ชีวิตที่ดำรงคงอยู่ได้(อจิณไตรหยุดได้ถ้าอยากหยุด)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โซ, 28 ตุลาคม 2014.

  1. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    สนทนากันครับ..ว่าสิ่งใดที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคนเราดำเนินอยู่ได้
    ด้วยธาตุทั้งสี่ คือทำให้มีชีวิตในปัจจุบัน
    อันนี้ผมยังไม่มีคำตอบน่ะครับเพราะสิ่งที่เรารู้ คือ จิต วิมุติ นิพพาน มันคนล่ะสภาวะกัน อยากฟังท่านที่มีความคิดเห็นครับ ผมได้คำตอบแล้วค่อยมาสนทนากัน
    (อจิณไตรกันไปเรื่อยเปื่อยครับเพราะเรายังข้องอยู่กับทางโลก..ไม่ยึดติดจนบ้า..แต่แค่ว่าต้องการคำตอบ..เพราะสิ่งนี้คือประสบการณ์..หลงนิด ผิดหน่อย ค่อยๆเรียนรู้กันไป)
     
  2. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ท่านโซล่อเป้าอีกรึป่าวนิ อิอิ .. ขอตอบตามพุทธองค์ครับ
    สัตว์ โลกด ำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร ส่วนว่าอาหารนั้นมี4คือ
    1กวฬิงกลาหาร=อาหารที่กลืนกินแต่ละคำๆ 2 ผัสสาหาร=อาหารคือผัสสะทั้งหก
    3 มโนสัญเจตนาหาร=(ไม่แน่ใจ ไม่กล้าแปลกลัวผิด เพราะไม่ได้กางตำราหรือตัดแปะ)
    อีกข้อจำไม่ได้ แถมสามข้อบนยังอาจไม่เรียงลำดับที่ถูกต้อง รู้น้อยแต่ทะลึ่งตอบ อิอิ
     
  3. ---สมส่วน---

    ---สมส่วน--- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,979
    4อย่างที่เหมือนกันมีอยู่ในพระไตรแท้

    1 คนธรรมดาแท้ 2 พระอรหันต์แท้ อีกสองอย่างหาเอาเอง
     
  4. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    I think, so I exist.
     
  5. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ท่านโซล่อเป้าอีกรึป่าวนิ อิอิ .. ขอตอบตามพุทธองค์ครับ
    สัตว์ โลกด ำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร ส่วนว่าอาหารนั้นมี4คือ
    1กวฬิงกลาหาร=อาหารที่กลืนกินแต่ละคำๆ 2 ผัสสาหาร=อาหารคือผัสสะทั้งหก
    3 มโนสัญเจตนาหาร=(ไม่แน่ใจ ไม่กล้าแปลกลัวผิด เพราะไม่ได้กางตำราหรือตัดแปะ)
    อีกข้อจำไม่ได้ แถมสามข้อบนยังอาจไม่เรียงลำดับที่ถูกต้อง รู้น้อยแต่ทะลึ่งตอบ อิอิ


