นรก สวรรค์ เป็นไสยศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ คำถามที่คาใจ ช่วยตอบที

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 6 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของ โลกทิพย์

    โลกทิพย์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด และเข้าถึงทุกๆวันในเวลากลางคืน ก็คือ โลกความฝัน

    เพื่อง่ายต่อการอธิบาย ขอใช้โลกความฝัน อธิบายแก่ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางจิตนะคะ ^^

    เวลาที่น้องฝันอ่ะ น้องเดินเล่นในฝัน น้องเดินไปหยิบสิ่งของในฝัน มีผู้คนในฝัน....

    แล้วลองคิดดูนะคะว่า.... สถานที่ในฝันที่น้องสร้างขึ้นด้วยจิตใต้สำนึกก่อนหลับของน้องอ่ะ น้องไปสร้างโลกความฝันโลกนั้น ณ ตำแหน่งไหนในเอกภพ???

    ที่ถามอย่างนั้น พี่กำลังจะอธิบายว่า... โลกความฝันที่ดวงจิตของเราสร้างขึ้น มันไม่กินพื้นที่ค่ะ และนี่คือ คุณสมบัติข้อแรกของ โลกวิญญาณ
    1. ไม่กินเนื้อที่

    เวลาที่น้องฝัน อยู่ดีๆน้องก็ฝันไปสถานที่อื่น หรือถ้าคนไหนควบคุมฝันได้ ก็สามารถเปลี่ยนฉากความฝันได้ตลอด และพี่ก็กำลังจะบอกน้องว่า ความฝัน ไม่กินระยะทาง น้องสามารถไปที่ไหนก็ได้เพียงแค่ "คิด"

    และนี่คือ คุณสมบัติข้อสองของโลกวิญญาณ
    2.ไม่กินระยะทาง

    ในความฝัน น้องอาจจะเคยฝันเห็นตัวเองเป็นเด็ก ทั้งๆที่ตอนนี้น้องโตแล้ว แต่น้องก็ฝันเห็นตัวเองตอนเด็ก อาจจะเคยฝันเห็นสมัยสุโขทัย อาจจะเคยเห็นสถานที่แปลกๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และพี่กำลังจะบอกว่า นี่คือคุณสมบัติข้อที่ 3 ของโลกวิญญาณ คือ ความฝันไม่ขึ้นกับเวลา

    3. ความฝันไม่ขึ้นกับเวลา

    คุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนั้น หวังว่า น้องเจ้าของกระทู้ จะเข้าใจนะคะ พี่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆด้วยการยกตัวอย่างความฝัน... เพราะเป็นโลกทิพย์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ^^

    และกลับไปที่คำถามของน้อง เรื่อง นรก-สวรรค์ หวังว่าน้องจะเข้าใจแล้วว่า...

    น้องถามคำถามผิด...

    การตั้งคำถามว่า นรก-สวรรค์ อยู่ที่ไหนในเอกภพ อยู่ข้างบนฟ้าหรือใต้ดิน ย่อมทำให้น้องหาคำตอบไม่เจอ

    การตั้งคำถามผิด ทำให้ไม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง...

    นรก-สวรรค์ มีจริง และไม่ได้อยู่ซ้อนทับโลกสามมิติ ค่ะ

    ฟันธง ^^
    (ตอนแรกว่าจะไม่ตอบกระทู้แระ อิอิ... พอดีรู้สึกถูกโฉลกกะคนตั้งกระทู้ยังไงก็ไม่รู้ อิอิ.... หวังว่า คงได้รับอะไรจากการตอบกระทู้จากพี่บ้างนะคะ ^^)
     
  2. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ตกลงแล้ว เราตายไป จะไปเกิดใหม่

    รึ ตายไป จะไปอยู่ ในนรก กะ บนสวรรค์ กันแน่ ????
     
