เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    ในทิเบตหรือเนปาล พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาจะมีการเดินเท้าไปแสวงบุญตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเช่นกันครับโดยเดินหนึ่งก้าวแล้วก้มกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นการบำเพ็ญขันติบารมีไปในตัวครับ :cool:
     
  2. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112


    บ้านสายลมในช่วงที่หลวงพ่อท่านยังดำรงธาตุขันธ์อยู่กับตอนนี้ต่างกันมากจริงๆนะครับพี่วรรณ ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ดูมีอะไรๆมากมายกว่าสมัยก่อนจริงๆครับ ทั้งคนที่เข้ามาทำบุญถวายสังฆทานในช่วงเวลาปกติและช่วงงานวันเกิดหลวงพ่อ ปีนี้ผมได้มีโอกาสไปถวายสังฆทานในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อมาครับ คนเยอะจนถึงขนาดที่แถวยาวไปถึงด้านนอกประตูถึงสองแถว ต้องจัดระเบียบในการเข้าไปถวายสังฆทาน
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    เป็นภาพของคุณ tossa ส่งมาให้ชมกันครับ

    พระบรมธาตุเสด็จมาบนคอนโซลรถซึ่งประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปานและองค์หลวงพ่อและที่บริเวณพระกรรณ(ใบหู)เบื้องขวา ของสมเด็จองค์ปฐม(รุ่น3) ที่คุณ tossa อาราธนาติดตัวอยู่เป็นประจำ

    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25160.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25160.jpg" border="0" alt=" photo 25160.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25163.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25163.jpg" border="0" alt=" photo 25163.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25168.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25168.jpg" border="0" alt=" photo 25168.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25162.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25162.jpg" border="0" alt=" photo 25162.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25161.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25161.jpg" border="0" alt=" photo 25161.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25167.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25167.jpg" border="0" alt=" photo 25167.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25258.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25258.jpg" border="0" alt=" photo 25258.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25259.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25259.jpg" border="0" alt=" photo 25259.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25262.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25262.jpg" border="0" alt=" photo 25262.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/25260.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/25260.jpg" border="0" alt=" photo 25260.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2022
  4. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    น้อมกราบหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    สวัสดีพี่นอร์ พี่ปู พี่วรรณ พี่น็อตและพี่ๆลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่านครับ
     
  5. Khamphee

    Khamphee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +16,761
    :cool::cool::cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สปัน

    สปัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +92
    คุณอาวรรณค่ะ แก้วมณีรัตนาสีดำมีความพิเศษอะไรเพิ่มมากกว่าแก้ววรรณะอื่นไหมค่ะ เห็นว่าลูกศิษย์นิยมบูชากัน และมีอัตราทำบุญที่สูงกว่าแบบใส
     
  7. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  8. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    ลูกแก้วมณีรัตนะกลมดำกับกลมใสมีอานุภาพเหมือนกันทุกอย่างต่างกันเพียงวรรณสีเท่านั้นนะครับ ที่อัตราทำบุญต่างกันเพราะราคาต้นทุนจากโรงงานมาไม่เท่ากันครับ

    สมัยหลวงพ่อกลมดำให้บูชาที่ 30 กลมใสให้บูชาที่ 20 ครับ



    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/DSC06188.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/DSC06188.jpg" border="0" alt=" photo DSC06188.jpg"/></a>
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    ราคาจำหน่ายแก้วมหามณีรัตนะแบบเจียรนัยทรงต่างๆในสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ เป็นราคาก่อนปรับราคาลงมาครับ

    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 62 หน้า 82)


    ลูกแก้วแบบเจียรนัยเป็นลูกแก้วยี่ห้อสวารอฟสกี้
    ของประเทศออสเตรียทั้งหมดครับ

    [​IMG]


    (จากธัมมวิโมกข์ มกราคม 2530 หน้า 63)


    [​IMG]


    (จากธัมมวิโมกข์ มกราคม 2530 หน้า 135)
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2020
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2020
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    <dd><center>ลูกชายเข้ามานะ

    </center>
    <center>วันชัย ศิริจารุวงศ์</center>

    </dd><dd>ข้าพเจ้ารีรอที่จะเขียนบันทึกนี้อยู่นานพอดู เคยร่างๆ ไว้แล้วก็เก็บเข้าลิ้นชัก จนกระทั่งได้อ่านลูกศิษย์บันทึกพิเศษ ที่ ดร.ปริญญารวบรวม และท่านก็กำลังจะจัดทำเล่ม ๕ ซึ่งจะเป็นเล่มที่ออกในวาระครบ ๑๐ ปี ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานมรณภาพ ก็เลยได้คิดว่าในฐานะที่ข้าพเจ้าได้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ ได้ความรู้ทั้งทางโลกและธรรมจากหลวงพ่อมากมาย เลยขอโอกาสสนองคุณของท่าน

