มหากาพย์สามก๊ก - วรรณกรรมที่รวมศาสตร์ต่างๆมากที่สุดระดับโลก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Bhuddha3210, 12 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่17 กวนอูคืนตราตั้ง

    กวนอูคืนของทั้งหมด สินทรัพย์ก็ไม่อาจซื้อใจเขา ยศศักดิ์ก็ไม่อาจคลอนแคลนจิตของเขา คนเช่นนี้ข้าต้องนับถือ - โจโฉกล่าวกับเตียวเลี้ยว

    บัดนี้ได้ทราบว่านายเก่าอยู่กับอ้วนเสี้ยว ด้วยข้าเคยร่วมสาบานกัน ไม่อาจทรยศ บุญคุณของท่านนั้นแม้จะมากมาย แต่ก็ไม่อาจละทิ้งสัจจะ จึงขอลาท่าน พร้อมคืนทรัพย์สินสิ่งของ วันหน้าข้าคงได้แทนคุณ - กวนอูเขียนจดหมายถึงโจโฉก่อนบุกเดี่ยวพันลี้

    ไม่ลืมนายเก่า ไปมาจะแจ้ง นับเป็นยอดคน พวกท่านควรดูเป็นแบบอย่าง - โจโฉกล่าวชมกวนอูต่อทหารทั้งปวง

    เล่าปี่ถ้ารอดก็ต้องพึ่งอ้วนเสี้ยว ครั้งนี้ถ้าให้กวนอูฆ่างันเหลียงตายไปซะ อ้วนเสี้ยวจะต้องโกรธฆ่าเล่าปี่แน่ เมื่อเล่าปี่ตายกวนอูจะหนีไปหาใครได้ล่ะ - เทียหยกอธิบายอุบายนั่งบนภูดูเสือกัดกันให้โจโฉฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008
  2. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่19 พี่น้องพร้อมหน้า

    พวกงันเหลียง บุนทิวก็เปรียบเสมือนกวาง ส่วนกวนอูก็เปรียบเสมืือนเสือ เสียสองกวางแต่ได้หนึ่งเสือ ใยท่านคิดจะฆ่าอีก - เล่าปี่กล่าวแก่อ้วนเสี้ยว

    ข้าน้อยจูล่งร่อนเร่ไปทั่วชีวิต เพื่อเลือกหาเจ้านายที่ดีแต่ไม่พบใครดีเท่ากับท่านเล่าปี่ ข้าขอติดตามท่านไปตลอดชีวิต แม้จะต้องพลีชีพข้าจูล่งก็ยินดีทำแล้ว - จูล่งกล่าวขอเข้าด้วยกับเล่าปี่

    วันคืนยาวนาน กว่าจะได้พร้อมหน้ากัน ... - เล่าปี่กล่าวกับกวนอูเมื่อเห็นเตียวหุย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008
  3. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่20 ซุนเซ็กสิ้นชีพ


    ตอนนี้ โจโฉบีบฮ่องเต้บังคับเจ้าเมืือง อ้วนเสี้ยวครอบครองฮ่อปักโดดเด่นเกรียงไกร ตัวข้าจะหยุดอยู่แค่กังตั๋งนี้ ไม่คิดจะแย่งชิงแผ่นดินเหรอ - ซุนเซ็กตัดพ้อเตียวเจียวกุนซือคู่ใจ

    ตอนนี้แผ่นดินปั่นป่วน หากใครไม่คิดการใหญ่ สุดท้ายก็จะเป็นข้าเขา - ซุนเซ็กกล่าวแก่เตียวเจียว

    นับแต่แยกจากอ้วนสุด ข้ามแม่น้ำมาตีบ้านยึดเมืองฝั่งนี้ เราเคยสาบานว่า ถ้ายึดแดนกังตั๋งได้เราจะสร้างศาลเจ้าพระเจ้ากวงบู้เต้ไว้ให้คนสักการะ สถานที่นี้นับว่าเหมาะสมที่สุดเนินเขาสูงเสียดฟ้า ชัยภูมิเหมาะสมดั่งที่เราตั้งใจไว้ ความคิดข้าคงจะสัมฤทธิ์ผลแน่คราวนี้- ซุนเซ็กรำพึงในใจบนเขาตันบู๋ซัน

    ซุนเซ็กไม่น่ากลัวเลย มันประมาทไม่รอบคอบ ใจเร็วมุทะลุ กล้าหาญแบบโง่ๆ วันหน้าจักต้องตายด้วยมือทหารเลว - กุยแกกล่าวกับโจโฉ

    ท่านทั้งหลาย บ้างเป็นอำมาตย์เก่า์ครั้งพ่อ บ้างก็เป็นขุนพลที่ติดตามข้าบุกยึดแดนกังตั๋ง ทำการใหญ่เพื่อกังตั๋งของเรา ก็ได้อาศัยพวกท่านช่วยเหลือจึงจักสำเร็จได้ - ซุนเซ็กกล่าวผูกใจแม่ทัพนายกอง

    การรักษากังตั๋งต้องคิดการใหญ่ หากไม่มองยาวไกล วันหน้าจะต้องกลายเป็นขี้ข้าเขา ประสานอ้วนเสี้ยว ปราบปรามโจโฉ เป็นภาระกิจยิ่งใหญ่ พวกท่านต้องใคร่ครวญวางแผนเตรียมการให้ดี ต้องมั่นซ้อมรบ เร่งสร้างเรื่อรบ สั่งสมเสบียง เร่งวันที่จะบุกเหนือ ยึดเมืองฮูโต๋ - ซุนเซ็กแสดงvisionแก่แม่ทัพนายกอง

    เรื่องการนำทัพรบทัพจับศึกเอาชัยในสนามรบ ชิงความเป็นใหญ่กัน เจ้าสู้ข้าไม่ได้ แต่เรื่องการใช้คนให้ทุกผู้คนร่วมแรงปรึกษากัน ข้าสู้เจ้าไม่ได้ เจ้าจงรำลึกว่าเรื่องการใหญ่ของพ่อ เจ้าต้องสานต่อไป เจ้าต้องเข็มแข็งสืบทอดงานของพ่อและพี่ - ซุนเซ็กกล่าวฝากฝังงานใหญ่แก่ซุนกวนผู้น้อง

    สำหรับเรื่องภายในให้ถามเตียวเจียว ส่วนเรื่องภายนอกให้ถามจิวยี่ - ซุนเซ็กทิ้งวลีบริหารสุดท้ายแก่ซุนกวนก่อนสิ้นชีพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008
  4. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    คำคมสามก๊ก ตอนที่21 ยุทธการกัวต๋อ

    อ้วนเสี้ยวใช้กลตั้งรับได้แต่ท่านไม่ควรใช้ ทหารของเรารบพุ่งเข้มแข็งควรรีบรบทำลายความฮึกเหิมของพวกมัน ถ้าหากยืดเยื้อเสบียงจะไม่พอเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ฝ่ายเรามีไพร่พล๗หมื่นเข้าสู่ศัตรูถึง๗สิบหมื่น เราต้องทำการเด็ดเดี่ยวแต่ถ้ามัวลังเลทหารจะขวัญเสีย - กุยแกแนะอุบายทำศึกอ้วนเสี้ยวแก่โจโฉ

    อ้วนเสี้ยวรวมพลอยู่ที่กัวต๋อ หวังจะทำการรบชี้ขาด ท่านใช้ทัพเล็กต้า้นทัพใหญ่ หากไม่เพลี้ยงพล้ำต่อไปย่อมชนะ นี่เป็นโอกาสเหมาะของเรา่ กองทัพอ้วนเสี้ยวมากแต่อ่อนประสบการณ์ พวกมันไม่อาจจะรับมือกลยุทธ์ของท่านได้ ทัพฝ่ายเราแม้จะน้อย แต่หากยึดที่ค้ำคอมันไว้ไม่ให้คืบหน้าได้ สถานการณ์ย่อมจะเปลี่ยนแปลง นั่นแหละโอกาสทอง ขออย่าให้พลาด - ซุนฮกเขียนหนังสือถึงโจโฉ