  3. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    ชักจะเบื่อพวกเข้าไม่ถึงธรรมเเละชอบปรามาศคนที่เขาเข้าถึงอ่ะ เเต่ชั่งเหอะก็ขอให้เชื่ออย่างนั้นต่อไป ชีวิตใครชีวิตมัน
     
  4. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    กรรมเผลอกด อนุโมทนาอ่ะ โทษนะค่ะ

    ไม่รู้ดิ เเต่เราว่านะเธออ่ะนรกเเน่นอน เราไม่รุ้หรอกเเต่เราเดา อิอิ
     
  5. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830




    งั้นศาสนาพุทธเอาไว้หลอกเด็ก? คุณก้อไปนับถือศาสนาอื่นสิครับ จะมานับถือศาสนา ที่เอาไวหลอกเด็กทำไม ? อย่าดูถูกพระพุทธเจ้าไปมากกว่านี้เลย คุณ
     
  6. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    คิดดี มีบุญไปสวรรค์

    คิดห่าไรไม่รุ้ตอนตายแถมมีแต่บาป ไปนรก

    จากนั้น หมดบุญ หมดกรรม ค่อยไปเกิดใหม่ เก๊ตยัง?
     
  7. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830

    ลองดูดีๆ ครับตัวอักษรสีฟ้าสามารถลบคำอนุโมทนาได้(good)
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คุณ angle ก็สุดโต่งเกินไป โดนหนักเลยเนอะ เหอๆๆๆ คนอื่นๆ ก็อย่าไปว่าเขาเลย คุณไม่ต่างอะไรกับเขาหรอก การเข้าถึงธรรมหรือไม่ถึงธรรม มันอยู่ที่มีปัญญาหรือไม่มีปัญญา ปัญญาในที่นี้คือ ภาวนามัยปัญญา เป็นปัญญาที่ได้จากการปฏิบัติ เป็นปัญญาที่ช่วยลด ละ เลิก กิเลสได้ ส่วนคนที่ได้เห็นนรกสวรรค์นั้น แน่ใจแล้วหรือว่าที่เห็นหน่ะจริง หรืออาจเป็นมโนภาพที่จิตสร้างขึ้นมาหลอกก็ได้นะ เหมือนกับความฝันไง เห็นเอามายกเป็นตัวอย่าง ก็ขอยืมหน่อยแล้วกัน ความฝันหน่ะ จริงหรือไม่ล่ะ ถ้ามันจริง จะเรียกว่าฝันหรอ เหอๆๆๆ ต่อให้นรกสวรรค์ที่เห็นหน่ะเป็นของจริง เพราะฝึกมโนมยิทธิ แต่มันก็ดับทุกข์อะไรไม่ได้เลย เป็นเพียงความรู้ระดับโลกีย์วิสัยเท่านั้น หาใช่การเข้าถึงธรรมแต่อย่างใด รู้ไปก็ยิ่งเป็นการปรุงแต่งสังขารให้มากขึ้นเปล่าๆ กลายเป็นวิจิกิจฉา ไม่น่าเอาเลย

    ...แดนสวรรค์ เป็นเพียงภาพ ในจินตนาการ
    เป็นวิมาร เมืองแก้ว สว่างไสว
    นักปฏิบัติ รู้ดี อยู่แก่ใจ
    สิ่งเหล่านี้ ห้ามหลงใหล ไม่ใช่ทาง...
     
  9. siamgirl

    siamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,682
    ค่าพลัง:
    +2,742
    เราก็ยังเข้าไม่ถึงหรอกเเต่เราก็ไม่ชอบเห็นพวกพี่ชอบว่าเเต่คนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่เคยลองเเละปฎิบัติ ไม่ได้ว่า O๐.AnGle.๐O ซะหน่อย เเต่มันถูกเเล้วเหรอที่เที่ยวว่าชาวบ้านเขาบ้า อ่ะหา
     
  10. sunseat

    sunseat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +195
    อย่า..