    </dd><dd>ซึ่งก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักพระศาสนาตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ ขณะนั้นยังเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.๑ โดยข้าพเจ้าได้กราบหลวงปู่บุดดา ถาวโร ซึ่งท่านมาพักอยู่วัดอาวุธวิกสิตาราม และโรงเรียนของข้าพเจ้าก็อยู่ใกล้วัด ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ข้าพเจ้ามักจะแวะมากราบปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่อยู่เสมอ ซึ่งได้โยงให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อในเวลา ต่อมา

    </dd><dd>วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๐ ข้าพเจ้าได้ไปทำบุญปีใหม่ และงานวันเกิดของหลวงปู่บุดดา ตอนนั้นท่านมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ในงานนั้นมีการแจกรูปพระสุปฏิปันโน ๗ องค์ยืนเรียงกัน โดยมีหลวงพ่อฤาษีอยู่หัวแถว ความรู้สึกตอนนั้นคิดว่า ทุกท่านต้องเป็นพระดีทุกองค์อย่างแน่นอน บังเอิญได้ยินผู้ใหญ่เขาพูดกันว่า ไปกราบหลวงพ่อฤาษีที่ซอยสายลมมา ข้าพเจ้าหูผึ่ง และคิดว่าต้องไปกราบหลวงพ่อให้ได้ในวันนั้น

    </dd><dd>สอบถามผู้ใหญ่ที่ไปมาได้ความว่า หลวงพ่อมาที่บ้านท่านเจ้ากรมเสริม อยู่ซอยสายลม เลยห้างสรรพสินค้าไทยวายทีไปหน่อย (สมัยนั้นยังมีห้างนี้อยู่) ข้าพเจ้าเองก็เคยนั่งรถเมล์ผ่านห้างนี้อยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยรู้จักซอยสายลม ค่ำวันนั้นประมาณ ๑๘.๓๐ น. ข้าพเจ้าได้นั่งรถเมล์ไปทางพหลโยธิน โดยกะว่าจะลงที่ป้ายตรงข้ามห้างไทยวายที แล้วจะเดินหาซอยสายลม หรือถามผู้คนเอา แต่เนื่องจากมืดค่ำ

    </dd><dd>ทำให้ลงรถเมล์เลยป้ายที่อยู่ตรงข้ามห้าง เลยมาลงที่ป้ายหน้ากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน พอลงปั๊บก็เห็นซอยตรงข้าม มีป้ายเขียนว่า โรงเรียนพาณิชยการสายลม ก็เลยคิดว่าต้องเป็นซอยสายลมแน่ จึงข้ามถนนไปดู ก็ใช่ซอยสายลมจริงๆ (เรียกว่าขี้ลงช่อง – สำนวนหลวงพ่อ) สมัยนั้นยังไม่มีมอเตอร์ไซคล์รับจ้างจอดอยู่หน้าปากซอย ภายในซอยก็มืดมาก ไม่เห็นมีผู้คนเดินเข้าออกในซอยนี้เลย

    </dd><dd>รถราสักคันก็ไม่มี มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้า ซึ่งอยู่ห่างกันมาก ข้าพเจ้าตัดสินใจเดินเข้าซอยนี้ไป เดินตรงไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ทำไมไม่มีคน บ้านช่องแถวนั้นก็ปิดไฟมืด บ้านท่านเจ้ากรมเสริมเลขที่เท่าไรก็ไม่ทราบ คิดว่าเจอคนจะถามเอา ตอนนี้ชักกลัว ตั้งแต่ปากซอยจนถึงหน้ากรมไปรษณีย์โทรเลข มีเราเดินอยู่คนเดียว

    </dd><dd> ท่านเจ้าที่นำข้าพเจ้าเข้ากราบหลวงพ่อ
    </dd><dd>ข้าพเจ้าเดินด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าซอยนี้จะไปถึงไหน แต่การมาครั้งนี้เป็นการมาด้วยกำลังใจเต็ม เดินพลางก็มองสองข้างทางว่าบ้านที่คนมาเจริญพระกรรมฐานต้องน่าจะมีไฟสว่าง แต่นี่มืดมาตลอด พอถึงหน้ากรมไปรษณีย์โทรเลข ดันมีทางแยกซ้ายขวาอีก ไม่ยักมีคนหรือบ้านคนให้ถามเลย เดินเรื่อยเปื่อยไปคงหลงแน่ เลยคิดว่ากลับก่อนดีกว่า คราวหน้าค่อยมาตอนกลางวันดีกว่า ทันใดนั้นเอง พอข้าพเจ้าเลี้ยวทางปั๊บ

