ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หาก "ลงมือทำจริง" ทุกอย่างที่ผมกล่าวมา "ย่อมทำได้" ทั้งสิ้น เพราะกระทู้นี้เป็นการ "ฝึก-กรรม-ฐาน-ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย" และ "ทำได้ไม่ยาก จนเกินควร" และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการฝึกเพื่อ "ตัดอาการของ จินตนาการ" ตั้งแต่แรกเริ่มที่ทำ "กายเวทนา" ได้ (ส่วนใหญ่จะได้ ของเล่น หากเริ่มมาจาก กายเวทนา) แต่สำหรับผู้ที่ทำ กายเวทนา ไม่ได้ ก็ไม่ควรท้อ เพราะผมมี "สุขวิปัสโก" อย่างง่าย ๆ ให้ฝึกในการเริ่มต้นของ "การเข้าพรรษานี้" ในโพสท์ที่ 484 หน้า 25 "อสังขตธรรม อณู เหตุปัจจโย สังขตธรรม ตัวดู วิญญาณขันธ์" ในกระทู้นี้

    +++ หากฝึกแบบ "สุขวิปัสโก" ได้ แล้วต่อมาทำการ "เจียรนัย เหตุ" (เหตุปัจจโย) ได้ละเอียดดีเพียงพอ ก็จะได้ "ของเล่น" เหมือนกัน เพราะของเล่นทุกชนิด "มาจากเหตุ" ตัวเดียวกันนี้ทั้งสิ้น นะครับ
     
  2. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    มาบอกว่าเป็นแบบนี้เหมือนกัน แกนตรงกลางใจเป็นความว่างอยู่ แต่เรากลับทำอะไรได้ตามปกติ ทั้งๆที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเกิดขึ้นมา เป็นเองงงเองว่าเกิดอะไรขึ้น ธรรมารมณ์มันเป็นแบบเบา อิสระ ร่าเริง ไม่รู้ตนอยู่ไหน

    ส่วนเรื่องตัว "จะ" บางทีเมิลก็รู้ว่าอีกเดี๋ยวมันต้องไหวแน่น เวลาเจอเรื่องแบบนี้
    คือรู้กอ่นมันจะไหว แต่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเริ่มจับรูปแบบในการไหว ถ้าคิดอะไรแนวนี้เรื่องนี้ อาการไหวมันจะวูบแบบไฟเทียนลุก หรือไหวแบบโดนลม ประมาณนี้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2014
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ "ธรรมารมณ์ มีอยู่แต่ไม่ใช่เรา เบา อิสระ ร่าเริง ไร้ตัวกูของกู" อาการตรงนี้เรียกว่า "ผู้เบิกบาน"

    +++ เวลาจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เช่น เวลาเดิน "จิตจะกำหนดแบบหลัก ๆ เพียงครั้งเดียว นอกนั้นเป็นอาการที่ ธรรมารมณ์ เป็นผู้สานต่อ ประดุจสายน้ำหรือสายลม" (เดินด้วยฌาน แต่ฌานไม่ใช่ตน)

    +++ รู้อาการเคลื่อนไหวของ กายเนื้อ ทุกประการ กายเวทนาแปรสภาพเป็นความสุขที่หล่อเลี้ยงกายเนื้อ เบาสบายร่าเริง (คนทีไม่รู้เรื่องจะนึกว่า ติงต๋อง ตรงนี้เป็นกรรมของเขา ไม่ใช่ของเรา ของเรานั้น สบายและร่าเริง ต่อไป) ไม่ว่าจะทำอะไร จิตมักจะกำหนดเพียงครั้งเดียว นอกนั้น ธรรมารมณ์จะเป็นพลังในการเคลื่อนไหวและเป็น เอกัคตา (ฌาน) นี่คืออาการของ มหาสติปัฏฐาน 4 รวมลงมาเหลือ 1 และทั้งหมดนี้ "ไม่ใช่ตน" และมีสภาพเป็นเพียงแค่ เปลวเทียน ที่มีสภาพสั่นไหวไปมา เท่านั้น

    +++ เมื่อถึงอาการที่กล่าวมาแล้วเมื่อไร ก็ให้รู้ว่า เริ่มได้นิสัยใน "มหาปัฏฐาน" แล้ว

    +++ เมื่ออยู่ใน "ปัฏฐาน" ให้สังเกตุคำพูดของผมคำนี้ดูว่า "ทุกคนเห็นเราได้ แต่จะรู้จักเรา ไม่ได้เลย" ว่าจริงมั้ย

    +++ ตรงที่ "รู้ว่าอีกเดี๋ยวมันต้องไหวแน่น" ตรงนี้ เป็น "อาการ รู้ ของตัว จะ" ซึ่งเกิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว "ตัวจะ" เป็นแหล่งเกิดของ "เจโตปริยะญาณ" และ เจโต เป็นแหล่งเกิดของ "ญาณ ในหมวด อภิญญา ทั้งหมด" (ใจทิพย์ เป็นแหล่งกำเหนิดของ ตาทิพย์ หูทิพย์ จมูกทิพย์ ลิ้นทิพย์ กายทิพย์)(สฬายตนะทิพย์ รวมศูนย์ลงสู่ ใจ เท่านั้น)

