ในเว็บบอร์ดนี้ มีพระอริยะบ้างไหม จะรู้ได้อย่างไร ใครเป็นพระอริยะ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วิมุตติ, 14 มกราคม 2008.

  1. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เห็นมีสมาชิกหลายท่าน ชอบถามว่าคนนั้นคนนี้ภูมิธรรมระดับไหนแล้ว เห็นนิพพานหรือยัง เป็นพระอริยะหรือยัง ทุกข์หมดหรือยัง อะไรทำนองนี้

    คำถามเหล่านี้ เป็นคำถามปัญญาอ่อน บ่งบอกถึงความสิ้นคิดของผู้ถามเป็นอย่างยิ่ง โดยมากมักจะถามโดยไม่หวังคำตอบ เป็นแต่เพียงการเหน็บแหนมเสียดสี ซึ่งเป็นผลจากอารมณ์ของตนเองเท่านั้น
    แต่ถ้าใครอยากรู้ว่า ใครเป็นพระอริยะ ผมก็จะแนะนำวิธีการดูแบบคร่าวๆ ให้

    ต้องบอกก่อนว่า ไม่มีใครออกมาป่าวประกาศหรอกว่า ตนเองเป็นพระอริยะ นอกจากบางกรณีเท่านั้น เช่น บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจในธรรมที่ท่านสั่งสอน แต่ในเว็บสาธารณะเช่นนี้ รับรองได้ว่า พระอริยะตัวจริง ไม่บอกแน่ว่าตนเองเป็นพระอริยะ เพราะท่านอยู่เหนือสมมติที่จะต้องเป็นอะไรอีกแล้ว สักกายทิฏฐิขาดไปแล้ว โลกธรรมไม่มีผลต่อท่าน จึงไม่เกิดประโยชน์อันใดที่จะอวดอ้างคุณธรรมในตน

    และหากมีผู้ใดประกาศตนว่าเป็นพระอริยะ ก็บอกได้เลยว่า ยังไม่ใช่ และยังอีกไกลมากนัก

    การสังเกตุพระอริยะ

    ก่อนอื่น เราต้องรู้ก่อนว่า คุณสมบัติของท่านคืออะไร แล้วค่อยเทียบเคียงกับปัญญาของท่าน ที่ท่านได้นำเสนอ, ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงพระโสดาบันก่อน เพราะถ้าสูงกว่านี้ คงไม่เข้ามาเล่นเว็บแล้ว, คุณสมบัติของท่านคือ
    1 ต้องเคยได้เห็นนิพพานแล้ว ในขณะที่วิปัสสนาญาณตัวที่จะช่วยให้ข้ามภพข้ามชาติเกิดขึ้น นั่นคือ โคตรภูญาณ
    2 มรรคญาณต้องเกิด อย่างน้อยก็ โสดาปฏิมรรคญาณ ถึงจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า พระโสดาบันบุคคล


    จากคุณสมบัติเพียง 2 ข้อ ก็นำไปสู่วิธีการดูว่าใครน่าจะใช่
    ท่านผู้นี้ต้องมีความสามารถในการอธิบายสภาวะนิพพานได้อย่างชัดเจนที่สุดเสมือนกับว่า ได้เห็นมาแล้วด้วยตนเอง หากยังนำพุทธพจน์หรือคำของครูบาอาจารย์มาเป็นคำตอบ นั่นยังไม่ใช่
    และยังต้องสามารถอธิบายสภาวะธรรมที่เป็นนามธรรมต่างๆ ภายในได้อย่างละเอียดในระดับภูมิของท่านที่ควรทราบ
    และสามารถตอบคำถามได้ทุกๆ คำถาม เพราะคำถามทั้งหลายในเว็บ มักมาจากปุถุชน อันนี้ยกเว้นคำถามที่เกิดจากพระอริยะลำดับสูงขึ้นไป
    และการตอบต้องเต็มไปด้วยสติปัญญาสัมมาทิฏฐิ
    สิ่งเหล่านี้ต้องสังเกตุดูกันเอาเอง

