แบบนี้ไช่สมาธิ จตุตญาณไหม แล้วทำไมถึง....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุรีย์บุตร, 22 มกราคม 2008.

  1. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    อยากถามท่านที่รู้ ว่าแบบนี้ไช่สมาธิระดับจตุตญาณหรือป่าวครับ
    คือนั่งสมาธิปรกติไม่นานเท่าไร อยู่ๆสัพเสียงที่ได้ยินเช่น เสียงรถมอเตอไซ
    เสียงคน เสียงรถยนต์ ก็ดับสนิทหายไป เหมือนหูอื้อ เงียบไปเฉยๆ
    แล้วจิตก็เห็นแต่ความมืด มืดสนิท มันเหมือนอยู่ดีๆก็วูบลงมาเลย
    แล้วเราก็ตกใจ!!! ออกจากสมาธิทันที . . .
    หลังจากครั้งนั้น เราไม่เคยเกิดอาการแบบนี้อีกเลย
    อยากทราบว่า สมาธินี้เคยทำได้ แล้วมันทำอีกไม่ได้หรือ
    คือมันถอยหลังได้ด้วยหรือ ที่จริงไม่ได้กังวลไม่ได้อยากได้อีก
    แต่สงสัย เพราะหลังจากครั้งนั้น เหมือนมันไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย
    รบกวนท่านที่ทราบเมตตาตอบด้วยนะครับ เพราะเราไม่มีอาจารณ์แนะนำ
    ขอบคุณครับ(kiss)
     
  2. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    ขอตอบคุณ damrong

    เท่าที่ข้อมูลคุณให้มานั้น สภาวะจิต ณ ขณะนั้น ยังไม่ใช่ระดับของจตุถฌาน เป็นเพียงอาการหนึ่งของจิตที่ตกภวังค์ไป ซึ่งตรงนี้อาจจะเนื่องจากหลายสาเหตุ เป็นต้นว่า กำลังของสมาธินั้นมากเกินไปจนกำลังของสติตามไม่ทัน, เกิดนิวรณ์คือ ความง่วง เข้าครอบงำ เรียกกันว่าหลับใน เป็นต้น แต่ทั้งนี้คุณอาจจะไม่ได้เกิดจากสาเหตุดังกล่าวมาก็ได้

    ผู้ที่เข้าฌานได้นั้นจะไม่วูบ แต่จะนิ่งดิ่งลงไป และจะไม่มืด แต่จิตภายในจะสว่าง และเปี่ยมไปด้วยสติ ความรู้ตัว องค์แห่งอารมณ์กรรมฐานที่ปฏิบัติอยู่จะปรากฏชัด เสียงภายนอกจะไม่ได้ยิน...

    ดังนั้นขอให้พยายามใหม่ โดยการวางจิตให้อยู่กับอารมณ์กรรมฐาน เช่นหากภาวนาพุท-โธอยู่ให้นำจิตมาอยู่ตรงนี้ อย่าได้ส่งจิตออกนอก คือ นอกจากรู้ในอารมณ์กรรมฐาน ไม่ต้องไปสนใจถึงว่าจะได้ยินหรือไม่ได้ยินเสียงภายนอก เพราะว่าการไปสนใจการได้ยินหรือไม่ได้ยิน ตอนนั้นจิตของเราจะผละออกไปจากอารมณ์กรรมฐานแล้ว ถ้าหากเราเผลอไปสนใจก็ให้เพียงสักว่ารู้ แล้วให้นำจิตกลับมาอยู่ที่อารมณ์กรรมฐานอย่างเดิมต่อไปเสีย ก็จะข้ามตรงจุดนี้ไปได้

    หากคุณต้องการรู้ว่าสมาธิของเรานั้น เป็นระดับจตุถฌานหรือไม่ ขอให้มั่นแน่วแน่แต่เพียงอย่างเดียวอยู่กับอารมณ์กรรมฐาน เช่น คำบริกรรม, ลมหายใจ เป็นต้น เท่านั้น และคำบริกรรม หรือลมหายใจนั่นแหละ เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าสมาธิของเราได้ระดับจตุถฌานแล้วหรือยัง?

