กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมก็เชื่อครับมีอีกเยอะแต่เขาไม่ได้เปิดเผยตัว ยังมีเรื่องราวอีกมายมายที่ไม่รู้เมื่อไม่รู้ก็ทำในสิ่งที่เราทำได้ก็พอแล้วผมก็โชคดีที่ท่านดอกไม้ช่วยตอบข้อสงสัยมากมาย :cool:
     
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมก็เชื่อเหมือนกันครับว่า 1+1 = ???? เพราะคำตอบจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความรู้ที่เข้ามาใหม่ครับ ปล่อยให้มันเป็นไปจะดีที่สุดครับ
     
  3. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    ส่วนตัวผมก็เชื่อว่า 1+1 = RANDOM + INFINITY จักรวาลนี้เปิดกว้าง เปลี่ยนแปลง ไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะฉะนี้ เราจึงไม่อาจยึดติดอยู่กับแนวทางใดตลอดไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้
     
  4. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    ขอความเมตตาครับ

    ขอได้โปรดขยายความให้ด้วยครับ
    - ระดับชั้นของจักรวาลแบ่งอย่างไรบ้างครับ
    - ผู้พิทักษ์คือใครครับ
    - การทดสอบจิตทำได้อย่างไรครับ

    ขอขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2016
  5. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    ขอขอบพระคุณครับ

    ท่านเองก็เปรียบได้ดั่งอาจารย์ผู้ให้ความรู้คนหนึ่งน้อมคาราวะด้วยใจจริง สิ่งใดอันเกิดจากความไม่รู้ของผมโปรดอย่าถือสา และได้โปรดสั่งสอนชี้แนะด้วยครับ หลายคำตอบและคำถามของท่านล้วนจุดประกายความอยากรู้ให้เกิดขึ้น
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    "ระดับชั้นของจักรวาล" เอาง่ายๆ ตามการปฏิบัติของเรานะครับ

    ระดับชั้นของจักรวาล แบ่งได้หลายแบบ แต่สำหรับนักปฏิบัติ
    เพื่อเลื่อนชั้น (Ascension) ก็พอแบ่งง่ายๆ ดังต่อไปนี้

    1 ระดับชั้นบุญ
    จะมีพลังงานกั้นเป็นชั้นๆ ไล่จากสวรรค์ชั้นที่ 1 ถึง 6
    ระดับพลังงานเหล่านี้ เข้าถึงได้ด้วยพลังบุญ และมีอยู่
    ในโลกของเรา หลุดจากพลังบุญแล้ว ก็จะหลุดจากโลก

    2 ระดับชั้นฌาน
    จะมีพลังงานกั้นเป็นชั้นๆ ไล่จากฌาน 1 ถึงฌาน 16
    ระดับพลังงานเหล่านี้เข้าถึงได้ด้วยฌาน และความรัก
    ขั้นเทพเป็นต้น หลุดจากชั้นนี้ จะเริ่มออกสู่จักรวาลแล้ว

    3 ระดับชั้นความว่าง
    จะมีขอบเขตจักรวาลเป็นที่สุด ไปเกินจักรวาลไม่ได้
    ระดับพลังงานเหล่านี้เข้าถึงได้ด้วยความว่าง (สุญตา)
    แต่ไม่ใช่นิพพานนะครับ จะมีจิตจักรวาลดูแลเขตนี้อยู่

    4 ระดับชั้นบารมี
    จะมีพลังงานกั้นเป็นชั้นๆ แต่จะอยู่นอกจักรวาลเราไป
    ระดับชั้นเหล่านี้เข้าถึงได้ด้วยบารมี ยิ่งบารมีมากยิ่งไป
    สู่ชั้นสูงๆ ได้ แต่ละระดับมีพระมหาโพธิสัตว์ ดูแลอยู่

    5 ระดับชั้นพุทธะ
    จะเข้าถึงได้ด้วย "พุทธสภาวะ" ไล่ลำดับจากอนุพุทธะ
    ไปพุทธะ, และมหาพุทธะ การเข้าถึง ต้องอาศัย พุทธ
    สภาวะเข้าถึง แต่ละระดับมีพุทธะดูแล (คือ ผู้พิทักษ์)
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผู้พิทักษ์คือใคร? ทดสอบจิตอย่างไร?