    </dd><dd>ก็พบผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ เหมือนหนุ่มออฟฟิศที่กำลังเดินกลับบ้านอะไรทำนองนั้น ข้าพเจ้าดีใจคิดว่าจะรีบจ้ำไปถามแก ชายคนนั้นเดินอยู่หน้าข้าพเจ้าประมาณ ๑๐๐ เมตร แกก็เดินของแกตามปกติ แต่ข้าพเจ้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งไม่ทันแก แล้วแกก็ถึงปากทางเข้าบ้านเจ้ากรมฯ คราวนี้ข้าพเจ้าวิ่งแล้วจะต้องตามให้ทัน พอข้าพเจ้ามาถึงปากทาง แกก็ไปยืนอยู่หน้าบ้านท่านเจ้ากรมฯ

    </dd><dd>แล้วก็เดินเข้าไปในนั้น ข้าพเจ้าวิ่งตามไปดู เอ๊ะ... หายไปไหน และเห็นบ้านนี้เปิดไฟสว่างโร่ ทำใจกล้าเข้าไปถามดู กลายเป็นว่าเป็นบ้านที่มีคนนั่งฟังธรรมกันเต็มจนถึงประตูกระจก สมัยนั้นยังไม่ได้มีการต่อเติมให้ใหญ่โตอย่างทุกวันนี้ ข้าพเจ้าเปิดประตูเข้าไป ผู้ใหญ่ท่านที่นั่งฟังธรรมก็ขยับให้ข้าพเจ้านั่งได้อีก ๑ ที่ ดีใจเหลือเกินที่มาถูกที่แล้ว ขณะที่ฟังเสียงหลวงพ่อเทศน์ฯ อยู่นั้น ข้าพเจ้าก็กวาดตามองหาชายคนเมื่อกี้นี้

    </dd><dd>ว่าแกต้องเข้ามาในนี้แน่ หาไม่พบ เป็นไปไม่ได้ที่แกจะเดินแหวกผู้คนเข้าไป เพราะลำบากมาก เป็นอันว่าความสงสัยนี้อยู่ในใจข้าพเจ้าหลายปี ไม่กล้าเรียนถามหลวงพ่อด้วยคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เมื่อทวนคิดดูคราใด ก็อดคิดไม่ได้ว่า แกน่าจะไม่ใช่คน เพราะข้าพเจ้าวิ่งกวดแกไม่ทัน ถ้าเป็นคนทั่วไปต้องทันแน่นอน จวบจนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าอยู่ตามลำพักกับหลวงปู่ครูบาธรรมชัย

    </dd><dd>ตอนนั้นท่านมาพักบ้านคุณอาประดิษฐ์ – วิภาวรรณ ที่สำโรง ข้าพเจ้านั่งนวดหลวงปู่อยู่ ก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งปกติเรื่องลี้ลับ เรื่องที่ต้องใช้ญาณหยั่งรู้ ข้าพเจ้ามักจะรบกวนถามหลวงปู่อยู่เสมอ และท่านก็เมตตาข้าพเจ้าทุกครั้ง ข้าพเจ้าถามว่า “ชายคนที่เดินนำหน้าลูก ในวันที่ลูกได้กราบหลวงพ่อครั้งแรก เป็นใครครับหลวงปู่ ลูกคิดว่าคงไม่ใช่คน” ถามไม่ทันขาดคำ หลวงปู่ยิ้มและตอบว่า “ท่านเจ้าที่ ท่านมานำลูกไปกราบหลวงพ่อ”

    </dd><dd> ข้าพเจ้าขนลุกซู่ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าไปสายลมครั้งใด ก็ต้องมีมาลัยไปบูชาพระภูมิเจ้าที่เสมอ ด้วยเพราะท่านมีพระคุณต่อข้าพเจ้า และเพื่อเป็นการยืนยันว่าผีหรือเทวดามีจริง มาให้เห็นได้ด้วยตาเนื้อ และก็เป็นข้อคิดว่า ตนต้องช่วยตนเองก่อน แล้วเทวดาจึงจะสงเคราะห์ให้ตามสมควรนะครับ

    </dd><dd> หลวงพ่อทักลูกให้ชื่นหัวใจ
    </dd><dd>สมัยแรกๆ ข้าพเจ้ามักจะมากราบหลวงพ่อในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน จะรีบบึ่งรถเมล์มาให้ทัน ก่อนป้าอ๋อยนิมนต์หลวงพ่อขึ้นสรงน้ำ ตอนนั้นคนยังไม่มาก แขกที่มาก็ได้นั่งใกล้ชิดสนทนากับท่านได้ ข้าพเจ้ามักจะไปคนเดียว เพราะเพื่อนๆ เขาไม่มีศรัทธาเหมือนข้าพเจ้า ขณะนั้นข้าพเจ้าอายุ ๑๕ ปี เรียกว่าเป็นเด็กที่สุดในบรรดาญาติโยมที่มากราบหลวงพ่อก็ว่าได้