    +++ ดังนั้น "ตัวจะ" คือแหล่งกำเหนิดของ อภิญญา ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระธาตุไปแล้วจะใช้ "อณู สร้าง ตัวจะ" แล้วใช้ "ตัวจะ สร้าง กาย" เมื่อเสร็จธุระแล้ว ก็วางสรรพสิ่ง "กลับสู่สภาวะรู้" เหมือนเดิม ผู้ที่ไม่รู้จัก "ตัวจะ" ไม่รู้จัก "อณู" จะไม่มีวันรู้ได้ว่า "การสร้างขันธ์" มีมาได้อย่างไร เราก็ต้องปล่อยให้พวกเขา "ถกเถียง" (ปรุงแต่ง) กันต่อไป นั่นแหละที่ "พระพุทธเจ้า มาอนุโมทนากับ หลวงปู่มั่น" และ "หลวงปู่มั่น มาแก้อุปสรรคด่านสำคัญ ที่ผมติดอยู่" ในช่วงเร่งความเพียรจัด ๆ ทั้งหมด เป็นเรื่องของ "การสร้างขันธ์" นั่นแล.....

    +++ ตรงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ เท่าทันการไหว และเริ่มสำเหนียกได้ว่า "มัน จะ ไหว" ดังนั้นให้รู้ไว้ว่า "ตัวจะ" มัน "รู้ก่อนกิริยาจิตจะเกิด" เสียอีก

    +++ วิธีฝึกเพื่อให้รู้จัก "ตัวจะ" คือ

    +++ 1. เข้า ปัฏฐาน
    +++ 2. หยุด กิริยาจิต
    +++ 3. เป็น สภาวะรู้
    +++ 4. รู้ คลื่นตกกระทบ หยาบ กลาง ละเอียด ทุกชนิด
    +++ 5. ไม่มีการ ตรวจจับ

    +++ ถ้าทำได้ดีเพียงพอ นอกจากจะรู้ "ตัวจะ" แล้ว ยังสามารถเห็น "อณู" (อนุภาคเคลื่อนที่) ได้อีกด้วย นะครับ
     
  4. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    ค่ะ ยังมีเรื่องขาดทุนอีกเยอะนะคะ แต่อายที่จะเล่า แฮ่ๆ สงสัยยังโลภมาก พอมีอะไรเข้ามาเลยรับเอาหมด มีจิตก็เหมือนมีโทรศัพท์ โครโทรเข้ามา รับอย่างเดียว ไม่รู้ใครเป็นใครโทรเข้า รับไว้ก่อน รับจนเครื่องรวน หรือไม่ก็พังไปเลยก็มี ตอนที่เกิดอาการน่ะค่ะ มันแว๊ปเห็นคนนั้นในจิตก่อนแล้ว แต่ชล่าใจ นึกว่าฝุ่นเข้าตา กรณีคล้ายๆกันแบบนี้เคยเกิดขึ้นบ้างแล้วน่ะค่ะ บางคนก็มาแบบ รู้สึกเหนียวตัวกลิ่นตุๆ บ้างก็คันหน้าอก บ้างก็คันยุบยิบตามตัว มีแต่คนคักๆ ส่งแต่ของดีๆมาให้ ปกติถ้ารู้แล้วแต่ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็จะลองเชคซ้ำไปที่คนนั้นอีก ถ้าใช่ อาการนั้นมันจะวิ่งเข้ามากระทบเราทันทีเลยน่ะค่ะ แต่ยังไงคงต้องค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่ชำนาญ ยังเป็นแบบว่า ความรู้ท่วมหัวแต่ยังเอาตัวไม่รอด นี่ถ้าเกิดวันดีคืนดี มีคนเป็น ขี้หิตขี้กลากขี้เกลื้อน ส่งจิตออก แล้วเราไปรับเข้ามาเต็มๆ กว่าจะรู้ตัว สงสัยนั่งเกาแคร๊กๆจนหนังถลอกปอกเปิกแล้วแน่ๆ