    พระอริยะขั้น พระอนาคามีผล ขึ้นไป จึงจะสามารถดับ ปฏิฆะสังโยชน์ได้ ดังนั้น จะกล่าวว่า ผู้ที่ใช้คำพูดรุนแรงแบบใส่อารมณ์ ไม่ใช่พระอริยะ ยังไม่ถูกต้องนัก เพราะ พระโสดาบัน และ พระสกิทาคามี ก็ยังมีโทสะอยู่ ดังนั้น โทสะ จึงยังเป็นตัวชี้วัดได้ไม่ดีนัก และในขณะที่กล่าววาจานั้น จิตอาจแจ่มใสอยู่ก็เป็นได้

    อีกวิธีหนึ่งคือ คุณต้องเป็นพระอริยะและได้เจโตปริยญาณ จึงจะทราบได้ว่า ใครเป็นพระอริยะ แต่คิดว่า ในเว็บนี้ คงไม่มี จึงตัดวิธีการนี้ออกไปได้เลย

    เพียงเท่านี้ คงพอเป็นแนวทางในการสังเกตุได้บ้าง แต่คงไม่ถูกต้อง 100% เพราะปัญญาของปุถุชนที่มีเพียงน้อยนิด จะไปประมาณการปัญญาของอริยะชนที่มีมากกว่าได้อย่างไร

    ดังนั้น ใครที่ชอบถามว่า เป็นพระอริยะหรอ เห็นนิพพานแล้วหรอ ดับทุกข์ได้แล้วหรอ, ก็อย่าหวังคำตอบจากท่าน เพราะท่านรู้ว่า ตอบไป ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เช่น หากตอบว่า ไม่ใช่ ก็จะกลายเป็นมุสา หากตอบว่า ใช่ คนฟังที่มีทิฏฐิก็จะไม่เชื่อ มิหนำซ้ำ ยังอาจด่ากลับเสียๆ หายๆ ก่อให้เกิดอกุศลกรรมแด่คนผู้นั้นสืบไป ดังนั้น พึงระลึกไว้ว่า การถามคำถามเหล่านี้ เป็นการได้ปล่อยความโง่ของตนเองบวกกับอกุศลจิตในใจตน ออกมาเสียแล้ว

    ก็ให้สังเกตุกันในส่วนของเนื้อธรรม ว่าลึกซึ้ง เป็นเหตุเป็นผล มากน้อยแค่ไหน อย่าไปสนใจที่ตัวตนของท่านว่าเป็นใคร เป็นอย่างไร แต่ให้สนใจในธรรมะของท่านแล้วน้อมมาที่ใจตน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองเถิด...
     
  2. เอกวัฒน์

    เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +2,431
    สังเกตุง่ายๆอีกอย่างครับ พระอริยะเค้าไม่เล่นเนตหรอกครับ
     
  3. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    พระอริยเจ้าเริ่มตั้งแต่ พระโสดาบันขึ้นไป จนถึงพระอรหันต์

    พระอริยเจ้าไม่จําเป็นต้องเห็น นิพพาน แม้แต่ นรก สวรรค์ ถึงไม่เห็น ท่านก็เป็นได้

    เช่น พระอรหันต์แบบสุขวิโก เป็นพระอรหันต์ที่ไม่มีฤทธิ์ ท่านไม่สามารถ มองเห็น สวรรค์ นรก และนิพพานได้ แต่เมื่อไหร่ท่านตายท่านได้ไปนิพพาน

    แต่ผู้ที่เห็น นิพพานได้ จะต้องเป็นพระโสดาบันขึ้นไปแล้วเท่านั้น ถึงผู้ใดได้ทิพยจักขุญานแล้วหากไม่ได้เป้นพระอริยเจ้าก็ไม่อาจมองเห็นพระนิพานได้

    เราจะรู้ตัวเราได้ว่าเป้นพระโสดาบันเมื่อ เราได้ ฌาน4 หากเราตัดสังโยชน์3ข้อของการเป็นโสดาบันได้ เราจะรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ แต่หากไม่สามารถสําเร็จฌาน4 ก็ต้องวัดอารมณ์เอาจากสังโยชน์ใส3ข้อแรกว่าตัดได้ เด็ดขาดหรือยังซึ่ง อาจไม่แน่นอนนักว่าจะตัดได้จริง
    พูดให้ง่ายคือ พระโสดาบันสําคัญอยู่ที่มีศิลห้าบริสุทธิ์ คิดว่าคนเราต้องตาย เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อในคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีใจรักนิพพพานแค่นี้ก็เป็นพระโสดาบันได้