    ผู้พิทักษ์เป็นแค่คำสมมุติ ที่ผมยกขึ้นมาเรียก ให้ง่ายต่อการเข้าใจสภาวธรรม
    อย่างหนึ่ง อธิบายได้ว่า คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล ไม่ให้สรรพจิตทั้งหลายไปไกล
    เกินกว่าขอบเขตที่เขาดูแลอยู่ "โดยไม่พร้อม" เช่น จิตบางดวงอยากจะไปสู่
    จักรวาลโดยที่ยังไม่พร้อม เพราะมีกำลังไปได้แค่พรหมโลก แบบนี้ ผู้พิทักษ์
    ที่ดูแลอยู่ในพรหมโลก ก็จะมาขวางเราไว้ สังเกตุง่ายๆ เวลาที่ทำอะไรสุดโต่ง
    แล้วมีคนมาขวางน่ะละ คือ ผู้พิทักษ์ พวกเขาอาจจะปล่อยเราไปได้ ถ้าเราได้
    ผ่านการทดสอบของพวกเขาแล้ว เช่น พญามาร เป็นผู้พิทักษ์ในสวรรค์ชั้นที่
    หก เมื่อเราจะไปไกลเกินกว่าสวรรค์ชั้นที่หก เขาจะมาขวางทางเราทันที แล้ว
    ก็ทดสอบเราว่า "เราเข้าใจเรื่องของมารแค่ไหน?" ถ้าเราเข้าใจดี เขาก็ให้เรา
    ผ่านได้ เราก็จะไปไกลเกินกว่าสวรรค์ชั้นที่หกได้ (ระดับต่อไปคือ พรหมโลก)


    ผู้พิทักษ์แต่ละด่าน จะทดสอบเราต่างกันไป เพื่อดูว่าเราผ่านแบบเขาแล้วจริงๆ
     
  8. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    คำของท่าน frozen flower เป็นดั่งกุญแจเปิดประตูแห่งมิติ หลายครั้งเป็นเหมือนพลังงานแม่เหล็กดึงดูดความอยากรู้ภายในให้เบ่งบาน ผมเองก็ตามหาความสมดุลย์แห่งความรู้นั้นอย่างระมัดระวัง สิ่งหนึ่งคือปัญญาแห่งความรู้อันเป็นนิรันดร์ และสิ่งหนึ่งคือการทำตามคำเรียกร้องจากภายในใจอันไม่อาจข่มตาลงได้หากไม่เข้าใจมัน

    ขอบคุณมากครับ
     
  9. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ได้อ่านแล้วลูกไก่ที่พึ่งออกจากไข่อย่างผมยังสามารถเติบโตได้อีกเยอะเลยครับ รู้เลยว่าในมิติอันกว้างใหญ่เราเป็นแค่จุดเล็กๆถ้าไม่ทำตัวให้ดีให้สว่างทั้งกายและใจ ผู้ใหญ่ที่ไหนจะมองเห็น
     
  10. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    สำนวนของท่าน frozen f. ทำให้นึกถึง งานเขียนสุดล้ำลึกใน blog นึงเมื่อนานมาแล้วโดย s. f. ผมชอบไปอ่านเกือบทุกบทความครับ (ตอนนั้นว่างงาน ว่างจัด อกหัก รักคุด ตุ้ดเมิน 666) มีประเด็นนึงที่ผมยังจำได้ทุกวันนี้ที่ในเรื่องจิตแตกสลาย จิตเก่าจุติ จิตที่เกิดใหม่ นิสัยมันเปลี่ยนไปหลายเรื่อง อะไรทำนองนี้ >:D
     
  11. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    โลกนี้หามีความบังเอิญไม่

    โลกนี้หามีความบังเอิญไม่ เสียงสวดปรัชญาปารมิตาสูตร ดังลอยมาจากความว่างในขณะที่วิญญาณ หาหลักยึดเกาะและมุ่งให้ลุถึงในสิ่งที่ไม่มีอยู่

    "ธรรมทั้งปวงมีความว่างเป็นลักษณะ มิได้แปดเปื้อน มิได้บริสุทธิ์ มิได้เพิ่มขึ้น มิได้ลดลง "

    แปลกที่จิตสัมผัสได้ถึงความหมายแห่งบทสวดนั้นได้ และตระหนักชัดถึงจุดที่สมควรอยู่

    "ไม่มีทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค ไม่มีญาณ ไม่มีการบรรลุ ไม่มีการไม่บรรลุ "

    และทันทีที่ถอนตัวจากการลุถึงและยึดเกาะ ปล่อยวางมรรคทั้งหลายที่ไม่มีจริง โลกภายในและภายนอก
    ก็สว่างเท่าเทียมกันอย่างอ่อนโยน หิ่งห้อยในอากาศโบยบินและทอแสงเหมือนจะไม่มีวันจากหายไป..