    ขอตอบพอให้เข้าใจเพียงเท่านี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  3. Seel

    Seel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    260
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,604
    ไปหาหนังสือ "คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน" ของหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ มาเปิดดูก็ได้จ้ะ แล้วเทียบอารมณ์เอาเอง
    แต่อันที่จริง ถ้าไปสงสัยอยู่แบบนี้มันก็ไม่เป็นสมาธิแต่แรกแล้ว เพราะมันฟุ้งซ่าน นะ อิอิอิ
    ควรวางกำลังใจว่า มันจะเป็นฌาณ หรือไม่เป็นฌาณ เป็นเรื่องของมันเรามีหน้าที่ภาวนาก็ภาวนาของเราไป มันคิดฟุ้งซ่านออกไปเรื่องอื่นเมื่อได ก็ดึงมันกลับมา อยู่กับลมหายใจ อยู่กับคำภาวนา อยู่กับภาพพระของเราไป
    " มันจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก อย่าไปสนใจ เพราะถ้าไปสนใจมันก็เท่ากับอยาก ให้มันเป้นอีก ตัวนี้มันจะเป้นตัวกั้นความดีที่เราจะพึงได้ "
    อันนี้อ่านมาจากหนังสือจ้ะ ไม่ได้ โมเมเอานะ
    อ้อ ควรทำให้ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ควรจะทำตามรางการปฏิบัติเอาไว้ก็จะดี
    แนะนำเฉยๆ นะ อย่าเพิ่งเชื่อ
     
  4. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่คนเก่งอะไร สมาธิก็ยังทำได้ไม่ถึงไหน
    แต่อยากจะขอเสนอความคิดเห็นส่วนตัว
    สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิ อย่าไปอยากรู้เลยครับว่าเราทำสมาธิถึงขั้นไหนแล้ว อันนี้มันจะเป็นนิวรณ์ ทำให้สมาธิไม่ก้าวหน้า ขอให้จิตใจจดจ่อกับคำบริกรรมก็เพียงพอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างเราทำสมาธิ ขอให้เราเป็นเพียงแต่ผู้เฝ้าดู ผู้สังเกตุการณ์เท่านั้น อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เห็นที่รู้สึกนะครับ
    ขออภัยถ้าหากผมตอบอะไรผิดพลาดไป ยังไงขอผู้รู้มาช่วยเสริมด้วยนะครับ
    ศุภธัช
     
  5. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    อย่ากังวลไปเลยครับเจ้าของกระทู้ เพราะตอนนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฌานอะไรแต่มันก็มีอะไรไปเรื่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆเหอะครับไม่ต้องสน แล้วพอถึงจุดนึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ
     
  6. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ผมรู้ครับ
    นั่นคือ ฌาน 2
    แต่คุณก้าวลงเร็วไป ในที่สุดสะดุดขาตัวเองล้มครับ
    วูบกลับมาไม่เป็นสมาธิ เพราะทันที่ที่กลับมา มีความสงสัยเป็นกำลังของนิวรณ คือ วิจิกิจฉา ครับ

    ทำเบาๆ สบายๆ พอดีๆ ค่อยๆ ทำ อย่าอยาก อย่าเร่ง อย่าบีบ
    ทำทานมากๆ รักษาศีลอย่าขาด เจริญพรหมวิหาร4มากๆ ฟังธรรมตามกาล ธรรมที่ฟังแล้วสบายใจ มีความสุขใจอยู่กับธรรมคำสอนนั้น และอย่าทิ้งคำภาวนา เมื่อใดว่างแล้วให้จับคำภาวนาทันที ทำอย่างนี้ ไม่เกิน 3 เดือน ถึงฌาน 4 แน่นอน

    ขออนุโมทนาล่วงหน้าครับ
     
  7. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    คุณ Siratsapon ตอบได้ถูต้องที่สุดแล้วครับ คือ กาวูบคือ อาการของจิตตกภวัง ถ้าเป็นอากรของฌานจะมีสติรู้ตัวแน่นหนาอยู่ตลอด ไม่วูบ

    ฌาน 4 ไม่ได้ง่ายนะแต่พยายามคงสำเร็จ

    ส่วนเรื่องการเคยได้แล้วทำไมทำอีกทำไม่ได้ การที่เคยได้สมาธิแล้วครั้งต่อไปทำโดยการตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าอยากได้อย่างที่เคย ผิดวิธีครับ ไม่ได้ผลเด็ดขาด ใจเกิดการอยากในการทำสมาธิไม่ได้ผลนะ ต้องวางเฉยที่สุด

