วิธีได้เจโตปริยญาน และบุฟนิวาสานุสติระลึก100อดีตชาติ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Tamjugg, 5 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก: แก้ไข
  1. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    อ่านๆดู เหนไปเกิดในเมืองจีนซะหลายชาติ ชาติที่100 เปนถึงท่านอ๋อง ในยุคก้คงเปนอ๋องแห่งแว่นแคว้น อย่างงี้ก้แสดงว่าต้องมีความคุ้นเคยกับภาษาจีนมากเลยนะสิครับ คุนน่าจะหัดพูดเขียนจีนได้ง่ายและเร็วกว่าคนอื่น เพราะเปนของเก่าติดตัวมา จริงหรือป่าวครับ?

    ในความคิดผมแล้วจะร้ว่าเกิดมากี่ชาติ ผมว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ รู้ในอดีตสักไม่กี่ชาติก้พอแล้วครับ ถ้าให้ดีก้รู้เพียงชาติปัจจุบันนี้ เพราะจริงๆ สิ่งที่มีในปัจจุบันคือสิ่งที่สะท้อนในอดีตที่ผ่านมาของเราอย่แล้ว ชาตินี้เราเปนอย่างงี้ ชาติก่อนๆก้น่าไม่เกินนี้ หรือไม่ก้แย่ยิ่งกว่านี้
    สำหรับคนที่ปฏิบัติอยากให้ได้ผลเร็วๆ ผมคิดว่าเปนเรื่องของบุญและวาสนาของแต่ละคนมากกว่า รวมถึงธรรมะข้ออื่นที่เสริมความดีอย่ เช่น ความเพียรและขันติ ใครทำ ใครได้
    วิธีปฏิบัิติสมาธิที่ดีที่สุด ทำด้วยตัวเอง และตนเปนที่พึ่งแห่งตน ไม่่น่าจะมีวิธีลัดทางอื่น
     
  2. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พระวินัยปิฎก
    เล่ม ๑
    มหาวิภังค์ ปฐมภาค
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
    เวรัญชกัณฑ์
    เรื่องเวรัญชพราหมณ์
    ........


    ทรงแสดงฌาน ๔ และวิชชา ๓
    ภ. เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ในอวิชชา เกิดในฟอง
    อันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้ ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลายกระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้
    ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก
    เพราะความเพียรของเราที่ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่
    กระสับกระส่าย จิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง.
    ปฐมฌาน

    เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม ได้บรรลุปฐมฌาน มีวิตก
    มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่.
    ทุติยฌาน

    เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก
    ไม่มีวิจาร เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่สมาธิอยู่.
    ตติยฌาน
    เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
    ได้บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้ อยู่.
    จตุตถฌาน

    เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัส
    ก่อนๆ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.

    บุพเพนิวาสานุสสติญาณ
    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควร
    แก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ เรานั้น
    ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง
    สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง
    ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัลป์
    เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้นเราได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร
    อย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียง
    เท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพโน้นนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น
    มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนด
    อายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพโน้นนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็น
    อันมาก พร้อมทั้งอุเทส พร้อมทั้งอาการ ด้วยประการฉะนี้ พราหมณ์ วิชชาที่หนึ่งนี่แล เรา
    ได้บรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืด
    เรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร
    เผากิเลส ส่งจิตไปแล้วอยู่ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่หนึ่งของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการ
    ทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ฉะนั้น.


    จุตูปปาตญาณ
    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควร
    แก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อญาณเครื่องรู้จุติและอุปบัติ
    ของสัตว์ทั้งหลาย เรานั้นย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี
    มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์
    ผู้เข้าถึงตามกรรมว่า หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
    ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่
    เหล่านั้น เบื้องหน้าแต่แตกกายตายไป เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก หรือว่าหมู่สัตว์ผู้เกิด
    เป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็น
    สัมมาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านั้น เบื้องหน้าแต่แตก
    กายตายไป เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต
    มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อม
    รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมด้วยประการดังนี้ พราหมณ์ วิชชาที่สองนี้แล เราได้บรรลุแล้ว
    ในมัชฌิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว
    แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ส่งจิตไป
    แล้วอยู่ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่สองของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจากกระเปาะ
    ฟองแห่งลูกไก่ ฉะนั้น.