    การสงครามสำคัญที่เสบียง นายท่านใช้ให้อิเขงมันเป็นปีศาจสุรา เมามายทั้งวัน ไร้สติปัญญา ไปคุมเสบียง นายท่านเอาคนไร้ปัญญาอย่างนี้ไปคุมงานใหญ่ได้อย่างไร - ชีสิวชี้หายนะแก่ทัพอ้วนเสี้ยว
     
  5. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    เก็บตก คำคมสามก๊กตอนต่างๆ

    เก็บตก คำคมสามก๊กตอนต่างๆ


    คำคมสามก๊ก ตอนที่09 ซุนเซ็กคิดการใหญ่


    ใช้คนไม่สงสัย สงสัยไม่ใช้ - ซุนเซ็ก



    คำคมสามก๊ก ตอนที่10 ลิโป้เสี่ยงทายเกาทัณฑ์

    ปราชญ์ท่านว่า พี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า เสื้อผ้าขาดพอเย็บได้ แต่แขนขาขาดไม่อาจต่อใหม่ได้ - เล่าปี่



    คำคมสามก๊ก ตอนที่11 ศึกเมืองอ้วนเซีย

    จะยิ่งใหญ่อยู่ในโลกนี้ได้ ก็ต้องรู้จักปรับตัว เมื่อเราคับขันตกอับก็ต้องจำยอมน้อมกายไม่ควรแข็งขืนมันจะหัก - เล่าปี่สอนเตียวหุย

    เสือตัวนี้มันต้องฆ่า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ - โจโฉ

    ในท่ามกลางความวุ่นวายยังรักษาวินัย ทั้งช่วยสกัดทัพ พลิกแพ้เป็นชนะ แม้อดีตขุนพลก็ยังไม่เทียมท่านได้ - โจโฉกล่าวชมอิกิ๋ม
     
  6. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    คุณว่าการรบของไทยสมัยโบราณศึกษาบทเรียนจากสามก๊กหรือเปล่า

    [​IMG] [​IMG]

    ไปดูพระนเรศวรมา นามแล้ว ภาคสอง มีตัวละครตัวหนึ่งบอกว่า "ข้าก็เคยศึกษาตาราพิชัยสงครามเมื่อครั้งจีนแตกออกเป็นสามก๊ก" ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะเป็นสามก๊ก แต่คิดไม่ออกว่า ไทยนำเข้ามาเผยแพร่เมื่อใด และได้มีการศึกษากันมาเพื่อใช้ในการทำศึกของไทยหรือเปล่า

    ซึ่งถ้าจริง แสดงว่า เจ้าพระคลังหาก็ไม่ใช่คนแรกที่แปลสามก๊กคนแรกในไทยซินะ ( ไม่รู้ผมคิดถูกหรือเปล่า )

    แต่น่าคิดนะ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อย

    hamster
     
  7. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    ปกิณกะสามก๊ก

    [​IMG]


    หัวอกลิ่วล้อ



    ปกิณกะสามก๊ก

    หัวอกลิ่วล้อ

    " เล่าเซี่ยงชุน "


    ผู้ที่อ่านสามก๊กฉบับของท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน)นั้น คงจะพบว่ามีชื่อตัวละครที่ได้ปรากฏอยู่บนสารบัญ ทั้ง ๗๘ ตอน เป็นจำนวนมากมายนับไม่ไหว และยังมีที่ไม่ปรากฏชื่ออีกเป็นก่ายกอง นับไม่ถ้วน สามก๊กจึงน่าจะเป็นได้เป็นวรรณคดีที่มีตัวละครมากที่สุด ก็ว่าได้

    ครั้งแรกอ่านไปพบ ฮัวหยง ผู้อาสาลิโป้ออกรบกับกองทัพบ้านนอกของโจโฉ สองวันก็ฆ่าทหารเอกของข้าศึกตายไปถึงสี่คน พอมารบกับกวนอูท่านก็ว่า

    ...ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้น ได้ยินเสียงกลองและม้าล่อดังอื้ออึง ก็ชวนกันไปดูกวนอูรบกับฮัวหยง ครั้นออกไปถึงประตูค่าย ก็เห็นกวนอูหิ้วเอาศีรษะฮัวหยง กลับมาทิ้งไว้ตรงหน้าค่าย......

    แค่นี้เอง ตายแล้วก็กลิ้งอยู่กลางดิน

    พอถึงคราว บังเต๊ก จะไปรบกับกวนอู ก็แบกเอาโลงศพไปด้วย ตั้งใจว่าจะฆ่ากวนอูให้ได้ จะเอาศพกวนอูหรือศพของตนเองใส่โลงกลับมา โจโฉก็ตักเตือนว่า อย่าประมาทแก่ข้าศึกซึ่งมีฝีมือเหนือกว่า บังเต๊กก็บ่นว่า

    ....กวนอูนี้เป็นคนกล้าปรากฏมาถึงสามสิบปีแล้ว บัดนี้เราจะมากำจัดเสียให้ได้ เหตุใดเจ้าเราจึงมาสรรเสริญกวนอูนักดังนี้....

    และบังเต๊กก็เกือบจะเอาชนะกวนอูได้ แต่เป็นเพราะเขามีนายขี้ขลาด และริษยา ลูกน้อง เขาจึงต้องตายจนได้ ยังดีที่กวนอูเองชมเชยว่าเป็นคนกล้าหาญ

    ยิ่ง พัวเจี้ยง นายทหารของซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋งฝ่ายใต้ ซึ่งหลอกให้กวนอูหลบหลีกกับดักของตน จนไปตกหลุมพรางถูกจับตัวไปประหาร ตนเองก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน และด้วยความซวยดันหนีไปเจอเอากวนหินลูกชายของกวนอู เข้าที่บ้านของตาแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งกวนหินเข้าไปพักอาศัยอยู่ก่อน พอรู้ว่าเป็นพัวเจี้ยงกวนหินก็ฉวยดาบวิ่งเข้าใส่....พอพัวเจี้ยงจะหนีก็เห็นกวนอูผู้ตายถือง้าวมายืนขวางหน้าไว้...ตกใจโจนหลีกก็ล้มลงกวนหินก็ฟันถูกพัวเจี้ยงตายตามบิดาไป ใคร ๆ อ่านแล้วก็พากันสมน้ำหน้า

    ลิ่วล้อของเตียวหุยสองคนคือ ฮอมเกียง กับ เตียวตัด ถูกบังคับให้จัดเครื่องขาวให้กองทัพ ที่จะยกไปแก้แค้นแทนกวนอูพี่กลาง เครื่องนุ่งห่มก็ขาว ธงทิวก็ต้องขาวยังพอไหว แต่ ม้าขาวนี่จะไปเกณฑ์มาจากไหนให้นายขี่ได้ทั้งกองทัพ พอมาขอต่อรองก็โดนเฆี่ยนเสียคนละห้าสิบที รุ่งขึ้นถ้าไม่ได้ตามสั่งเป็นหัวขาด ก็เลยชวนกันแอบย่องเข้าไปฆ่าเตียวหุยเสีย ทั้งกำลังหลับกรนครอก แล้วก็ตัดศีรษะเอาไปให้ซุนกวน หวังว่าจะได้บำเหน็จรางวัล สุดท้ายกลับถูกจับตัวใส่กรงกลับคืนมาให้เล่าปี่ ตัดหัวเซ่นศีรษะเตียวหุยเสียจนได้ ไม่มีใครพุทโธเหมือนกัน

    เกิดมาเป็นลิ่วล้อก็อย่างนี้แหละ ลิซก เป็นทหารของตั๋งโต๊ะ แต่เป็นเพื่อนเก่าของ ลิโป้ ลูกเลี้ยงของเต๊งหงวนคู่อาฆาตของตั๋งโต๊ะ อุตส่าห์ไปเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้ตัดหัวพ่อเลี้ยงมาให้ตั๋งโต๊ะก็ไม่ได้ดิบได้ดีอะไร พอลิโป้จะฆ่าตั๋งโต๊ะก็ใช้ลิซกไปหลอกลวงเอามากำจัดเสีย ก็ยังอยู่อย่างเดิม ครั้นถูกใช้ออกไปรบ พลาดท่าข้าศึกมาทีเดียว ก็ถูกประหารเสียอย่างง่ายดาย

