ลักษณะของสังขารในกระทู้

สังเกตุมานานแล้วว่า เวลามีการตั้งกระทู้ทีไร มักมีคิดว่าตนรู้มาตอบกระทู้แล้ว เกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกันแทบทุกทีคือตอบไปตามความคิด เอาความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ และเชื่อมั่นในความคิดของตน ยิ่งกระทู้ที่หมิ่นแหม่ เช่น วิพากษ์บุคคล รูปแบบคำสอนที่ไม่ถูกจริตตน หรือยังไม่มีปัญญาเพียงพอที่จะเห็นตามได้ อย่างการวิพากษ์ท่านพุทธทาส หรือ กระทู้เกี่ยวกับ นิพพาน โดยตรง ก็จะมีการแสดงความคิดเห็น ต่างๆกันไป ทั้งๆที่

แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ค่อยเอะใจคือ ไม่เห็นลักษณะการทำงานของสังขารที่ปรุงขึ้นโดยตรงกลายเป็นประเด็นย่อยที่โต้เถียงกันเอง และมักไม่เกี่ยวอะไรกับการตอบคำถามของกระทู้นั้นๆ

ความจริงศาสนาพุทธนั้น สอนให้กลับมาดูกายดู ใจตัวเอง แต่ด้วยความเคยชินที่จะคิด ไม่ชินกับการเห็นการปรุงสังขารของความคิด มักจะแสดงความคิดความเห็นต่างๆ มากมาย แต่ไม่เห็นการปรุงสังขารของตัวเอง ความรู้ที่มีจึงล้วนเป็นความรู้ของอวิชามองไม่เห็นอวิชาในตัวเอง แล้วจะเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายได้อย่างไรกัน

ขกยกบาลี
เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ เอวํ วาที มหาสมฺโณ"
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น

นี่คือคาถาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น หัวใจพระพุทธศาสนา ถ้าท่านเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเป็นประจำ ท่านย่อมไม่ห่างจากเหตุแห่งการหลุดพ้น

ส่วนกระทู้ที่ดีก็พอมี ขอยกตัวอย่าง เช่นกระทู้ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์. พระบรมศาสดา และเหล่าผู้พระสาวก ของคุณนักรบเงาเป็นกระทู้ที่เห็นตามได้ ลงใจทั้งหมด ไม่มีความขัดแย้งเลย ทั้งที่ผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ เหล่านั้น ต่างอุบาย ต่างวิธีการกันแบบสิ้นเชิงแต่หาความขัดแย้งไม่ได้เลย กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด นี่แหละ ของแท้ต้องเป็นแบบนี้

ผมเพียงลองชี้ให้ท่านดูนะครับ ใครเห็นหรือไม่เห็น ก็เรื่องของท่าน นะครับ ด่าผมได้ตามสบาย..

 

ผมไม่ชอบกระทู้ของนักรบเงา....เพราะมันเหมือนแอบชักใยในมุมมืด ไม่กล้าเปิดเผยตนเอง

แปลว่า มันนำเสนอแต่ของครูบาอาจารย์ใคร วิจารณ์ มันก็ไม่พอใจ
แต่พอถามหาปัญญาของตัวมันเอง..มันก็ไม่ตอบ...มันใจแคบ..มันไม่จริงใจ
มันเอาแต่ของคนอื่นมาพูด...มันไม่เคยพูดเรื่องของตัวมันเองเลย

จบมั้ย

 

คือ คุณไม่เข้าใจ สถาณที่

จริงอยู่ การเข้ามาเสวนาธรรม หากเป็นไปเพื่อ นักแสวงหาธรรม เขาจะฟังไป
แล้วกำหนดรู้ลงกายใจตนไปด้วย

แต่สถาณที่แห่งนี้ คนแบบนั้นมีน้อย และ ส่วนใหญ่นี่ เป็นแบบ พร้อมจะฟัด
กันอยู่แล้ว

ดังนั้น เวลาเกิดการฟัดกัน ต้องกำหนดรู้ก่อนแล้วว่า สิ่งนี้จะเกิด และเกิดแน่

สำรวมอินทรีย์ไว้อย่างนั้น แล้วเข้ามา พอเจอผัสสะ แปรไปตาม ธรรมชาติ
ของกาลเทศะ ก็จะไม่หลงเข้าใจผิด ว่า มาผิดที่ เผลอสติ คิดว่า มาผิดที่