    </dd><dd>เวลาถือถาดใส่ซองทำบุญ พวงมาลัยดอกไม้เข้าไปกราบหลวงพ่อคราใด รู้สึกเหมือนเรามาเดี่ยวและเดียวดาย แต่ท่านเชื่อไหม หลวงพ่อท่านหยุดคุยกับแขก เมตตาทักข้าพเจ้าผ่านทางไมโครโฟนแต่ไกลทุกครั้งว่า “ลูกชาย เข้ามานะ” ข้าพเจ้ารู้สึกอุ่นใจ ตื้นตันใจเหมือนท่านสนใจเรา ต้อนรับและเอ็นดูเรา

    </dd><dd> หลวงพ่อรู้ใจคน: ไอ้หนูมารับพระ
    </dd><dd>สมัยก่อนเวลาข้าพเจ้าไปกราบทำบุญกับหลวงพ่อแล้ว ข้าพเจ้ามักจะนั่งฟังท่านสนทนากับญาติโยมนานๆ จนท่านขึ้นพักจึงจะกลับ เวลามีคนเข้าไปถวายเงินทำบุญ หลวงพ่อท่านก็ให้พระเป็นการตอบแทน เพื่อเป็นพุทธานุสสติดังที่พวกเราทราบกันอยู่ แต่ด้วยกิเลสมารหรือความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรไม่ทราบ เพราะเราเป็นเด็กนักเรียนก็ได้แต่ทำบุญคราวละไม่มาก ก็ได้พระจากหลวงพ่อแบบธรรมดา

    </dd><dd>พวกผู้ใหญ่ท่านทำบุญกันมาก จึงได้ล็อกเก็ตใส่กล่องกำมะหยี่สวยงาม มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้านั่งน้อยใจพาลให้คิดไปว่า “เอ๊ะ นี่ถ้าใครไม่ถวายปัจจัย หลวงพ่อก็คงจะไม่มอบพระให้ละซิ” ท่านทราบไหม ข้าพเจ้าคิดในใจแค่แว้บเดียวก็ผ่านไป ไม่ใส่ใจ จวบจนหลวงพ่อจะขึ้นพัก พวกเราก็เตรียมตัวรับพร ท่านรู้ไหม หลวงพ่อท่านหันมาทางข้าพเจ้า กวักมือเรียก “ไอ้หนูมารับพระ”

    </dd><dd> ข้าพเจ้าตกใจคลานเข้าไปรับพระจากท่าน เป็นอันว่าหลวงพ่อท่านเมตตา และกลัวจะเกิดบาปแก่ข้าพเจ้า ท่านจึงแสดงให้ดู และข้าพเจ้าก็ขอขมาต่อองค์หลวงพ่อท่านแล้ว พูดถึงเรื่องพระและวัตถุมงคลแล้ว ข้าพเจ้าขอเสริมอีกหน่อย ปกติข้าพเจ้าไม่นิยมบูชา (เช่า) วัตถุมงคล ด้วยมีนิสัยที่อยากได้รับพระจากมือครูบาอาจารย์หนึ่ง และก็อยากได้มาด้วยการถวายทำบุญ เพื่อเป็นอนุสสติด้วย

    </dd><dd>ข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยมีพระที่ทางบ้านสายลมวางให้บูชาเลย มีอยู่หนหนึ่ง ข้าพเจ้าเข้าไปถวายปัจจัยกับหลวงพ่อ ปกติท่านก็จะให้เป็น"พระทุ่งเศรษฐี" แต่คราวนี้ท่านล้วงเข้าไปหยิบพระในบาตร ซึ่งก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าก็เห็นหลวงพ่อหยิบพระทุ่งเศรษฐีแจกให้คนที่มาบุญทุก คน แต่พอทีของข้าพเจ้า ท่านหยิบพระมอบให้ข้าพเจ้า ๒ องค์ เป็น"พระปิดตามหาลาภรุ่น ๑ " ของกองทุน ด้านหลังมีรูปท่านและมีสีแดงๆ ป้ายอยู่ที่มุมบนด้านซ้าย เข้าใจว่าคงเป็นน้ำหมากของท่าน และอีกองค์หนึ่งเป็น "เหรียญหลวงปู่ปาน"

    </dd><dd>ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้พระแปลกไปจากเดิม พอคนหลังเข้าไปทำบุญ ก็เห็นว่าได้พระทุ่งเศรษฐีตลอด จนหมดเวลารับแขก บังเอิญข้าพเจ้านั่งอยู่ใกล้ๆ หลวงพ่อ พอท่านลุกขึ้น ข้าพเจ้าชะโงกหน้าเข้าไปดูในบาตร ก็เห็นมีแต่พระทุ่งเศรษฐีเหลืออยู่ ไม่รู้ว่าทั้งสององค์มาได้อย่างไร หลวงพ่อท่านคงรู้ว่าข้าพเจ้าไม่มีพระอื่นอยู่ และก็ไม่ไปบูชามาเก็บไว้ และพระทั้งสององค์นี้ ข้าพเจ้าก็เลี่ยมทองใส่บูชาด้วย