    และถ้าจะให้แน่นอนขึ้นไปอีกก็ต้อง สําเร็จฌานสี่ มีพรหมวิหารสี่ ไม่ละเมิดกรรมบถ สิบ

    ประโยชน์ของการเป็นพระโสดาบันคือ ไม่ต้องตกอบายภูมิอีกต่อไปตราบเท่าเข้าสู่นิพพาน และจะเกิดอีกไม่เกิน7ชาติ ใน7ชาตินี้อาจเป็น เทวดา หรือพรหม ก็ได้ ไม่จําเป้นต้องเกิดเป็นมนุษยืเพียงอย่างเดียว ชาติที่7จะได้เกิดเป็นมนุษย์และสําเร็จเป็นพระอรหันต์
     
  4. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    "ผู้ที่ทำได้เขาไม่มาพูดมาอวด คนที่พูดนั้นแสดงว่าเขายังทำไม่ได้"

    ครูบาอาจารย์ท่านว่าอย่างนั้น ผู้ที่เรียนจบ ป.6 ย่อมรู้ว่าผู้ที่มีความรู้เท่า ป.6 หรือต่ำกว่าสูงกว่าเค้าย่อมรู้เอง โดยเอาความรู้ของตนเองเป็นตัวตั้ง....
     
  5. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    คนที่ฉลาดในการอ่านกระทู้หรือข้อมูลต่างเขาจะสนใจที่เนื้อหาเป็นหลัก คอยจับประเด็นสำคัญและดึงนำเอาส่วนที่เป็นประโยชน์มาปฏิบัติให้เกิดผลดีกับตนเองและผู้อื่น

    มากกว่าที่จะมาคอยสนใจว่าผู้ใดบรรลุธรรมหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์หรือคอยจับผิดดูว่าใช่หรือไม่ใช่ หรือคอยไปตั้งแง่ว่าถ้าคำแนะนำหรือธรรมะที่มีคนแนะนำมานั้นถ้าผู้สอนยังทำไม่ได้เราเองก็จะไม่ทำด้วยเหมือนกัน ฯลฯ เพราะว่าการทำเช่นนั้นเป็นการตัดประโยชน์ที่จะพึงได้พึงมีไปอย่างน่าเสียดายทีเดียวครับ
     
  6. สี บุญมา

    สี บุญมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +315
    นั้นดินะ
    ถ้าพระอรหันต์(ในยุกนั้นๆมีเนต) ท่านจะเล่นเน็ตมั๊ยนา
     
  7. N o v e m b e r

    N o v e m b e r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    เห็นด้วย ตามนั้นครับ
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ยังสรุปแบบนี้ไม่ได้ การเล่นเน็ต ยังไม่ใช่ตัวชี้วัด อย่าลืมว่าพระอริยะมี 8 จำพวก ระดับสูง เป็นไปได้ว่า ไม่เอาแล้ว ระดับล่าง ยังเข้ามาเล่นได้ เพราะเป็นช่องทางหนึ่งในการสืบต่อพระพุทธศาสนา

    การพิมพ์ข้อความในเน็ต กับการเขียนข้อความในกระดาษ ไม่มีอะไรต่างกันเลย เพราะเป็นสมมติด้วยกันทั้งนั้น...
     
  9. N o v e m b e r

    N o v e m b e r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +109
    คิดเหมือนกันครับ

    พระอริยะ สมัยใหม่ๆท่านเผยแพร่ธรรมผ่านทางหนังสือและเนตก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว
    สมัยต่อๆไป ไม่การันตีครับว่าผู้ที่ใช้เนตจะต้องเป็นปุถุชนและโสดาบันบุคคลเท่านั้น มันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ผู้ใจกว้างย่อมไม่ตั้งกฏแบบนี้มาเปรียบเทียบ
    ความไม่เป็นอริยะ เพียงแต่ทิ้งไว้ให้เป็นข้อสังเกตุในธรรมของท่านที่แสดง

