ธรรมมะเปิดโลก วิธีปฏิบัติ โดยขึ้นตรงต่อพระผู้มีประภาคเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย srikanas, 7 พฤศจิกายน 2014.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เห็นยังครับ มันหลอกทั้งเพ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐานแบบนี้ ต้องฝึกกำหนดให้ทันอารมณ์ ซึ่งปรากฏในขณะนั้นทุกขณะ อย่าปล่อยไปเฉยๆ ปล่อยไว้จิตจะยึดติดถือมั่นเ็ป็นจริงเป็นจัง

    ถ้าต้องการพิสูจน์ว่าโดนสังขารมัีนหลอกเอามั้ย ค่อยๆลืมตาดูได้ พิสูจน์ได้

    แต่มีบางบางราย ตัวโยก ตัวสั่นจริงๆ แม้ลืมตาแล้วก็ยังสั่น ยังโยก ยังแสดงอาการแปลกๆอยู่ ไม่ต้องตกใจ ทางเดียวที่ต้องทำต้องปฏิบัติต่อมัน (รูปนาม) ก็คือ กำหนดตามอาการ เป็นยังไง ก็หนดยังงั้น ไม่ใช่ไปแก้ด้วยการอ้อนวอนขอร้องเจ้ากรรมนายเวร ผีป่าซาตาน ...หากต้องการกรวดน้ำอุทิศให้อะไรต่ออะไรพอได้ แต่ต้องทำหลังหมดเวลาแล้ว
     
  2. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ผมก็เคยอ่านอยู่นะ เขาบอกว่าเวลาฝึกต้องมีคนคุมด้วย เกิดโดนอะไรแทรกเข้ามาเดี๋ยวเพี้ยน เกิดเข้าแล้วไม่ยอมออก น่าจะเป็นสายโหดอะไรแบบนี้ เคยคิดจะฝึกเหมือนกันแต่ไม่กล้า
     
  3. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
    การปฏิบัติสายกรรมฐานเปิดโลกนั้น ผู้ที่มาปฏิบัติต้องมีความตั้งมั่น มุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังในการนั่งปฏิบัติ ซึ่งแต่ละคนที่มาปฏิบัติจะไม่เหมือนกัน บางคนมาวันแรกก็สามารถนั่งกรรมฐานติด บางคนมาหลายวันยังนั่งกรรมฐานไม่ติดก็มี บางคนวันที่จะเดินทางกลับนั่งกรรมฐานติดก็มี ซึ่งปัญหาที่พบว่ามาแล้วนั่งไม่ติดกรรมฐาน เพราะ

    1. ปฏิบัติไม่ถูกวิธี เช่น จังหวะของการสูดลมหายใจเข้าออก การภาวนา พอง-ยุบ, ติดกรรมกับพระพุทธเจ้า บิดามารดา ครูบาอาจารย์ จะภพใด ชาติใดก็แล้วแต่ ซึ่งต้องขอขมากรรมก่อน

    2. ความอดทนต่อการปฏิบัติ ซึ่งการเปิดกรรมฐานครั้งแรกนั้น อาการที่แสดงออกไม่ว่าจะรู้สึกเกร็ง เหน็บ ชา ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย รู้สึกเหนื่อย แน่นหน้าอก จุกที่ลิ้นปี่ หูจะอื้อ มีลักษณะของลมที่จะดันขึ้นจนถึงศรีษะ บริเวณหน้าผากจะรู้สึกมึน ซึ่งเป็นจังหวะที่ต้องเร่งลมให้มากที่สุดเท่าที่พลังลมปราณหรือลมหายใจที่มีในขณะนั้น เพื่อให้ลมทะลุเหนือศรีษะให้ได้ ถ้าทำถึงจุดนี้ได้ อาการต่าง ๆ ที่เป็นจะค่อย ๆ คลายออก และโล่ง บางคนจะแสดงกรรมด้วยคำพูด ด้วยท่าทาง บางคนก็รับรู้ได้ภายในจิต (รู้ได้เฉพาะตน)ฯลฯ ก็แล้วแต่ ซึ่งความอดทนของผญ.ในบทความ ที่ปฏิบัติยังน้อยเกินไป และยังทำไม่ถึงที่สุดของการปฏิบัติ เพราะกรรมฐานเปิดโลกมิใช่การนั่งสมาธิ อย่างสงบ ต้องอาศัยลมหายใจในการปฏิบัติ

    3. เวลานั่งกรรมฐานนั้น ให้รู้เฉพาะของตน อย่าเอาจิตออกนอกกาย เมื่อนั่งกรรมฐาน ต่อให้ได้ยินเสียงอะไร หรือ คนที่อยู่รอบข้างออกกรรมอะไร ก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าได้ยิน แต่ผญ.ในบทความกลับสนใจคนที่อยู่รอบข้าง ในการออกกรรม โดยมิได้สนใจที่จะปฏิบัติ อย่างเอาจริงเอาจัง

