ประสบการณ์ 10 วัน ฝึกวิปัสนากรรมฐาน โกเอ็นก้า ที่พิษณุโลก ครั้งที่ 2

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย deejaimark, 15 มกราคม 2008.

  1. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    (ping)หนึ่งปีผ่านไป ปีใหม่ได้เข้ามา ปีนี้ก็ได้มีโอกาสได้ไปฝึกปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน ตามแบบของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ

    (ping)ครั้งแรกนี่ ไปแบบงงๆ หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไม่เคยได้ปฏิบัติต่อ และลืมวิธีปฏิบัติไปแล้วด้วย ครั้งนี้ก็เลยไปด้วยความตั้งใจที่จะฝึกอย่างเต็มที่......

    (ping)และแล้ว..........

    การฝึกปฏิบัติยังคงเป็น 10 วัน เช่นเดิม โดย 3 วันแรก จะเป็นการฝึกแบบอาณาปาณสติ ดูลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ส่วนหลังจากนั้น หลังจากวันที่3 ช่วงบ่าย ก็จะเข้าสู่ วิปัสนากรรมฐาน โดยใช้หลักในการตามดูลมหายใจตั้งแต่ศรีษะ จรด เท้า เพื่อดูเวทนาที่เกิดขึ้น ...จนครบวันที่ 10........

    (ping)ช่วงที่ฝึกอาณาปาณสตินี่ ทรมานมากๆ เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่า จิตไม่นิ่งเอาเสียเลย ไปท่องเที่ยวไม่หยุดไม่หย่อน พยาย้าม พยายามที่จะตึงกลับมาเพื่อให้เป็นสมาธิ ก็ดึงกลับมาได้แค่ประเดี๋ยวเดียว จิตมันก็ไปเที่ยวอีกล่ะ จนทำให้เรารู้สึกท้อ และไม่อยากฝึกต่อ นิวรณ์ก็เย้อ เยอะ ง่วงก็ง้วง ง่วง นั่งก็ไม่นิ่ง เปลี่ยนท่าไปมาบ่อยๆ จนคนนั่งข้างๆ คงจะรำคาญน่าดู........
     
  2. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    :555:พอเริ่มฝึกวิปัสนา ค่อยยังชั่วหน่อย มีกำลังใจในการฝึกขึ้นมาทันที เพราะว่า พอเทปสอนให้เอาจิตขึ้นไปจับที่บริเวณกลางกระหม่อมเพื่อเป็นการตั้งต้น เท่านั้นหล่ะค่ะ เอาจิตไปจับปุ๊บ นิ่งเลยค่ะ เหมือนโดน Block ไว้ยังงัยยังงั้น ตัวงี้แข็งทั้งตัว ร้อนไปหมดทั้งตัวเลย....หลังจากนั้นเค้าก็ ให้เลื่อนจิตจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน จนทั่วร่างกาย เพื่อสำรวจร่างกาย .....ที่บอกว่าค่อยยังชั่ว เพราะรู้สึกถึงความเป็นสมาธิมากขึ้น คือ จิตอยู่กับตัวมากขึ้น ไม่ไปเที่ยวบ่อยๆ เหมือนเดิม

    :555:หลักการปฏิบัติเช่นนี้ เพื่อที่จะเป็นการชำระจิตใจจากหยาบ สู่ ละเอียด และเพื่อที่จะกำจัดกิเลสที่อยู่ในตัวเราให้ค่อยๆ หมดไป.......
     
  3. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    เช่นเดิม......

    หลังจากที่เริ่มมีการฝึกวิปัสนา จะมีชั่วโมงอธิษฐานจิตด้วย วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง .....หลักการในการอธิษฐานจิต เพื่อที่จะได้อธิษฐานให้นั่งวิปัสนาโดยไม่เปลี่ยนท่านั่งตลอด 1 ชั่วโมงนั้น
     
  4. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    จะชอบมากเลยค่ะ ช่วงเวลานั่งอธิษฐานจิตเนี่ย.....ที่ชอบเพราะว่าพอเราอธิษฐานให้นั่งนิ่ง ไม่เปลี่ยนท่านั่ง มันก็นิ่งได้สมใจจริงๆ เชียวล๊ะ.........ทุกวันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เวทนาทางร่างกาย จะไม่ค่อยเกิดสักเท่าไหร่ จะไม่ค่อยเจ็บ ค่อยปวดเหมือนคนอื่นเค้า และสามารถที่จะเคลื่อนจิตได้ตามที่คำสอนบอกทุกประการ.....