    ขุนนางอีกคนหนึ่งชื่อ ซัวหยง เดิมนั้นอยู่บ้านนอก แต่เป็นผู้มีสติปัญญาดี เมื่อ ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจการปกครอง ในเมืองลกเอี๋ยงได้สำเร็จเด็ดขาดแล้ว ให้คนไปตามมาทำราชการ ซัวหยงก็บิดพริ้วไม่ยอมมา ตั๋งโต๊ะจึงให้คนไปบอกว่า ถ้าขัดขืนคำสั่งจะให้ทหารไปจับฆ่าเสียให้สิ้นทั้งครอบครัว ซัวหยงกลัวตายจึงเข้ามารับราชการ ตั๋งโต๊ะก็ไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาการบ้านเมือง เดือนหนึ่งได้เลื่อนตำแหน่งถึงสามขั้น

    ครั้นอ้องอุ้นคิดอุบายฆ่าตั๋งโต๊ะ แล้วทิ้งศพประจานไว้กลางเมือง ให้คนที่เกลียดชังมาทุบตีศพจนเปื่อยเละไป แต่ซัวหยงกลับมาร้องไห้อาลัยรักตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้น ก็โกรธเอาตัวมาถามว่าเป็นศัตรูราชสมบัติหรือ

    ซัวหยงก็ว่ามิได้คิดเช่นนั้น แต่คิดถึงคุณของตั๋งโต๊ะที่เอามาตั้งเป็นขุนนาง ครั้งนี้โทษ ผิดนัก แต่ขอชีวิตไว้ทำราชการสนองคุณแผ่นดินสืบไป อ้องอุ้นก็ว่าขืนยกโทษให้ กฎหมายก็จะฟั่นเฝือไป จึงให้เอาตัวไปขังคุกไว้ แล้วก็แอบสั่งให้ผู้คุมทารุณกรรม จนถึงแก่ความตายในคุกนั้นเอง

    โจป้า เป็นขุนนางฝ่ายทหารของเมืองชีจิ๋ว พอเล่าปี่ยกทัพไปรบกับอ้วนสุด ก็ให้ เตียวหุยเฝ้าเมืองไว้ และกำชับว่าอย่าเสพสุรานัก เตียวหุยก็เชิญขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนมาเลี้ยงส่งท้าย ต่อไปจะเลิกเสพสุราแล้ว แต่โจป้าไม่กินสุรามาก่อน เตียวหุยก็บังคับให้กิน ต้องยอมกินไปจอกหนึ่ง พอเมาเต็มที่ก็บังคับให้โจป้ากินอีก โจป้าไม่ยอมกินก็สั่งเฆี่ยนเสียร้อยหนึ่ง ใครห้ามก็ไม่ฟัง

    โจป้าก็ขอร้องให้เห็นแก่ลิโป้ผู้เป็นบุตรเขย พอได้ยินชื่อคู่อาฆาตเตียวหุยยิ่งโกรธ เร่งให้เฆี่ยนเพื่อกระทบไปถึงลิโป้ด้วย โจป้าเลยเจ็บตัวโดยไม่มีความผิด จึงส่งคนไปบอกลิโป้ให้มาตีเอาเมืองชีจิ๋วคืนนั้น ในขณะที่เตียวหุยยังไม่สร่าง พอรู้สึกตัวก็ฉวยทวนคู่มือโดดขึ้นม้าห้อแน่บไป แต่โจป้ารนหาที่คุมพวกไล่ตามไปจะแก้แค้น เลยถูกเตียวหุยแทงตกม้าตายแหง

    โจอันบิ๋น เป็นหลานของโจโฉ เมื่อโจโฉไปตีเมืองอ้วนเซียครั้งแรก ก็ไปกับกองทัพด้วย เตียวสิ้วเจ้าเมืองไม่ต่อสู้ โจโฉจึงเข้าไปพักในเมืองอย่างสบาย อยู่มาวันหนึ่ง พอเมาได้ที่แล้วก็ถามหลานชายว่าในเมืองนี้มีหญิงรูปงามบ้างหรือไม่ โจอันบิ๋นอยากจะเอาใจ ก็ว่ามีอยู่คนหนึ่งเป็นแม่ม่ายชื่อเจ๋าซือ เป็นอาสะใภ้ของเตียวสิ้ว โจโฉก็ไม่ฟังเสียงให้ไปพาตัวมาพบ นางกลัวอำนาจก็ไม่กล้าขัดใจ โจโฉเลยพาออกไปอยู่ด้วยกันที่ค่ายนอกเมือง ขลุกอยู่แต่ในที่พักไม่โผล่หน้าให้ใครเห็น

    เตียวสิ้วก็โกรธหาหนทางแก้แค้น โดยยกทหารเข้าโจมตีไม่ให้รู้ตัวจนค่ายแตก โจโฉต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไป กว่าจะพ้นมือทหารของเตียวสิ้วได้ ก็ต้องเสียเตียนอุยนายทหารองครักษ์ โจงั่งบุตรชายคนโต และโจอันบิ๋นหลานชายปากสว่างไปทั้งสามคน เพราะตัณหาตัวเดียว


    รายต่อไปชื่อ อองเฮา เป็นนายทหารกองเสบียงของโจโฉ เมื่อครั้งที่ยกทัพไปปราบปรามอ้วนสุดที่เมืองลำหยง อ้วนสุดรู้ว่าโจโฉยกทหารมาตั้งสิบเจ็ดหมื่นเข้ามาทางทิศเหนือ แล้วยังมีพันธมิตร คือซุนเซ็กยกทัพเรือมายันทางทิศตะวันตก ลิโป้ดักทางทิศตะวันออก เล่าปี่กวนอูเตียวหุยคอยอยู่ทางทิศใต้ จึงรีบพาครอบครัวอพยพไปอยู่ที่ตำบลห้วยหนำ ทิ้งให้ทหารเอกสี่คนกับทหารสิบหมื่นรักษาเมืองไว้

    โจโฉล้อมเมืองลำหยงอยู่ถึงเดือนเศษ เสบียงก็หมดลงต้องไปยืมจากซุนเซ็ก เอามาให้อองเฮาแจกจ่ายให้ทหารกิน อองเฮาก็บอกว่าน้อยไปไม่เพียงพอแก่ทหาร โจโฉก็กระซิบว่าถ้ายังงั้นก็จ่ายให้น้อยลงอีกหน่อย อองเฮาก็ท้วงว่าถ้าทำเช่นนั้น ทหารทั้งปวงจะอิดโรยไม่เต็มใจสู้รบ โจโฉก็ว่าไม่เป็นไรมีวิธีแก้ พออองเฮาแจกเสบียงน้อยลงตามคำสั่งโจโฉ ทหารในกองทัพก็เสียน้ำใจชวนกันครหานินทาโจโฉเป็นการใหญ่ โจโฉจึงตามอองเฮามาแล้วถามว่า จะขอของรักสักสิ่งหนึ่งจะได้หรือไม่ อองเฮาก็ว่าตนเองไม่มีอะไรจะให้

    โจโฉก็ขอยืมศีรษะอองเฮาเพื่อเอาใจทหารสักครั้ง ส่วนบุตรภรรยาและครอบครัวจะเอาไปเลี้ยงดูมิให้ขัดสน แล้วก็สั่งให้เอาตัวอองเฮาไปประหารเสีย และประกาศว่าอองเฮาเบียดบังทหาร จ่ายเสบียงให้น้อยกว่าที่กำหนด ทหารทั้งหลายก็สิ้นสงสัย มีกำลังใจเข้าตีเมืองจนแตก จับทหารเอกสี่คนที่รักษาเมือง มาประหารเสียที่กลางตลาด แล้วเผาเมืองเสียสิ้น