    ธรรมทั้งหลายทำหน้าที่ของมันโดยสมบูรณ์ ถูกหรือผิดไม่ใช่หน้าที่เรา เมื่อหมดภาระย่อมเดินลงสู่ความดับสูญ ยิ่งกระทำยิ่งห่างไกล ยิ่งอยากได้
    กลับยิ่งเนิ่นช้า เมื่อโลกถอยห่าง แรงดึงดูดแห่งแสงมิอาจถักทอเกลียวแห่งความยึดหน่วง ผูกมัด เชือกแห่งแสงนั้นก็พลันขาดลงและมิอาจผูกมัดวิญาณ
    อันอิสระให้จมอยู่ในกระแสแห่งพลังที่หมุนเวียนไม่มีสิ้นสุด..

    ทางแยกถูกเปิดออกโดยแท้ คำตอบนั้นปรากฎอยู่ก่อนแล้วในคำถาม แสงสว่างมากเกินไปก็ทำลายการมองเห็นและคนรอบข้างโดยไม่เจตนา
    ความเจ็บปวดและโดดเดี่ยวมิอาจกล้ำกลายตัวเองหากแต่แสงอันเกิดจากความเจ็บปวดของคนรอบข้างนั้นต่างหากที่ทำให้เรามิอาจจากไป นี่กระมัง
    ที่เรียกว่า "กฎแห่งกรรม"

    ท่าน frozen flower และทุกท่านในกระทู้นี้คือแสงสว่างของข้าพเจ้าเปรียบได้ดังครูผู้เมตตายิ่ง ทางออกนั้นอยู่ตรงทางเข้า หากจิตใจเรา
    แข็งแกร่งเหมือนดังกับเพชร ก็คงไม่มีสิ่งใดทำให้เราเศร้าหมองได้

    ดังที่ท่าน Frozen flower กล่าวไว้ว่า
    "ธรรมชาติของโลก ย่อมก่อเกิดหยินหยางคู่กัน
    คนหนึ่งใสมาก คนหนึ่งจะดำมาก ไม่มีใครผิด
    แต่ทั้งสองต้องควบคุมดุลยภาพให้แก่กัน ด้วย
    ความใสนั้น ก็มีภัยแก่ปวงสัตว์ได้เช่นกัน ไม่ใช่
    ความดำมืดเท่านั้น ที่มีด้านลบ ถ้าพระอาทิตย์
    สว่างเกินไป ใครกัน? จะช่วยลดทอนความร้อน
    แรงนั้นได้ ไม่มีใครเข้าใกล้พระอาทิตย์ได้ มีแต่
    "ราหู" เท่านั้น ที่สามารถทำได้ อมพระอาทิตย์
    หยุดยั้งความร้อนแรงของพระอาทิตย์ได้

    นี่แหละ ธรรมชาติเกื้อกูลพึ่งพากัน ไม่มีถูกผิด

    วันนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า มันหมายถึงอะไร ขอคารวะท่านทั้งหลายด้วยจิตวิญญาณ

    คำที่กล่าวว่า "ธรรมทั้งหลายล้วนว่างเปล่านั้นถูกต้องอย่างที่สุดแล้ว เราทั้งหลายล้วนเดินมรรคแห่งตัวตัวเราเองเพื่อมุ่งสู่เส้นทางแห่งความดับเย็นอันเป็นนิรันดร
    ขาดก็แต่ความแข็งแกร่งดั่งเพชรที่จะตัดทำลายความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป"

    ธรรมนั้นสว่างไสวอยู่ในตัวของมันเอง ใจเราเองต่างหากที่มืดมัว

    “คเต คเต ปารคเต………….ปารสังคเต โพธิ สวาหา ฯ”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2016
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    หากเกิด Enlightenment ขึ้นมาแล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป?


    หากไม่เชื่อมต่อสายธรรมกับใครได้เลย จะเป็น "ปัจเจก" นะครับ ดังนั้น หากเชื่อมต่อ
    สายธรรมใดสายธรรมหนึ่งเสีย ก็จะไม่ต้องเป็นปัจเจก ทีนี้ มีหลายสายธรรมที่เชื่อมต่อ
    ได้ เช่น สายธรรม "จิตจักรวาล" เมื่อตายลง เราจะกลายเป็นจิตจักรวาลดวงหนึ่ง ลอย
    อยู่กลางจักรวาลไกลโพ้น นานเป็นโกฏิปี พอว่างมากๆ ก็จะมาจัดการกับโลก เพราะว่า
    พระเจ้าเบื่อครับ ว่างมากเกินก็เบื่อ ทีนี้ พระเจ้าไม่มีรูปขันธ์รองรับ มีแต่ดวงจิต มักจะมี
    นิสัยคล้ายๆ กันคือ "ไม่เคารพสมมุติ" ก็จะทำลายสมมุติกันไงละครับ ดังนั้น ไม่ต้องไป
    แปลกใจอะไร ถ้าใครพูดเรืื่อง "จิตจักรวาล" แล้วจะตามมาด้วยคำทำนาย "โลกแตก"!
    มันของคู่กันครับ ถ้าเราชอบ ก็เลือกทางไปได้ แต่ถ้าเราไม่โอเค ก็ต่อสายธรรมอื่นๆ ได้