    แต่แล้ว....

    พอเข้าวันที่8 ....อาจารย์ท่านที่เป็นคนสอนกรรมฐานท่านก็เรียกเข้าไปพบ...เนื่องจากว่า ในใบสมัคร ได้ลงไปด้วยว่า ได้เรียนพลังจักวาลอยู่ด้วย....อาจารย์ก็เลยเรียกไปสอบถามถึงเรื่องการฝึกครั้งนี้ว่า ได้ฝึกพลังจักรวาลควบคู่ไปด้วยรึป่าว....และท่านก็บอกว่า การฝึก2 อย่างมันคนละแนวกัน ถ้าเอามาฝึกร่วมกัน ต่อไปจะเป็นโทษต่อร่างกายเรา.......

    ก็รู้ตัวดี และยอมรับว่า ได้ฝึก 2 อย่างพร้อมกันจริงๆ พอหลังจากที่คุยกับอาจารย์เสร็จ ช่วงบ่ายก็เลยกลับมาฝึกดูลมหายใจอย่างเดียว โอย ...สุดเเสนจะทรมาน เพราะว่า จิตใจ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยค่ะ.....แต่ก็ยังฝึกต่อไปจนวันที่10 ตอนเช้า จะได้รับอนุญาตให้พูดคุยกัน ก็ได้มีโอกาสได้รับคำแนะนำจากแม่ชีท่านหนึ่ง ซึ่งมาจากวัดป่าบ้านตาด หลังจากที่ได้รับคำชี้แนะจากแม่ชี ช่วงเวลาที่เหลือทั้งวัน ก็สามารถเอาจิตอยู่ค่ะ ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านแม่ชีเป็นอย่างสูงที่ช่วยชี้แนะค่ะ......


    .....เดี๋ยวจะกลับมาเล่าต่อพรุ่งนี้นะคะ.... วันนี้ เอาเรื่องเครียดๆ มาเล่าก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฟังค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2008
  5. RuamJit

    RuamJit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +628
    การฝึก2 อย่างมันคนละแนวกัน ถ้าเอามาฝึกร่วมกัน ต่อไปจะเป็นโทษต่อร่างกายเรา.......

    ตามมาอ่าน.... พออ่านแล้ว อยากรู้อันนี้แหละ เดี๋ยวจะกลับมาอ่านตอนต่อไป
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เท่าที่อ่านดู วิธีการฝึกของ โกเอ็นก้า เป็นการเดินปราณภายในอย่างหนึ่ง
    ส่วนพลังจักรวาลเป็นการดึงปราณจากภายนอก(ธรรมชาติรอบกาย)มาผ่านร่าง
    (ใช้ร่างกายของเราเป็นตัวผ่องถ่ายพลัง)

    ตัวเราเองฝึกในแนวพุทธะ ในสาย เกสา โลมาฯ(ภาคพิศดาร)
    มีทั้งการเดินปราณภายใน และภายนอก
    บางครั้งฝึกเฉพาะภายใน บางครั้งเฉพาะภายนอก และบางครั้งทั้งภายนอกภายในพร้อมกัน

    พลังทั้งนอกและในประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

    บางครั้งเกิดปรากฏการณ์พายุหมุน ให้เล่นสนุก(ด้วยควบคุมได้)

    บางครั้งเกิดปรากฏการณ์ไอร้อนระอุดั่งทะเลทราย
    (คุมได้ คือความอบอุ่นสบาบดั่งอาบแดดในยามเช้า)

    บางครั้งเกิดปรากฏการณ์เหน็บหนาวดั่งแช่อยู่ในสายน้ำที่เย็นยะเยือก
    (คุมได้ คือความเย็นกายสบายใจ)

    เพียงรู้วิธีควบคุม รู้วิธีสอดประสาน รวมฟ้า-ดินให้เป็นหนึ่ง
    เราก็สามารถฝึกปราณภายใน และปราณภายนอก ร่วมกันได้