    เค้าก๋อง เป็นเจ้าเมืองง่อกุ๋น เห็นว่าซุนเซ็กบุตรของซุนกวน เที่ยวไปตีเมืองต่าง ๆ ในแดนกังตั๋งขยายอาณาเขตออกไปถึงหกหัวเมือง จึงมีหนังสือลับไปบอกโจโฉว่าทิ้งไว้อาจเป็นขบถ บังเอิญซุนเซ็กจับได้เลยหลอกเชิญมากินเลี้ยงแล้วฆ่าเสีย พลทหารเลวลิ่วล้อของเค้าก๋องที่ติดตามมาด้วยสามคน รอดตายแล้วก็ไม่ยอมกลับเมือง แอบดักแก้แค้นแทนนายอยู่ในป่า ลอบยิงเกาทัณฑ์ปักหน้าผากซุกเซ็ก และช่วยกันรุมฟันแทงจนบาดเจ็บถึงสาหัส แล้วทั้งสามก็ถูกทหารของซุนเซ็ก สับเสียจนเละไปทั้งตัว แต่สุดท้ายซุนเซ็กก็ถึงแก่ความตาย ด้วยบาดแผลจากฝีมือ ลิ่วล้อนั้นเอง


    ชัวต๋ง กับ ชัวโฮ เป็นน้องของชัวมอ ซึ่งพี่สาวใหญ่เป็นภรรยาของเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วชื่อนางชัวฮูหยิน เมื่อโจโฉยกทัพมาตีเมืองเกงจิ๋วนั้น เล่าเปียวได้ป่วยตายไปแล้ว ชัวมอสมคบกับพี่สาวยกเล่าจ๋องลูกของนางชัวฮูหยิน ซึ่งเป็นบุตรคนรองของเล่าเปียวให้เป็นเจ้าเมือง แล้วยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ โจโฉก็ตั้งให้ชัวมอเป็นแม่ทัพเรือจะไปตีเมืองกังตั๋ง แต่กลับให้นางชัว ฮูหยินพาเล่าจ๋องไปอยู่ที่เมืองอื่น แล้วก็ส่งลิ่วล้อตามไปฆ่าเสียทั้งสองแม่ลูก

    พอจะรบกับจิวยี่ แม่ทัพของกังตั๋ง โจโฉส่งใส้ศึกเข้าไปหาจิวยี่ แต่กลับถูกซ้อนกลหลงฆ่าชัวมอตาย เมื่อรู้ตัวก็ส่งชัวต๋งกับชัวโฮไปเป็นใส้ศึกอีกครั้ง ก็โดนหลอกให้รับตัวอุยกาย ซึ่งนำเรือเชื้อเพลิงยี่สิบลำทำเป็นหนีจิวยี่มาอยู่กับโจโฉ แล้วก็เผากองทัพเรือของโจโฉเสียวอดวาย ชัวหุนพี่ชายถัดจากชัวมอก็ถูกยิงตกน้ำไปตั้งแต่เริ่มรบ พอจิวยี่จะเคลื่อนกองทัพเรือออกจากท่า ก็จับชัวต๋งกับชัวโฮตัดศีรษะเส้นธงชัยเสียทั้งคู่ สิ้นเวรสิ้นกรรมไปหมดทั้งตระกูล


    แกหัว เป็นลิ่วล้อของลิห้อม นายทหารของซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋ง ตอนที่ซุนกวนคิดจะหลอกเล่าปี่ให้มาแต่งงาน กับนางซุนหยินน้องสาวต่างมารดา แล้วจะจับตัวไว้แลกกับเมือง เกงจิ๋ว เมื่อเล่าปี่มาถึงเมืองลำซี นางงอก๊กไถ้มารดานางซุนหยินก็ขอดูตัวเจ้าบ่าว โดยเชิญเล่าปี่ไปกินเลี้ยงที่วัดกำลอ ซุนกวนก็สั่งลิห้อมให้จัดทหารคอยจับตัวเล่าปี่ ลิห้อมก็สั่งให้แกหัวจัดการ

    พอเล่าปี่รู้ตัวก็บอกกับว่าที่แม่ยายให้ช่วย นางงอก๊กไถ้เกิดชอบใจว่าที่ลูกเขย ก็เรียกซุนกวนมาถามว่าจะทำร้ายเล่าปี่หรือ ซุนกวนก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง พอเรียกตัวลิห้อมมาสอบสวน ลิห้อมก็ซัดว่าแกหัวคิดอ่านทำเอง นางงอก๊กไถ้จึงสั่งให้เอาตัวไปประหารเสีย เคราะห์ยังดีที่เล่าปี่ขอโทษเอาไว้ศีรษะจึงยังไม่หลุดจากบ่า


    ลิ่วล้อที่ยกเอามาเล่าทั้งหมดนี้ มิได้มีชื่ออยู่ในสารบัญสามก๊กเลย ซึ่งก็ล้วนแต่แขวนชีวิตไว้กับอารมณ์ของเจ้านายทั้งสิ้น ถึงตาดีก็ได้เข้าตาร้ายก็ซวย ลงรอยกับทุภาษิตที่ว่า...

    เป็นผู้น้อยค่อยก้มประนมกร เหนื่อยไปก่อนคงสบายเมื่อตายแล...นั่นเอง.

    ##########

    วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑
    พฤษภาคม ๒๕๔๓
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2008
  8. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    สามก๊ก


    วันนี้เห็นจะชวนคุยเรื่องเบาๆสักวัน ผมมาอ่านหนังสือ สามก๊ก เอาเมื่อเข้าวัยชรา ก็เลยอ่านไปคิดไปตามประสาคนสูงอายุ จะปรู๊ดปร๊าดเหมือนวัยรุ่นก็คงไม่ไหว ในความเห็นของผม หนังสือสามก๊กที่ถูกยกย่องว่าเป็นยอดตำรายุทธ์ เป็นสุดยอดของตำราพิชัยสงคราม การรบทัพจับศึกเอาชนะคน

    แต่สำหรับผมกลับมองไปในอีกแง่มุมหนึ่ง สามก๊ก ก็คือเรื่อง ที่เข้าถึงและวิธีกำราบสันดานมนุษย์ ผมว่าคนเป็นผู้ลิขิตตนเอง ไม่ต้องไปโทษฟ้าดินที่ไหน และทำดีก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดีทำชั่วก็ไม่แน่ว่า จะได้ชั่ว คนทำชั่วได้ดีก็มีถมไป ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้าใจวิถีของการดำเนินชีวิตอย่างไรมากกว่า

    ส่วนจะเอาชนะใครด้วยวิธีใด ก็ต้องเข้าใจบุคลิกตัวตนของคนคนนั้น ว่ามีบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอเป็นอย่างไร เช่น หูเบา เห็นแก่ ลาภยศ จึงใช้เป็นจุดอ่อนและจุดแข็งที่จะเอาไปใช้ประโยชน์

    แม้แต่คำว่าแพ้หรือชนะ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะแพ้ชนะอย่างไร ชนะ สงคราม แต่ไม่ชนะใจ ก็ต้องสู้รบกันไม่เลิกรา ในสนามรบไม่มีใครได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด รุ่นหนึ่งตาย รุ่นหนึ่งก็มาแทน ไม่จบสิ้น

    ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า

    สรุปแล้ว สามก๊ก เป็นวิธีการอ่านจิตใจและเอาชนะคน โดยศึกษาจากพฤติกรรมของคน ผมก็คิดเอาของผมอย่างนี้แหละ

    อย่างไรก็ตาม ผมถือว่าสามก๊กเป็นสุดยอดของหนังสือปรัชญา รวบรวมเอาสันดานมนุษย์ ไว้ได้ครบถ้วน และต้องยอมรับว่า ถ้าชาตินี้ไม่ได้อ่านสามก๊ก คงจะเสียชาติเกิดเป็นแน่

    สามก๊กมีหลายฉบับ สำหรับฉบับที่ผมอ่าน เขียนโดยคุณสังข์ พัธโนทัย รวบรวมเอาสามก๊ก มาให้อ่านได้ง่ายและเข้าใจได้ง่าย ซึ่งแยกเป็นตอนๆตามบทบาทของตัวละครแต่ละตัวที่มีบุคลิก แตกต่างกันไป

