอดตรงใหนหว่า
    เอ้าวว...เอ็งลองวางใจเอ็งเข้ารับรู้ / คลอบคลุม/และดูดซับ กาย เวทนา จิต ธรรม ของบุรุษ ที่๒ดูซิ.. ทำเป็นแล้วนี่

    นิ่งไปพักใหญ่...
    เอ...ไม่เห็นมีอะไรเลย.... เริ่มแรก บุรุษ๒ คล้ายกับว่ามีเจตนาแวบหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เห็นรับรู้อะไรเลย มีแต่ความโล่งๆว่างๆ

    เจตนาอะไร
    ไม่รู้ ดูไม่ทัน
    เอ็งเคยดูหนังสโลโมชั่นไม๊ ลองดึงให้ช้าๆดูสิ

    นิ่งไปอีกพัก
    อ้อ..เค้าจะช่วยกระต่าย ..แต่เอ้.. มันเกิดขึ้นแว๊บเดียวแล้วหาย
    แล้วตอนที่หยิบไม้ แล้วไปยืนเอะอะเอ็ดโลเหมือนคนบ้านั่นละ เป็นไง..
    ไม่มีอะไร โล่งๆว่างๆ
    ตอนที่กระต่าย กับนางนก แยกย้ายกันไปแล้ว เป็นไง (ดึงให้ช้าๆๆๆนะ จะได้เห็นชัด)

    เอ..เหมือนบุรุษ๒ อมยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งนะ
    แต่เอ้....ทุกอย่างก็โล่งๆว่างๆเหมือนเดิม

    ดูและรับรู้ เวทนา จิต ธรรม ของบุรุษ๒ให้ละเอียดนะ (อนุโลม ปฏิโลม)
    ดูชัดแล้วนะ...

    เจตนาของบุรุษ๒ ช่วงแรกคือ "เมตตา"
    หยิบไม้ขึ้นมาแล้วกวัดแกว่ง นั่นคือ "กรุณา"
    ความโล่งว่างที่รับรู้คือการทรงอารมภ์ "อุเบกขา"
    ยิ้มนิดหนึ่งนั่นคือ "มุทิตา"

    อ้อ.... สุดยอดเช่นนี้เอง

    บุรุษ๒ ขยับตัวเดี๋ยวเดียว ก็แสดง พรหมวิหารสี่ได้ครบถ้วน

    แต่มานพ๑ ขยับตัว ๓ชาติยังไม่อาจแสดง พรหมวิหารได้ครบ แถมยังทำผิดๆถูก

    ผู้รู้เห็นเข้าก็ได้แต่อมยิ้ม
    เออ..หนอ มันซับซ้อนเช่นนี้เอง

    เข้าใจแล้นะ
    เอ็งยังมีหน้าที่
    วางใจลง ซึมซับ ความรู้สึกโล่งๆว่างๆ ของบุรุษ๒ เข้ารวมกับกายธาตุ จิตวิญญานของเอ็งให้เป็นหนึ่งเดียว

    ให้วางใจลง ซึมซับ ความรู้สึกโล่งๆว่างๆ ของบุรุษ๒ เหรอะ
    อึ้อ จะลองดู
    (จงซึมซับความรู้สึกนี้เข้ารวมกับกายธาตุจิตวิญญาน เป็นหนึ่งเดียว)

    นิ่งไปพักใหญ่
    พลันในห้วงคำนึงระลึกถึง อุเบกขาที่มานพ๑ ได้แสดงแล้วต่อกระต่ายน้อย(ในเรื่องที่สอง)
    ความแตกต่างที่สุดกู่ ระหว่างมานพ๑ และบุรุษ๒ เป็นเช่นใดหนอ เวทนาแห่งจิต ที่ทั้งสองเสวยอยู่ แตกต่างกันเช่นใดหนอ

    เจคนาถูกตั้งขึ้น คำถามถูกป้อนเข้าสู่จุดสว่างใส ที่ปลายจมูก แล้วนิ่งอยู่
    ภาพมานพ๑ และบุรุษ๒ ปรากฏขึ้น เทียบกัน (เฟรมต่อเฟรม ช๊อตต่อช๊อต)
    จิตแยกเป็นสอง เข้าซึมซับ เวทนา ในชั่วขณะจิตนั้น ของทั้งสองบุรุษ
    อณุโลม และปฏิโลม ณ เวลาเดียวกัน
    เทียบกันแล้วเทียบกันอีก
    แล้วป้อนกลับสู่อีกจิตหนึ่งเพื่อประมวลผล
    (คล้ายกับคนสามคน แบ่งกันทำงาน แล้วนำผลที่ได้เข้ามาประชุม ประมวลผลร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว)

