เส้นทางสายเดียวที่พระอรหันต์ได้เดินผ่าน...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 24 เมษายน 2015.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ที่ผ่านมาคนจะพูดสัมปชัญญะน้อยมาก ส่วนใหญ่มักกล่าวคำว่า สติ
    สติสัมปชัญญะ มักเกี่ยวเนื่องกันไป มีสติไม่มึสัมปชัญญะก็ได้
    ก็คือ สติสามัญทั่วไป และสติที่เป็นมิจฉาทิฐิ
    แต่สัมปชัญญะจะต้องฝึกขึ้นมา ไม่ฝึกจะไม่เกิดเอง
    สติคือการระลึก มีสองอย่าง คือ ระลึกรู้ กับ ระลึกไม่รู้
    ระลึกรู้ ในทุกครั้งจะมีความรู้สึกตัวตัวทุกครั้ง ถ้า ....
    ระลึกไม่รู้ ระลึกอยู่กับความคิด สังขารปรุงแต่ง หรือ สัญญาความจำ
    แต่ไม่รู้สึกตัว เรียกว่าหลงไม่รู้ บางคราวเรารู้ความคิด ตัวเราก็จะเป็นความคิด
    เข้าไปอยู่ในคิด คิด ๆ ออกมาแล้วก็เครียดเหนื่อยล้า พอเรามากำหนดความรู้สึกตัว
    ความคิดก็หยุด แต่รู้อยู่ เหมือนมีพลัง ความเครียดเหนื่อยล้าก็หายไป

    สติปัฎฐานสี่ คือ การระลึก ทั้ง 4 ฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม
    สัมปชัญญะที่เราจะรู้ทั้ง 4 ฐานพร้อมกัน ตอนแรกเรากำหนดสติ
    ขึ้นมาจุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย ความรู้สึกตัวกำหนดให้รู้ครอบคลุมทั่วกาย
    กำหนดรู้เห็นเห็นรูปพรรณสันฐาน เห็นลักษณะท่านั่งครบคลอบคลุมทุกส่วนก่อน
    แล้วค่อยกำหนดรู้ความรู้สึก รับรู้เวทนาที่เกิดจากกาย รับรู้พลังงานที่มีอยู่ในกาย
    สติตั้งมั่นมากขึ้น ก็จะรู้เห็นความคิดสังขารภายในปรุงแต่งขึ้นมาเอง
    เมื่อความสงบระงับถึงพร้อมด้วย......
    สติที่พร้อมด้วยสัมปชัญญะ ทำให้สติแข็งแกร่ง เป็นกำลังดิ่งลงไป
    เจาะลึกธรรมภายในที่อยู่ในกายใจเรานี้เอง นะคะ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ต้องอดทนฟังธรรมให้ดีๆ

    ที่บรรยาย สัมปชัญญะ มาถือว่า ผิด และ ยังตรึกเอาด้วยตรรกศาตร์
    ยังไม่เคยเห็น ไตรลักษณ์ญาณ ของแท้ๆ ยังไม่เคยเห็น "ญาณสัมปยุต"

    ทำให้ ยังเข้าใจเรื่อง สัมปชัญญะ เป็นการรู้เนื้อรู้ตัวแบบ สามัญชนคนไม่เคยสดับธรรมะ อยู่


    สัมปชัญญะ นั้น จะหมายเอา เป้าหมาย คือ การรู้อยู่ทีรู้ และ " แม้นไม่รู้ " ก็
    ยังเอาสภาวธรรม " ไม่รู้ " นั้นยกขึ้นถูกรู้ เพราะมีการ รู้ ตัวสภาวะว่า " ไม่รู้ "
    นี่คือ สุดยอดของการรู้ และ เป็น สัมปชัญญะ

    ทั้งนี้ " สภาวะไม่รู้ " คือ สภาวะ " อวิชชา " หากสามารถยก อวิชชา เป็น
    สิ่งถูกรู้ งานภาวนามันเดิน !!!

    และเพราะ ทราบชัดว่า สภาวะทุกขณะจิต แท้จริงมีแต่ความ ไม่รู้ ประจำจิต
    นี่คือ การรู้ไปตามความเป็นจริง เป็นการ เห็นอริยสัจจ

    สัมผชัญญะ จึงถือว่ามี เพราะ เห็นการงาน เห็นตรงธรรมปฏิบัติ เราปฏิบัติ
    แทบตายก็เพื่อ ยกสภาวะ " ไม่รู้ " ขึ้นมารู้ เจริญอริยสัจจสี่
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ใช่ค่ะ ยังไม่เคยเห็นไตรลักษณะญาณของแท้
    แต่เคยสัมผัสธรรมอนัตตาภายใน ด้วยสัมปชัญญะสูงสุด
    พร้อมด้วยสติตั้งมั่นแบบแนวดิ่ง โดยบังเอิญ
    จึงมีความเชื่อมั่นว่า สัมปชัญญะมีความสำคัญมาก
    ในการแจ้งด้วยญาณ