    มีเรื่องเล่าต่อค่ะ

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่สภาวะรู้อยู่ข้างใน พอมีเสียงดังจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไร ดังมาจากทิศทางไหน มันมีอาการเหมือนจิตเราพุ่งตรงไปที่เสียงนั้นๆทันทีเลยน่ะค่ะ ทีแรกเข้าว่าจิตส่งออก ก็ยังเอ่ะใจอยู่ว่า ถ้าจิตส่งออก ทำไมมันส่งรวดเร็วแท้ ทำไมมันสามารถส่งไปทุกๆเสียงที่ดังจากทุกทิศทุกทางที่มันได้ยิน แต่พอสังเกตุดูแล้วมันไม่น่าจะใช่ เพราะมันเหมือนจิตส่งออก แต่มันไม่ออก แต่ก็มีบางครั้งที่สังเกตุ ตอนมันส่งออกไปทุกๆเสียงจากทุกๆทิศน่ะค่ะ ถ้ามันพุ่งออกไปแล้วไปติดอยู่กับเสียงใดเสียงหนึ่ง ความรู้สึก ชอบ ไม่ชอบ จะเริ่มก่อตัวขึ้น พอเรารู้ มันก็ดับ คือมันจะทำงานต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วทันใจน่ะค่ะ แบบว่า ออกไปแป๊บ ติดปั๊บ พอความรู้สึกชอบไม่ชอบกำลังเริ่มก่อตัวขึ้น มันก็ดับปุ๊บเลย

    ส่วนเมื่อกี้ ตอนที่กำลังนั่งพิมพ์อยู่นี่น่ะค่ะ มีเสียงหนึ่งเข้ามากระทบที่หู พอกำลังจะ หายแล้ว เฮ้อ อย่างนี้ก็มีด้วย
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ธรรมชาติของจิตคือ "การส่งออก" ให้สังเกตุดูว่า "ตอนที่ยังไม่ได้ฝึกนั้น เป็นอย่างไร" ก็จะเห็นได้ว่า "จิตใครจิตมัน ส่งออกใครส่งออกมัน" เหมือนกับ "ทุกคนคุยกัน แต่ ไม่มีใครฟังสักคน ทุกคนเอาแต่พูด ๆๆๆๆๆ ลูกเดียว โดยไม่มีใคร หยุดฟัง สักคนเดียว" ตรงนี้แหละจึงทำให้ "การรับรู้ทางจิต ไม่ปรากฏ" แถมยังมั่วต่อไปอีกว่า "เจโตปริยะญาณ ไม่มีจริง หรือ ทำไม่ได้" แต่จริง ๆ ก็ถูกของพวกเขาเหมือนกัน เพราะพวกเขา "ส่งออกลูกเดียว หยุดฟังไม่เป็น" ดังนั้นผลลัพธ์ จึงเป็นอย่างที่มันเป็นนั่นแหละ

    +++ พอหลังจาก "ฝึก" แล้วจึงหยุด "ส่งออก" เป็น ดังนั้น "การฟัง" จึงเป็นไปโดยธรรมชาติ แต่อีคราวนี้แหละ สรรพส่งออกจากจิตอื่นทั้งหลาย ก็มะรุมมะตุ้มเข้ามายังกะ ทำนบเขื่อนแตก เลยฟังคล้ายคลื่นแทรกไปหมด ฟังไม่ได้สรรพเลยทีเดียว ตรงนี้แหละที่ผมเคยพูดไว้ว่า "เหมือนอยู่ตรงกลางของ ชุมสายการสื่อสาร" (พระโพธิสัตว์ ฟังเสียงของเหล่าสรรพสัตว์) นั่นเอง ดังนั้นต้อง จูนคลื่น เลือกเฉพาะเป็นกรณีไป

    +++ ให้สังเกตุให้ดีในระหว่างที่ทำ "ปัฏฐาน" อยู่นั้น จิตจะมีการทำงานเหมือนเดิม คือ "ส่งออก" เหมือนกับพุ่งไป แต่จริง ๆ แล้วมันเป็น "ปลายของเปลวเทียน ชี้ไปยังเป้าหมายต่างหาก" เป็นอาการของ "กิริยาจิต ชี้เป้า" แต่ตัวจิต "ไม่ได้ส่งออก" และอาการของ "กิริยาจิตชี้เป้า" นี้ มันสามารถ "ชี้ได้รอบทิศในเวลาเดียวกัน" ดังนั้นเหมือนกับหลากหลาย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นแค่ "กิริยาเดียว" เท่านั้นเอง ลองสังเกตุให้ละเอียดก็จะเห็นได้เอง (นี่แหละคือ ความพิสดารและละเอียดสุขุมลึกซึ้งของ มหาปัฏฐาน)

    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "ปัฏฐาน" แต่หลังจากนั้นก็เกิดอาการ "เลือก" ให้สังเกตุให้ดีว่า "อาการชอบ เกิดก่อนเลือก (ส่งออก) หรือ อาการเลือก เกิดก่อน ชอบ" ให้สังเกตุ "อาการผลักดันที่ทำให้จิตส่งออก" ด้วย (อาการผลักดัน คือ ธรรมารมณ์ คือ พลังจิต)(ตรงนี้เป็นส่วนของ วิชชา 3 "การจุติของจิต")