    </dd><dd> ได้กราบหลวงพ่อถึงตัว
    </dd><dd>ปกติเราจะเห็นว่า การได้กราบหลวงพ่อถึงตัวท่านนั้นยากมาก เพราะผู้คนมาก และที่นั่งของท่านก็ไม่อำนวย ข้าพเจ้ามีความประทับใจที่ได้กราบถึงองค์ท่าน ๒ ครั้ง ครั้งแรกในคราวตัดลูกนิมิตวัดท่าซุง ในเดือนเมษายน ๒๕๒๐ ขณะที่ท่านนั่งอยู่อาสนะสุดท้าย หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จกลับแล้ว ข้าพเจ้าได้เข้าไปถวายเงินทำบุญกับหลวงพ่อ

    </dd><dd>และได้กราบที่เข่าท่าน ครั้งที่สอง ณ บ้านสายลม ขณะที่ญาติโยมเข้าแถวถวายสังฆทานหลังเลิกนั่งกรรมฐาน หลวงพ่อท่านอยู่บนโซฟา ข้าพเจ้าเห็นเท้าทั้งสองข้างของท่านยื่นออกมาทางขวา และเป็นบริเวณที่ว่างผู้คน ข้าพเจ้าเลยรีบเดินเข้าไปกราบแทบเท้าทั้งสองของท่าน หลวงพ่อก็เมตตาก้มตัวมาตบที่ศีรษะของข้าพเจ้าเบาๆ ๒ ที ทำให้ข้าพเจ้าเกิดปีติอย่างมาก

    </dd><dd> ต้องรู้จักพระพุทธเจ้าก่อนถึงจะไปนิพพานได้
    </dd><dd>ตอนข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.๓ คุณย่าทวดซึ่งนอนป่วยมาหลายปี ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลกลาง ข้าพเจ้าไปรับศพของท่านตอนเช้า พอเจ้าหน้าที่นำศพท่านออกจากที่เก็บ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นแก้มทั้งสองข้างของท่านแดงเรื่อ ริมฝีปากก็แดงเช่นกัน ญาติผู้ใหญ่ยังทักว่า ใบหน้าท่านสดใส มีเลือดฝาด ข้าพเจ้าคิดแบบเด็กๆ ว่า ใบหน้าที่แดงคล้ายคนแต่งหน้าบางๆ คงจะเป็นเพราะหายใจไม่ออก

    </dd><dd>หรือเลือดขึ้นข้างบนแล้วไม่ลง ไม่รู้ว่าท่านไปดีหรือไม่ เพราะท่านไม่รู้จักพระศาสนาเลย ตอนไม่ป่วยเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ แต่ตอนป่วยข้าพเจ้าเคยแอบเอารูปหลวงปู่บุดดาหันไปทางท่าน เพื่อให้ท่านเห็นพระสงฆ์ ปกติเป็นคนขี้เหนียว แต่พอป่วย เวลาตรุษจีน คุณพ่อของข้าพเจ้าเอาเงินใส่มือให้พอเป็นพิธีว่า “แต๊ะเอีย” ให้ น้องๆ ของข้าพเจ้ายังเล็ก วิ่งเข้าไปดึงเงินจากมือ ก็ไม่เห็นท่านว่าอะไร คล้ายๆ กับเงินทองไม่มีความหมาย

    </dd><dd>พอเสร็จงานศพ ข้าพเจ้าได้ไปทำบุญอุทิศให้ท่านกับหลวงปู่บุดดา ขณะนั้นหลวงปู่มาพักที่วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัด พอถวายเสร็จ ข้าพเจ้าถามหลวงปู่ว่า “คุณย่าทวดตายแล้วไปไหน” (ลืมบอกไปว่าคุณย่าทวดสิ้นคืนวันอาสาฬหบูชาพอดี) หลวงปู่ตอบว่า “อยู่กับธรรมะสิ” ข้าพเจ้าไม่ถามต่อ เพราะปกติหลวงปู่บุดดาท่านไม่พูดเรื่องลี้ลับให้ใครฟังง่ายๆ แต่ก็คิดว่าท่านคงไปดี

