ช่วยแก้อาการนั่งสมาธิหลับทีค่ะ ใครมีวิธีอะไรช่วยกันแชร์นะคะ อยากได้หลายๆวิธี

นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการง่วงจนทนไม่ได้ ฝืนก็แล้ว ลืมตาก็แล้ว ลุกเดินก็แล้ว ดูไอ้ตัวง่วงก็แล้ว สุดท้ายก็นั่งหลับ รู้ตัวว่าหลับแต่หูยังได้ยินเสียงรอบตัวอยู่นะ ก็งงเหมือนกัน สุดท้ายจิตก็ไหลไปกับความง่วงจนหลับ จะทำยังไงดีคะ หงุดหงิดตัวเองไม่รู้จะทำยังไงแล้ว บางทีไม่ง่วงก็แล้วไป แต่ตอนง่วงนี่..ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 

อาการฝ่าด่านนี้ต้องฝึกสติให้มากขึ้นค่า รู้สึกตัวให้มากขึ้น

 

วิธีเพิ่มสติแบบง่ายๆ
1 ให้บอกตัวเองในใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ เดิน ยืน นั่ง นอน ดูทีวี อาบน้ำ กินอาหาร เป็นต้น

2 นับลมหายใจระหว่างวัน อยากได้ผลเร็ว ก็ให้นับในช่วงที่งานยุ่งๆ ก็จะได้ผลเร็วขึ้น

3 ให้ใช้ อริยาบท นอน กำหนดรู้ไว้ที่ มือ เท้า กลางอก หว่างคิ้ว แล้วให้คิดว่าร่างกายส่วน

อื่นเบาเหมือยปุยนุ่น พยายามอยู่ในสภาวะนี้ให้นานที่สุด ไม่ต้องสนใจลมหายใจ

 

ลองทำสมาธิหลังจากตื่นนอนดู ถ้าอยากทำตอนเย็น ก็นอนแต่หัวค่ำ แล้วตื่นอีกทีซัก 6 ทุ่ม ตื่นแล้วทำอะไรก็อกแก็กซัก 30-60 นาที แล้วนั่งสมาธิ

 

เลิกนั่งแบบอานาปานสติ
หรือแบบจับลมหายใจ
มาเพ่งกสินแทน
เน้น กสินไฟ
กสินแสงสว่าง
กสินอากาส
กสินสีแดง
เน้นการหายใจให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

 

ไม่ง่ายนัก แต่ขอบอกว่า เมื่อไรเรารู้ทัน (จิต) คือ ความง่วง ก็จะหายง่วง

 

ง่ายๆคับ. ประเด็นสำคัญคือการรักษาอารมย์และลมหายใจ
เพื่อให้จิตไต่ระดับฌานได้หรือการลดคลื่นความถี่ลง
โดยที่ไม่ให้จิตมันเข้าสู่กะแสคลื่นที่ทำให้เราหลับคับ
วิธีการก็คือถ้าสัปหงก อย่าพึ่งลืมตา. และค่อยๆยกลำตัวขึ้นให้ตรงคับ
และรักษาลมหายใจให้เป็นปกติ ถ้ามันไม่สงบก็ลกไปหาอะไรทำก่อน
ที่สำคัญคือรักษาลมหายใจให้เหมือนตอนที่นั่งคับ.
การรักษาลมหายใจไว้. ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมหายใจ
เข้าและออกหยุดที่ปลายจมูกก็พอคับแต่ดันลมให้ลึก
ถึงท้องแต่ไม่ต้องตามลม. กำลังสติที่ได้จากการรักษาอารมย์ตรงนี้
กลับความลึกในการดันลมถึงท้องจะทำให้ได้กำลังสมาธิสะสมเพียงพอ
ที่จะลดระดับความถี่ของจิตหรือการไต่ระดับสมาธินั่นเอง
พูดง่ายๆก็คือมีกำลังสติเพียงพอบวกกับสมาธิเพียงพอ
ที่จะควบคุมจิตไม่ให้ถูกดึงไปสู่อารมย์ที่ทำให้ง่วงและหลับคับ

 

คลื่นอะไรครับ

 

คลื่นความถี่ของจิตครับ ทางวิทย์ศาสตร์มีเครื่องมือในการตรวจสอบด้วยครับ
ยิ่งเข้าสมาธิได้ระดับสูงเท่าไร คลื่นความถี่ของจิตก็จะลดลงต่ำลงเรื่อยๆครับ
จนเข้าใกล้ ๐ mHz หรือใกล้เคียงคนตายนั่นหละครับ ส่วนฌานไหนคลื่นความถี่เท่าไร
หาอ่านได้กับอากู๋ google ครับ. ใครที่ชำนาญการใช้จิตก็คือบุคลลที่มีความสามารถ
ในการรักษาคลื่นความถี่จากจิตหรือมีความสามารถลดคลื่นความถี่ของจิตได้เร็วนั่นหละคับ
ปล.ประมานนี้ครับ