    ดูก่อนเพื่อนๆ จงแยบคายในการพิจารณาในคำพูด เหตุที่ต้องพูด ผลที่เกิดจากการพูด ท่านก็จะพอสังเกตุได้ว่า ใครมีคุณธรรมอย่างไรเท่าใด(ซึ่งเป็นเรื่องคร่าวๆมากๆ) น่าฟังไม่น่าฟังอย่างไร ส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีมีศีลและสนใจธรรม เข้ามาคุยกัน
    แชร์กัน ไม่สำคัญหรือจำเป็นต้องโสดาบันอัพ เท่านั้น
     
  10. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    แบบนี้ ผู้ที่เห็นนิพพานได้ ก็ต้อง
    1 เป็นพระอริยะ
    2 ได้ทิพยจักษุ หน่ะสิ

    การมองนิพพานเป็นแดน ไม่ใช่สภาวะธรรม มันก็เคลื่อนไปแบบนี้แหล่ะ
     
  11. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    ขอแสดงความคิดด้วยคน

    ขออนุญาตเอาคำพูดหลวงพี่เล็กมาโพสเพื่อเผยแผ่ความรู้ค่ะ
    "จงเดิน ตาม ศีล สมาธิ ปัญญา(แล้วจะไม่หลง)"

    "ทำศีล๕ให้บริสุทธ์ให้มากที่สุดทำที่จะทำได้"
    ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า
    การที่เราพยายามรักษาศีลให้บริสุทธ์คอยตรวจตราศีลเสมอ
    ถ้าเราทำได้มากได้ดีเท่าไหร่ สภาวะจิตก็จะสะอาดขึ้น(เลื่อนชั้นขึ้น) โอกาสที่จะพบพระอริยะก็มากขึ้นตามลำดับความสะอาดของสภาวะใจค่ะ
    บางที่ถ้าเรารักษาศีลได้ดีแล้วเราอาจไม่รู้เลยว่าท่านโปรดเราอยู่เป็นสหายธรรมเราอยู่
    แต่เชื่อเถอะค่ะ พระพุทธบารมีไม่ประมาณจริงๆ อธิษฐานพระท่านซิค่ะขอให้ได้เจอและรับธรรมจากพระอริยะและขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา คุณ อาจจะได้เจอและทำบุญกับพระอริยะ แม้ว่าศีล ๕จะ ไม่ครบหากคุณตั้งใจจริงคุณอาจได้เจอ
    อย่าสงสัยอีกเลยค่ะ ทำบุญถวายเป็นพุทธบูชาไปเลย
    ขนาดข้าพเจ้าไมค่อยถือครบ ๕ ได้เลยสักวันแต่ด้วยแรงอธิษฐานข้าพเจ้าคิดว่าได้เจอแล้วค่ะ
    แต่เจอก็ไม่มีประโยชน์หากเราไม่น้อมเอาความดีเหล่านั้นมาสู่ตนบ้าง
    เคยได้ยินหลวงปู่แหวนพูดไว้จำได้ไม่ตรงนักแต่ประมาณว่า
    เอาแต่ค้นหา ไม่รู้จักฝึกฝนตนให้เป็นก็ไร้ประโยชน์ค่ะ

    ขอขมา
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เอาแต่ค้นหา ไม่รู้จักฝึกฝนตนให้เป็นก็ไร้ประโยชน์ค่ะ

    ถูกต้องที่สุดครับ

    ให้ดูที่ธรรม ไม่ต้องดูที่คน
     
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    โควตแห่งเดือนเลยครับ คุณ#12


    เพิ่มเติม

    คนที่ตั้งตนว่าประเสริฐแล้ว ดีแล้ว และจะยอมรับธรรมจาก
    อริยะเจ้าเท่านั้น ย่อมคลาดไป เพราะ ธรรม นั้นมีในตน
    และจะผุดออกมาก็ต่อเมื่อ หมั่นสดับ

    ดั่งพุทธพจน์ที่เปรียบปุถุชน เป็นดั่งดอกบัว ที่รอแสงธรรม
    ของพระพุทธองค์มาสาดส่อง ถึงจะบานได้เหมือนต้องแสงอาทิตย์

    แสงธรรม หรือ สัทธรรมนั้น ล้วนมีอยู่ในทุกๆที่ ใช่แต่จะอยู่กับ
    อริยะเจ้าเท่านั้น เพราะ สัทธรรม คือ ธรรมชาติ
     
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    พระอาจารย์ ปราโมทย์ แฝงนัยได้ลึกซึ้งดี ชอบครับ...
     