    ถึงยายทองประสา

    เป็นถึงผู้ดูแลเว็บ จะตอบจะออกความคิดเห็นอะไรขอให้แม่นยำหน่อยนะครับ ถ้าคลาดเคลื่อนจะเสียหายต่อผู้อื่นได้ ยายทองประสาถ้าได้จริง ๆ แล้วพูดจะดีกว่าจะได้ไม่คลาดเคลื่อน หรือไม่ก็เช็กจากตำราหรือครูบาอาจารย์ก่อน หรือไม่ก็ทดลองเองจนแน่ใจก่อน

    จขกท ไม่ได้บอกอาการของปิติอย่างใดเลย ทำไม ยายทองประสาว่าเป็น ว่าฌาน 2
     
  8. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ถูกแท้แน่นอนครับ
    เพราะผมเคยได้มาแล้วครับ
    ก่อนจะตอบอะไรผมพิจารณาเสมอ
    เหตุเป็นเพราะ จขกท บอกว่า หูดับ
    คือไม่ได้ยินเสียงภายนอก เป็นอาการของ ฌาน 2 ครับ
    อาการวูบ เป็นการพลัดจากฌาน ก็ถูกต้องดี ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
    การเข้าฌานอย่างเร็วจะไม่ทันสังเกตอาการปีติ เพราะผ่านเร็ว

    ฌาน 2 แน่นอนที่สุด ยืนยันเป็นคำตอบสุดท้ายครับ

    ฌาน 2 ไม่มีวิตกวิจารณ์ คือ ไม่มีคำภาวนา ไม่มีการดูลมหายใจ เสียงต่างๆ หายไปนะครับ ปีติ ก็อ่อนๆสบายๆ ตรวจสอบตำรา และตัวท่านเองด้วย
    เดียวจะกลายเป็นบาปไปอย่างว่า ปรามาส...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  9. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ขึ้นชื่อว่าฌาณย่อมเสื่อมได้ครับ
    จตุฌาณหรือไม่ ไม่ทราบเพราะยังไปไม่ถึงครับ
    การไปคิดถึงอาการที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับกังวลหรอกครับ วันไหนไม่มีอาการก็จะรู้สึกลึกๆว่าไม่ก้าวหน้า เพราะยังติดควมรู้สึกตรงนั้นอยู่ จะทำให้ไม่ก้าวหน้าครับ จะติดอยู่ตรงนั้นตลอดจนกว่าจะ"ปลดล็อก"ได้ครับ
    วิธีที่ผมเคยใช้คือ ไม่สนใจ เรามีหน้าที่นั่ง อยู่กับลมหายใจ อย่างเดียว อย่างอื่นเราไม่สน ไม่ไปต่อยอด นั่งไปเรื่อยๆ นั่งแบบไหนแล้วดี ก็นั่งแบบนั้นไปเรื่อย จะก้าวหน้าหรือไม่ ไม่สนใจ พอถึงจุด มันก็ผ่านไปสู่อารมณ์ที่ละเอียดขึ้นเองครับ
     
  10. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    ผมก็นั่งสมาธินะครับ เหตุการณ์หูดับในสมัยก่อนเกิดขึ้นกับผมบ่อย จิตจะนิ่งมาก ร่างกายโล่งเหมือนไม่มีร่างกาย ผมถามผู้รู้ ท่านบอกว่า เป็นอาการตกภวังค์แค่นั้น แต่ให้ตามรู้ตามดูไปอย่าปรุงแต่ง (คิด) แล้วอารมณ์สมาธิก็จะค่อยๆดีขึ้นๆเป็นลำดับๆ

    คุณยายทองประสามั่นใจในอารมณ์ของเขาได้อย่างไรครับ ถ้าคุณพูดถูก แบบนั้นผมก็ได้ฌาน2หลายครั้งมากๆ แล้วซิครับ ถ้าเป็นแบบนั้น ครูของผมก็ผิดซิ แถมผิดหลายคนด้วยนะครับ
     