    อาสวักขยญาณ
    เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควร
    แก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ เรานั้นได้รู้ชัด
    ตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ความ
    ดับทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า เหล่านี้
    อาสวะ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดอาสวะ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ความดับอาสวะ ได้รู้
    ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับอาสวะ เมื่อเรานั้นรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตได้
    หลุดพ้นแล้วแม้จากกามาสวะ ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากภวาสวะ ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากอวิชชาสวะ
    เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ได้มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า ชาติสิ้นแล้ว
    พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี พราหมณ์
    วิชชาที่สามนี้แล เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิด
    แก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท
    มีความเพียรเผากิเลสส่งจิตไปแล้วอยู่ ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่สามของเรานี้แล ได้เป็น
    เหมือนการทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ ฉะนั้น.

    เวรัญชพราหมณ์แสดงตนเป็นอุบาสก
    [๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว เวรัญชพราหมณ์ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาค
    ว่า ท่านพระโคดมเป็นผู้เจริญที่สุด ท่านพระโคดมเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ข้าแต่ท่านพระโคดม
    ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดย
    อเนกปริยายอย่างนี้ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
    หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ข้าพเจ้านี้ขอถึงท่านพระโคดม
    พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพเจ้าว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ
    ตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอพระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จงทรงรับอาราธนาอยู่
    จำพรรษา ที่เมืองเวรัญชาของข้าพเจ้าเถิด.

    พระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนาด้วยพระอาการดุษณี ครั้นเวรัญชพราหมณ์ทราบการรับ
    อาราธนาของพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ
    หลีกไป.​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2017
  3. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ฝึกอสุภกรรมฐานที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ ไม่เกิน7วันก็จะเห็นอภิภายตนะในตน 8 ประการ(ผมและพระเถระหลายพันรุปเห็นแล้ว) อันเป็นการเริ่มต้นสู่อภิญญา และมรรคคาปฏิปทา คนที่ไม่ถึงหรือไม่เห็นจะไม่เชื่อ ค่อนข้างปัจจัตตัง บันฑิตเท่านั้นที่รู้กัน

    [๑๐๐] ดูกรอานนท์ อภิภายตนะ ๘ ประการ เหล่านี้แล ๘ ประการ
    เป็นไฉน คือ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่เล็กซึ่งมีผิวพรรณดี
    และมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้
    เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่หนึ่ง ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่ใหญ่ ซึ่งมีผิวพรรณดี
    และมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้วมีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้
    เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่สอง ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่เล็ก ซึ่งมีผิวพรรณดี
    และมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้
    เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่สาม ฯ
    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกที่ใหญ่ ซึ่งมีผิวพรรณ
    ดีและมีผิวพรรณทราม ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้
    เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่สี่ ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอก อันเขียว มีวรรณะ
    เขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว
    ดอกผักตบอันเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน
    มีรัศมีเขียว หรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสี มีส่วนทั้งสองเกลี้ยงเขียว มี
    วรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว แม้ฉันใด ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน
    เห็นรูปภายนอกอันเขียว มีวรรณะเขียว เขียวล้วน มีรัศมีเขียว ฉันนั้น
    เหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความสำคัญว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้
    เป็นอภิภายตนะข้อที่ห้า ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเหลือง มีวรรณะ
    เหลือง เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง
    ดอกกรรณิการ์อันเหลือง มีวรรณะเหลือง
    เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง หรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสี มีส่วนทั้งสอง
    เกลี้ยงเหลือง มีวรรณะเหลือง เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง แม้ฉันใด ผู้หนึ่ง
    มีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเหลือง มีวรรณะเหลือง
    เหลืองล้วน มีรัศมีเหลือง ฉันนั้นเหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว มีความ
    สำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่หก ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันแดง มีวรรณะแดง
    แดงล้วน มีรัศมีแดง
    ดอกหงอนไก่อันแดง มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดง
    หรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสีมีส่วนทั้งสองเกลี้ยงแดง มีวรรณะแดง แดงล้วน
    มีรัศมีแดง แม้ฉันใด ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันแดง
    มีวรรณะแดง แดงล้วน มีรัศมีแดง ฉันนั้นเหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว
    มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่เจ็ด ฯ

    ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันขาว มีวรรณะขาว
    ขาวล้วน มีรัศมีขาว
    ดาวประกายพฤกษ์อันขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาว
    หรือว่าผ้าที่กำเนิดในเมืองพาราณสีมีส่วนทั้งสองเกลี้ยงขาว มีวรรณะขาว ขาวล้วน
    มีรัศมีขาว แม้ฉันใด ผู้หนึ่งมีความสำคัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันขาว
    มีวรรณะขาว ขาวล้วน มีรัศมีขาว ฉันนั้นเหมือนกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นแล้ว
    มีความสำคัญอย่างนี้ว่า เรารู้ เราเห็น อันนี้ เป็นอภิภายตนะข้อที่แปด ฯ