    เช่น สายธรรมของพระศากยมุนี เมื่อเราตายลงจะไปจุติที่พุทธเกษตร ไม่ใช่จักรวาลเวิ้งว้างครับ
     
  13. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    เป็นดังที่ท่านกล่าว

    ผมไม่อาจมุ่งตรงนิพพานได้ แม้จิตหลักจะบอกว่ามันใช่และคือทางที่ถูกต้องและสมควรทำ ก่อนหน้านี้ผมติดญาณอยู่สามสี่ แต่มันเป็นแค่ของเก่า จิตไม่อยากเดินต่อ เบื่อ ถอนตัวออกมาเอง ตอนนี้ผมเลยเคว้ง "ปัจเจก" ที่ท่านว่าก็ไล่หลังมาเรื่อยเพราะสติมันไม่ยอมถอยทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขันแม้ในยามหลับไหล บางครั้งต้องใช้พลังดำเข้าข่ม แต่ก็ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว โลกนี้มันแปลกอย่างงี้ก็มี คนอื่นวิ่งเข้าหาผมเองกลับต้องถอยหนี..

    สายธรรมของพระศากยมุนีนั้นประเสริฐสุด แต่เป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัวผมไม่อาจวางเฉยต่อแววตาอันเศร้าหมองของเขาเหล่านั้นได้ เฉพาะตอนนี้นะครับ แต่ต่อไปยังไม่รู้เหมือนกัน ค่อยไปตัดเชือกเส้นที่แขวนให้หลุดออกในตอนท้ายก็ได้ ถ้าไม่จมอยู่กับภพใหม่อีกนะครับ

    กายวัชระ ถ้าเราแข็งแกร่งได้ดังนี้ก็คงจะดี ไม่มีสิ่งใดทำลายได้ จริงๆแล้วผมอยากต่อสายนี้ แต่ยังไม่เข้าใจกระจ่างน่ะครับ สายเดียวกันกับจิตจักรวาลหรือไม่ชอบก็ตรงที่ไม่เคารพสมมุตินี่แหละ โดนใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2016
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ทำไม จิตจักรวาลจึงจูนเรา?


    เวลาที่ใครคนหนึ่งได้ธรรมสายจิตจักรวาล ก็ดี
    หรือจิตข้างในเขากลายเป็นจิตจักรวาลไปแล้ว ก็ดี


    เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีพวกเดียวกันมาดึงดูดเข้าไปหากัน
    และหากเราได้รับธรรมของเขามาแล้ว เราก็เป็นหนี้เขา เราก็
    ต้องชดใช้หนี้ด้วยการทำกิจให้เขา ผมเองก็รับใช้พระเจ้าหรือก็คือ
    จิตจักรวาลนั้น มาเยอะแล้วละครับ เลยเข้าใจอะไรๆ มาบ้างพอสมควร
    แต่ไม่อยากจะพูดเยอะ เพราะไม่ได้คิดจะเลือกเดินทางนั้น เลยไม่ยุ่งครับ


    ผมต้องอาศัยธรรมของพระศากยมุนี เพราะเป็นธรรมที่ทำให้ผมไม่ต้องรับใช้พระเจ้าไงครับ
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความเมตตาที่ประกอบด้วยปัญญา นั้น "เลือกได้"


    เราเลือกได้ที่จะโปรดสัตว์ประเภทไหน ไม่ใช่ว่าต้องโปรดให้หมดทั้งจักรวาล
    แบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอกจริงไหมครับ? แล้วการที่เราไม่ได้โปรดบางคน
    ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีจิตเมตตา เราแค่เลือกดูว่าแบบไหนที่เราโปรดได้
    แบบไหนที่เราโปรดไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางของเขาครับ


    จิตจักรวาล ล่องลอยอยู่ในจักรวาลนานนับโกฎิปี อ้อ ไม่สิ นานกว่านั้น
    เมื่ออยู่ไปนานๆ เข้าก็เบื่อ ก็เลยหาอะไรทำ ก็เลยมายุ่งกับโลก
    นั่นแหละ จิตจักรวาลจะปรากฏให้มนุษย์รู้จักในฐานะพระเจ้า
    เมื่อจิตจักรวาลไม่มีสมมุติรองรับ ย่อมไม่เข้าใจภาวะมนุษย์
    ย่อมเห็นว่ามนุษย์ลุ่มหลงสมมุติเกินไป และเป็นเหตุให้
    พระเจ้าวางแผนที่จะทำให้มนุษย์ตื่นขึ้นด้วยภัยพิบัติ