    </dd><dd>ต่อมาข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่ธรรมชัย ที่สำโรง ตอนว่างคนข้าพเจ้าเข้าไปนวดเท้าถวายท่าน ก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงถามหลวงปู่ธรรมชัยว่า “คุณย่าทวดเสียแล้ว ไปดีไหมครับหลวงปู่” ท่านหลับตาดูให้ข้าพเจ้าสักครู่ ท่านบอกว่า “ดี” ข้าพเจ้าเลยถามต่อว่า “ดีถึงที่สุดไหม” ท่านตอบว่า “ดีถึงที่สุด” ข้าพเจ้าย้ำถามท่านอีกครั้งว่า “นิพพานหรือครับหลวงปู่” ท่านตอบว่า “ใช่” ข้าพเจ้าขนลุกซู่

    </dd><dd>น้ำตาซึมว่าคุณย่าทวดของข้าพเจ้าไป นิพพานได้ ท่านคงเบื่อขันธ์ห้าเต็มทน และคงตัดได้ตอนเช้าของวันท่านสิ้น เพราะตอนเช้าคุณพ่อกับคุณย่าไปเยี่ยม กลับมาเล่าให้ฟังว่า คุณย่าทวดท่านยิ้มแย้มสดใสดี คล้ายคนไม่ป่วย หลวงพ่อฤาษีบอกว่า ฆราวาสเป็นพระอรหันต์แล้ว จะทิ้งขันธ์ไม่เกินวันรุ่งขึ้น เพราะความดีหนักเกินสภาพของคนธรรมดาจะรับได้ และพระอรหันต์ทุกท่านก็ไม่กลัวตาย ตอนคุณย่าทวดท่านป่วย

    </dd><dd>ข้าพเจ้าก็ไม่เคยคุยธรรมะอะไรให้ฟัง เพราะท่านก็เป็นคนจีน กลัวสื่อสารไม่เข้าใจ วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่บุดดาอีก เรียนถามท่านใหม่ว่า “บุคคลไม่รู้จักพระศาสนาเลย จะไปนิพพานได้ไหม” ท่านตอบว่า “ต้องรู้จักพระพุทธเจ้าก่อนซิ” ข้าพเจ้าเลยหมดสงสัย และคิดว่าคุณย่าทวดท่านคงบำเพ็ญบารมีมาเต็ม

    </dd><dd> โดนหลวงพ่อหลวงปู่ดุก็เคย
    </dd><dd>ท่านผู้เจริญครับ ข้าพเจ้าเล่าเรื่องคุณย่าทวด ก็เพื่อโยงเข้าหาเรื่องต่อไปนี้ จะได้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้แก่พุทธบริษัทที่จะพึงปฏิบัติต่อครูบาอาจารย์ใน เรื่องกาละและเทศะ วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อนั่งรับแขกในช่วงกลางวันที่สายลม ข้าพเจ้าดันทะลึ่งไปถามหลวงพ่อ ทั้งๆ ที่รู้แล้ว แต่เพื่อให้แน่ใจว่าหลวงพ่อจะตอบตรงกันกับหลวงปู่บุดดาและหลวงปู่ธรรมชัยไหม ว่าคุณย่าทวดตายแล้วไปไหน

    </dd><dd>หลวงพ่อหันมาดุข้าพเจ้าว่า “เรื่องใช้สมองอย่ามาถามตอนนี้” ข้าพเจ้านิ่งอึ้งไป มีข้ออรรถธรรมจะเรียนถามท่าน เลยไม่กล้าถามต่อ แต่หลวงพ่อก็พูดขึ้นเป็นระยะๆ ว่า ใครมีอะไรจะถามไหม มีอะไรจะคุยไหม สงสัยทำไมไม่ถาม แต่ทว่าข้าพเจ้าเจอนะจังงังแล้ว เลยหัวหด อีกวันหนึ่ง ขณะหลวงพ่อกำลังรับสังฆทานที่สายลมในช่วงบ่าย ข้าพเจ้าอยากให้หลวงพ่อตั้งชื่อให้หลานชายที่เพิ่งเกิดมา ข้าพเจ้าเดินแถวเข้าไปถวายสังฆทาน ขณะวางถวายเสร็จ ข้าพเจ้าบอกหลวงพ่อว่า จะขอชื่อให้หลานชาย

    </dd><dd>หลวงพ่อมองข้าพเจ้าพร้อมกับส่ายหน้า สะบัดมือไล่ งานนี้ภาษาสมัยใหม่ เขาเรียกว่า “หน้าแตก” ต่อหน้าธารกำนัล ถอยทัพกลับมานั่ง จะเรียกว่าน้อยใจก็น้อยใจอยู่ แต่ก็คิดว่าเรานี่มันไม่รู้จักกาลเทศะ โดนหลวงพ่อสอนอีกแล้ว คิดว่าไม่ได้ชื่อก็ไม่เป็นไร เรานี่มันไม่ดีเอง พอคิดเท่านี้หลวงพ่อพูดผ่านไมโครโฟนว่า “ใครมีอะไรจะคุยไหม” ข้าพเจ้าก็นิ่งเพราะไม่กล้าอีกแล้ว แต่เผอิญมีผู้ใหญ่หลายท่านที่รู้และเห็นเหตุการณ์นี้