  11. v.mut

    v.mut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +274
    [๑๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก สารีบุตรเข้าจตุตถฌาน
    อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
    ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา อยู่ ก็ธรรมในจตุตถฌาน คือ อุเบกขา
    อทุกขมสุขเวทนา ความไม่คำนึงแห่งใจ เพราะบริสุทธิ์แล้ว สติบริสุทธิ์ จิตเต-
    *กัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ
    สติ อุเบกขา มนสิการ เป็นอันสารีบุตรกำหนดได้ตามลำดับบท เป็นอันสารีบุตร
    รู้แจ้งแล้ว ทั้งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และถึงความดับ เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า ด้วยประการนี้
    เป็นอันว่า ธรรมที่ไม่มีแก่เรา ย่อมมี ที่มีแล้ว ย่อมเสื่อมไป เธอไม่ยินดี
    ไม่ยินร้าย อันกิเลสไม่อาศัย ไม่พัวพัน พ้นวิเศษแล้ว พรากได้แล้วในธรรม
    นั้นๆ มีใจอันกระทำให้ปราศจากเขตแดนได้แล้วอยู่ ย่อมรู้ชัดว่า ยังมีธรรม
    เครื่องสลัดออกยิ่งขึ้นไปอยู่ และมีความเห็นต่อไปว่า ผู้ที่ทำเครื่องสลัดออกนั้น
    ให้มาก ก็มีอยู่ ฯ

    ยกข้อความจากพระสูตรมา
    ให้ลองพิจารณาว่า สภาวะที่ประสบมา ( ไม่ต้องกังวลเรื่อง ความมืดความสว่าง เอาเฉพาะความรู้สึกอารมณ์ ณ ขณะนั้น ) แล้วลองเทียบเคียงดู จะรู้เองครับว่า ที่สงสัยอยู่นั้นใช่หรือ มิใช่


     
  12. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ผมเชื่อว่า ผม ตกณานแหงๆ ก็สติมันตามไม่ค่อยทัน
    ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำครับ
     
  13. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    จำไว้ว่า ถ้าได้ฌาน จิตในฌานใดก็ตาม จะมีสภาวะรู้อยู่ตลอดแน่นหนา ไม่หลับ ไม่วูบ
    อีกอย่างคนที่ทำสมาธิมามากมานานจะข้ามปิติไปเร็วมาก แต่คนฝึกใหม่ ๆ มักจะมีปิติค่อนข้างชัดเจนนะ
     
  14. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    คุณ Zyton อาจได้ถึงฌาน 3 - 4 ด้วยซ้ำครับ
    เพราะกายกับจิตแยกกันเห็นได้ชัด และจิตไม่ติดในกาย เป็นสภาวะโล่ง โปร่ง นิ่ง คำภาวนาลืมไป ลมหายใจลืมไป ปีติเงียบไป เหลือสุขสบาย และใจนิ่ง เท่านั้น

    ถ้าถึงฌาน 4 จะนิ่งสว่างไสว กับนิ่งเท่านั้น อาจแค่แว๊บเดียวก็ได้ คำว่าแว๊บเดียวเนี่ย ได้บุญมหาศาล ยิ่งกว่าทำทานรักษาศีลตลอดชาติ ท่านว่างั้น

    จิตตกภวังค์ จะไม่รู้สึกตัวไปชั่วขณะ แต่ถ้าจิตยังเป็นสมาธิอยู่ จะรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะ
    จิตพลัดตกจากฌาน ก็มีอาการวูบดังกล่าวมาแล้วครับ

    ส่วนผู้รู้ที่แนะนำท่านว่ายังไงนั้นผมไม่ทราบ ผมแค่ดูตามที่คุณบอก + เจโตเข้าไปหน่อย จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2008
  15. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    อ่ะฮ้า ผมได้ถึงฌาน 3- 4 แล้วหรอครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้นั่งมานานมากแล้ว

    แต่สังเกตุตัวเองอย่างหนึ่งว่าเวลาผมทำอะไร จะจดจ่ออยู่ได้หลายๆชั่วโมงเลยไม่มีเบื่อ บางวันเล่นnet 10 ชั่วโมงรวดเดียว มาดูเวลาอ้าวว 10 ชั่วโมงแล้ว เร็วจัง

    แล้วเวลานอน ก็กำหนดลมหายใจ(อาณาปานสติ) แปบเดียวก็หลับ นานๆทีจะฝัน ส่วนใหญ่ไม่ฝันเลย

    ถ้าเป็นแบบนั้นก็สาธุด้วยครับ จะพยายาม ให้ทาน รักษาศีล และ เจริญภาวนาให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  16. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    วันนี้ผมจับลมทั้งวันเลยครับ (ตอนที่มีสติอะนะ)ตั้งใจจะทำไห้มีสติมากขึ้นหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...