    ดูกรอานนท์ อภิภายตนะ ๘ ประการ เหล่านี้แล ฯ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2015
  4. Hippo711

    Hippo711 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +19
    คุณTamjugg ตอบแล้วหรือว่า ให้ฝึกอสุภกรรมฐานภายใน7วัน แต่สำหรับคนที่นั่งสมาธิยังไม่สงบอย่างผม 7วันคงยังวนอยู่ในอ่างน้ำวนที่ตัวเองตกอยู่ สำหรับคนที่ไม่ได้สะสมของเก่ามาก่อน อ.Tamjugg มีอะไรแนะนำ จากเด็กฝึกหัดใหม่มั้ยครับ คำว่าฌาณ 1-2-3 ผมยังไม่รู้อยู่ตรงไหน คงไม่แน่ว่า 7-10 วันก็ยังถามตัวเองว่า นั่งหลับตา อยู่กับที่ เหมือนนั่งให้ร่างกายเกิดความง่วง ช่วยมากกว่านี้ได้มั้ยครับ ขอบคุณครับ
     
  5. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ค่อยๆฝึกไปคับ อย่าไปหวังอะไรมากจะกลายเป็นโลภะ(ยิ่งได้ช้า) ให้จำหัวข้อวิปัสนากรรมฐานให้ดี ผมใช้5อย่าง นำมาพิจารณาแต่ละก้าวในการเดินจงกลม และสงเคราะห์ลงใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำไปเรื่อยๆ หรือแม้สิ่งใดเวทนาใดๆมาขวางให้สงเคราะห์ลงในไตรลักษณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2016
  6. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    Tamjugg นับถือหลวงพ่อปาน หรอครับ
     
  7. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ผมนับถือพระทุกรุปที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นสุปฏิปันโน ถึงพร้อมด้วยศีลปฏิบัติตามคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  8. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    "บุคคลไม่พึงใส่ใจคำแสลงหูของชนเหล่าอื่น ไม่พึงแลดูกิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของชนเหล่าอื่น พึงพิจารณากิจที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของตนเท่านั้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2016
  9. moonoiija

    moonoiija เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2014
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +198
  10. bpisut

    bpisut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +30
    ..ขอคุณ Tamjugg ขยายความ คำว่า "สงเคราะห์ลงในไตรลักษณ์" ให้ด้วยครับว่าทำอย่างไร
    ขอบคุณครับ
    Bpisut
     
  11. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    ผมด้วย T^T "นั่งหลับตา อยู่กับที่ เหมือนนั่งให้ร่างกายเกิดความง่วง" แทงใจจัง :'(
     
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พิจารณาไตรลักษณ์ที่พระบรมศาสดาได้บรรญัติไว้ดีแล้ว ว่าสิ่งทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไปรึเปล่า เช่น รุป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานทั้งหลาย แม้เวทนาต่างๆในขณะปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2015
  13. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    น้อมจิตละ นิวรณ์5 เน้นถีนมิทธะ ให้เบาบางลงจะได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้
     
  14. bpisut

    bpisut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +30
    การพิจารณาแบบนี้ จะเป็นในระดับจินตมยปัญญาหรือปล่าวครับ เช่น เวลาเราปวดขาตอนนั่งสมาธิแล้วมาคิดว่า ความปวดนี้มันไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยุ่แล้วดับไป แต่อาการปวดก็ยังไม่หาย ก็ต้องทนปวดแบบนั้นหรือครับ
     
  15. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า นั่นถูกแล้วๆคฤหบดี อันที่จริง กายนี้กระสับกระส่าย
    เป็นดังว่าฟองไข่ อันผิวหนังหุ้มไว้ ดูกรคฤหบดี ก็บุคคลผู้บริหารกายนี้อยู่ พึงรับรองความ
    เป็นผู้ไม่มีโรคได้แม้เพียงครู่เดียว จะมีอะไรเล่า นอกจากความเป็นคนเขลา

    ดูกรคฤหบดี เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
    เมื่อเรามีกายกระสับกระส่ายอยู่ จิตของเราจักไม่กระสับกระส่าย
    ดูกรคฤหบดี ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล.