อย่างไรก็ดี


ต้องคอยเฝ้น หาคน ที่พร้อมจะกำหนดรู้กายใจตัวเอง จริงๆแล้ว มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มีอยู่

และ เขาจะค่อยๆ พัฒนาของเขา โดยที่เราไม่ต้องไปรู้ ไปกะเกณฑ์เขา อย่างคน
ที่โง่โดยสมบูรณ์ว่า หนทางพัฒนาจิตที่ตนผ่านมา เกิดขึ้นยังไง [ การฉลาดใน
อินทรีย์ คือ อย่างนี้ คือ รู้ว่า เดี๋ยวมันจะต้องมี ที่พัฒนาได้ รู้กายรู้ใจได้ ลองตรองดูที่ตน ]

 

ต้องไม่สับสน " การสนทนาธรรมตามกาล "

กับ " การฟังธรรม "


การฟังธรรม ไม่เกิดขึ้นในนี้ เว้นแต่ จะมีคน อราธนาให้ ภิกษุ เปิดกระทู้

 

มีประโยชน์ทุกกระทู้คะ
อยู่ที่จะ...เอา หรือ ไม่เอา
ตามลำดับธรรม...
ตามช่วงเวลา...

 

ขอไม่พูดกลัวเสียภาพลักษณ์ฮะ

 

กระทู้ธรรมนั้น มีทั้งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อขอแนวทางการปฏิบัติ เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนทัศนคติ หรือแม้แต่เพื่อเป็นวิทยาทานเองก็ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าท่านทั้งหลายจะเลือกอ่านตอบแสดงความคิดเห็น หรือให้วิทยาทานความรู้แนวทางต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่จำเพาะเจาะจง
ซึ่งจะผู้คุมดูแลแต่ละห้องจะคอยตรวจตราอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็ต้องขอบคุณไปยังท่าน Websnow ท่านประธานใหญ่ผู้ก่อตั้งเว็บนี้มา อันประโยชน์อย่างมหาศาลต่อผู้คนทั้งหลาย ^__^

 

ไช่ๆ...คนเรา เมื่อกล้าแสดงตัวตน..ก็ต้องกล้ายอมรับคำวิจารณ์ได้ ทั้งจากผู้รู้และผู้ไม่รู้...เพื่อแสดงว่า ตนเป็นคนที่ เปิดเผยจริงใจไม่แตหลอ...นั่นเอง

 

ดูมีเหตุผล ...

 

คนเรานะ ถ้าตัวเราจำกัดเงื่อนไขให้ตัวเองในใจ...เช่นว่า..ชั้นตั้งกระทู้มาเพื่อนำเสนอเท่านั้นนะ ห้ามคุย ห้ามถาม...แล้วทำไม..มันไม่มุดอยู่แต่ในรู..คนเดียวของมันล่ะ..

การตั้งเงื่อนไขก็คือการกีดกันคนอื่นออกห่างจากตัวเอง(มันบอกว่ามันระวังป้องกันตัว)
แต่หารู้มั่ยว่า..นั่นก็คือกีดกันตนเองออกห่างจากคนอื่นเช่นกัน...พวกชอบสร้างกำแพงมาขวางทางตัวเอง...แล้วยัง...จะโผล่หัวออกจากรู...ออกมาเพืออะไรกัน ก็ไม่รู้กับมัน

 

ทำให้รู้ อานิสงส์ของการถ่อมตัว เพิ่มอีกข้อทันที

 

..เจ้าของกระทู้คนนี้เค้าพูดถูกนะ..