    และด้วยศาตร์และศิลป์ แห่งจิต(วิชชา)
    เราสามารถฝึก ภายใน ภายนอก ในเวลาเดียวกัน
    ประสานสอดคล้องรวมฟ้า-ดินให้เป็นหนึ่ง
    <!-- / message -->
     
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปรากฏการณ์เหน็บหนาวดั่งแช่อยู่ในสายน้ำที่เย็นยะเยือก
    (คุมได้ คือความสดชื่นเย็นกายสบายใจ)
    สิ่งนี้ ความรู้ของชาวสยามแต่โบราณ ให้ชื่อเรียกว่า เสมหะธาตุ
    มีคุณสมบัติไหลจากที่สูงลงต่ำ
    ประกอบไปด้วย ศอเสมหะ อุระเสมหะ และ คูถเสมหะ

    บางครั้งเกิดปรากฏการณ์ไอร้อนระอุดั่งทะเลทราย
    (คุมได้ คือความอบอุ่นสบาบดั่งอาบแดดในยามเช้า)
    สิ่งนี้ สยามโบราณเรียกว่า ปิตะธาตุ
    มีคุณสมบัติ เป็นไอพวยพุ่งจากด้านล่างทะยานขึ้นสู่เบื้องสูง
    ประกอบด้วย พัทธะ อพัทธะ และกำเดา

    บางครั้งเกิดปรากฏการณ์พายุหมุน ให้เล่นสนุก(ด้วยควบคุมได้)
    สิ่งนี้ สยามโบราณให้ชื่อว่า วาตะธาตุ
    มีคุณสมบัติ เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ช้าบ้างเร็วบ้างตามจังหวะลีลาแห่งชีวิต
    ประกอบไปด้วย สัตถกะวาตะ หทัยวาตะ และสุมนาวาตะ

    ร่างกายมนุษย์ เป็นธาตุดิน เป็นที่รองรับ และสะสมโรคภัยไข้เจ็บ


    สายน้ำ(เสมหะธาตุ), ไอร้อน(ปิตะธาตุ), การเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่ง(วาตะธาตุ) ล้วนเกิดขึ้น เป็นปกติในสิ่งมีชีวิต เราเรียกทั้งสามสิ่งนี้ว่า ตรีธาตุ

    แต่หากมากเกิน/หรือน้อยเกิน หรือเกิดความไม่สมดุลย์ในตรีธาตุ
    ความแปรปรวนในมหาภูติรูปสี่ ที่ประกอบเป็นกายมนุษย์ย่อมเกิดขึ้น
    และโรคภัยไข้เจ็บในรูปแบบต่างๆย่อมตามมา

    แต่หากเราควบคุมการเกิดของตรีธาตุได้
    รู้ในลีลา การผสมกลมกลืน แห่งตรีธาตุ
    รู้จักธาตุดิน 20 ประการ ในการก่อเกิดกายมนุษย์
    รู้จักการบริหารตรีธาตุทีซึมซาบ ปนเป็น ในธาตุดินทั้ง 20 ปะการ
    รูจัก ฯลฯ

    เมื่อนั้นเราย่อมรักษากายธาตุนี้ให้ดำรงค์อยู่ได้นานเท่านานตามปรารถนา
     
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ขออนุโมทนาในการเข้าปฏิบัติครั้งนี้ของคุณdeejaimark
    จะหาโอกาสแบบว่าง 10 วัน ยากยิ่งนัก
    สาธุๆๆ ขอให้เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปครับ

    (good)
     
  9. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    เดี๋ยวตอนเย็นๆ มีเวลามากๆ จะกลับมาเล่าต่อนะคะ..........

    ตอนนี้ ขอไปทำธุระก่อนค่ะ......
     
  10. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ตั้งใจต่อไป
    ที่ครูบาอาจารย์แนะนําดีแล้ว ถูกแล้ว
     
  11. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ต่อค่ะ......