    </dd><dd>หันมากวักมือเรียกข้าพเจ้าว่า “เร็วๆ ซิหนู ท่านว่างอยู่ เข้ามาซิ” เลยต้องแข็งใจเข้าไป ท่านก็เมตตาให้ชื่อว่า “สมหมาย” ท่านบอกว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านตั้งให้ แต่น่าเสียใจเหลือเกินที่ภายหลังน้องชายของข้าพเจ้า “พ่อของเด็ก” ไม่ชอบใจชื่อนี้ ตัวเขาเองก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิด้วย หลานชายเลยได้ชื่อใหม่ ข้าพเจ้านั่งนึกทบทวนว่า เรามันเลวจริงๆ หลวงพ่อท่านคงรู้ล่วงหน้าว่า บอกไปก็ไร้ประโยชน์

    </dd><dd>แต่ท้ายสุดท่านก็เมตตา อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับกาลเทศะนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่เล่าแล้ว แต่ก็คงจะเป็นประโยชน์ในอันที่จะรู้จักปฏิปทา และลีลาของพระอรหันต์จริงๆ ในอีกแง่หนึ่ง กล่าวคือ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้านำหมู่คณะไปกราบหลวงปู่บุดดา ที่สิงห์บุรี ไปถึงเป็นเวลาเพลพอดี เห็นคนทยอยออกจากห้องหลวงปู่ ข้าพเจ้าถามดูได้ความว่า ท่านฉันเพลเสร็จแล้ว แทนที่ข้าพเจ้าจะชวนหมู่คณะให้รีบเข้าไป

    </dd><dd>กลับระยำเห็นแก่ปากแก่ท้อง บอกให้หมู่คณะกินอาหารกลางวันก่อนแล้วจึงเข้าไป ปกติท่านฉันเพลเสร็จ ท่านมักจะพักสักครู่ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ตอนข้าพเจ้าเข้าไปท่านจำวัดแล้ว คงเป็นเพราะท่านชราภาพมากแล้ว อาจฉันได้น้อย อ่อนเพลียตามอายุวัยของท่าน ข้าพเจ้าเลยเข้าไปกราบ นำเครื่องสังฆทานที่เตรียมไป เข้าไปนั่งรอโอกาส เผื่อท่านจะพลิกตัวมาดู แต่ข้าพเจ้าก็สังเกตเห็นหลวงพ่อไม่ได้หลับสนิท

    </dd><dd>คงเป็นแบบพักผ่อน ข้าพเจ้าเข้าไปนวดปลายเท้าท่าน ท่านยังขยับให้นวด เวลาผ่านไปพอสมควรท่านก็มิได้ลืมตามาดู ข้าพเจ้าตัดสินใจเข้าไปเรียกปลุกท่าน บอก “หลวงปู่ครับๆ” ท่านลืมตาขึ้นมาดูแล้วก็หลับต่อ ข้าพเจ้าก็ชักใจไม่ดี รอไปอีกสักพัก ก็เอาใหม่ คราวนี้ยกของถวายไปตั้งข้างๆ เตียง พร้อมกับปลุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ท่านลืมตาขึ้นมาดูอีกที คราวนี้ข้าพเจ้ายกของประเคนเข้าไปเพื่อถวาย

    </dd><dd>ทันใดนั้นเอง หลวงปู่ท่านแสดงอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เอามือผลักของประเคน แล้วท่านก็หลับต่อ คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าพเจ้าใจคอไม่ดี รีบขอขมาท่าน แล้วเอาของถวายอธิษฐานในใจ วางไว้ข้างๆ เตียง กราบลาท่านออกมาข้างนอก เกิดความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ท่านคงปรับตัวให้เข้ากับธาตุขันธ์ของท่าน ที่ไม่ไปตามใจผู้คนเหมือนท่านยังแข็งแรงอยู่

    </dd><dd>อีกทั้งท่านคงจะสั่งสอนข้าพเจ้าให้ หลาบจำ ให้รู้จักกาลเทศะกับครูบาอาจารย์ หมู่คณะที่ไปด้วยคงสงสัยว่าท่านอาจจะหลงหรือ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วไม่สงสัยติดใจในท่านเลย กลับกลัวจะเกิดบาปแก่ตัวเท่านั้น คิดเพียงว่าท่านแค่เอามือมาแตะๆ ก็พอแล้ว สมัยก่อนตอนหลวงปู่สี ฉันทสิริ มาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ข้าพเจ้าเคยไปกราบท่าน ๓ ครั้ง ท่านจำวัด แต่ลืมตาขึ้นมาดู ข้าพเจ้านำของและปัจจัยเข้าไปถวายท่าน