    4. หนีการปฏิบัติ ทุกช่วงเวลาของการนั่งปฏิบัตินั้นมีค่า ซึ่งจริง ๆ แล้ว การช่วยงานของที่วัดนั้น สามารถทำได้หลังจากปฏิบัติเสร็จ ซึ่งหลังจากปฏิบัติช่วงเที่ยงเสร็จ (12.30-15.00) พระก็จะขอแรงคนที่ปฏิบัติให้ทำความสะอาด และไปช่วยงานในไร่ เป็นประจำอยู่แล้ว

    ถ้าเปรียบวัด ก็เหมือนกับโรงพยาบาล ,ผู้มาปฏิบัติ ก็เหมือน คนไข้ ซึ่งคนที่มานั้น มีอาการแตกต่างกันไป (กรรม ในอดีต และปัจจุบัน) อยู่ที่ว่าจะเจอหมอดี (ครูบาอาจารย์) และได้รับยาดี(การปฏิบัติที่ถูกต้อง)หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามีบุญมาก หรือมีบุญน้อย
     
  4. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
    จริงอยู่ที่ธรรมมะเปิดโลก เป็นอะไรที่แรง เวลาที่แสดงกรรม แต่ถ้าได้ถอนบาป ถอนกรรม ใช้เค้าไป ก็จะเบาตัว และโล่ง เปรียบเหมือนในทางโลกถ้าคุณเป็นหนี้ แล้วคุณได้ใช้หนี้ คุณก็จะรู้สึกสบายกายสบายใจ เพราะไม่ต้องกลัวถูกทำร้าย และไม่ต้องกลัวถูกบีบคั้น ยิ่งถ้าออกกรรมมาก ก็จะได้ปัญญามาก เพราะรู้อารมณ์ รู้อาการ รู้ความรู้สึก (โลกุตรธรรม) คุณ เมธาวี1 ลองฝึกปฏิบัติกับเรา ผ่านข้อความส่วนตัวได้ เพราะคุณมาสายนี้โดยตรง และถ้าปฏิบัติคุณจะไปได้ไวมาก ๆ เพราะคุณมีของเก่ามาเยอะ (บุญ และบารมี) เพื่อมาต่อยอดในชาตินี้ คุณจะได้เข้าใจในจิตของคุณ
     
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015
    กระทู้นี้ ผู้ดูแลเวป ควรจะดัน ไปที่ xp ที่สุด
    เพราะว่า เน้นในด้านสมถะอย่างเดียว
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    จขกท. อธิบายข้อความตรงขีดเส้นใตสิครับ


    12 วันนี้เราจับแต่ละคนมาสัมภาษณ์เลยก็ว่าได้ ตอนแรกที่เห็นคนพวกนี้ เขาก็ปกติดีนะ แต่พอเข้าสวดมนต์ และเข้าพิธี เขาร้องกันเหมือนเปรต เหมือนคนโดนฆ่าอย่างทรมาน บางคนดิ้นทุรนทุราย แต่พอออกจาก ออกกรรมแล้วพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนสดใสกลับเป็นคนซึมเศร้าบ้าง ไม่พูดบ้าง เหมือนคนนั่งคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

    แต่ที่พิสูจน์ไม่ได้คือการระลึกชาติ เพราะครูบาอาจารย์เราท่านไม่ยอมเปิดให้ แต่มีตัวอย่างของคนที่ไปปฎิบัติ แล้วหลายครั้ง จนไม่ยอมกลับบ้าน ยึดติดอยู่กับพระในวัด เนื่องจากเธอผู้นั้นระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นสามี ภรรยา กับพระรูปหนึ่งในวัดจนเธอไม่สามารถดึงตัวเองกับมาสู่โลกปัจจุบันได้ ทำให้พระต้องหนีหน้าตลอด แต่เธอก็ตาม เพื่อได้เห็นหน้าพระรูปนั้น

    จขกท. ครับ ตรงที่ขีดเส้นใต้ทำไมเขาทำแล้วเป็นยังงั้นครับ เพราะกรรมอะไร (กรรมแบบเปิดโลก) เป็นโลกุตรธรรม (อย่างที่พูดหรือยัง) หรือเป็นนิพพาน (อย่างกรรมฐานเปิดโลก) แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2014
  7. สิเนรุ อุตรกุรุ

    สิเนรุ อุตรกุรุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +297
    เพิ่งเข้ามาครับ เห็นว่าเป็นแนวปฏิบัติอีกสายหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ย่อมเห็นเข้าใจเฉพาะตัว หากยังไม่ได้สัมผัสคงอธิบายไม่ได้เช่นท่านเจ้าของกระทู้ ข้าพเจ้าเองก็อยากสัมผัสแนวกรรมฐานเปิดโลกนี้เช่นกันครับ
     