    ถ้าเค้าคิดกันอย่างนี้ ก็ไม่ต้องคิดให้มีนรกเลยซิครับ จะได้ไม่มีคนคิดจะลองไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2008
  11. sunseat

    sunseat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +195
    ..

    ไปที่ไหนก็ได้ที่เราเคยทำอย่างไรไว้
     
  12. เอก999

    เอก999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +143
    นรก สวรรค์ เป็นเรื่องของภพภูมิครับ มิใช่ไสยศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ เพราะคุณจะสั่งให้ใครสักคนตกนรกขึ้นสวรรค์ หรือทดลองตายไปลงนรกแล้วกลับมาตายอีกครั้งเพื่อขึ้นสวรรค์ไม่ได้ อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าเวลาของทั้งสามโลกนั้นไม่เหมือนกัน และภพภูมิก็เป็นนามธรรม ซึ่งต้องใช่สิ่งที่เป็นนามธรรมเช่นกันคือจิตมารับรู้ หากเรานั่งสมาธิและสามารถทำให้เวลาของจิตเราไปทาบกับภพภูมิอื่นๆได้ เราก็จะได้เห็นเองครับ นี่เองที่หลายๆคนนั่งสมาธิแล้วเห็นโน่นเห็นนี่ เพราะจิตของเรากับเขาอยู่ในช่วงเดียวกัน .... แต่เห็นอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจยึดติดมากนัก เพราะหลักพุทธศาสนาเราสอนเรื่องการหลุดพ้น
     
  13. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729

    เห็นด้วยคัฟ คิดเหมือนกันเลย อิอิ
     
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คนที่ไม่เคยปฏิบัติ จะมองออกได้อย่างไร ว่าคนอื่นปฏิบัติหรือไม่ คนที่ผ่านวิปัสสนาญาณมาแล้ว จะรู้ว่าใครมีปัญญาระดับไหนจากการแสดงธรรม

    คนบ้า ก็สมควรแล้วที่ถูกด่าว่า บ้า คนเลว ก็สมควรแล้วที่ถูกด่าว่าเลว เช่น แก๊ง ตชด นอกรีต ที่เป็นข่าว หากคนจะด่าว่า สารเลว ถูกต้องหรือไม่ แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร เข้าไม่ถึงธรรม แล้วเที่ยวออกความเห็นแบบผิดๆ จะไปต่างอะไรกับคนบ้า ไม่เคยได้ยินคำสอนของท่านพุทธทาส ภิกขุ หรือ ที่ว่า "โลกนี้มีแต่คนบ้า" และหลวงปู่ตื้อ ก็เคยด่าคนว่า "อีตอแหล"

    เข้าใจความหมายหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจ ให้กลับไปปฏิบัติอีก 10 ปี ค่อยมาใหม่ จะได้ไม่ปล่อยความโง่ออกมาอีก...
     
  15. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะครับ พี่ mamboo จะพยายามศึกษาครับ

    ได้เห็นอะไร กว้าง พอสมควรครับ

    ขอบคุณครับ
     
  16. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373

    วิทยาศาสตร์ปัจจุยันก็ได้พิสูจน์แล้วว่า สสารและพลังงานไม่สูญไปไหน
    เพียงแต่แปรเปลี่ยนรูปไปก็เท่านั้น (รูปเกิดดับ รูปเก่าดับ รูปใหม่เกิดแทนทันที)


    แล้วเราละ ตายแล้วเป็นอย่างไร? หายไปไหนไหม?