กะว่าแค่จะแวะมาดู ติดพันยาววววเล้ย

 

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่าง
ผมไม่ได้รู้จักคุณนักรบเงาครับ จริตส่วนตัวนักรบเงาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจรู้ด้วย

แค่สังเกตุว่าในกระทู้นั้น ไม่มีการขัดแย้งกัน คำพูดของอรหันตภูมิและโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้วไม่ว่าจะปฏิบัติมาสายไหน ล้วนไม่ขัดแย้งกัน

และผมก็เห็นแล้วว่าที่นี่ มีผู้ปราณาพุทธภูมิกันอยู่มาก ขอสาธุด้วยครับ
ขอเด่นพุทธภูมิคือ ต้องสร้างบารมีมาก ไม่เชื่อใคร ต้องพิสูจน์ทุกอย่างด้วยตัวเอง
การมาพูดเรื่องความหลุดพ้นในชาตินี้ จึงยังเร็วเกินไป อันนี้เข้าใจได้

แต่ก็พบว่ายังมีคนธรรมดาที่สนสนใจ ตัวธรรมแท้ๆอยู่
ผมเคารพพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เพราะท่านมีกรุณามากต่อสัตว์โลกอย่างที่สุด
และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็เคารพพระธรรม ทรงแสดงธรรมที่เป็นเหตุแห่งการหลุดพ้น
ผมเป็นลิ้วล้อของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ครูของใคร แค่นึกสนุก แค่ลองชี้ให้เห็นกันตรงๆ ไม่กล้าอวดดีอะไร เพราะนี่คือความรู้ที่พระพุทธเจ้าทรงค้บพบ ไม่ใช่ผม แล้วนำมาสอนต่อๆกัน รุ่นสู่รุ่น เลยลองดูครับ
เผื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าผมต้องไปรับใช้งานของพระพุทธเจ้าโดยตรง
ใครเห็นหรือไม่เห็น ผมก็ไม่ได้ไม่เสียอะไรด้วย

และนี่เป็นห้อง อภิญญา - สมาธิ ถ้าไม่พูดเรื่อง ทุกข์และวิธีหมดทุกข์ ผมก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร

 

การตั้งกระทู้ และแสดงความคินห็นในเว็บนี้นั้น
เท่าที่ผมสังเกตุ จะมีสองแบบคือ

การเถียงกันด้วยหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อหาข้อสรูปที่ถูกต้อง
มีการยกเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตนเรียนมา มาแย้งกับอีกฝ่าย
ข้อนี้ ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการแสวงหาความถูกต้องชัดเจน

อีกแบบหนึ่งคือ การตั้งกระทู้แสดงลัทธิแปลกๆใหม่ ที่ไม่อยู่ในคำสอนของศาสนาใดๆเลย
บางทีก็จับเอาศาสนาที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงนั่งเทียนเขียนมั่ว จนกลายเป็นลัทธิอะไรก็ไม่ทราบ คล้ายมีความจงใจเอาคำสอนในบางศาสนา
มายำจนเละ เพื่อสร้างความสับสนแก่ผู้อ่าน
ผมว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วงกว่า และทางทีมงานผู้ดูแลเว็บน่าจะมีการสอดส่อง
ตักเตือน หรือลงโทษ ผู้ที่นำเอาหลักคำสอนทางศาสนาไปดัดแปลงจนเพี้ยนไปหมด

 

ความขัดแย้ง แต่ยังอยู่ในหลักคำสอนทางสาสนา(ผู้ขัดแย้งยกเอาคำสอน
ที่มีอยู่จริงมาโต้กัน)

กับการเขียนบิดเบือนคำสอนทางศาสนา คุณเห็นว่าอะไรอันตรายมากกว่ากัน

ยกตัวอย่างกระทู้นี้ http://palungjit.org/threads/สถิติ-คนหน้าตาดี.558021/


คุณลองอ่าน แล้วพินิจพิเคราะห์ดูว่ามันบิดเบือนคำสั่งสอนทางศาสนาขนาดไหน

มันคือการพยายามทำลายศาสนาใช่หรือไม่

แล้วคุณจะเข้าใจว่า การเถียงกันด้วยเรื่องข้อปฏิบัตินั้นมันแค่เรื่องประติ๋ว

ลองเข้าไปดูในนี้อีก ถ้าคุณมีความรู้เรื่องพุทธศาสนามากพอนะ

shageneration

 