    สิ่งที่ท่านกล่าว เกี่ยวกับตัวสภาวะแม้ "ไม่รู้" หรือที่ท่านเรียก "สภาวะอวิชชา"
    ที่ให้ยกสภาวะธรรมไม่รู้ แต่ก็ยังรู้ (ท่านบอกว่าเป็นสุดยอดของการรู้ เป็นสัมปชัญญะ)
    ให้ยกมาเดินภาวนา

    ก็คือให้หมายถึง มีตัวรู้ เห็นตัวที่กระทำผิดโดยไม่รู้ตัว ได้กระทำผิดไปแล้ว
    ทำไปตามอวิชชา คือ ตัณหา (สมุทัย) เพราะไม่มีปัญญากำกับในการกระทำ
    ในสิ่งที่ถูกต้อง ที่เป็น(มรรค) ให้รู้ตัวหลงนั้นด้วย
    เมื่อกลับมาระลึกดำเนินภาวนา สามารถระลึกจดจำอารมณ์
    ความรู้สึกได้ตลอดทุกเหตุการณ์ และนำสภาวะที่หลงไม่รู้นั้น
    ที่ทำโดยไม่รู้ตัว ไม่มีสติปัญญากำกับ ที่ได้ทำไปแล้วผลคือ ตัวทุกข์ (อริยสัจจ์)
    นำสภาวะนั้นมาพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญาในการละ(นิโรธ) อย่างนี้หรือเปล่าคะ
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ดีละ ดีละ

    ครั้งนี้ อนุโลมตามได้ จิตก็อ่อน พอสมควร จิตจะเป็นที่พึ่งแก่ตนเองได้ ก็
    เพราะว่า จิตมันนุ่มนวล ควรแก่การงาน

    ทีนี้ อย่าไป มองว่าเป็นเรื่องของ สัตว์ ( ไม่ใช่คำหยาบ )

    อย่าตั้งธง ว่า นี้เป็นเรื่องของ สัตว์แสวงหาการพ้นทุกข์

    ต้อง ตั้งหลัก ตั้งจิตให้ตรงๆ ว่า " เราไม่ใช่สัตว์ " คิดนำไปก่อน แม้นมัน
    จะย้อนแย้งกันภายใน ก็ ตรึกเอาสัญญาทับไปก่อน ว่า เราไม่ใช่สัตว์

    คุณถึงจะยก จิต ที่เป็น ธาตุ ขึ้นมารู้ได้

    สภาวะอวิชชา มันมีประจำจิต มีจิตเมื่อไหร่ การแส่ส่ายไปรู้ มันเกิดเมื่อนั้น

    และ การแส่ส่ายของจิต หยุดไม่ได้ ห้ามไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่ใช่สัตว์
    ไม่ใช่ตัวตน บุคคลของใคร อะไร ทั้งนั้น

    พอยก สิ่งที่เรียกว่า จิต เพื่อตามเห็นการแส่ส่าย การเกิด การดับ !!!

    มันถึงจะรู้ว่า " จิตมันมีธรรมชาติไม่รู้ " ติดตัวมันเป็นพื้นฐาน จึงทำให้เกิด กริยารู้
    เป็นตัวครองภพ ครองชาติ

    การเห็นจิตเกิด ดับ โดยไม่ฉวยจิตขึ้นมาเป็นตน สภาวะ เช่นนั้นมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี

    สภาวะนั้น หากมีหรือเห็นแล้ว สัมปชัญญะ จะเดิน .....ไม่กลับไปเป็น สัตว์ ตัวตน
    บุคคล เราเขา อีก


    ถ้าเห็นชัด ก็รู้ว่าเห็นชัด

    เพราะว่า รู้ว่า จิตมีอาการรู้ชัด ก็รู้ไปว่า จิตไปแจ้งสภาวะการรู้ชัด

    ทั้งหมด ไม่เอา อย่าไปติด จึงรู้ว่า พ้นแล้ว เนี่ยะ หน้าตาเป็นยังไง
    ยังต้องหมายๆ ไปที่เท้าสฟิงค์ หรือ หมายเอาว่า นั่นจิต อีกไหม ถ้ายังมี
    ก็ว่ากันไปตาม อุปทาน อุปาธิ ที่ไม่สิ้น แต่ ปฏิปทาเนี่ยะ รู้หรือยัง !? ก็ว่ากันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2015
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ดีละดีละ
    เที่ยวห้ามผู้อื่นไม่ให้เป็นสัตว์
    แล้วมึงเป็นเองน่ะ จะเป็นอะไร!?
    กลัวคนอื่นเขามาแย่งตำแหน่งสัตว์หรือไงวะ!?!
    ดูศีลตัวเองก่อนสอนคน
     

แชร์หน้านี้

Loading...