    เราประกอบด้วยขันธ์ 5 ในส่วนของสังขาร จะแตกสลาย
    คายธาตุสี่คืนธรรมชาติใหญ่ คือ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ ที่รายรอบเรา
    ส่วนสังขารเรานั้นเป็นธาตุสี่ย่อยๆ ก็รวมตัวชั่วคราวเป็นรูป "คนมีชีวิต"
    เมื่อสิ้นวาระอายุขัยชั่วคราวนั้น สมมุติว่า "คนมีชีวิตก็สิ้นไป"
    อีกทั้ง "รูป" เก่าก็ดับลง รูปใหม่เกิดทันที เป็นสมมุติที่เรียกว่า "ศพ"

    ส่วน "เวทนา" ที่เราเคยสัมผัสทางอายตนะทั้ง 6 นั้น ดับไปตอนตายแวบนึง
    คือเราจะไม่รับรู้อะไรเลยชั่วขณะที่ตาย ไม่เจ็บไม่ปวดเลย นั่นรู้ได้เลย
    ว่า "ฉันตายแล้ว" เรียกช่วงนี้ว่า "เวทนาดับ"

    แม้แต่สัญญาความจำได้หมายรู้ว่าเป็นใครอะไรนั้น ก็จะหายวูบไปเหมือนเข้า
    ฌานระดับเนวสัญญานาสัญญายตนะเลยทีเดียว คือ สิ้นความจำใดๆ ชั่วขณะ
    เรียกช่วงนี้ว่า "สัญญาดับ" แล้วสัญญาชุดใหม่จะปรากฏอีกทีตอบจิตเปลี่ยน
    จากจุติจิต เป็นปฏิสนธิจิต (เกิดใหม่เป็นกายทิพย์ชนิดต่างๆ เช่น สัตว์นรก
    เปรต เทวดา ฯลฯ)

    จากนั้น สังขารก็ไม่เหลือสภาพ ธาตุสี่แตกสลายออก ธาตุน้ำไหลออกจาก
    ทวารทั้งเก้า เหมือนเขื่อนแตก และลมก็สิ้นลง เรียกว่า "สิ้นลม" ทั้งลมจริง
    และลมปราณ จากนั้น ธาตุไฟก็ทะลวงใหม้อวัยวะที่เกิดโรคให้ใหม้พุพอง
    จนไฟออกหมดก็ตัวเย็นเจี๊ยบ จากนั้น ธาตุดินก็จับร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ขั้น
    นี้เรียกว่า "สังขารดับ" อันนี้ ละเอียดกว่าความรู้ทางการแพทย์อีกนะครับ

    จากนั้น วิญญาณจะดับตาม ดับรอบจนเหลือแต่จิต ที่เขาใช้คำว่า "ขันธปริ.."
    คือ ขันธ์ห้าดับรอบ แต่แก่นสารไม่สูญ ไม่ดับ เพราะแก่นแท้คือ คถตา เป็นเช่น
    นั้นเอง ดังนั้น การดับวิญญาณโดยรอบ ทำให้เหลือแต่จิตดวงเดียวเพียวๆ
    เรียกว่า "จุติจิต" หรือจิตที่เคลื่อนจากภพหนึ่งไปภพหนึ่ง ชาติเก่าไปชาติใหม่
    (สำหรับคนไม่นิพพาน) และปฏิสนธิรวมเข้ากับขันธ์ห้าชุดใหม่ทันที ในขณะจิต
    ต่อไป ที่เรียกว่า "ปฏิสนธิจิต" เป็นกายทิพย์ประเภทต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว


    เดี๋ยวจะเล่าต่อครับว่าจิตอันเป็นพลังชีวิตที่แท้นี้ ไปไหนต่อครับ...
     
  17. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร?


    โลกที่เป็นส่วนของธาตุต่างๆ ไม่ได้เกิดจากการปั้นของเทพเจ้าใดๆ ทั้งสิ้น
    แต่มีบางส่วนที่มีผลจากพลังชีวิต (ปราณขาว) ของเทพองค์ต่างๆ มาประสิทธิ
    ยังดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง

    เริ่มจากดาวเคราะห์ที่เกิดเองตามธรรมชาติ เมื่อดาวดวงนั้น เหมาะแก่การเกิด
    ของสิ่งมีชีวิต ก็จะมีดวงจิตประเภทหนึ่งที่บำเพ็ญเพียรมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
    เรียกว่า "พุทธะ" แบบหนึ่งก็แล้วกัน