 

ของผมแรกก็หลับ
หลังๆ หลายปีมานี้ หาประคำร้อยแปดมา
แล้วแรกๆก็สวดแต่อิติปิโส
สมัยแรกไม่รู้ตัวหรอก ไปเรียกเสกวัตถุมงคลมา มันต้องสวดคาถาอะไรก็ตามให้ได้ร้อยแปดจบ วัตถุมงคลนั้นถึงจะมีอานุภาพ
ผมเลยมีประคำที่ร้อยจากลูกปัดอาคริริกเกือบร้อยเส้น
และก็อยากจะเสกประคำเกินร้อยเส้นนี่ให้ขลังที่สุดเท่าที่จทำได้
บางคืนไม่ได้นอนเลย เสกแค่คาถา เสกประคำ

ถ้าเรามีความมุ่งมัน เราจะไม่หลับ หลับก็สะดุ้งตื่นมาเสกคาถาต่อเพราะกลัวจะเสกประคำไม่หมด

ปีกว่าๆนั้นผมสวดคาถาอิติปิโส บ้าง โสฬสบ้าง ยาวๆทั้งนั้น
เพราะเสกเค้านับอาสนะเดียว
ต้องเสกให้ครบร้อยแปดจบในอาสนะเดียว

เลยไม่หลับ

อย่าไปนั่งสมาธิเอาฌาน เลิกไปเลยไม่เอาฌานอะไรทั้งนั้น
สวดแต่อิติปิโส ถ้าคืนนี้สวดได้ไม่ถึง สองร้อยสิบหกจบ
คือจะเสกประคำสองเส้นไม่มีการหลับ
ผมก็ไม่หลับ

 

ปลุกเสกแค่รวมกำลังจิตรวมพลังงานภายนอกได้เป่าครั้งเดียว
กำกับด้วยคาถาเฉพาะที่เกิดผลเฉพาะจิตเราก็จบแล้วครับท่าน

 

คือเกจิแถวๆบ้านท่านขลังมากแต่ผมไม่ได้คิดอะไร
ท่านครอบครูเสกวัตถุมงคลให้ผม
ผมก็อยากรู้ว่าวัตถุมงคลมันขลังได้ไง

การเสกวัตถุมงคลได้ แล้วเผลอเอาไปให้คนอื่นใช้ ถ้าได้ผม
ของที่เค้าโดนจะย้อนมาเข้าคนเสก
ผมก็เลย แช่มชื่นมาเลยนั้นแต่นั้น

แต่หลวงปู่เกจิแถวบ้านท่านนั้น
ท่านมีบุญคุณมาก

ผมไม่เคยสงสัยในอานุภาพของวัตถุมงคลเลย

ทั้งๆที่ตอนั้นไม่รู้เลยว่าอะไรคือไสยะศาสตร์ เคยแต่อ่านจากหนังสือ
เพราะประคำที่เราเสก เสกด้วยอิติปิโส อะไรประมาณนี้ล้วนๆ

ผมโดนของอยู่ตั้งหลายปีกว่าจะรู้ว่า อะไรคือไสยะ
ทั้งๆที่หัดเสกวัตถุมงคลได้ หายสงสัย แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือไสยะ
มารู้อีกทีก็ไปซื้อ พวกขุนแผนที่มีพรายมาแล้วเอามาลอง
กะจะทำไสยะสวนกะไอ้พวกที่ทำไสยะใส่ผมมาหลายปี
ผลปรากฏว่า

มันย้อนกลับมาเล่นงานผมเข้า
โหยกระจ่างเลย เต็มๆ อ๋อนี่หนะเองคือโดนของ

 

วัตถุมงคลในความหมายผมคือวัถตุที่มีกะแสเชื่อม
ครูบาร์อาจารย์ข้านบนท่านนั้นๆส่วนอานุภาพขึ้นอยู่
ลักษณะพลังจากกะแสจิตครูบาร์อาจารย์ท่านนั้นๆ
ที่วัตถุไปเชื่อมอยู่ ไม่ว่าจะจากตัววัถตุเอง
หรือจากจิตผู้ที่ครอบครองครับ

 

บางที่สิ่งที่ติดใจเรา ที่เราปราถนาลึกๆมันไประชิดกะการง่วง
การหลับเข้า
พอเราภาวนาไปเอาฌานพอจิตจะรวมันกระโดนไปเกาะหลับแทนและไม่ยอมออก