    +++ ควรจะตึงและเช็คดูว่า "ตัวพูดมากตัวนี้" เป็นของ ตน หรือ เป็นของใคร นะครับ
     
  6. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "ปัฏฐาน" แต่หลังจากนั้นก็เกิดอาการ "เลือก" ให้สังเกตุให้ดีว่า "อาการชอบ เกิดก่อนเลือก (ส่งออก) หรือ อาการเลือก เกิดก่อน ชอบ" ให้สังเกตุ "อาการผลักดันที่ทำให้จิตส่งออก" ด้วย (อาการผลักดัน คือ ธรรมารมณ์ คือ พลังจิต)(ตรงนี้เป็นส่วนของ วิชชา 3 "การจุติของจิต")

    แต่หลังจากนั้นก็เกิดอาการ "เลือก" ใช่เลยค่ะ อาการเลือก เกิดก่อน ชอบ ( ลอง map ดูแล้วค่ะ ใช่เลย )

    +++ ควรจะตึงและเช็คดูว่า "ตัวพูดมากตัวนี้" เป็นของ ตน หรือ เป็นของใคร นะครับ

    ไม่ใช่ของ ตน ค่ะ


    อันนี้ขอถามเป็นความรู้นะคะ สมมุติเราเห็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง ทุกครั้งที่มองเขา เราจะเห็นร่างเขาเป็นเปรตน่ะค่ะ บางครั้งเรามอง เขาจะหลบ ถ้าขับรถผ่านกัน เขาจะขับหลีกให้เราน่ะค่ะ หลายวันก่อน เห็นเขากำลังจะเดินผ่าน เราก็ชำเรืองมอง นึกว่าเขาจะเดินผ่าน ที่ไหนได้ เขาเดินหลบลงข้างทางไปเลย ที่เห็นร่างเขาเป็นเปรตนี่ เห็นต่อเนื่องมานานแล้วนะคะ และทำไมเรามีความรู้สึกอย่างนี้ตลอดคะ ว่า ถ้าเขาตาย เขาจะเฝ้าอยู่ป่าหลังบ้านเราน่ะค่ะ

    ปล. คุณ mobilelizard ไม่เล่าประสบการณ์ต่อมั่งเหรอคะ อ่านประสบการณ์ของคุณ และที่คุณธรรม-ชาติ อธิบาย ทำให้เข้าใจเรื่องภพภูมิชัดเจนมากขึ้นน่ะค่ะ
     
  7. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ผมสังเกตุอย่างหนึ่งจากประสบการณ์ที่ไปเจอภพภูมิ ภพภูมิสามารถดูลักษณะของกายทิพย์เราที่ไปปรากฎ เขาสามารถรู้อะไรได้หลายๆ อย่าง และแม้แต่ผมพบว่าบางทีเขาสามารถทำนายอนาคตเราได้จากสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งเคยอ่านอีกกระทู้ก็มีเทวดามาทำนายจากจากสภาพจิต ว่าสภาพจิตแบบนั้นสามารถบรรลุได้อีกไม่นาน

    และอีกอย่างกายจิตนั้น ถ้าไม่ได้เข้าฐาน ภพภูมิจะเห็นเป็นแบบหนึ่ง แต่พอเอาตัวดูมาเข้าฐาน (เอาตัวตนมาเข้าฐานของกายจิตเป็นแกน) จะส่งผลให้กายจิตเปลี่ยนแปลงไปตามพลังงานของตัวดู ซึ่งจะปรากฎเป็นตัวเองของแท้ที่ข้ามภพข้ามชาติมานานแสนนาน ซึ่งผมก็สงสัยเหมือนกัน หลายคนในกระทู้ฝึกเอาสภาวะรู้เป็นแกน จะส่งผลอย่างไรกับกายจิต แต่คิดว่าน่าจะสุดยอด ซึ่งผมไม่ได้ฝึกสภาวะรู้แต่ฝึกเรื่องของตัวดู และฝึกใช้ตัวดู จึงไม่เคยเห็นคนที่เอาสภาวะรู้เป็นแกนกายจิตจะออกมาอย่างไร เดี๋ยวรอคุณธรรมชาติมาเฉลย
     
  8. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ผมเดาเล่นๆ นะครับ อาจจะมองไม่เห็นรูปอะไรเลย ภพภูมิมองไม่เห็น
     
  9. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ทำให้นึกถึงตอนที่ผกาพรหมหาพระพุทธเจ้าไม่เจอ

    ดับตัวดูของตัวเอง ตัวดูไม่ได้ดูไปที่ใด มันก็ดับ "แสง"ของจิต มันก็ไม่น่าจะมีรูปอะไรให้เห็น รอคุณธรรมชาติมาเฉลยนะครับ
     