    เกี่ยวกับการฝึก......
    ......ต้องตื่นตี4 ทุกวัน โดยมีระฆังตีบอกทุกเช้า....ตี4 ครึ่ง ต้องเริ่มปฎิบัติ ที่สำคัญตลอด 9 วัน ห้ามพูดคุยกัน ห้ามส่งสัญญาณ ห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามขีดเขียน ห้ามๆๆๆๆๆ....เหมือนต่างคนต่างอยู่ คือ ต้องรักษาความเงียบ เพื่อที่จะฝึกบารมี 10 ได้อย่างบริสุทธิ์ที่สุด.....( และก็บริสุทธิจริงๆ)..แต่วันที่10 ก็จะได้รับอนุญาตให้พูดคุยกันได้ วันนี้ล่ะคะ ที่เป็นวันที่รอคอย และใครได้อะไร เป็นอย่างไร มีประสบการณ์อะไรบ้างก็เล่าสู่กันฟัง เสียงงี้ ยังกะนกแตกรังเลยล่ะค่ะ เพราะแต่ละคนก็อยากเล่าในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้คนอื่นได้รับฟังกัน..............
    ......4.30-6.00 น. ปฎิบัติ
    ......6.00-8.00 น. รับประทานอาหารและทำธุระส่วนตัว
    ......8.00-9.00 น. ปฏิบัติรวมบังคับ (ชม.อธิษฐานจิตหลังจากวันที่4)
    ......9.00-11.00น. ปฏิบัติ
    ......11.00-12.00น. รับประทานอาหาร
    ......13.00-14.30น. ปฏิบัติ
    ......14.30-15.30น. ปฏิบัติรวมบังคับ (ชม.อธิษฐานจิต)
    ......15.30-17.00น. ปฏิบัติ
    ......17.00-18.00น. ดื่มน้ำปานะ...ใครที่ถือศีล 5 ก็มีอาหารให้ทาน
    ......18.00-19.00น. ปฏิบัติรวมบังคับ (ชม.อธิษฐานจิต)
    ......19.00-21.00 น. ฟังธรรมะบรรยาย
    ......21.00น. พักผ่อน
     
  12. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    เกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกของตัวเองนะคะ.....
    ...1-3 วันแรกจะเป็นการฝึก อาณาปาณสติ ให้ดูลมหายใจ เข้าออกอย่างเดียว สุดแสนจะทรมาน เพราะว่า ไม่เคยนิ่งเลย ฟุ้งซ่านมากๆ ยิ่งคิดว่า จะต้องทำให้ได้ ยิ่งฟุ้ง แถมยังนั่งไม่นิ่ง เปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ ยิ่งขยับยิ่งเจ็บยิ่งต้องเปลี่ยนท่านั่ง เปลี่ยนท่าที ก็มีเสียงที สงสัยคนข้างๆ เค้าคงนึกรำคาญเหมือนกัน...ช่วงนี้ก็เลยแอบส่งพลังรักษาคนอื่นอยู่บ่อยๆ....ส่วนใหญ่ จะเป็นหวัด และไอกัน เพราะอากาศจะหนาวมากในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็จะร้อน ก็ส่งพลังจักรวาลรักษาไปเท่าที่ทำได้ 4-5 วัน ก็ทะยอยหายกัน แต่มีอยู่หนึ่งคน ส่งพลังให้ตั้งแต่วันที่1 จนวันที่9 ก็ไม่หยุดไอ แถมยังไอรุนแรงขึ้นกว่าเดิมทุกวันอีก เฮอ....หมดกำลังใจที่จะรักษา แต่พอวันที่10 ที่ได้รับอนุญาตให้คุยกันได้เท่านั้นล่ะคะ หยุดไอเองโดยอัตโนมัติ (แปลก แต่จริง)
     