    บทที่ 1 ตอน ขันทีทั้ง 10

    “ถึงราชวงศ์ฮั่น แผ่นดิน พระเจ้าฮวนเต้ พระองค์หาราชบุตรมิได้ ขอเลนเต้มาเลี้ยง เลนเต้ได้สืบราชสมบัติ ตั้งราชธานีอยู่ ณ เมืองลกเอี๋ยง... พระเจ้าเลนเต้โปรดปรานขันทีทั้ง 10...เชื่อฟังแต่คนประจบสอพลอ และยกย่องขันทีให้เป็นใหญ่ในแผ่นดินยิ่งกว่าขุนนาง ทั้งปวง...เกิดอาเพศในแผ่นดิน...เตียวก๊กคิดการปฏิวัติ... พระเจ้าเลนเต้ให้โฮจิ๋นปราบเตียว ก๊ก...เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย อาสาปราบคณะโพกผ้าเหลือง...พวกโพกผ้าเหลืองแพ้แล้วกำเริบอีก.. .เล่าโต๋กับตันค่ำถูกประหาร ซุนเกี๋ยนปราบจลาจล...เกิดปัญหาสืบราชสมบัติ...ห้องจูเปียน ขึ้นเป็นกษัตริย์ โฮจิ๋นเป็นสมุหนายก ต่อมาโฮจิ๋นฆ่าพระนางตังไทฮอ...พระนางโฮเฮาไม่ให้ ฆ่าขันทีทั้ง 10...โฮจิ๋นเลยเรียกทัพหัวเมืองมาปราบขันที...แต่ปรากฏว่าขันทีลวงโฮจิ๋น ไปฆ่าทิ้ง...สุดท้ายขันทีทั้ง 10 ก็ถูกฆ่าตายหมด”

    เนื้อหาเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม สามก๊ก ทั้งโหดเหี้ยมพลิกแพลงอ่านแล้วแทบวางไม่ลง ผมขอสรุปเอาส่วนที่เรียกว่าเป็นตำราพิชัยสงคราม มาปิดท้ายก็แล้วกัน

    “อันผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน แม้รู้กาลรู้ประมาณ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีศิลปะในการทำโง่ทำฉลาด คิดรอบคอบร้อยชั้นพันชั้น แล้วจึงทำย่อมมีชัยชำนะทุกแห่งหน”


    “อันผู้ใหญ่ในแผ่นดิน แม้ตั้งหน้าแต่จะฆ่าฝ่ายตรงกันข้ามตะพึดไป ไม่รู้ที่จะกลับศัตรูมาเป็นมิตร ไม่คิดอ่านที่จะใช้กุศโลบาย เลี้ยงผู้มีปัญญาความรู้และผู้มีกำลัง ก็จะถึงแก่อันตรายในไม่ช้า”.

    “หมัดเหล็ก”

    http://www.thairath.co.th/news.php?section=society06&content=71734
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กุมภาพันธ์ 2008
  9. Bhuddha3210

    Bhuddha3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +312
    สามวีรบุรุษสาบานในสวนท้อ

    สามวีรบุรุษสาบานในสวนท้อ

    [​IMG]


    ล่อกวนตงร่ายโศลกการสาบานของสามพี่น้องวีรชนในสวนท้อไว้ดังนี้.-

    “คารวะหนึ่ง ยามจลาจล มาพบ คนรู้ใจ

    ดอกท้อยิ้ม บานไสวส่อง แท่นบวงสรวง

    ปณิธานสร้างสันติ แทนคุณชาติ ประกาศวีรกรรม

    คารวะสอง จงภักดีหาญกล้า ทุกข์ยากร่วมฝ่าฟัน สัญญาไม่แยกกัน

    คารวะสาม ถึงตายไม่แปรผัน ดินฟ้าตะวันจันทรา ยิ่งเสริมเติมใจ ให้หาญกล้า...”


    แปลโดย
    ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน


    [music]http://palungjit.org/attachments/a.284014/[/music]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กุมภาพันธ์ 2008
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คาราวะหนึ่งจอก
     
  11. T-1970

    T-1970 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,179
    ..ด้วยความเคารพ..ผมทบทวนอยู่เที่ยวว่าจะเขียนดีไหม..และก็ตัดสินใจเขียนโดยไม่มีเจตนาลบหลู่แต่ประการใด..เพียงอยากจะฝากข้อคิดเล็กๆน้อยครับ..

    ..สามก๊ก..ผมอ่านจบไปหลายเที่ยวแล้ว ตั้งแต่อายุ 18 ครับ(ตอนนั้นยังไม่มีภาพยนตร์ออกมาฉายแบบทุกวันนี้เลย)...แล้วผมก็ค้นพบว่า..สิ่งที่สามก๊กต้องการจะสอน ไม่ใช่ให้เราCopyหรือยึดติดอยู่กับยุทธวิธีทั้งหลายในตำราเล่นนั้น แล้วเอาไปใช้กับคู่แข่งในชีวิตจริงนะครับ เพราะคู่แข่งของเราเขาก็อ่านสามก๊กมาเหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่สามก๊กต้องการจะบอก-จะสอนเราคือ.......??? (..คำตอบผมพบแล้วตั้งตอนอายุ 18 ..ขออนุญาตไม่เขียนต่อนะครับ..ทบทวนดูก็จะรู้คำตอบกันทุกคนครับ..)
     
  12. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    ผมว่าอ่านตอนอายุน้อยก็ได้มุมมองแบบอายุน้อย แต่ดีกว่าไม่อ่านเลย แต่ถ้าประยุกต์ในการเอามาใช้ในชีวิตได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ผมว่าจะดีมาก การประยุกต์ในที่นี้ไม่ใช่เอาไปเล่ห์เหลี่ยมไปใช้กับใคร แต่รู้ทันคนไม่ให้ถูกหลอก และช่วยเหลือคนที่ถูกคนหลอกลวง และนำไปใช้ในการคบหาคน ดูคนออก ใช้คนเป็น รู้จักแยกแยะสิ่งดีสิ่งเลว ยิ่งเวลาอายุมากขึ้นถ้าได้กลับไปอ่านอีก จะได้ทบทวนของเก่า ประสบการณ์ที่เคยได้เจอมา + เหตุการณ์ในสามก๊ก จะทำให้เราเข้าใจในชีวิตมากขึ้น และเข้าใจในปัญหา และแก้ไขอย่างตรงจุดมากขึ้น คนที่อ่านตอนอายุมากก็จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆที่ตนเองประสบ และอดีตได้ดีมากยิ่งขึ้น และหลายๆคนก็เสียดาย ถ้าหากศึกษาเร็วกว่านี้คงจะไม่ผิดพลาดแบบนั้น แบบนี้

    ใครทำได้แบบนี้ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องล้มลุกคลุกคลาน 100% เพราะผมเองก็ทำอยู่ อ่านตั้งแต่อายุประมาณคุณ 17-18 และอ่านหลายฉบับ หลายสำนวนทีเดียว ผมว่าการศึกษาสามก๊ก ไม่ใช่ว่าอ่านมาก หรือดูมาก แต่มันสำคัญที่

    1. เข้าใจในสัจธรรมในสามก๊กหรือไม่
    ว่าจุดจบสุดท้าย "สมบัติก็แค่ผลัดกันชม " ไม่มีอะไรติดตัวไปได้เลยสักอย่าง และอื่นๆอีกมากมายที่ปัญญาบุคคลแต่ละคนนั้นจะเห็นได้

    2.ประยุกต์นำมาใช้ได้หรือไม่
    นำในแง่ดีต่างๆในสามก๊กมาใช้ป้องกันตัวเอง ช่วยเหลือคนอื่น ใช้ในการดำเนินชีวิต การเรียน การงาน การสังคมกับหมู่คณะ ธุรกิจการค้า ให้เป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ซื่อสัตย์ อ่อนน้อมถ่อมตน จึงควร แต่หากนำเล่ห์เหลี่ยมมาใช้ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น เล่นเล่ห์กระเท่ห์กับคนที่รู้ไม่เท่าทันตนเอาผลประโยชน์ใส่ตัว แล้วทะนงตนว่า เราดีเราเก่งกว่าคนอื่นๆ อวดเก่งอวดดี เวรกรรมมันก็จะตามสนอง ทำมาหากินไม่มีทางเจริญได้ตลอดรอดฝั่ง แถมไม่มีใครคบหาอย่างสนิทใจ