  15. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    เคยอ่านพบว่า ครั้งหนึ่งพระสารีบุตรเองก็ยังไม่สามารถทราบได้ว่าพระรูปที่ท่านจะไปโปรดได้เป็นพระอรหันต์แล้ว จนพระพุทธเจ้าท่านต้องบอกกับพระสารีบุตรว่า พระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์แล้ว และก็บอกต่อว่า สารีบุตรเธอไม่มีญาณนี้หนอ
    อีกเรื่องในสมัยพุทธกาลมีพระกลุ่มหนึ่งสำคัญตนว่าบรรลุอรหันต์แล้ว
    พระพุทธเจ้าปรารถนาจะบอกกับพระเหล่านั้นว่า พระเหล่านั้นยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ จึงเรียกพระกลุ่มนั้นเข้าเฝ้าพระองค์ โดยให้เดินทางผ่านป่าช้าผีดิบ
    เมื่อพระกลุ่มนั้นเดินทางผ่านป่าช้าผีดิบ พบศพสตรีเป็นโรคปัจจุบันตายใหม่ๆ
    ไม่มีผ้าปกปิดกาย เกิดกำหนัดจึงรู้ว่าตนยังไม่เป็นพระอรหันต์


    จากทั้งสองเรื่องพอมีข้อคิดคือ การที่เราจะตัดสินว่าใครเป็นพระอริยะหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปกติวิสัยของคนทั่วไป แม้ผู้นั้นกระดูกจะแปรธาตุก็ตาม
    และผู้ที่เข้าใจผิดว่าตนเป็นพระอริยะ นั้นมีอยู่
     
  16. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    โคตรภูญาณ มีอาการเป็นอย่างไรครับ? เป็นแบบนี้หรือเปล่า?


    เท่าที่ผมเคยอ่านประวัติพระอรหันต์ (ในยุคปัจจุบัน) ที่ปรินิพพานไปแล้ว
    ส่วนใหญ่จะพูดถึงการเห็นนิมิตรแปลกๆ ที่รู้สึกได้ว่าแรงมากๆ โดยที่คนธรรมดา
    ถ้าเจอแบบนั้นอาจจะรับไม่ได้ เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ตัวตน
    ของเรากำลังโดนอัดอย่างแรง จนทนไม่ไหว คนที่เจอนิมิตรแบบนี้จะถอย
    รีบถอนสมาธิออกมา แต่ถ้ายังคงรับรู้นิมิตรนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด
    (แบบสู้เต็มที่ เอาวะ ตาย เป็นตาย) มันจะทำให้อัตตาหายไปหมด อวิชชา
    ไม่เหลือ และ กลายเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

    สรุปว่า

    1.คนที่เจอนิมิตรแบบนั้นแล้วถอยออกมา จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
    จึงละสังโยชน์ 3 ได้เด็ดขาด เพราะไม่มีอะไรติดใจสงสัยอีกแล้ว
    จึงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน

    2.คนที่เจอนิมิตรแบบนั้น แล้วอยู่สู้ต่อไปจนผ่านไปได้ คือ พระอรหันนต์


    โคตรภูญาณ เป็นแบบนี้เปล่าครับ?


    ปล.ในรูปนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง เท่าที่ผมจะค้นเจอครับ
    (จากกระทู้ http://palungjit.org/showthread.php?t=92618)

    [​IMG]

    (ได้ยินเสียงครืนลั่นสะเทือนประดุจฟ้าผ่า >>> ตรงนี้อแหละครับที่น่าสนใจ!
    ซึ่งในกรณีของท่านอื่นไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และ อาจจะแรงกว่านี้ หรือ
    เบากว่านี้ก็ได้ โดยที่แต่ละท่านจะผ่านนิมิตรนั้นไปได้ง่ายๆ หรือ ยาก
    ก็แล้วแต่บารมีที่สะสมกันมาครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  17. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ที่พูดได้นั้นไม่จริง
     