    ขอบคุณ คุณบัวตูมน้อยครับที่เข้ามาร่วมวงสนทนา ไม่ได้ล่อเป้าครับ
    เพราะผมไม่ใช่บุคคลประเภทนั้นครับ ประเภทนั้นเป็นแบบไหน ก็แบบว่า
    มุมมองผม การล่อเป้าในบางครั้งเราต้องรู้ ปฏิบัติมากกว่าคนอื่น
    ถึงจะล่อเป้าได้ สิ่งนี้มันเกิดจากความเคลือบแคลงสงสัย คาใจอยู่ในธรรม
    ที่แต่ล่ะอาจารย์อาจจะบอกในสิ่งที่ตนเรียนรู้ปฏิบัติ บางครั้งไม่ตรงกัน
    รู้เห็นคนล่ะอย่าง สิ่งที่คุณบัวตูมน้อยกล่าวมาก็ถูกครับ แต่สิ่งที่ผมหมายถึงคือ
    การอยู่ในชั่วขณะของการมีชีวิตจิตใจ พูดง่ายๆผมหมายถึงสองสิ่งคือ อยู่ หรือ ตาย
    ถ้าพูดภาษาชาวบ้านที่เข้าใจทั่วไปคือเมื่อตายจิตย่อมหลุดออกจากร่าง
    ถ้าอย่างนี้มีคนเชื่อว่าเรามีชีวิตอยู่.....ได้ก็ด้วยจิตเป็นตัวกำหนดในการที่เรามีลมหายใจ
    ผมหมายถึงตรงนี้ครับ....ถ้าเรารู้ได้ชัดตรงนี้ว่าจิตเป็นตัวกำหนด...ของการมีชีวิตมีลมหายใจอยู่
    นั่นแหละครับเข้าประเด็นผมที่ว่า ถ้าเรารู้จุดนี้ .......เราจะรู้โดยอีกนัยหนึ่งแแบบเห็นชัดถูกต้อง
    ตามตำราไตรปิฎกว่า ....ตกลงที่หลายท่านบอกกล่าวมาหรือสงสัย.... อาจจะรู้ได้โดยเห็นอย่างเดียวพร้อมกันหมด
    คือ นิพพานนั้นตกลงจิตสูญหรือไม่.... คำตอบอาจจะอยู่ตรงนี้ครับ เพียงต้องการความเห็นจากผู้ที่รู้
    หรือเข้าใจท่านอื่นก่อนครับ แล้วค่อยมาจับประเด็นรวมกันทีหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2014
  6. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากครับ น่าจะบอกกันบ้างน่ะครับ..จะได้เรียนรู้คำตอบไปด้วยกัน
    ผมอยากจะบอกท่านว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะลองภูมิท่านใดทั้งสิ้น...ทุกสิ่งที่
    ผมตั้งกระทู้มันมาจากความสงสัย...ที่จะใคร่รู้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
    เรียนรู้ของผมในอนาคต...บางทีความรู้ของทุกท่านในทีนี้จะเป็นประโยชน์
    ต่อใครหลายคนในอนาคต..สักวันสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาถึง สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์
    อย่างมากในการเรียนรู้ เข้าใจในประเด็นที่ตรงกัน...ทุกวันนี้ผมเรียนรู้ในทางโลก
    พยายามมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็น...ธรรมชาติธรรมดาของสัตว์โลกพึงต้อง
    การสิ่งนั้น สิ่งนี้ เพียงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่จะอยู่รอดต่อไป..เมื่อสิ่งที่จะทำให้
    อยู่รอดนั้นได้เพิ่มกระบวนการต่อๆไปอีกคือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นคือให้อยู่อย่าง
    สบาย ฉนั้นความต้องการ อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็นย่อมมี
    ผมขอร่วมสนุกด้วยน่ะครับที่ท่านว่า 4อย่างที่เหมือนกันมีอยู่ในพระไตรแท้
    ผมขอเดาเอาว่าสิ่งนั้นคือ อริยสัจ4
    1.ทุกข์
    คือบุคคลที่ต้องศึกษาให้รู้
    2.สมุทัย คือบุคคลที่เรียนให้รู้แล้วควรละ
    3.นิโรธ คือบุคคลที่ควรทำให้แจ้ง
    4.ขนิโรธคามินีปฏิปทา คือบุคคลที่ควรกระทำปฏิบัติให้ถึงความสิ้นไปหรือ
    ดับหมดไปแห่งทุกข์
     
  7. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    น่าจะแปลเป็นไทยให้หน่อยน่ะครับผมไม่เก่งภาษาอ่ะครับ
    โลกที่มันเจริญได้ในเทคโนโลยี...ก็เพราะมีนักวิทยาศาสตร์นี่แหละครับ
    เขาศึกษาเพื่อพัฒนาต้องการอยู่แต่ในเรื่องของการสร้าง หรือดำเนินต่อ
    ไปในวัฏจักร เสียดายที่พวกเขาไม่มาร่วมกันสร้างทางเดินที่เป็นธรรมในพุทธ
    เขาย่อมไม่รู้ว่าจะต้องพัฒนาต่อ หรือต้องหยุด
     
  8. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ไม่รู้จะตอบถูกหรือเป่ลาเพราะไม่ได้มีภูมิที่จะตอบ อย่าว่าเป็นคำตอบเป็นการคุยกันนะครับ

    "ว่าสิ่งใดที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคนเราดำเนินอยู่ได้" ส่วนตัวผมตีร่วมๆ คือ อวิชา ที่เป็นตัวแปรที่ทำให้ชีวิตอยู่ได้ มากที่สุด กำปั่นทุบดินไปมั๊ย ก็ ความไม่รู้ ของเราๆนี้แหละครับ

    เป็นตัวนำเรามาทำ เรามาเรียน เรามาคิด เรามาเสพ เรามาเกิด เรามาตาย คิดได้เท่านี้ครับ คนความรู้น้อยครับ
     