  8. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ผมนั่งสมาธิที่บ้าน บางครั้งก็มีอาการแบบที่เขาเป็นกัน รำซะสวยงามก็มี เลื้อยเฉพาะส่วนหัวก็ได้ นึกได้ถึงกรรมทีเราทำไว้นานจนลืมก็มี แต่ระลึกชาติได้ไม่เคยสักที มีอะไรก็ขออโหสิกรรม แผ่บุญหมดแหละ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จขกท. ครับ ตรงที่ขีดเส้นใต้ทำไมเขาทำแล้วเป็นยังงั้นครับ เพราะกรรมอะไร (กรรมแบบเปิดโลก) เป็นโลกุตรธรรม (อย่างที่พูดหรือยัง) หรือเป็นนิพพาน (อย่างกรรมฐานเปิดโลก) แล้ว

    (ขออภัย กดผิด คือ จะกดอ้างอิง คห.ตนเอง แต่ไปกดแก้ไข)
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    หากคุณเมืองบังบด และน้องใหม่ 2008 สนใจ...ลองที่นี่ด้วย นี่

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=thuSgMwRhvE]นี่หรือวัด (วัดป่าศิวิไลซ์ พิจิตร) 4 - YouTube[/ame]
     
  11. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    แปลกจริงๆ
     
  12. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
    หลังคลายจากการนั่งออกกรรม คนที่สามารถระลึกรู้กรรมของตนเองได้ ไม่ว่าจะกรรมในอดีต หรือกรรมปัจจุบัน (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรรมในปัจจุบัน) ทั้งการแสดงออกด้วยคำพูด ทั้งแสดงออกทางกาย ซึ่งเกิดการสำนึกในสิ่งที่ตนได้กระทำกรรมนั้น ๆ แล้วกลับมาคิดนึกย้อนว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้น ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ ได้รับความเสียหาย หรือถึงแก่ชีวิต บางทีในขณะนั่งเปิดกรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้เปิดให้รู้ว่ามีเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อคลายจากการออกกรรม ก็คิดหาวิธีแก้หรือป้องกันเหตุมิให้เกิดขึ้น บางคนเมื่อเปิดกรรมได้พูด หรือ สารภาพบาป ที่เป็นความลับที่ไม่มีใครทราบ เกิดความรู้สึกอับอายในสิ่งที่ได้พูด ซึ่งที่เรากล่าวมานั้น หากมีครูบาอาจารย์ที่สามารถเข้าถึงวาระของจิต และอารมณ์ของผู้ปฏิบัติ ก็จะสามารถชี้ทางให้เข้าใจในสภาวะกรรมที่เปิดของผู้ปฏิบัติได้ และผู้ปฏิบัติก็จะไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว และหาทางออกไม่ได้

    ส่วนตัวอย่างของคนที่ไปปฎิบัติ แล้วหลายครั้ง จนไม่ยอมกลับบ้าน ยึดติดอยู่กับพระในวัด เนื่องจากเธอผู้นั้นระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นสามี ภรรยา กับพระรูปหนึ่งในวัดจนเธอไม่สามารถดึงตัวเองกับมาสู่โลกปัจจุบันได้ ทำให้พระต้องหนีหน้าตลอด แต่เธอก็ตาม เพื่อได้เห็นหน้าพระรูปนั้น

    ในตัวอย่างนี้ เรียกว่า กรรมผัวกรรมเมีย ซึ่งคนผู้นั้น อาจจะเปิดกรรมแล้วระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นผัวหรือเมียของพระรูปนั้น เราต้องบอกก่อนว่าการรู้กรรมในอดีตนั้น เมื่อรู้แล้วให้ตัด และปล่อยวาง ให้เอาศีลมาเป็นตัวชี้วัดและเอาชาติปัจจุบันเป็นหลัก หากกรรมนั้นผิดต่อศีล ผู้ปฏิบัติต้องละอายต่อบาปนั้นทันที ซึ่งคนในตัวอย่างนั้นขาดปัญญา และขาดสติที่ใช้ควบคุมอารมณ์ อาการ ความรู้สึก จึงแสดงกรรมเช่นนั้น หากมีครูบาอาจารย์ที่สามารถชี้นำและให้ปัญญาในการตัดกรรม โดยสอนให้คนผู้นั้นใช้หลักปัญญาในทางโลกเทียบเคียงกับศีลในการตัดกรรม และต้องสอนให้คนผู้นั้นรู้สติว่าเรามาปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ แล้วเราจะหาทุกข์ใส่ตัวเพื่ออะไร แล้วท่านเป็นพระ แค่คิดก็บาปกรรมแล้ว ยิ่งปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลก ยิ่งได้รับผลกรรมเร็วนักแล ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม แล้วถ้าแสดงอาการให้คนอื่นมองเห็น เค้าก็จะเอาไปนินทาว่าร้าย ทำให้ได้รับความอับอายและเสียหายได้ มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น

     
  13. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
    แปลก ?????
     