  18. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    เราไม่สนหรอกว่าเราอยู่แค่ไหนเรารู้แค่ว่าเราสนใจธรรมมะ ศรัทธาในศาสนา
    เชื่อในคำสอนของพุทธองค์
    โสดาบันไม่ได้ยากถึงขนาดต้องเคยเห็นนิพพานหรอกครับ
    ท่านทั้งหลายอย่าท้อแท้ไป
     
  19. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    หลังจากที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้ว ก็ไม่เห็นว่าท่านจะเป็นใบ้เลยนะครับ ^ ^
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ข้อนี้ เข้าใจผิดครับ
    จาก อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ วางหลักเอาไว้ตามลำดับ คือ

    ใช้วิปัสสนาญาณ มองทุกข์ให้ละเีอียด จนเห็น สมุทัย หรือ เหตุแห่งทุกข์นั้น จากนั้น เมื่อเห็น อนิจจังและอนัตตาใน ทุกข์ ก็จะสามารถดับทุกข์ได้ ในขณะนั้นจนหมดสิ้น จึงพบกับ นิโรธ หรือ นิพพานในครั้งแรก เรียกว่า โคตรภูญาณ จากนั้นจึงจะพบกับ มรรคญาณ

    ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า พระโสดาบันขึ้นไป จะต้องพบกับวิมุตติ หรือ นิพพานก่อน
    เรียกว่า ญาณทัสนะวิสุทธิ์ คือ ตัวเห็น หรือ ตัวรู้ ที่เป็นทัสนะ หรือมุมมองนั้น ต้องถูกต้องเสียก่อน

    แต่หากว่า การเห็นพระนิพพานนั้น ชั่วแวบเดียว เนื่องจากกำลังอวิชชามีมากเหลือเกิน ย่อมประสานกันมาปิดบัง พระนิพพานนั้น ต่อได้

    แต่อย่างไรก็ตาม พระโสดาบันทุกคนต้องเห็นพระนิพพานแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่า พระโสดาบัน หรือ อริยะบุคคลผู้เป็นสาวกที่แท้จริงในพระพุทธศาสนา ผู้เห็นธรรมอันถูกต้อง


    ทีนี้ เรื่องของการจะรู้ว่าใครเป็นพระอริยะ ตอบว่า แม้แต่พระิอริยะด้วยกันยังไม่รู้กันเลย หากไม่พูด เว้นแต่พระอริยะผู้สูงกว่า จะมอง การไหวของจิต ผู้ต่ำกว่า ก็จะเห็น กิริยาของจิตของผู้ต่ำกว่า ก็จะทราบได้ทันทีว่า กิริยาของจิต ผุ้นี้ยังไม่ถึง หรือ ถึงขั้นใดๆ

    ภูมิธรรมของผู้สูงกว่าย่อมเห็น ผู้ต่ำกว่า เสมอ ทั้งนี้ไม่ใช่ด้วยอิทธิฤทธิ์มองดูจิต แต่ ด้วย เจโตปริญาณ ดูการไหวแห่งกิริยาของจิต เพราะว่า พระสุขวิปัสสโก ก็สามารถเห็นได้ ในกรณีนี้

    สำหรับ ในเว็บนี้ จะมองได้อย่างไร ก็ตอบว่า หมดสิืทธิ์ เว้นแต่พระอริยะท่านจะบอก แต่บอกไป ใครจะไปเชื่อท่านหละ
    ก็คงจะเป็นไอ้ขี้โม้ แต่บางทีท่านอาจจะบอกก็ได้นะ ดูหลวงตามหาบัว ท่านพูด แต่ท่านไม่เคยบอกว่า เรานี้คืออรหันต์ แต่ท่านจะพูดในเชิงที่บอกว่า หมดกิเลสหมดสิ้นแล้ววันนั้นวันนี้ แต่ท่านก็พูดความจริงของท่าน

    ปุถุชน อยากรู้ว่า ใครมีภูมิธรรมเหนือกว่าเราก็ให้ดูว่า ธรรมอันใดเรารู้ มีคนรู้เหมือนเราจนถึงมากกว่าเรา นั้นแหละ จะพอเทียบได้ แต่ก็ตัดสินไม่ได้ว่าใครใช่หรือไม่ใช่
     

แชร์หน้านี้

Loading...