    ท่านจะประสิทธิประสาทพลังปราณขาวลงบนดาวเคราะห์ดวงนั้น ทำให้เริ่มมี
    สิ่งมีชีวิตทางชีววิทยา ประเภทที่ไม่มีจิตอาศัยขึ้น ซึ่งก็ได้แก่ พวกต้นไม้เริ่มแรก
    ที่ยังไม่มีจิตรุกขเทวดามาจองอยู่

    เรียกโลกที่เป็นแบบนี้ว่า "ป่าหิมพานต์" หรือ "สวนเอเดน" (ที่พระเยซูเรียก)

    จากนั้น ดวงจิตที่พร้อมเกิดแล้ว จากพรหมโลก ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากดาวดวงนี้
    จะถูกเข็ญลงมาจุติ เป็นมนุษย์ ดังนั้น ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่มีจิตทั้งหลาย
    มนุษย์ได้เกิดก่อน และอยู่อาศัยในถ้ำ บำเพ็ญตบะแบบฤษี แทบไม่กินอะไร
    อยู่แบบนั้น อายุยืนเหลือเกิน


    จากนั้น ก็เริ่มเบื่อ เวรกรรมในอดีตชาติที่พรหมเหล่านั้นสร้างไว้ พัดพาให้
    ทำผิด ไปกินสิ่งที่ไม่ควรกิน (พระเยซูจะอุปมาเป็นแอปเปิ้ล) ซึ่งก็คือง้วนดิน
    ตามพระไตรปิฎกของชาวพุทธนั่นเอง จากนั้น มนุษย์ก็เริ่มเสื่อมลง
    วิวัฒนาการต่ำลง มีเพศสัมพันธ์กัน ยีนส์เกิดผิดปกติ และกลายเป็นสัตว์
    ตอนแรกเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ ตามนิยายเทพต่างๆ ที่เราเคยอ่านนั่นละ
    ต่อมาถูกแบ่งแยก ถูกขับไล่ มีความเกลียดกัน จึงต้องหนีตายไปที่หนึ่ง
    และเป็นบรรพบุรุษสัตว์ต่างๆ สัตว์เหล่านั้นก็เริ่มกินกันเองเป็นต้นมา
    เพราะความเหยียดกัน แบ่งชนชั้นกันนั่นเป็นจุดเริ่มต้น


    นี่คือ วิวัฒนาการของโลกและมนุษย์ ต่อไปจะกล่าวถึงสวรรค์และนรกครับ...
     
  18. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    สวรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร?

    เมื่อพรหมณ์จากพรหมโลก มาจุติยังโลก พวกเขายังมีจิตอาลัย
    ในพรหมโลกที่สงบสุข จึงพยายามกลับคืน แต่ไม่สำเร็จ เพราะ
    ผลกรรม ทำไว้ จึงเสื่อมลง จากพรหมโลก ก็ลดลงมาเหลือแค่สวรรค์
    กล่าวคือ เมื่อพวกเขานั่งสมาธิสื่อจิต จะกลับพรหมโลกนั้น จิตคือพลัง
    งาน และกระแสจิตจากสมาธิที่มีมากก็คือพลังงาน ก่อให้เกิดพลังงาน
    หรือความเป็นทิพย์ ที่แผ่ออกจากรัศมีของโลก ไปไกลแสนไกล แต่
    ก็ยังไม่ถึงพรหมโลก พลังทิพย์เหล่านั้นรวมตัวกันเป็นวิมานบ้าง เป็นเมือง
    บ้าง ในที่สุดก็เกิดสวรรค์ชั้นที่สูงที่สุด เป็นอันดับแรก เพราะกระแสจิตที่
    มีพลังนั่นเอง (สังเกตุหลวงพ่อฤษีจะบอกว่า เวลาทำบุญ แล้วเกิดสิ่งเป็นทิพย์
    ขึ้นในสวรรค์ชั้นที่เราจะไปทันที เรื่องผลบุญนี้ก่อให้เกิดของเป็นทิพย์ได้จริง)