    และท้ายสุดได้นำพรหมวิหารทุกข้อเข้าเปรียบเทียบประมวลผลอีกครั้ง

    ในใจลึกๆเริ่ม เห็นความเหมือนและแตกต่าง ในเวทนา (อารมภ์จิต)
    เริ่มสัมผัส ความว่างๆโล่ง ของบุรุษ๒
    ใจลึกๆเริ่มสงสัย
    ความโล่งๆว่างๆ ที่บุรุษ๒ ทรงอยู่ เกือบทุกขณะจิต ที่ว่าคือ อุเบกขา
    มันไม่น่าใช่
    อื้อ ถ้าความโล่งๆว่างๆนั้นไม่ใช่อุเบกขา แล้วเป็นอะไรหว่า
    แล้วอุเบกขาที่แท้จริงเล่ามันคืออะไรเล่า

    คำถามถูกป้อนเจ้าสู่ ความสว่างใสเบื้องหน้าอีกครั้ง
    ใจประวัดถึง คำตอบที่ได้รับ "ความโล่งว่างที่รับรู้คือ"อุเบกขา"" จริงหรือ

    ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เสียงเล็กๆ แผ่วๆแว่วมา
    หื้อ... เข้าใจผิดเหรอ.. ผิดตรงใหนหว่า

    ที่ทำไปเมื่อครู่รับรู้อะไรบ้าง
    ตอนเปรียบเทียบ มานพ๑ กับบุรุษ๒ เหรอะ (เทียบ พรหมวิหารสี่ ทั้งหมด)
    เออ.....
    นิ่งไปพักหนึ่ง
    อื้อ...คล้ายกับว่า
    เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกชา เป็นเวทนาของจิต (อารมภ์ที่จิตเสวยอยู่)
    ส่วนความโล่งๆว่างๆ เป็นเหมือนสถานะหนึ่ง เหมือนกับเป็นสถานที่หนึ่ง เหมือนกับเป็นภาวะหนึ่ง ที่จิตเข้าไปดำรงค์อยู่

    ถุกต้อง....
    ๑. พรหมวิหารสี่ (เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา)เป็นอารมภ์ ที่จิตเสวยอยู่ ประกอบด้วยขันฑ์ห้า ที่สมบูรณ์พร้อม (รูป เวทนาสัญญา สังขาร และวิญญาณ)

    ๒. ส่วนความโล่งๆว่างที่เป็นที่อยู่ ที่สถิตของพรหมวิหารสี่ คือความว่าง
    (ความว่างคือวิหารธรรมของอุเบกขา (ทั่วไป) แต่ในที่นี้ บุรุษ๒ใช่ความว่างเป็นวิหารธรรมของพรหมวิหารทุกข้อ)

    ๓. และสภาพธรรมที่สถิตอยู่ในความว่างได้ เป็นอนัตตา(สรรพเพธรรมาอนัตตา)

    อื้อ....
    ไอ้ข้อ ๑ ข้อ ๒ พอเข้าใจ
    แต่ข้อ ๓ งงวุ้ย

    เดี๋ยวถามอีกข้อ...
    ความรู้สึกที่สัมผัสกับความว่างนี่มันแปลกๆเนอะ

    แปลกยังไง
    ตอนที่สัมผัสความรู้สึกอื่นๆ เช่นเวทนาของมานพ๑ รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง
    เหมือนตัวเข้าแสดงเอง รับรู้เวทนาเหมือนกับเกิดขึ้นกับตัวเอง
    แต่ความโล่งว่างที่รับรู้จากบุรุษ๒ มันไม่ได้ซึมซับเข้าในจิตวิญญาณ มันเหมือนๆกับเอาจิตไปย้อมสีความโล่งว่าง พอผ่านไปสักพัก สีก็หลุดลอกหมด
    เหมือนๆกับจะรับรู้ความว่างได้ แต่ก็ไม่ได้รู้จริงและทรงไว้ไม่ได้

    เฮอะๆ....
    จิตเอ็งใส่เกราะอยู่วะ ถูกจองจำพันธนาการอยู่ในเกราะ
    เอ็งจะรู้ จะเห็น จะเป็น ได้เมื่อเอ็งออกจากเกราะและถอดพันธนาการเหล่านี้ออกไปบ้าง

    ถูกจองจำพันธนาการเหรอ ไม่เข้าใจ

    เขาเรียก อุปทานในขันฑ์ห้าไง

    พิจารณา ขันฑ์ห้าต่อซิ แล้วเอ็งจะเข้าใจทั้งหมด อย่างกระจ่าง
     
  18. พ่อณภัทร

    พ่อณภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    7,877
    ค่าพลัง:
    +3,633
    วันนี้ผมได้รับเหรียญสมเด็จองค์ปฐมแล้วครับ ขอบคุณมากครับ
     
  19. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,344
    ค่าพลัง:
    +4,820
    ได้รับบูชาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมแล้วครับ ขอบคุณครับ

    jOA8oo.png
     
  20. itou

    itou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,196
    ได้รับแล้วเช่นกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...