สมันยก่อนๆๆ ตอนสุขภาพจิตผมดีกว่านี้
ผมชอบอ่านนิยายกำลังภายใน หวงอี้ไรงี้
แต่ละเรื่องยาวๆๆๆๆๆ
สมัยก่อนไม่จบไม่เลิกไม่นอน อ่านก็ไม่ได้รู้อัตถะรสอะไรเล้ย
จะเอาฉากที่มีการต่อสู้ กะฉากแบบอีโรติกไรงี้
ทู้ซี้ทู่ซี้อ่านอยู่ได้ไม่หลับไม่นอน

พอมาภาวนา สวดอิติปิโส จิตรวม นิดๆหน่อยๆ มันหลับซะงั้น
พอเรามาเอาประคำมาชักไปด้วยนับจบไปด้วย
เพิ่งรู้ว่าสมัยก่อนที่เราสวดอิติปิโสแล้วหลับ เราสวดไม่ถึงสิบจบด้วยซ้ำหลับซะแล้ว
ประคำ และสวดให้เยอะที่สุด จะทำให้เราทะลุ ข้อจำกัดเก่าของเราเอง

ลองสวดอิติปิดสแบบเยอะมากๆ ดูอาจจะเลิกง่วงได้ เวลาจิตรวม

 

ของผมวัตถุมงคลของหลวงปู่ท่านั้น
จะมีอานุภาพเลย แม้แต่แค่มองเห็ฯ
ผมไม่รู้หรอกว่าในวัตถุมงคลมีอะไรอยู่
แต่ถ้าของหลวงปู่องค์นี้ หรือของหลวงตาม้าก็ได้
แค่มีคนใส่อยู่ใกล้ๆ จะรู้เลยว่ามีพลัง

แรกๆผมสงสัยว่าพลังอะไรก็ไม่รู้ไปอยู่ในวัตถุนั้นได้ไง


ผมเลยไปรับขันธ์หลวงปู่ท่านนั้นมา
เป็นคาถา ที่คล้ายๆคาถาจักรพรรดิ์ แบบเอามือชี้ เอาสายสิญจ์พัน
เอาผ้าไปคลุมแล้วสวดคาถา คาถาจะว่าให้อักขรเลขยันต์มาประชุมอยู่ใน......
นี้ๆๆๆๆๆๆ


แต่พอเสกแล้ว จะให้มีอานุภาพอะไร
ก็ให้สวดคาถาอื่นๆ ลงไป อีกร้อยแปดจบจะขลัง


แรกๆก็ทำตามนี้ มันขลังจริงๆนั้นแหละ
เราก็ทำได้นิ หายสงสัย

 

ของผมไม่สนหรอกว่าครูบาอาจารย์จะเบื้องบนหรือเบื้องล่าง

อยากรู้ว่ามันเข้าไปอยู่ในนั้นได้ไง
หลังๆก็หัดเองอีกหลายสำนัก
ตอนนี้รู้แล้ว

แต่ไม่มีหูทิพย์ตาทิพย์อะไรหรอก
เพราะเป็ฯคนมีสุขภาพจิตไม่ดี
แค่นี้ก็ทุกข์ทรมานจะแย่แล้ว

 

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ครับ
ปล.ส่วนตัวมองว่าคุณจิตใจดีครับ

 

ครับ

ขออนุญาต ถามอีกนิดครับ ที่ว่ายกลำตัวขึ้น

ยกลำตัวแก้ง่วงหรือครับ

 

ปกติเวลาหลับ ไหล่จะตกลำตัวก็ลดลง มันเป็นระบบ
ที่ร่างกายเคยชินในขณะจิตเข้าสู่คลื่นความถี่ที่ทำให้เราหลับ..
เวลาท่านอนก็เช่นกันครับ แม้บางทีเรานอนหลับมาหลายสิบปี
เราอาจจะไม่ได้สังเกตุตรงนี้ครับเพราะมันเป็นความเคยชินไปแล้ว.
..ส่วนที่บอกให้ค่อยๆยก
ลำตัวขึ้นเพราะค่อยๆปรับระบบร่างกายตรงนี้ให้กลับ
คืนสภาวะปกติของร่างกายในขณะเดียวกัน
การไม่ให้ลืมตาเพื่อรักษาระดับ
คลื่นความถี่ของจิต พูดง่ายๆก็คือ
การรักษาอารมย์ครับ..
เพราะฉนั้นถ้าจะไม่ให้หลับเพื่อยกไต่ระดับสมาธิ
หรือลดคลื่นความถี่ต่อไป ก็ต้องอาศัยองค์ประกอบ
ทั้ง ๒ ส่วนคือการปรับกายและปรับคลื่นความถี่จิตนั้นหละครับ

กายกับจิตเชื่อมประสานสัมพันธ์ทุกสรรพสิ่ง....
กายนิ่งจิตนิ่งไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ.....
เราก็ต้องรู้จักวิธีที่จะทำให้กายมันนิ่งและจิตมันนิ่งนั่นเองครับ..

 

ตามที่พูดอธิบายมา เป็นการฝึกเข้าฌานใช่มั้ยครับ