ความขัดแย้งเป็นธรรมในโลก เป็นธรรมดาของโลก ที่ยกตัวอย่าง เจตนานั้น เพียงเพื่อให้เห็นว่า ความไม่ขัดแย้งกับอะไรๆ นั้นมีอยู่จริง

เห็นว่าแก่นของคำสอนที่จะพาเราหลุดพุ้นเท่านั้น อย่างอื่นมันเรื่องนอกตัว
ที่ห่อหุ้มพุทธศาสนาเอาไว้ เปรียบเหมือกาฝาก ที่อาจจะให้คุณหรือโทษ แก่ต้นไม้นั้นๆ ตามเหตุตามปัจจจัย แต่ไม่ใช้ แก่นของไม้

ความรู้อันใด เป็นความรู้ในทุกข์ ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้ มีองค์8 เครื่องถึงความระงับทุกข์

แก่นมันมีแค่นี้

ส่วนใครจะปรุงอะไร เติมแต่งปิดเบือนอย่างไร ในทางเสื่อมเสีย อันนั้นเปรียบเหมือนกาฝากให้โทษ เป็นเรื่องของความคิดที่ปรุงขึ้นทั้งนั้น จะด้วยความไม่รู้ หรือเจตนาทำลายต้นไม้ก็ตาม โลกมันถึงได้วุ่นนวาย

ส่วนใครจะปรุงอะไร เติมแต่ง อธิบาย ขยาย ย่อย คำสอน ให้เข้าใจง่ายขึ้น อันนั้นเปรียบเหมือนกาฝากให้คุณ เช่นตำราอรรถาจารย์ทั้งหลาย

แก่นศาสนาพุทธนั้น สอนให้กลับมาดูตัวเอง เห็นการทำงานของกายและจิตของตนเอง ว่าขันธ์5เป็นเพียงธรรมในโลก คือ เกิด ตั้งอยู่ ดับไป แต่เราไปหลงยึดขันธ์ว่าเป็นตัวเรา
เราจึงทุกข์

ศาสนาพุทธนั้นต้องอาศัยความเข้าใจ ควรมีรู้เพียงพอ เหมาะสมแก่หน้าที่ จึงจะทำหน้าที่ได้ดี

การปกป้องศาสนาเป็นเรื่องดี น่ายกย่อง แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ ควรมีรู้เพียงพอ
เปรียบเหมือนคนสวน ที่ค่อยช่วยต้นไม้จากกาฝากให้โทษ แต่หากความรู้ไม่เพียงพอ อยู่อาจกลายเป็นการทำร้ายต้นไม้เสียเอง

 

ฮันแน...แบบนี้ก็ ดั้น ด้น เดา เอา ได้เลยว่า....นักรบเงาคืออวตารนึงของ..เอกราวี

แบบว่า ในเวปนี้ เอกราวี อวตาร อยู่ ประมาณ หมื่นแปลง....อิอิ ทำการตลาดโดย...ปาหี่ด้วย..คนคนเดียว..คือเอกราวี...อิอิ..นายแน่มาก

 

อย่างtboon...พูดว่า วิปฏิสสาร...คำเดียวกันกับ..เอกราวี..เดี๊ยะๆ

นี่มัน อวตาร..ไม่หยุดหย่อนจริงๆ...เฮ้อ กรรมไรน้า..ของเอกราวี

 

ผมว่า นักรบเงา .. ไม่น่าใช่ธรรมกายสายธัมชัยโย แต่เป็นสายหลวงป๋า
วัดธรรมกายาราม ราชบุรี. ซึ่งหลวงป๋า ท่านก็ก่อสร้าง สร้างบารมีมากมายเลยตอนนี้
พระเจดีย์ก็สวย ผมยังร่วมบุญด้วยเลย

 

ผมพึ่งกลับเข้ามาในเวปอีกครั้ง เพราะมีคนคิดถึงผมมากๆๆๆ อยากให้ผมมาเล่นตลกหน้าเวทีเรียกแขก..เพราะเวปเงียบเหงา

แต่ พอเข้ามา ก็รับได้แต่พลังงาน ง่าวๆ.เหมือนเดิมไม่พัฒนาเลย...มันช่าง..น่าอนาถใจเต็มทน

กับเอกราวี