    (แต่คนที่อ่านมาก ดูมาก อย่างวิเคราะห์ ไม่ใช่อ่านลวกๆ จะเก็บรายละเอียดได้ดีมากกว่าคนที่อ่าน, ดูน้อย)

    คุณก็ดูตัวคุณเอง คนที่ตั้งต้นที่จะอ่านสามก๊ก หรือดูสามก๊กว่า เป้าหมายที่คุณศึกษาจะนำไปใช้อะไร ถ้าคุณหวังจะเอาเล่ห์เหลี่ยมไปใช้กับคนอื่น ก็ขอให้คุณตายดีแล้วกัน อย่าตายโหงล่ะ ถ้ารุ่นคุณไม่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลานคุณก็เตรียมไว้ได้ หนีไม่พ้นหรอกเวรกรรม

    ผมมีคนรู้จักหลายคน หลายกลุ่ม ศึกษาสามก๊ก ทั้งเอามาใช้ได้ และใช้ไม่ได้

    กลุ่มแรกแค่อ่านๆดูๆ เอาสนุกเฉยๆ เอามาพูดคุยกับเพื่อนฝูง วิพากษ์วิจารณ์ตัวละครเฉยๆ ชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน เพราะพวกนี้พูดอย่างทำอย่าง พูดดูสวยหรู แต่การกระทำไม่ได้ครึ่งนึงของสิ่งที่พูด ชีวิตพวกนี้จึง ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันกับเขาซะที

    กลุ่มสอง มือถือสาก ปากถือศีล ต่อหน้าคนอื่นก็พูดจาดี กลัวบาปกลัวกรรม หลับหลังก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมล้วนๆ ทำธุรกิจ ได้เงินได้ทองมากมาย วันพระ วันหยุดก็เข้าวัด ขอพร ขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองแค่นั้น แต่ก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับธุรกิจการค้าของตน discredit คู่แข่ง สารพัดวิธีจะทำ ผมก็เตือนๆแต่เขาก็ไม่เชื่อ มีคนนึง สุดท้ายเวรกรรม ตามทัน ลูกคนเดียวของเขาต้องมาประสบอุบัติเหตุ เป็นอัมพาต ตระเวนรักษาที่ต่างๆก็ไม่หาย่ ชีวิตแทบจะเป็นบ้าไปเลย ตอนนี้หันเข้าหาธรรมะอย่างเต็มตัวกว่าจะคิดได้ก็สูญเสียไปซะแล้ว

    และกลุ่มสุดท้าย มีธรรมะในใจ นำข้อดีๆของสามก๊กมาใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จักเลือกคน คบคน บริหารการงานธุรกิจ ได้ดิบได้ดี การค้าเจริญรุ่งเรือง วันพระก็รักษาศีล มีเพื่อนฝูงรักใคร่มากแถมยังสอนผมด้านการศึกษาแล้วเอามาประยุกต์ใช้มากมาย
    เพื่อน พี่ อาุ ลุง บ้างเป็นทนาย บ้างทำธุรกิจการค้า อายุ 50 -60 หากมีเวลาว่างก็เอาสามก๊ก เอาตำราพิชัยสงคราม ซุนวู มาอ่าน ทำให้เข้าใจปัญหาที่เจออยู่ได้มากขึ้น แ้ก้ได้ตรงจุด ตรงประเด็น ไม่ต้องไปเรียนMBA ที่ไหน ทำธุรกิจได้ดีกว่า คนเรียนMBAจบนอกซะอีก นี่ละคุณประโยชน์จาก สามก๊ก ที่ประสบกับคนที่รู้จัก นี่ก็บ่งบอกแล้วว่า " ใครอ่านสามก๊กเกินสามจบ คบได้หรือไม่ได้ " เพราะขึ้นอยู่กับคนว่า มีธรรมะในใจหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เอาเล่ห์เหลี่ยมไปฟาดฟันกัน กรรมเวรมันก็อยู่กับคนนั้น


    ต่อไปเป็นบทวิจารณ์สามก๊กที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้


    ***************************************************

    คนอ่านสามก๊กฉบับใดๆก็ตามให้จบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องใช้กำลังสมาธิสูงในระดับหนึ่งและต้องมีความเพียรในการอ่านใน1500กว่าหน้า(ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน)) (แต่ฉบับของเมืองไทยที่มีหน้ามากที่สุด 4,000กว่าหน้า คือ สามก๊กฉบับคนขายชาติซึ่งมีเนื้อเรื่องขยายความอย่างละเอียดละออมาก)ด้วยเนื้อหาในเรื่องที่มีแต่กลศึก การชิงไหวชิงพริบ การใช้เล่ห์เหลี่ยมแรกๆที่ข้าพเจ้าอ่านยอมรับว่าปวดหัวมากๆเครียดมากเพราะต้องใช่สมาธิระดับสูงที่ตนเองไม่เคยมีมากแบบนี้แตกต่างจากการอ่านหนังสือนิยายทั่วไปมากๆและด้วยเรื่องราวอันเข้มข้นในทุกตอน ในขณะที่อ่านไปนั้นผู้อ่านต้องขบคิดไปด้วยในกลยุทธ์ที่อีกฝ่ายกำลังใช้กับอีกฝ่ายซึ่งแบบนี้ยิ่งอ่านแล้วจะได้สัจธรรม และ ฝึกภูมิปัญญาในการมองโลกขึ้นทุกขณะๆแต่จะต้องใช้สมองมากๆ สมาธิต้องดีมากถึงจะเข้าใจได้ต่อเนื่องแต่ผลที่ได้รับนั้นเยี่ยมยอดจริงๆ

    แม้จะดูภาพยนตร์ก็ตามมันเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะดูจนจบแล้วรู้เรื่องเข้าใจหมดใน 1 ครั้ง 2 ครั้ง เนื่องจากสติปัญญาไม่เหมือนกัน


    ดังนั้นสมัยนี้จึงมีคนน้อยมากที่จะเข้าใจในเนื้อเรื่องสามก๊กทั้งหมดอย่างละเอียด เพราะสามก๊กนั้นอ่านยาก ดูยาก ตัวละครแต่ละตัวสะท้อนนิสัย สันดานของคนจริงๆ จึงมีตัวละครเยอะมากบางคนจำไม่ได้ว่าใรเป็นใคร ยิ่งดูยิ่งง สุดท้ายเลยไม่ดู ข้าพเจ้าแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้เริ่มจากการดูหนัง สามก๊กก่อนจะง่ายกว่าการอ่าน แต่เพื่อนบอกว่า ดูไม่รู้เรื่องตัวละครเยอะไปหมด จำชื่อไม่ไหว ดูไปแล้วงง ปวดหัว

    นี่จัดว่า คนที่อ่าน และดูสามก๊ก เข้าใจ ต้องมีสมาธิ และปัญญาอยู่ในระดับดี แตกต่างจากคนทั่วไปในระดับหนึ่งยิ่งถ้าได้อ่าน หรือ ดูมากๆตั้งแต่ 3 รอบขึ้นไปและยิ่งเข้าใจมากๆขึ้นไม่ใช่ยิ่งดูยิ่งงง บุคคลเหล่านั้นจะยิ่งเข้าใจในนิสัยลึกๆของแต่ละคนที่พบเจอทั้งสวมหน้ากาก หรือเสแสร้งมากยิ่งขึ้น เหมือนการใช้เจโตปริญญาณย่อมๆนั่นเอง