  14. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
    สำหรับ คุณเมืองบังบด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวคุณ ท่านอยากให้คุณได้สัมผัสกับท่าน เพราะท่านมักจะเตือนคุณก่อนเสมอ เวลาที่จะมีเหตุอะไร
     
  15. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ผมเคยไปวัดเขาสมโภชน์ อยู่ครั้งหนึ่ง ไปปฏิบัติอยู่ 3-4 วัน
    พอดีไปเที่ยวบ้านญาติ แล้วญาติก็แนะนำให้ลองไปดู
    ผมกะพี่สาวก็ลองไปดู
    คนไปกันเยอะจริงๆครับ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร
    คนที่ไปก็ไปออกกรรมกัน แต่ก็มีแบบพวกทรงเจ้าเข้าผีก็เยอะครับ
    ข้อดีของคนที่มาออกกรรมกัน ก็อาจจะทำให้พวกเขาเกรงกลัวบาป
    พอออกจากวัดไป อาจจะสำรวมระวังในการกระทำมากขึ้น
    เหตุของกรรมชั่วจะเกิดใหม่ก็น้อยลง แต่ถึงจะน้อยลงแต่ก็ไม่ได้หมดไป
    เหมือนแก้กันเอาปลายๆทาง ไม่ได้ซัดเข้าไปที่เหตุตรงเลย

    จิตที่อยู่กับคำบริกรรม พอง-ยุบ ตอนนั้นแหละ หยุดสร้างภพ ไปขณะหนึ่ง
    หยุดสร้างภพหนึ่ง ก็หยุดสร้างกรรมหนึ่ง
    แต่หลังจากออกจากวัดกันมา จิตมันก็ก่อภพ อันเป็นผลให้เป็นวิบากต่อไปไม่หยุด
    มันไม่ได้ไปทำที่ต้นเหตุ ไปทำเกือบปลายเหตุ
    เหมือนดับไฟที่ปลายเทียน ซักพักมีไฟมาจ่อ ก็ติดไฟอีก

    ถ้าจะแก้กรรม เอาให้หมดวิบาก พระพุทธเจ้า ตรัสไว้
    คือ มรรคมีองค์ 8
    ล็อคกาย ล็อควาจา ไม่ให้ทำกรรมใหม่
    แล้วที่สุดเข้าไปจัดการกับต้นเหตุ ซึ่งเรื่องของจิต
    จะดับกรรม ซัดไปที่เหตุ
    พอกาย กับวาจา ไม่ทำบาปใหม่ แน่นอนวิบากกรรมไม่ดีอันใหม่ ก็ไม่เกิด
    จนจิตไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น เป็นปกติ โดยที่ไม่ต้องพยายามละ
    พอปฏิบัติมรรคแปด ก็เริ่มทิ้งอกุศลในจิต แล้วเกาะกุศล
    พอจิตไม่เดือดร้อน ร้อนรน มีการปรุงแต่งน้อย
    จิตผู้นั้นก็เริ่ม มีความตั้งมั่น เห็นโลกตามความเป็นจริง
    น้อมเห็นตามสิ่งที่พระพุทธเจ้า ชี้ไว้
    ถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์
    พอเห็น และเข้าใจโลกตามความเป็นจริงได้
    จะเห็นความธรรมดาของสรรพสิ่ง จนกระทั่งถอดถอน
    ออกจากความยึดถือจาก สิ่งทั้งปวง
    ถอนออกได้ ก็หมดเจตนา อย่างถาวร ในการสร้างกรรม
    พอกายนี้(กรรมเก่า)ดับ สลายไป ก็พ้นจากวิบากของกรรม
    โดยสิ้นเชิง

    ผมว่า เกิดมาเจอคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งที
    เอาให้พ้นไปจากวัฏสงสารเลยดีกว่าครับ
    จัดการไปที่เหตุ ด้วย "มรรคมีองค์8 " เลยครับ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จขกท. ว่าเป็นกรรมฐานเปิดโลกมั้ย ถ้าไม่เป็นไม่ใช่กรรมฐานเปิดโลก ว่าเป็นกรรมฐานอะไรครับ
     
  17. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤศจิกายน 2014
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
     
  19. srikanas

    srikanas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +35
     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เห็นแค่ชาตินี้ก็ทุกข์พออยู่แล้วนี่ครับ. ไปเห็นชาติอื่นอีกไม่ยิ่งทุกข์ไปกว่านี้เหรอครับ ไม่ว่าชาติไหนก็เหมือนกัน ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ความรู้เรื่องราวก็เกิดดับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...