  13. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ...ตั้งแต่วันที่ 4 จะเริ่มปฏิบัติวิปัสนา ด้วยการกำหนดจุดเริ่มต้นที่กลางกระหม่อม และเคลื่อนจิตไปตามร่างกายไปแต่ละส่วนจนถึงเท้า....ก็จะมีคำสอน สอนทุกวันค่ะ.....ไอ้ตอนที่เริ่มเอาจิตไปจับที่กลางกระหม่อมนี่ล่ะคะ จับปุ๊บ แน่นิ่งเลยค่ะ จิตไม่ไปเที่ยวไหนเหมือนตอนที่ดูลมหายใจ ตัวงี้แข็งไปเลย แถมยังร้อนทั้งตัวด้วย ยิ่งเคลื่อนสำรวจร่างกาย ความร้อนยิ่งวิ่งพล่านทั้งตัว ใจนึงก็คิดแต่ว่า ตายแน่ ตายแน่เรา ร้อนอะไรเช่นนี้ ชั่วโมงนี้เป็นชม. อธิษฐานจิตด้วย ต้องนั่งนิ่งให้ได้ ต้องอดทน แต่ว่าความร้อนมันยังวิ่งพล่านทั้งตัว เหงื่อก็เริ่มออกที่หน้าและมือ โอย ไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะครบชม.นะ....แล้วสุดท้ายก็ทนไม่ได้ ไม่ครบชม. จริงๆ ต้องออกจากสมาธิก่อน สรุปแล้ว ชม.อธิษฐานจิต วันแรกก็ไม่ได้ผลซะแล้ว อิ อิ อิ อิ อิ....
    ....อาการนี้ เกิดขึ้นแค่ครั้งแรกครั้งเดียวค่ะ เพราะหลังจากนั้น ก็มีเวทนาอย่างอื่นที่เล็กๆ น้อยๆ เช่น แน่นบ้าง โล่ง เบาสบาย คัน มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะรู้สึกเบาสบายตัวเสียมากกว่า.....และถ้าเป็นชม.อธิษฐานจิตก็ สบายค่ะ ชม. นึง รู้สึกว่า แป๊บเดียว.......
    ....แต่หลังจากที่เริ่มฝึกวิปัสนา ก็เริ่มมีอาการถ่ายท้อง เป็นอยู่ 3 วัน จึงหาย และกลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ ฝันร้ายแบบน่ากลัวมากทุกคืน......ได้มีโอกาสได้ถามอาจารย์ที่สอน ก็ได้รับคำตอบมาว่า เวทนา จะแสดงออกมาได้ 3 ทาง คือ 1. ทางร่างกาย 2. ทางความคิด 3. ทางความฝัน....ก็เลยถึงบางอ้อว่า...อ้อ...เราปกติ... แต่พอหยุดวิปัสนาก็เลิกฝันร้ายไป ฮืม...ถูกทาง ถูกทาง....
     
  14. jackman

    jackman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +194
    ผมก็เคยฝึกระบบนี้โดยเฉพาะตอนท่านเทศสำเนียงอินเดียเพื่อนๆผมหัวเราะกันเต็มห้องเลยแต่ครูฝึกบอกว่าให้กลืนความหัวเราะเข้าไปเพราะมันจะเป็นบาป
     