    ภิกษุทั้งหลาย สำหรับปุถุชนผู้ไม่ได้เล่าเรียนสดับฟัง สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ก็ย่อมแก่ ...
    สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ก็ย่อมเจ็บไข้ ...
    สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา ก็ย่อมตาย ...
    สิ่งที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ก็ย่อมเสื่อมสลายไป ...
    สิ่งที่มีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา ก็ย่อมสูญสิ้นไป

    ... เมื่อสิ่งใดที่มีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา มาสูญสิ้นไป เขาหาได้มองเห็นตระหนักไม่ว่า
    มิใช่ว่าสิ่งที่มีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้น จะสูญสิ้นไป

    แท้จริงนั้น ตราบใดที่สัตว์ทั้งหลาย ยังมีการมา มีการไป มีการจากหายเคลื่อนย้าย มีการเกิดขึ้นมาใหม่กันอยู่
    สิ่งที่มีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา ก็ย่อมสูญสิ้นไปทั้งนั้น

    ตัวเราเองนี่แหละ เมื่อสิ่งที่มีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดาสูญสิ้นไปแล้ว ถ้าจะมามัวเศร้าโศก คร่ำครวญ ร่ำไร
    ตีอก ร่ำไห้ ฟูมฟายไป แม้แต่อาหารก็จะไม่อยากรับประทาน ร่างกายก็จะมีผิวพรรณเศร้าหมอง ซูบผอม
    งานการก็จะสะดุดเสียหาย เหล่าพวกอมิตรก็จะดีใจ ส่วนมิตรทั้งหลายก็จะพลอยเสียใจ

    ... อริยสาวกนั้น ผู้ไม่มีความโศกศัลย์ ไม่มีลูกศรเสียบแทงใจ ทำตนให้หายทุกข์ร้อนสงบเย็นได้
    ความโศกเศร้า การคร่ำครวญร่ำไห้ จะช่วยให้ได้ประโยชน์อะไรในโลกนี้แม้แต่น้อยก็หาไม่
    บัณฑิตผู้รู้เข้าใจ ฉลาดในการวินิจฉัยเรื่องราว ย่อมไม่หวั่นไหวต่อเคราะห์ร้ายภัยพิบัติ

    ประโยชน์ที่ดีงามพึงมุ่งหมาย จะสำเร็จได้ที่ไหน ด้วยวิธีการอย่างไร ก็พึงพากเพียรมุ่งหน้าทำไปที่นั่นด้วยวิธีการนั้นๆ
    หากรู้ชัดว่า จุดมุ่งหมายนั้น ไม่ว่าเราหรือคนอื่นใด ไม่มีใครจะให้สำเร็จได้ ก็ไม่ต้องเศร้าเสียใจ พึงวางจิตสงบ
    ตั้งใจแน่วแน่ลงไปว่า ทีนี้ เราจะทำการอะไรมุ่งมั่นต่อไป
     
  16. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    อรติ โลกนาสิกา
    ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2016
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    บังเอิญมันลืมนึกถึงหลักความเป็นจริงไปว่า เวลา 2500 ปี เกิด 100 ชาติ แปลว่ามีอายุอยู่ได้แค่ชาติละ 25 ปี หนะครับ
     
  18. Kitti04

    Kitti04 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ
     
  19. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    บุคคล ๔ จำพวก

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า มหาราช ! บุคคล ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลกบุคคล ๔ จำพวกเป็นไฉน ? บุคคล ๔ จำพวกคือ :-
    บุคคลผู้มืดแล้วมืดต่อไปจำพวก ๑
    บุคคลผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไปจำพวก ๑
    บุคคลผู้สว่างแล้วกลับมืดต่อไปจำพวก ๑
    บุคคลผู้สว่างแล้วคงสว่างต่อไปจำพวก ๑.

    ปัญญาน้อยค่อยพิจารณาแต่ละชาติอายุครบ100ปีทุกชาติไหม เลิกปรามาสปัญญาตนเองเปลี่ยนมาเร่งทำความเพียรอินทรบุตร บุคคลไม่ขึ้นชื่อว่าเถระเพราะมีผมหงอก วันเวลาล่วงไปมากแล้ว ถามหาญานฌามไม่รู้เรื่องแต่รู้ว่าตัวรู้ตัวเห็นตัวเก่ง ทุกข์เท่านั้นที่เกิดจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2016
  20. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก่อนพุทธกาลมีพระพุทธรูป?

    นอกจากขาดสติแล้วสมองยังทำงานไม่ปกตินะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...