  10. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    เมื่อก่อนเคยมีน้องคนหนึ่ง เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ พระเกจิดังภาคใต้ เธอชอบเข้าสมาธิดูจิตเราน่ะค่ะ ถ้าเจอกัน เธอจะเล่าให้ฟังว่าเธอเห็นจิตเราเป็นดวงแก้ว ( อันนี้เราไม่รู้เท็จจริงนะ เราพูดตามคำบอกเล่าที่เธอเล่าให้เราฟัง ) จากนั้น เราก็เลยอธิฐานในใจว่า ไม่ให้เธอเห็นเราอีกต่อไป และหลังจากนั้นเจอกันอีก เธอบอกเราว่า " พี่ ไม่รู้จิตพี่หายไปไหน หนูเข้าสมาธิแล้วไม่เจอ จิตพี่หายไปเลย " ตรงนี้เราก็ งง เหมือนกันค่ะ
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หลักในการทำความเข้าใจ อย่างหยาบ ๆ คร่าว ๆ ในกรณีของลักษณะแบบนี้ ให้ใช้หลักของ "มหาสติปัฏฐาน 4" แบบตรง ๆ ได้เลย ดังนี้

    +++ 1. กายเนื้อ คือ เศษกรรม หรือ เศษวิบาก ที่มีมาแล้ว เป็นไปแล้ว เหลือแต่เวลาที่จะต้องสิ้นสุดไปเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ตามสภาพของวิบาก
    +++ 2. กายเวทนา คือสิ่งที่เรียกว่า เวรกรรมจำแนกสัตว์ (Species) และ กำหนดสัตว์ให้เป็นไป รวมทั้งเป็นการ สร้างกาย (ขันธ์) หยาบ-ละเอียด ที่รออยู่ข้างหน้า (ตีตั๋วจอง)
    +++ 3. กายจิต คือ สันดานของสัตว์ ที่มักจะนำพาให้สัตว์มุ่งไปสู่ ภพ และลักษณะของการ จุติภพ (ตัวดู ฝ่ายรูปธรรม)
    +++ 4. กายธรรมารมณ์ คือ วาสนาบารมี และ วิบาก ของสัตว์ และนำพาสัตว์ไปยัง ภูมิ ที่เหมาะสมกับธรรมารมณ์ที่เสพอยู่ เป็น จุติภูมิ (ตัวดู ฝ่ายนามธรรม)

    +++ การเห็น "ชายแก่" ผู้นั้น เป็นการเห็น "กายเวทนา" ของเขาใช่หรือไม่
    +++ การหลบ "ของชายแก่" นั้นเป็นการหลบที่มีลักษณะใด ซ่อนอยู่ในจิต "ความละอาย" หรือ "ความกลัว" ที่ไร้สาเหตุหรือไม่ เป็น "นิสัยประจำตัว" หรือ "หลบเฉพาะคุณคนเดียว" อาการนี้ เกิดมาก่อน หรือ เกิดภายหลังจากที่คุณฝึก กรรม-ฐาน จนได้ "กายเวทนา" แล้ว
    +++ ปัจจัยทั้งหมดนี้ ให้นำมาพิจารณาร่วมกันเพราะสิ่งที่คุณ จิตวิญญาณ เห็นนั้น "เป็นผลลัพธ์" แต่ก็ควรลองหา "เหตุที่เกิด" ของมันด้วย นะครับ
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใช้หลักของ "มหาสติปัฏฐาน 4" ในคำตอบ ที่ผมตอบคุณ จิตวิญญาณ นั่นแหละ การดูจริง ๆ นั้นดูแค่ 3 กายก็เหลือเฟือแล้ว

    +++ อิอิ แบบเดียวกันกับ ความแตกต่างระหว่าง เทพ จอมเทพ และ วิสุทธิเทพ นั่นแหละ ไม่มีอะไรมาก

    +++ เห็นได้ หากแสดงขันธ์ให้เห็น

    +++ ตอนนั้น พระพุทธเจ้า ไปอยู่ตรง "หน้าผาก" ของผกาพรหม ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว ตาจะมองไม่เห็น หน้าผาก ของตน

    +++ ตรงนี้ "แม่นแต้" ขณะที่ ตัวดูดับ กายทั้ง 3 ย่อมดับไปด้วย รวมทั้ง "โอภาส" ก็ไม่เหลือ ทุกอย่างเป็นธรรมดา ตามธรรมชาติทุกประการ นะครับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ พวกที่ชอบ "ดูจิตคนอื่น" นั้น จะมีสักกี่รายที่ "เห็นจิตตนเอง" ได้ และถ้า "ยังไม่เห็นจิตตนเอง" จะเห็นจิตผู้อื่นอย่างถูกต้อง ได้อย่างไร

    +++ และสงสัยจะใช้ คำศัพท์ไม่ตรงกับอาการ ตรงคำว่า "อธิฐาน" (การขอ) นั้นน่าจะเป็น "การเดินจิตให้ดับ" (การทำ) มากกว่า "การขอ กับ การทำ" ให้เขาไม่เห็น อันไหน "ตรงกับอาการ" มากกว่ากัน ลอง map ย้อนหลังดูสักหน่อย ก็จะได้คำตอบที่ตรงกับอาการ นะครับ
     