  15. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ความสนุกอยู่ที่นี่ค่ะ......
    .....ทุกวัน ช่วงบ่าย หลังรับประทานอาหารเสร็จ จะง่วงมาก ...หรือหลายๆ วันช่วงเช้าก็ง่วง ขนาดชั่วโมงอธิษฐานจิต ยังมีง่วงเลยค่ะ....เวลาที่ง่วง ก็หลับบ้าง สับปะโหงกบ้าง แต่ก็จะพยายามทำตัวเองให้ตื่น...แรกๆ ก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน เพราะว่า ถ้ายังหลับตาอยู่ ยังงัยมันก็ต้องหลับ มาวันหลังๆ ก็เลยลืมตาซะเลย ไม่ได้ลุกไปไหน ไม่ได้เปลี่ยนท่านั่ง แต่ว่า ลืมตา(อิ อิ อิ)....ทีนี้ก็นั่งมองคนนั้น มองคนนี้ แล้วก็ฝึกมองออร่า ซะเลย ( จริงๆ แล้ว ไม่สมควรที่จะทำแบบนี้นะคะ เพราะกฏของเค้า คือ ห้ามนำวิชาอย่างอื่นมาฝึกร่วม) สนุกดีค่ะ แต่ละคนมีท่าส่วนตัว มีเอกลักษณ์ส่วนตัวในการนั่งฝึกปฏิบัติ พอมองคนอื่น แอบหัวเราะจนหายง่วงแล้ว ก็เริ่มหลับตา ฝึกในส่วนของเราต่อค่ะ......
    .....วันที่10 วันที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว.....
    .....พอเริ่มได้รับอนุญาตให้คุย.....โอ้โห....เรื่องเล่ามีเยอะจัง......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  16. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    พอได้โอกาสเปิดปากปุ๊บ......
    ....คำแรกที่ทุกคนถามกันก็คือ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ....เป็นอย่างไรบ้าง คนที่มาใหม่ครั้งแรก ที่ได้ยินเค้าถามคนอื่นเสมอๆ คำถามยอดฮิต ก็คือ เห็นอะไรไหม!!!!!!! แต่ถ้าคนเก่าๆ ก็จะ ถามว่า เป็นอย่างไรบ้างคะ ดีกว่าครั้งที่ผ่านมาไหม!!!!.........
    .....มีเรื่องเล่า สู่กันฟัง จากคนอื่นอีกที ที่ได้มารู้เรื่องก็วันที่10 นี่ล่ะคะ..... ส่วนใหญ่ คนที่มาครั้งแรก เราก็เพิ่งจะรู้ว่า ชม. อธิษฐานจิต เค้ามักจะ อธิษฐาน ให้เห็น ภพชาติ ภพภูมิ ของตัวเองกัน......ส่วนคนเก่าๆ ก็มักจะอธิษฐานให้ตัวเองนั่งได้นิ่ง ไม่เปลี่ยนท่า..
    ..มีน้องคนนึง มาครั้งแรก ได้เล่าให้ฟังว่า โดยปกติตัวเองจะเป็นคนไม่ชอบนั่งสมาธิ แต่ครั้งนี้ที่ได้มา ก็เพราะว่ากำลังอกหักอย่างแรง สับสนมาก ก็เลยหาทางออกโดยหวังจะให้ธรรมะช่วย...พอมาแล้ว ก็ขอกลับตั้งแต่วันที่2 เพราะว่า รู้สึกว่า ตัวเอง ทำไม่ได้ ไม่ไหวแล้ว...แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่า จะให้กลับได้หรือไม่ ก็เลยนั่งต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังจะกลับๆ อยู่นั่นแหล่ะ.....แต่พอเริ่มวิปัสนา ถึงชม. อธิษฐานจิต ก็เลยอธิษฐานว่า แต่ละรอบที่สำราจร่างกายของตัวเอง จะตั้งใจปฏิบัติ และอุทิศให้กับคนนั้น คนนี้ และเค้าก็เห็นสภาวะที่เกิดขึ้นกับแต่ละคน เช่น รอบนี้ให้ตัวเอง ก็เห็นผิวหนังตัวเองมีไฟลุก ร้อนไปหมด ให้แฟนเก่า ก็เห็นเป็นผิวหนังเป็นสีดำๆ หลุดออกร่วงออกจากร่างกาย ให้ใครต่อใครอีกหลายคน..แต่ที่เด็ดคือ ให้คุณแม่....เค้าเห็นว่าเหมือนคุณเเม่ตอนที่เป็นสาว เป็นคนสูงศักดิ์กำลังอยู่ในพิธีการอะไรสักอย่าง และที่ว่าเด็ด ก็เพราะว่าคุณแม่ก็มาปฏิบัติด้วย และมาครั้งแรกเหมือนกัน คุณแม่ก็อธิษฐานจิตว่า ขอให้เห็นภพชาติของตัวเอง คุณแม่ก็เห็นว่า ตัวเองสมัยเป็นสาว และสวมชุดสีขาวสวย กำลังอยู่ในพิธีการอะไรสักอย่างเหมือนกัน และคุณแม่บอกว่า ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ จะรู้สึกว่า มีอะไรมาเป็นที่วางแขน ให้รู้สึกสบายไม่ปวดเมื่อย แต่พอออกจากสมาธิ มองมาที่แขนตัวเองก็ไม่เห็นมีอะไร มือก็ยังอยู่ที่หน้าตักเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้ ทั้ง 10 วัน
     