  9. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ถ้ามองในเรื่องของโลกก็ถูกครับ...เพราะสิ่งที่เรารู้ เราไปรู้ในความเป็นไปของโลก
    จึงวนเวียน เวียนว่ายกันไม่จบสักที ถ้าเขารู้ในธรรมโดยแยบคาย เขาคงจะไม่ไปหา
    สิ่งที่บุคคลในโลกนี้ทำกันอยู่หรอกครับ เพราะเขารู้ว่าสิ่งนี้ที่กระทำมันทำให้เขา
    มีความสุขหรือทุกข์อยู่ในปัจจุบัน เราแสวงหาเพื่อความมีชีวิตที่ดีหรือรอดเท่านั้น
    เราไม่ได้เข้าใจกันว่าสิ่งที่จะกระทำให้มีความสุขถาวรได้นั้น ต้องทำอย่างไร
    เพราะสิ่งเหล่านี้มันมาจากการเฝ้าคิดพิจารณา หาเหตุของการที่จะดับแบบถาวร
    คือต้องเข้าไปรู้ด้วยปัญญาในธรรมที่แท้จริง เพราะทุกวันนี้เฝ้าแต่คิดว่าเราจะทำอย่างไร
    ให้ได้มามากๆ เพื่อจะมีความสุขในปัจจุบันนี้ได้เท่านั้น
     
  10. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    คำบางคำ ในบางสภาวะเหมือนเป็นคำง่ายๆ แต่ผู้สำหรับ ผู้ที่ เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเหตุผลของคำนั้น
    คำง่ายๆเหล่านั้นกลับเป็นคำที่ลึกซึ้ง ยากแต่การเข้าใจของคนทั่วไป

    เปรียบเหมือนถ่อยคำกล่าวของพระพุทธองค์ คำง่ายๆเหล่านั้นล้วนเป็น อกาลิโก เพราะจะอยู่ระดับใด ก็จะเป็นจริงตามความหมายนั้น ไม่มีการปั่นแต่งศัพย์ใหม่ เพราะมันมีความครบถ่วนในความหมายของมันอยู่แล้ว และไม่ต้องตีความสำหรับท่านที่เข้าใจแล้ว

    สำหรับเราๆผู้ยังหลงอยู่ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็พร้อมที่จะตีความความหมายให้เข้าข้างความเห็นของตัวเองอยู่เรื่อยไป มันก็จนกว่าจะเห็นจริงกันไปครับ พอรู้ ก็จะพูดได้แต่คำง่ายๆ เพราะมันก็มีความหมายสมบูรณ์ อยู่ในตัว ของคำๆนั้นเอง

    อจินไตย ครับ ผมยังไม่เข้าใจความหมายเลยครับ คืออะไร
     
  11. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณ คุณนิวรณ์มากครับที่มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ของการปฏิบัติ
    ดูคุณนิวรณ์รู้ธรรมในการปฏิบัติมาก ท่านอย่าลืมความเป็นมีอยู่ของผู้ที่มีความรู้
    ความศรัทธาในขั้นปฐมภูมิน่ะครับ ท่านต้องเข้าไป เข้าใจเรียนรู้เขาเหล่านั้นให้มากๆ
    น่ะครับ เพราะไม่แน่เขาเหล่านั้นต้องการคุณ เพียงคุณจะแสดงศักยภาพออกมาในแบบ
    ใดที่เป็นอยู่ เพราะศาสนาไม่ใช่สิ่งงมงาย หรือต้องเคร่งหนักขนาดนั้น ศาสนาเป็นธรรม
    อันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มีฤทธิ์อภินิหารย์ในนั้น บุคคลสามารถเข้าถึงได้ ไม่ต้องไปพึ่งต่อสิ่งอื่น
    ศาสนาสามารถสอนคนให้มองตนว่า ตนสามารถพึ่งตนเองได้โดยความสนิทมั่นใจ ไม่งมงาย
    และพัฒนาตนเองสู่ความเจริญได้อย่างแท้จริง ถ้าเราเข้าใจและนำไปปฏิบัติ
     