  14. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    อิๆ ดีใจคุณธรรมชาติมาตอบไว มีข้าวต้มรอบดึก คนมาอ่านใหม่สังเกตุดีๆ นะครับ กระทู้นี้ไปทางทำยังไงได้ยังไง ให้ไปลองเอง ได้ผลยังไงเอามาเล่า และแนะนำเพิ่มเติม ถูกผิดว่ากันไป เป็นวิทยาศาสตร์มาก cause and effect บางทีมันส์ตรงไปลองแล้วเจออะไรแล้วมาเล่า แล้วคุณธรรมชาติรู้และแนะนำเพิ่มได้อีก บางทีผมบอกตรงๆ ผมตื่นเต้นตอนรอจะฟังคำตอบคุณธรรมชาติ เวลาผมเล่าว่าไปเจออะไรมา
     
  15. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    อันนี้เมิลก็เป็น เพราะว่าสังเกตหลายทีแล้วว่าบางทีเมิลเล่าสั้น ๆ ตอนเล่าเมิลก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่พี่เขาก็ตอบมาแบบละเอียดแบบไม่กั๊ก ทำให้เราได้เข้าใจอย่างไม่ต้องสงสัยต่อ แล้วก็แนะนำการฝึกขั้นต่อไปให้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนอ่านคำแนะนำของการฝึกขั้นต่อไปเราอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แต่พอลองทำก็ทำได้จริง ๆ

    ตอนนี้เมิลลองทำเข้าปัฎฐานจากความว่างที่อยู่กลาง ๆ ตัว
    เข้าจากการจำอารมณ์ผู้เบิกบาน ที่มันจะมีความรู้สึกถึงความว่างเป็นแกนกลาง
    อยากจะลองเข้าให้ได้ใน 1 วาระจิต เหมือนตอนเข้าฐานอะคะ
     
  16. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    พี่ธรรมชาติคะ ปกติไม่เดินจงกรม แต่บางตรั้งลองทำดูเหมือนจะทำได้ลองสังเกตุดูตอนไปเวียนเทียน 2 ครั้ง คือ วันวิสาขบูชา กับวันอาฬหบูชา ไปวัดที่เป็นพระอารามหลวง ก็กำหนดท่าเดิน รอยพระพุทธบาท ท่าเท้าพระพุทธองค์ดู รู้สึกกายเบาจิตเบา เท้าลงเสมอกันเหมือนเท้าเราลอยไปตามพื้น รู้สึกให้เดินนานขนาดใหนก็ได้ไม่เหนื่อยและรู้สึกว่าเดินเร็วเท้าลงเสมอกัน แต่ในชีวิตประจำวันเวลาเดินปกติก็ทำนะคะเวลาตัวโคลงๆจะเซล้ม ถ้าไม่ได้กำหนดเดินเซประจำเลยค่ะ ส่วนฝึกจิตเคลื่อนร่างมีสองครั้งนะคะที่ไม่ได้คิดไปเองใจอยากปิดหน้าจอแต่มือไม่ได้เคลื่อนไปปิดตรงปุ่ม มันปิดเองค่ะ เราก็งง เพราะมันต้องออกแรงกด (คิดในใจเฮ้ย ฉันไม่ได้กดนะ) ในส่วนนี้ก็จะค่อยๆทำไปค่ะ เพราะเมื่อยแขน ขา ตัวพอสมควร ส่วนเรื่องจิตรวมที่ดับไป 3 ครั้งน่ะค่ะสังเกตุว่าวันนั้นว่างทั้งวันคิดอะไรไม่ออก ขนาดจะพิมพ์ชื่อคนในคอมเค้ายังต้องสะกดชื่อให้ฟัง ปัจจุบันตอนนอนตอนสติกำลังจะดับได้ยินเสียงวูปเข้าทุกครั้งมันคืออะไรคะ บางครั้งก็จะหลับบางครั้งก็กำหนดสติกลับมาไม่ให้หลับ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ กระทู้นี้เป็น "กระทู้ฝึก" ดังนั้นย่อม ชี้ที่ "วิธีฝึก" ลูกเดียว และย่อมแตกต่างจากพวกกระทู้ "เล่าเรื่อง" หรือ "กระทู้ ถาม-ตอบ ปัญหา" ห้องนี้เป็นห้อง "อภิญญา XP" ดังนั้น หากไม่ "ฝึก" แล้ว "อภิญญา XP" จะมาได้ยังไง

    +++ อภิญญา XP ไม่ได้มาจากการ "คุยกัน" หรือ "นั่งฟังเรื่องเล่า" แต่มันมาจาก "การฝึกฝน" แบบโดด ๆ เท่านั้น หาก "ไม่ฝึก" อภิญญา XP ก็ไม่มีทางมาได้หรอก จิงม่ะ