  17. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ....และคุณแม่คนนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าอีกค่ะ.....คือว่า ท่านได้ตกบันไดประมาณ 5 ขั้นของ ตอนเช้าวันหนึ่ง โดยบอกว่า เอาก้นลง (โชคดีที่เป็นก้น) เป็นธรรมดา ที่จะต้องปวดมากๆ เพราะสูงวัยแล้ว ไม่มีใครเห็น เพราะว่าต่างคน จะไม่ค่อยได้สนใจกัน ขนาดเดินผ่านกันยังไม่ได้มองหน้ากันเลยค่ะ เคร่งจัด.....แล้วพอมาวิปัสนา ท่านก็เลยกำหนดจิต มองดูมันว่า ดูสิ ว่ามันจะเจ็บตรงที่มันเจ็บนี่ มันจะเจ็บได้ขนาดไหน ผลออกมาว่า ตั้งแต่วันนั้นมา หายเจ็บค่ะ ท่านบอกว่า ไม่มีความรู้สึกว่าเจ็บเลย จนวันที่จะกลับบ้าน คือวันที่11 เสร็จสิ้นการปฏิบัติแล้วถึงเริ่มเจ็บอีกครั้ง...โฮ!!!!!!ยอดเยี่ยม!!!!!!!!!!!!!....
    ....มาต่อที่น้องคนเดิม..มีอีกวันที่ขออธิษฐานจิตให้เห็นภพชาติของตัวเอง น้องบอกว่า เห็นเป็นฉากๆ ว่าตัวเองเป็นอะไรมาบ้าง มีบอกว่า เป็นลิงก็มี อะกึ๊ย!!!! น้องนี่ยอดเยี่ยมจัง นี่ขนาดเพิ่งวิปัสนาเป็นครั้งแรก แล้วก็เห็นตัวเองเป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย ( ไม่ขอกล่าวถึงนะคะ เพราะว่าจำไม่ได้แล้วค่ะ)
    ....ส่วนเรื่องของคนอื่นๆ ก็มีมากมาย แต่คงต้องขอไม่กล่าวถึงเช่นกันค่ะ ขอยกเป็นตัวอย่างเพียงเท่านี้ก่อน.........
     
  18. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    วันนี้ แค่นี้ก่อนนะคะ.....ดึกมากแล้ว อยู่บ้านนอกค่ะ คงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน แล้วว่างๆ จะกลับมาเล่าต่อนะคะ

    ใครมีความคิดเห็นอย่างไร หรือมีประสบการณ์ยังงัย ก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
     
  19. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    โมทนาด้วยครับ ขอให้ความเห็นนิดนึง เผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อการภาวนาของคุณ ถ้าไม่มีประโยชน์ก็อ่านผ่านๆแล้วก็ลืมๆมันไป

    ตอนที่จิตใจเรากำลังทำการปรุง"ความไม่พอใจที่จิตไม่นิ่ง" ตรงนี้ดูไม่ทัน ไม่เห็นกระบวนการทำงานของมัน เราเลยไปหลงพยายามดึงกลับมา เพราะอยากได้สภาวะที่ดีๆ เช่นอยากให้มันเป็นสมาธิ แต่ถ้าเราสามารถมองเห็นจิตมันปรุงความไม่พอใจ หรือความอยากนิ่ง ได้ มันจะดับให้ดูต่อหน้าต่อตา ทำให้เราเห็นความจริงของจิต เป็นปัญญาในวิปัสสนา

    พอจิตมันกลับมาแล้วมันก็แว๊บไปคิดเรื่องอื่นอีก มันก็แสดงไตรลักษณ์ให้คุณเห็นว่ามันไม่เที่ยง ไม่เป็นไปตามบังคับบัญชา แต่จิตใจเราก็ไม่ยอมรับ จึงไปปรุง"ความไม่พอใจ และความท้อแท้ "

    คราวหน้า คราวหลังลองดูเวลาทำอานาปานสติ แล้วมันแว๊บไปรุ้เรื่องอื่นนอกจากรู้ลมหายใจ ให้บอกมันว่า "เป็นธรรมดา" เพราะจิตไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าจิตเป็นของเราจริงแล้ว จะบังคับให้มันมีความสุขตลอดไม่ต้องมีความทุกข์เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2008
  20. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ต้องขอขอบคุณมากค่ะ เป็นคำแนะนำที่ดีมากเลยทีเดียว และจะได้นำไปปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้าของตัวเองค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...