    เมื่อนั้น จึงมีมนุษย์บางคนเรียกจิตจักรวาลนั้นว่า "มารฟ้า" นั่นเอง
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การโปรดจิตจักรวาล (พระเจ้า) ไม่ใช่ของง่าย


    จักรวาลมีสมดุลของมัน และต้องอาศัย "จิตจักรวาล" ไปเป็นองค์ประกอบ
    หากจิตจักรวาลมีจำนวนลดลง จักรวาลจะหดตัวลง และหากลดลงเรื่อยๆ
    มันก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องมี "ผู้เสียสละ" ทำหน้าที่เป็นจิตจักรวาล
    ไปอยู่ท่ามกลางจักรวาลที่เวิ้งว้าง นานแสนนาน ไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์
    เพื่อพิทักษ์ดูแลจักรวาลนี้ไว้ พวกเขาจะอยู่โดดเดี่ยวอย่างนั้น
    จนเบื่อแล้วเบื่ออีก ในช่วงแรกๆ พวกเขาอาจตื่นเต้นที่ได้รู้
    ความลับของจักรวาล และธรรมะต่างๆ ชนิดครอบจักรวาล
    แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เขาก็จะเบื่อหน่ายในที่สุด
    เมื่อนั้น พวกเขาจะมาสู่โลกในรูปของ "พระเจ้า"

    การจะโปรดจิตจักรวาลให้หลุดพ้นตรงนั้นได้ ก็ต้อง "หาคนใหม่ไปแทนที่"
    เพราะจักรวาลจะขาดสมดุลไม่ได้ คนเก่าไป คนใหม่ก็ต้องมาแทนที่
    อันนี้ คือ หลักคงดุลยภาพของจักรวาล เป็นเรื่องธรรมดามากๆ
    หากเราไปทำให้ใครหลุดพ้นจากตรงนั้น เราอาจต้องไป
    แทนที่เขา หรือหาคนอื่นไปแทนที่เขาไงละครับ


    ธรรมของพระศากยมุนี คนละสายกับของจิตจักรวาลแน่นอน เรามีที่ไปคนละแบบกัน
     
  17. เกียรติคุณ

    เกียรติคุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +34
    สูงสุดคืนสู่สามัญ "เอาชนะใจตัวเองได้ก่อนก็แล้วกัน" วันหนึ่งถ้าเข้มแข็งกว่านี้หลายอย่างคงกระจ่างและจางคลายได้ กิเลสนี่มันลึกซึ้งยิ่งนัก มองเผินๆ หน้าตามันก็เหมือนกุศล ขอบคุณครับที่ได้ท่านช่วยเตือนสติไว้ แล้วจะมาส่งการบ้านอีกครับ มีอะไรอย่าได้เกรงใจที่จะแนะนำ ผมผู้น้อยน้อมรับด้วยจิตคารวะ ขอบคุณครับ
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    อยู่ที่ความปราถนาของจิตค่ะ
    ปราถนาอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น
    ถ้าเราไม่ปราถนา...ไม่น่าจะเป็นในลักษณะนี้ได้

    สาส์นจากหลวงปู่เทพอุดร

    สาส์นสำคัญจากหลวงปู่เทพโลกอุดร | เตือนภัยพิบัติโลก

    ซึ่งท่านปราถนาพระโพธิสัตว์ท่านยังรู้เรื่องนี้เลยค่ะ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    พูดซะผมแก่เรยนะ นาย จูเก๋อหลิวหยุุ๋น
    จริงๆ ผมชอบพูดแบบวัยรุ่นมากกว่า
    เพราะผมก็ยังวัยรุ่นอยู่ 555


    อันนี้ ต้องพูดภาษาทางการเพราะเหตุการณ์มันบังคับ --"
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ขอบพระคุณนะคะที่เมตตาแนะนำ
    ถูกผิดอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ได้
    จะนำไปพิจารณาค่ะ
    แต่ถ้าเป็นอย่างที่โพสคอมเม้นมา
    ไม่ได้ต้องการเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ
    เพียงแต่ก่อนไปสู่เส้นทางนิพพาน
    ขอให้จิตวิญญาณของตนเองมีประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง
    ไม่มากก็น้อยค่ะ...เป้าหมายตัวเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...