    +++ แล้วผู้ที่ "ฝึก" ในกระทู้นี้จริง ๆ ก็ย่อมได้ "อภิญญา XP" กันทุกคนนั่นแหละ มากบ้างน้อยบ้าง แปลกบ้าง แล้วแต่การเดินจิตที่ผิดแผกแตกต่างกันไป แต่ทุกอย่างที่เกิดจากการฝึกในกระทู้นี้ รับประกันว่า "ไม่มีรายการ คิดเอาเอง เออเอาเอง เข้ามาเจือปน" แน่นอน เพราะการฝึกไม่ได้เริ่มต้นที่ "การนึก หรือ การคิด" แต่เริ่มที่ "สติ" แบบเต็ม ๆ ดังนั้น "ผู้ที่ฝึก" ย่อมรู้ตัวของตัวเอง ตลอดเวลา จิงม่ะ
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ กระทู้ฝึก ก็ย่อมต้อง "ฝึก" ตามกันได้ หากตามกันไม่ได้ ก็ย่อม "ล้มเหลว" เป็นธรรมดา เหมือนกับการทำครัว จะมาบอกว่า "อิ่มแล้วเป็นอย่างไร" โดยที่ "ไม่มีใครได้กินสักคำ" มันก็เป็นเรื่อง "ไร้ประโยชน์" ดังนั้นต้อง สอน ตั้งแต่ เขียง วิธีจับมีด การหั่น อะไรมาก่อน อันไหน ต้ม ทอด หรือ นึ่ง ต่าง ๆ เป็นต้น จนกว่าจะเอาลง จาน พร้อม ช้อนซ่อม จึงลงมือ กิน ได้ และเมื่อ กินแล้ว ก็คงไม่ต้องไปถามอะไรกันอีกว่า "อิ่มเป็นยังไง" เพราะมันก็ไร้ประโยชน์ เช่นกัน

    +++ ตรงนี้ต้องทำ "ข้อสังเกตุถึง ความเหมือนและความแตกต่าง ระหว่าง มหาสติ กับ มหาปัฏฐาน" ว่ามีอาการ "เหมือนหรือต่าง กันอย่างไร" ให้ได้ชัดเจนเสียก่อน

    +++ ความเหมือนกัน คือ "มีอยู่แล้ว ทั้ง สภาวะรู้ และ การดำรงค์อยู่ของขันธ์" ทั้งคู่ แต่ความแตกต่างอยู่ที่ "มหาสติ เหมือน การพรากจาก" (วางขันธ์) ส่วน "มหาปัฏฐาน เหมือน การอยู่ร่วมกัน" (ใช้ขันธ์)

    +++ การฝึก "ให้เข้า กายเวทนา ก่อน" จากนั้น ทำให้เหมือนกับ "การเร่ง" แต่ทำให้มัน "ขยายตัว แทน การเร่ง" ตรงนี้จะทำให้ "กายเวทนา" ออกไปอยู่ข้างนอกกายเนื้อ ส่วนที่เหลือตรงกลางก็จะเป็น "สภาวะรู้" ก็จะเป็น "ปัฏฐาน" ได้ไม่ยาก

    +++ ส่วนผู้ที่ฝึก "อยู่กับตน" ก็ใช้วิธีเดียวกัน เพียงแต่เอา "ตัวดู" ขยายเข้ามาแทนที่ "กายเวทนา" เท่านั้นเอง

    +++ ข้อสังเกตุ "กายเวทนา" เมื่อถูกดันออกไปนอกกายเนื้อแล้ว มันจะกลายเป็น "กายธรรมารมณ์" ที่ห่อหุ้มอยู่นอกกายเนื้อ ไปเอง

    +++ เมื่อชำนาญแล้ว ก็ทำเพียงแค่ "ขยายกายเวทนา ออกไปภายในวาระจิตเดียว" เท่านั้นเอง นะครับ
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถูกต้องแล้ว ทั้งอาการที่เกิดทาง "กายและจิต" คราวหน้าให้ทำแบบเดิม แต่ให้แถม "การรับรู้ กระแสลม ที่พัดผ่านตัวไปด้วย" และทำใจให้เหมือนกับ "เราชำแรกตัวไปในกระแสลม" ก็จะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาด้วย

    +++ ในเวลาเดิน หากเข้าที่แล้ว จะรู้สึกว่า มันเป็นการ เดินฝ่าอากาศ อยู่เกือบตลอดเวลา หากจิตละเอียดดีเพียงพอ จะรู้สึกถึง "ฝ่าเท้า" ที่กำลัง "เคลื่อนตัวฝ่าอากาศ" ไปด้วย และ อาการแตะพื้น ก็เป็นเพียงอาการ แตะแบบแผ่ว ๆ พลิ้ว ๆ เท่านั้นเอง ลองเล่นดูก็จะ รู้ได้ชัดเจนเองตรงนี้