    ดังนั้น จากที่ว่างที่เรียกว่าอากาศธาตุ ก็มีสิ่งเป็นทิพย์ไปสร้างจนเป็นสวรรค์
    พวกที่มีกระแสจิตต่ำ และเกิดยุคที่มนุษย์เสื่อมลงไปเรื่อยๆ ก็ก่อให้เกิดสวรรค์
    ชั้นที่ต่ำลงมา


    จนในที่สุดสวรรค์ก็ต่ำชิดดิน และลงไปยังชั้นบาดาลของโลกอีกด้วย
    ที่เราเรียกว่าสวรรค์ชั้น จตุมหาราชิกานั่นเอง ชั้นนี้จึงสังเกตุได้ว่า นาคก็ดี
    รุกขเทวดาก็ดี ท่านเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง เราก็ยังเห็นท่านอยู่
    แถวๆ ที่เราอยู่ได้นี่เอง


    ดังนั้น สวรรค์จึงอยู่บนฟ้า สูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ ดังนี้เอง ต่อไปจะกล่าวถึงนรกบ้าง
     
  19. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    นรกเกิดขึ้นได้อย่างไร?

    นรกก็เกิดขึ้นเพราะสาเหตุเดียวกับสวรรค์ แต่เนื่องจากกระแสจิตต่างทิศกัน
    เป็นกระแสจิตที่ยึดมั่นถือมั่นจะเอาโลก กระแสจิตจึงดิ่งลงสู่ศูนย์กลางโลก
    เต็มด้วยอวิชชาความมืดมิด และกิเลสตัณหานานัปการ และก่อให้เกิด
    สิ่งที่เป็นทิพย์ประเภทเลวร้าย (ประเภทไม่ดีไม่งาม ดำๆ ทั้งหลาย)

    เรียงชั้นกันลงไปจากบนสุดลงใจกลางโลกมากที่สุดไปตามกรรม
    ดังนั้น นรกจึงอยู่ใต้ดินลึกลงไปนี่เอง แต่เนื่องจากตาเนื้อเรามอง
    ไม่เห็นของทิพย์ จึงเห็นแต่วัตถุธาตุต่างๆ เท่านั้นเอง


    ต่อไปจะเล่าถึงช่วงเวลาสิ้นโลก ก่อนโลกธาตุหนึ่งๆ จะแตกดับลงครับ...
     
  20. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    ช่วงการแตกดับของโลกเป็นอย่างไร? อยู่กันยังไง?


    ช่วงที่โลกธาตุจะแตกดับ ตามโมเดลทางวิทยาศาสตร์นั่นแหละ
    ที่จะมีการพองตัวของโลก เพราะความร้อนภายในดันออก จนโลก
    กลายเป็นไฟทั้งโลก และเผาทุกอย่างได้หมด กระทั่งนรกสวรรค์
    และแตกดับไปในที่สุด

    แล้วพวกดวงจิตต่างๆ ในสามภพละจะทำอย่างไร?

    ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ละเอียดชัดเจน ว่า ก่อนที่โลกจะแตกดับ
    จะมีพลังชีวิตชนิดหนึ่ง ที่เราเรียกว่าเทวดาตนหนึ่ง เทวดาตนนี้มีชื่อ
    เรียกในไตรปิฎกด้วย ท่านจะสยายผมลงมา แล้วป่าวประกาศว่า "โลก
    จะแตกแล้วหนอ"ๆๆๆ ประมาณนี้ เพื่อเตือนให้ทั้งสามภพเข้าฌาน
    และแตกดับตายในฌาน จิตก็จะจุติไปพักยังพรหมโลก

    และจากพรหมโลก พักไปนานแสนนานจนมีโลกธาตุใหม่เกิดขึ้น
    พรหมเหล่านั้นก็ค่อยย้ายไปจุติใหม่ในโลกธาตุใหม่นั้นอีกทีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...