    </dd><dd>ท่านยังเมตตาเอามือมาแตะรับ หลังจากนั้นไม่นาน หลวงพ่อฤาษีมาสายลม ข้าพเจ้าไปนั่งกรรมฐานกับท่านตอนกลางวัน ก่อนท่านเริ่มเทศน์อบรม ท่านลงมาจากบนห้องพัก ก็จะมีการทักทายเล็กๆ น้อยๆ กับคนที่นั่งข้างหน้า ข้าพเจ้าได้ยินเสียงผ่านทางไมโครโฟน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง เผอิญได้ยินประโยคหนึ่ง หลวงพ่อพูดขึ้นว่า “ฉันนอนอยู่ ใครเอาอะไรมาถวาย ก็ไม่รับเหมือนกัน” ข้าพเจ้าสะดุ้ง

    </dd><dd>ท่านคงจะรู้เรื่องนี้ และเป็นการตอกย้ำ ว่ากล่าวสั่งสอนข้าพเจ้า โชคดีเหลือเกิน ไม่นานต่อมาหลวงปู่บุดดาท่านมางานวันเกิดของหลวงปู่ธรรมชัย ที่สำโรงอีกครั้ง (เข้าใจว่าเป็นครั้งสุดท้ายของหลวงปู่บุดดา เพราะท่านชราภาพมากแล้ว) พอว่างคน ข้าพเจ้ารีบคลานเข้าไปกราบแทบเท้าท่าน พร้อมกับขอขมาในใจ พอข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้น หลวงปู่เงยหน้าขึ้นลงคล้ายรับรู้ และยังยิ้มให้ข้าพเจ้าด้วย นี่ก็เป็นลีลาของพระอรหันต์ที่แกล้งทำเป็นโกรธ เพื่อสั่งสอนลูกศิษย์

    </dd><dd> หลวงพ่อยังคงมาช่วยลูกๆ อยู่
    </dd><dd>บ่ายวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าเข้ารับการฝึกมโนมยิทธิที่สายลม ตอนนั้นหลวงพ่อท่านสิ้นแล้ว ข้าพเจ้าพาคนใหม่ไปฝึก ก็เลยฝึกด้วย เพราะตัวเองก็ยังไม่ได้ดี ขณะที่เริ่มเข้ากลุ่มภาวนา ข้าพเจ้าไม่สนใจใคร ภาวนา นะมะพะธะ ไป ก่อน ได้กลิ่นยานัตถุ์ฉุนเข้าจมูกอย่างแรง เหมือนสมัยที่หลวงพ่อท่านอยู่ ข้าพเจ้าลืมตาขึ้นดู หาคนนัตถุ์ยาก็ไม่พบ เลยเกิดปีติว่าหลวงพ่อท่านคงมาคุมเอง และวันนั้นข้าพเจ้าก็ฝึกได้ดีพอสมควร ก่อนหน้านี้เคยอ่านพบว่า
    </dd><dt>
    </dt>


    ลูกศิษย์คนอื่นๆ เขาได้กลิ่นยานัตถุ์หลวงพ่อ แต่คราวนี้เกิดกับเราเอง ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งข้าพเจ้าอยากเล่า แม้มีเรื่องอื่นผสมผสานอยู่บ้าง แต่ก็เนื่องถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก ข้าพเจ้ากราบขอขมาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระอริยสงฆ์เจ้า ถ้าสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนมาล่วงเกินคุณพระศรีรัตนตรัย ขอท่านโปรดงดโทษให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด แต่ถ้ามีข้อคิดคติธรรมประโยชน์อยู่บ้าง ข้าพเจ้าขอยกความดีถวายบูชาคุณหลวงพ่อทั้งหมด


    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่มพิเศษ เวบวัดท่าซุง)

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1467#20

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2016
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2020
  15. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ พี่ปู คุณน๊อต และทุกๆท่าน


    [​IMG]
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/S__1671320.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/S__1671320.jpg" border="0" alt=" photo S__1671320.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/S__1671323.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/S__1671323.jpg" border="0" alt=" photo S__1671323.jpg"/></a>

    ภาพจากคุณทีส่งมาให้ชมกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2020
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2020
  18. เช่นนี้เอง

    เช่นนี้เอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,817

    สาธุครับ
     
  19. crystalnirvana

    crystalnirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +1,563

    ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์ใหญ่อยู่กับในหลวงองค์กลางองค์เล็กอยู่กับหลวงพ่อ ถ้าเกิดทั้ง 3 องค์มาอยู่พร้อมกันในพิธีปลุกเสกสุดยอดเลยครับ:cool:
     
  20. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     

แชร์หน้านี้

Loading...