    +++ ถูกต้อง อย่าลืมว่า "กาย" มันไม่ได้มีแค่ ตัวเดียว คราวหน้าในขณะที่กำลังฝึก เคลื่อนกายเวทนา ให้สำเหนียกไว้เบา ๆ ว่า กายธรรมารมณ์ มันไปทำอะไรตามความคิด ด้วยหรือเปล่า แต่ตรงนี้ ต้องละเอียดให้มาก เพราะ กายเวทนา กับ กายธรรมารมณ์ มันเปลี่ยนที่กัน แยกตัวจากกัน และ รวมเป็นตัวเดียวกัน ก็ได้ แต่ตอนนี้ให้เอา ฝึกจิตเคลื่อนร่าง เป็นหลักไว้ก่อน

    +++ ให้สังเกตุว่า "ในขณะที่ สรรพสิ่ง ดับ" มันก็ยัง "รู้" อยู่ดี สภาวะที่ "รู้อยู่ดี" ตรงนี้แหละ คือ "สภาวะรู้"

    +++ จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่อาการ "คิดไม่ออก" แต่มันเป็นอาการ "ความคิด เกิดไม่ได้" มากกว่า แต่จริง ๆ แล้วตรงนั้นแหละจะมีอาการ "รู้โดยไม่ต้องคิด และ เข้าใจโดยไม่ต้องนึก" เจือปนอยู่ด้วย ให้ลองระลึกย้อนหลังไปดูนะ ว่ามีลักษณะที่กล่าวนี้ ปรากฏอยู่ด้วยหรือไม่

    +++ ตัวพูดมาก (วจีจิตตะสังขาร) เริ่มเข้ามา "บริการ ให้เราใช้มัน" บ้างแล้วนะ

    +++ ถ้าปกติ ก็จะเป็นเสียง ลมชำแรกหู แบบ คนง่วงแล้ว หาวแต่ไม่หาว แล้วเกิดเป็น ลมชำแรกหูเพื่อเป็นการปรับสมดุลย์ระหว่าง ภายในกับภาายนอก ตามธรรมชาติของกาย

    +++ ให้ทดลอง "อยู่กับรู้" สลับกันไปกับ "อยู่กับง่วง" ดูว่า อาการนี้จะหวลกลับมาอีกหรือไม่ และการ "อยู่สลับกัน" นี้ เป็นพื้นฐานอย่างดี ในการเดินจิตในชั้นละเอียด ต่อไป

    +++ ตรงนี้ แสดงให้เห็นได้ว่า สามารถ "เลือกที่จะ อยู่" กับสภาวะบางประการได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะ "ง่วง" (ถีนมิทธะ) คือปราการ ด่านสุดท้าย ที่ขัดขวางการเข้าสู่ "อัปนาสมาธิ" (ฌาน)

    +++ ดังนั้นให้ฝึก "เดินจิต สลับกันไปมาระหว่าง รู้กับง่วง" เพื่อการ "บุกเข้าสู่กอง ฌานสมาบัติ" ในเร็ว ๆ นี้ นะครับ
     
  20. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    + ถ้าปกติ ก็จะเป็นเสียง ลมชำแรกหู แบบ คนง่วงแล้ว หาวแต่ไม่หาว แล้วเกิดเป็น ลมชำแรกหูเพื่อเป็นการปรับสมดุลย์ระหว่าง ภายในกับภาายนอก ตามธรรมชาติของกาย


    ลมชำแรกหู ตอนนี้เป็นอยุ่คะ แต่เป็นตอนตื่นนอน งงๆอยู่ค่ะว่าเป็นอะไร


    เคยเล่าให้อาจาร์ยฟังเรื่องหูข้างขวา เวลาฟังใครบางคน(เท่านั้น)พูดจะมีเสียง กึกๆ ตามคำพูดของเค๊าทุกประโยค ลองทดสอบดูว่าเวลาเราได้ยินแบบนี้เราคิดอยู่หรือเปล่า ก็ไม่ได้คิดอะไร

    ตอนนี้ที่บ้านมีน้องหมามาอยู่ด้วย เวลาเค๊าเห่า ที่หูเฉพาะด้านซ้ายจะสั่นสะเทือน ลองกำหนด
    ดู เหมือนเห็นภาพเสียงสั่นสะเทือนในช่องหูค่อยๆดังไล่เสียง แถวบ้านก็มีน้องหมาหลายตัว
    ไม่เคยเป็นแบบนี้ เวลาเค๊าเห่ากัน แต่ตัวนี้เห่าทีไรเหมือนเข้าไปอยู่ในรถเครื่องเสียงดังๆทุกที
    เป็นข้างซ้ายข้างเดียวด้วยค่ะ

    ฝึกทำสติทั่วร่างกาย ช่วงนี้รู้สึกหายใจไม่ออกค่ะ ไม่ได้จ้องลมหายใจจะเป็นตอนหลับตาค่ะ
    ถ่าลืมตาไม่เป็น พยายาม อยู่ ในการสั่นหรือหัวใจเต้นก็ยังเป็นอยู่ เหมือนไม่อยากหายใจออก
    แก้ไขไงดีคะอาจาร์ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...