    เพราะฉะนั้นตามความคิดข้าพเจ้ามองว่า คนที่อ่านสามก๊ก3จบขึ้นไปและอ่านอย่างละเอียดและเข้าใจ (แต่ถ้าดูจะไม่ละเอียดเท่าการอ่านเพราะในหนังมีเนื้อหาน้อยกว่าในหนังสือแต่ก็จะได้ปัญญาในระดับหนึ่งทีเดียว) จะมีความสามารถในการมองคนมากกว่าคนปกติแน่นอนแต่ถ้าเขาประยุกต์เอามาใช้กับตนคือขัดเกลาข้อเสียที่ตนเองมี และปรับปรุงตนเองทุกขณะเขาจะได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ถือเป็นเจโตฯย่อมๆ ในการดูคน ดูตน ได้มากทีเดียว


    นับเป็นบุญสำหรับคนที่ได้อ่านหรือดูที่ท่านได้ซึมซับเจโตปริญญาณย่อมๆนี้ โดยที่ท่านยังไม่ได้ฝึกสมาธิขั้นสูงและเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากเสียเงินเรียน MBA เพื่อจะนำมาใช้จริงในธุรกิจส่วนตัว (แต่ถ้าจะเรียนเพื่อUpGrade เงินเดือน หรือต่อยอดการเรียน ก็เรียนไปด้วย อ่านสามก๊กไปด้วยสมองจะปราดเปรื่องในการวิเคราะห์กว่าเพื่อนในClass อย่างแน่นอนเพราะเพื่อนข้าพเจ้าลองมาแล้ว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2008
  13. userx

    userx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +1,061
    ทุกคนในกระทู้นี้เป็นคนดีจริงๆเลยครับ ขอให้ร่ำให้รวย มีแต่ความเจริญยิ่งๆขี้นไป อายุมั่นขวัญยืน มีแต่ความสุขความหรรษาตลอดชั่วสังสารวัฎนะครับทุกคน
     
  14. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    สมองซีกขวาช่วยให้คิดอย่างเป็นองค์รวม ควบคุมเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ การสร้างภาพ หรือจินตนาการ และการฟัง

    สมองซีกซ้ายจะช่วยให้คิดอย่างแยกส่วน เป็นตัวชี้นำเกี้ยวกับภูมิปัญญา ควบคุมเกี่ยวกับการพูด และตัวเลข

    ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงมีสองใจ สองสมองในเวลาเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆต้องมีเหตุผลและอารมณ์เข้าไปเกี่ยวข้องผสมกันทุกครั้ง

    การอ่านเรื่องราวในอดีต จะช่วยฝึกสมองซีกขวา Emotional Quotient (EQ) ของเราให้พัฒนาขึ้น

    'ขิงแก่'่


    *****************************************


    " เรื่องสามก๊กนี้เป็นเรื่องดีจริง

    นักปราชญ์ได้อ่านก็ชอบใจ

    ใครมีปรีชาสามารถได้อ่านก็ชอบใจ

    ชาวบ้านร้านตลาดได้อ่านก็ชอบใจ

    ทุคคตะเข็ญใจได้อ่านก็ชอบใจ "


    ตำนานหนังสือสามก๊ก : พระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พ.ศ.๒๔๗๐
     
  15. T-1970

    T-1970 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,179

    ..ด้วยความเคารพ..อย่าว่าแต่สามก๊กเลยครับ..เลี๊ยดก๊ก-พิชัยสงครามของซุนหวู่-พิชัยสงครามแบบคีมหนีบของบุเรงนอง-พิชัยสงครามของนโปเลียน..ไปจนถึงฮิตเลอร์..มาร์ค-เลนิน-สตาลิน ฯลฯ..ผมอ่านมาหมดแล้วครับ...ล้วนได้บทสรุปเดียวกันทั้งสิ้น...ขอยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่ตำราบอก+สอนเรา ไม่ใช่การCopyหรือยึดติดกับยุทธวิธีครับ (เพราะคู่แข่งของเรา เขาก็ศึกษามาจากตำราเดียวกันกับเรานั่นแหละ)..เหตุที่นักปราชญ์โบราณส่งเสริมให้อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายๆเที่ยว เพราะกลัวว่าถ้าอ่านเที่ยวเดียวอาจจะค้นไม่พบ ว่าสิ่งที่ตำราจะบอกจะสอนที่แท้จริงนั้นอะไร???...

    ....เอาเป็นว่าผมพบแล้วตั้งแต่ตอนอายุ 18 ครับ...และผมเชื่อว่าท่านที่พบแล้วทุกคน ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน..สิ่งที่พบ "ย่อมไม่เปลี่ยน" (เพียงแต่ได้ประสบการณ์และชั่วโมงบินเพิ่มขึ้นเท่านั้น) เช่นเดียวกับการค้นพบนิพพานของพระศาสดา ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาถึง 2,551 ปีแล้วก็ตาม นิพพานยังคงเป็นสิ่งที่เลิศล้ำเหนือทุกสิ่ง ..ซึ่งจะแตกต่างไปจาก "ความเชื่อ ณ.ขณะใด ขณะหนึ่ง" ( เช่น เคยเชื่อว่าโลกแบบ..แต่พอเวลาผ่านไปแล้ววิทยาการสูงขึ้น จึงเกิดความเชื่อหรือความรู้ใหม่ว่าโลกกลม เป็นต้น) ดังนั้นผมจึงไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปอ่านอีกแล้วครับ..ด้วยความเคารพ...
     
  16. __

    __ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +144

    พวกนี้มีเยอะ มีเวลาว่างอ่านเยอะรู้เยอะ แต่ทำไม่ได้ ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ แถมทิฏฐิมานะแรง พวกนี้ก็เลยเป็นกบโง่ๆ ในกะลาเก่าๆ่ เช้าชามเย็นชามอยู่ร่ำไป

    ดีแต่อ่านดีแต่รู้มา้มากมาย แต่เอาไปใช้ไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรเล่า

    เขาจึงเรียกว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" บางทีก็เรียก "ความรู้ท่วยตัวเอาหัวไม่รอด " นั่นแล

    อนิจจา
     
  17. __

    __ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +144
    ... อ่ะช้า เจอพอดีเลย ...

    อ่านแล้ว รู้แล้ว มามากมาย แต่ชีวิตดีขึ้นไหม ครอบครัวดีขึ้นไหม ศีลรักษาครบไหม ธรรมะเจริญในใจขึ้นไหม คนรอบข้างได้รับประโยชน์ไหม?


    ตอบหน่อยซิ?

    ถ้าอ่านแล้ว รู้แล้ว ทาน ศีล ภาวนา เจริญขึ้น ชีวิตดีขึ้น ครอบครัวดีขึ้น ศีลรักษาครบดีขึ้น ธรรมะเจริญในใจดีขึ้น คนรอบข้างได้รับประโยชน์ขึ้น ช่วยเหลือคนมากขึ้น นับว่าพัฒนา แต่ถ้าไม่

    ก็ไม่แตกต่างจาก "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" บางทีก็เรียก "ความรู้ท่วยตัวเอาหัวไม่รอด "

    ก็จัดอยู่ในกลุ่มแรกที่เขาบอก พวกอวดดีอวดเก่ง ข้าเก่งเกินใคร สุดท้ายชีวิตไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันซะที เก่งกล้าสามารถในกะลา(เวป) แต่ชีวิตจริงไม่ได้เรื่องได้ราวซะที


    ศีล5 ยังรักษาไม่ครบ จะกล่าวไปใยถึงเห็นธรรม


    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุมาอี้. [​IMG]

    กลุ่มแรกแค่อ่านๆดูๆ เอาสนุกเฉยๆ เอามาพูดคุยกับเพื่อนฝูง วิพากษ์วิจารณ์ตัวละครเฉยๆ ชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน เพราะพวกนี้พูดอย่างทำอย่าง พูดดูสวยหรู แต่การกระทำไม่ได้ครึ่งนึงของสิ่งที่พูด ชีวิตพวกนี้จึง ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันกับเขาซะที





    </td> </tr> </tbody></table>
     
  18. __

    __ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +144
    ..... อ่ะช้า ชิชะ .... เป็น "ขี้ข้า" ริอาจเทียบ "เจ้า" เป็นแค่ปุถุชนคนกิเลสหนา กล้าเปรียบภูมิรู้ตน เทียบพระพุทธเจ้า ระวังขี้กลากจะขึ้นหัว ขึ้นตัวนะ

    สงสัยเมาเหล้ามาตอบ สติสัมปชัญญะถึงได้อุปมาอุปมัยไปแบบนี้ เหล้านะผิดศีลข้อ5นะ ได้ข่าวว่าชอบกินไม่ใช่เหรอ (ไปรู้ดีเรื่องเขาอีกเรา)

    ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ได้ธรรมเมา เพราะเหล้าแล้ว ไม่ใช่ธรรมะ หรอก

    ศีล5ยังรักษาไม่ได้ อย่าไปพูดเรื่องเห็นธรรมเลย .....
     