  12. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671

    คร้บ ท่าน ผู้รู้ ท่านผู้รู้
     
  13. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    น่าจะเป็นดวงจิตนะครับ
    เพราะก่อนจะกำเนิดมา ก็ต้องมีดวงจิตด้วย ธาตุ ๔ มันจึงประชุมรวมตัวได้
    เวลาตายก็น่าจะเพราะจิตมันทนไม่ไหว พอจิตสละขันธ์ ร่างกายก็หยุดทำงาน
    ส่วนเวลาที่ไม่ปรกติ ตายโหง ร่างกายทำงานไม่ได้ ก็เท่ากับบังคับให้จิตสละขันธ์อีกเหมือนกัน
    สรุป การมีอยู่เรารู้ชัด ส่วนการตาย มีสองสภาวะ คือ จิตหลุดก่อนกายดับทีหลัง กับ กายดับก่อนจิตหลุดภายหลัง
     
  14. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ท่านผู้รู้ ในความหมายของผม หมายถึงผู้รู้ที่ คุณนิวรณ์ กล่าวถึง

    " ถ้ากำหนดรู้ ก็จะ ไม่เผลอไปตอบ แต่อาศัย ส่วนนี้ ระลึกเห็น ทิฏฐิเกิดดับ

    ถ้่า กำหนดรู้ไม่ทัน จิตจะเคลื่อนไปเสพ แล้ว เกิดการ ฉวยอะไรสักอย่าง
    มา เป็น บัญญัติว่า ตรงนี้มั้งคือกู ตรงโน้นมั้งคือกู อย่างโน้นมั้งอมตะ เสร็จกัน

    โดนสังขารมันหลอกเอา เพราะ แทนที่จะกำหนดเห็น " ความไม่รู้ " ก็เผลอ
    ไปลงเล่นกับมัน


    อนึ่ง นักภาวนาหากกำหนดเห็น ทิฏฐิ ได้บ่อยๆ จะพึงทราบว่า หาก " นิวรณ์ "
    ยังอยู่ อวิชชาก็จะมีอาหาร

    เมื่อ อวิชชามีอาหาร เวลา " จิตมันงอกลับไปพิจารณาจิต " จะเกิด แสวงหา
    ตัวตนมาปะผุ ไม่เลิก"

    ครับ ท่านนิวรณ์ ยั้งแข้มข้น เหมือนเดินนะครับ
     
  15. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อ้า..นั่นแหละครับคือประเด็น เพราะผมได้ยินมาอย่างนี้ว่า ผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงธรรม
    อย่างเข้มข้น ตัวปัญญาจะเข้าไปรู้ และตัวรู้นั่นมันจะมองไปเห็นว่าจิตดับ และเข้า
    ถึงวิมุติ พระอริยะเข้าสู่ความหลุดพ้นแห่งกระแสนิพพาน แล้วถ้าจิตดับงั้นพระอรหันต์
    ต้องทิ้งกายเข้าสู่นิพพานอย่างเดียว แต่ทุกวันนี้เราได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น
    ที่พระอรหันต์ท่านยังทรงจิตสังขารอยู่ได้ แสดงว่าจิตไม่ดับ ถ้าจะดับก็คงไม่ใช้คำว่าดับ
    ต้องบอกว่าหลุด พ้นจากสิ่งทั้งปวงถึงจะถูก ถ้าจะบอกว่าดับจริงแล้วสิ่ง
    ใดที่ทำให้กายยังคงทำงานต่อไปได้ เมื่อจิตดับ ตัวปัญญา และตัวรู้ ยังอยู่หรือหายไป
    (นั่นไงเข้าไปเต็มๆในอจิณไตร4อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าว) หรือเหตุ
    ผลอีกอย่างที่ว่าพระอรหันต์ที่เกิดจากปถุชน ไม่ได้ครองกาสาวพัสตร์ ต้องบวช
    ภายใน7วันนั่นจะเป็นจริงที่มีเหตุผล แล้วท่านๆมองเห็นกันบ้างหรือยังครับว่า
    นิพพานอนัตตา หรืออัตตา ใครจะอจิณไตรเต็มๆที่พระพุทธเจ้าทรงเตือนก็เชิญครับ
     
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    กรรมเท่านั้นทำได้ทุกสิ่ง
     
  17. the ra

    the ra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +27
    ตัวแปลที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้มีสี่อย่างคือ กรรม จิต อุตุ(คืออุณหภูมิพอดี) อาหาร ตามพระไตรปิฏก ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหย่อนไป ตึงไปชีวิตก็อยู่ไม่ได้ เคยฟังมาแบบนี้ครับ
     
  18. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    ท่านโซคงหมายถึงความเป็นอมตะกระมัง เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...