  19. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    ไม่รู้ว่าคุณ__ จะพาดพิงคนอ่านสามก๊ก พงศาวดารจีน, และตำราพิชัยสงครามต่างๆ ฯลฯ ที่มีผมร่วมอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่ แต่ผมขอตอบนะครับ

    อ่านแล้วรู้มามากมาย ชีวิตดีขึ้นไหม?

    ตอบ ชีวิตดีขึ้นครับ เพราะเราจะรู้จักจัดระบบงาน เมื่อวางระบบดีแล้ว ก็ต้องดูเรื่องความถูกต้องในธุรกิจการค้า ส่วนใหญ่จะเจอเยอะ ชีวิตผมเองปัญหาตัวเองจะไม่ค่อยมีเท่าไร เพราะเวลามีปัญหาเราจะรู้ต้นตอและแก้ไขได้ถูก แต่ปัญหาส่วนใหญ่มาจากคนใกล้ชิด เพราะตัวเองเราควบคุมได้ แต่คนอื่นเราคุมไม่ได้

    ครอบครัวดีขึ้นไหม?

    ตอบ ครอบครัวดีขึ้นครับ เพราะผมจะแนะนำวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ตรงจุด และรับเรื่องปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้าน เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆจะต้องถูกผมกรองก่อน ดังนั้นปัญหาทางโลกในบ้าน ผมจะรับหน้าที่นี้มาคนเดียว และจะสอนวิธีในการแก้ปัญหาของผมกับคนในบ้าน ฉะนั้นทุกคนจึงเข้าใจในหน้าที่ของตัวเอง

    ศีลรักษาครบไหม?

    ตอบ ผมจะรักษาศึล๕ ในวันธรรมดา และศีล๘ ในวันพระ อาจจะมีขาดบ้างพร่องบ้าง แต่ก็พยายามให้มากที่สุดเพื่อเป็นการไม่ให้หลงใหลในทางโลกเกินไป เรื่องทาน บริจาคทุกวันใส่กล่องไว้ ถึงวันพระทีหนึ่งก็จะเอาไปบริจาคงานบุญต่างๆ ใกล้ๆบ้านก็ดี งานบุญที่ทำตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย ก็ดี เรื่องภาวนา ผมจะภาวนาตอนนอน แล้วก็หลับ นานๆทีจะฝันที ก้มีแค่นี้ละครับ

    ธรรมะเจริญในใจขึ้นไหม?

    ตอบ ที่ผมปฏิบัติธรรมมาตลอด กิเลสความอยากจะได้นู้นได้นี่ ไม่ค่อยเป็นเหมือนสมัยก่อน ทำอะไรเน้นความจำเป็นมากกว่าความอยากได้ เป้าหมายของผมเพื่อละกิเลส และถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ทั้งทางธรรมและทางโลก ซึ่งตอนนี้ก็มีความสุขใจดีครับ เพราะทาน ศีล ภาวนา ทำครบ กุศลกรรมบถ พยายามไม่ให้ขาด ก็ไม่รู้ว่าธรรมะจะเจริญมากน้อยแค่ไหนเพราะทำเป็นปกติเสียแล้วครับ

    คนรอบข้างได้รับประโยชน์ไหม?

    ตอบ แน่นอนครับ ที่ผมศึกษาธรรมะ และศาสตร์ต่างๆทางโลกก็มีเป้าหมายเพื่อนำมาเผยแพร่ให้คนรอบข้างที่ไกล้ชิดและคนทั่วไป ได้รับความรู้ที่ผมศึกษามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ในเวปนี้คือเรื่องสามก๊ก ผมจะพยายามบอกกล่าวให้คนทุกร่นไม่ว่าคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่าได้มาดูสามก๊กซึ่งง่ายกว่าการอ่าน เพราะจะได้รู้เท่าทันคนในสมัยนี้ เพราะยุคนี้มีการหลอกลวงเพื่อหาเลี้ยงชีวิตกันมาก จึงไม่อยากให้คนที่มีธรรมะต้องตกเป้นเหยื่อพวกมิจฉาชีพเหล่านั้น ซึ่งผมเน้นให้คนนำสามก๊กไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงควบคู่ธรรมะ ในการบริหาร ดำเนินชีวิต เป็นทางลัดไปสู่ความสำเร็จ มากกว่าจะดูเพื่อเอาเล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ์ไปใช้กับคนอื่นๆแค่นั้นซึ่งจะไม่เจริญในธรรมะ และผมก็เห็นคนพวกนี้มามากต่อมากแล้วว่า ชีวิตเขาไม่ได้มีความสุขที่แท้จริงอะไรเลย แถมเวรกรรมก้ตามสนองจะช้าหรือเร็วแค่นั้นครับ

    หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้อ่านและผู้ศึกษาสามก๊ก พงศาวดารจีน และพิชัยสงครามต่างๆจะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตควบคู่ไปกับธรรมะ
     
  20. สุมาอี้.

    สุมาอี้. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47

    บุคคลที่สนใจในพิชัยสงคราม และกลยุทธ์ ย่อมจะศึกษาทั้งศาสตร์ตะวันตก และ ตะวันออก จึงเป็นเรื่องไม่แปลกอันใด เพราะผมก็เคยศึกษา เพื่อนอาของผมนั้นชอบมาก ตั้งแต่ก่อนเป็นทหาร เขาอ่านตำราพิชัยสงครามมาก ก่อนเขาสอบเข้าไปได้ และตอนนี้เขาเป็นอาจารย์สอนทหาร สายเสธ. สิ่งต่อไปนี้ผมถือว่าเป็นกระเบื้องล่อหยก มิได้ยกตนข่มท่านแต่ประการใด สิ่งที่ผมได้เคยศึกษาจากเพื่อนอาของผมนั้นมีดังนี้

    พิชัยสงคราม21กลยุทธ์ไทย

    ตำราพิชัยสงคราม7คัมภีร์ของจีน มี พิชัยสงครามซุนจื่อ ,หวูจื่อ ,หวีเลี่ยวจื่อ ,หลิวเทา ,3ยุทธวิธี,ซื่อหมาฝา และหลี่เว้ยกง ที่เหลือคือ 36กลยุทธ์ซุนปินที่ประยุกต์มาจากคัมภีร์และพิชัยสงครามต่างๆ

    พิชัยสงครามฮินดูโบราณ ,พิชัยสงครามนโปเลียน

    เรื่องราวพงศาวดารจีนที่เคยอ่าน หลังจากอ่านสามก๊กไปแล้ว ก็มี เลียดก๊ก ,ไซฮั่น ,ซ้องกั๋ง แค่นี้เองครับ

    ส่วนยุทธศาสตร์ของขุนพล นัการทหารต่างๆก็มี อเล็กซานเอร์,ฮันนิบาล,จูเลียส์ ซีซาร์,เจงกิสข่าน,เฟรดเดอริคมหาราช,นโปเลียน , เคล้าเซวิชต์,มอลเค้,
    ,คาร์ล มาร์ค,วลาดิมีร์ เลนิน,โจเซพ สตาลิน,อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ,เหมาเจ๋อตง และกลยุทธ์ของเวียดกง

    และตอนนี้หนังสือเหล่านั้นก็ยังอยู่ กลยุทธ์ และพิชัยสงครามทั้งหมดนั้นมันอยู่ในส่วนหนึ่งของ
     

แชร์หน้านี้

Loading...