ท่านๆ วิิปัสสนากันบ้างไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ิ์Fist of the North Star, 21 มิถุนายน 2014.

  1. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ท่านผู้สนทนาถึงสภาวะที่กล่าวมาแล้วใช่มั้ยครับ
     
  2. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ............---------------(นิโรธอริยสัจ--อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส หน้าที่539)------ตั้งแต่เห็นโทษในกาม สงัดจากกาม เข้าสู่ฌานที่ 1 อันมี วิตก วิจาร ปิติ สุข-----จนกระทั่งถึง--- อานนท์ ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราสืบไปว่า เพื่อ กำจัดอาพาธ ข้อนั้นเสีย ถ้ากระไรเรา เพราะผ่านพ้น เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว พึงบรรลุ สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด ดังนี้ อานนท์ แม้กระนั้น จิตของเรายังไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ได้ ไม่หลุดออกไป ในสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น ทั้งที่เราเห็นอยู่ว่า นั่น สงบ..............อานนท์ ความคิดได้เกิดแก่เราสืบไปว่า อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ที่ทำให้เราจิตของเราเป็นเช่นนี้ อานนท์ ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า เพราะว่าโทษในเนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น ยังไม่ได้นำมาทำการคิดนึกให้มาก และทั้งอานิสงค์ แห่งสัญญาเวทยิตนิโรธ เราก็ ยังไม่เคยได้รับเลย ยังไม่เคยรู้รสเลย จิตของเราจึงเป็นเช่นนี้ อานนท์ ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราสืบไปว่า ถ้าหากเราได้เห็นโทษใน เนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วนำมาทำการคิดนึกในข้อนี้ให้มาก ได้รับอานิสงค์ในสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว พึงเสพในอานิสงค์นั้นอย่างทั่วถึงไซร้ ข้อนั้นแหละจะเป็นฐานะ ที่จะทำให้จิตของเราพึงแล่นไป พึงเลื่อมใส ตั้งอยู่ได้ หลุดออกไป ในสัญญาเวทยิตนิโรธ โดยที่เ้นว่า นั้นสงบ อานนท์ โดยกาลต่อมา เราได้ทำเช่นนั้นอย่างทั่วถึง จิตของเราจึงเลื่อมใส ตั้งอยู่ได้ หลุดออกไปในสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น โดยที่เห็นอยู่ว่านั้นสงบ อานนท์ เราแลผ่านพ้น เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงเสียแล้ว จึง บรรลุ สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่(ไม่มีอาพาธใดต่อไป) อนึ่งอาสวะทั้งหลายได้ถึงความสิ้นรอบไป เพราะเราเห็นได้ด้วยปัญญา---นวก.อํ.23/457/245..:cool:
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........ตามความเห็นของผม(ความเห็น) เป็นการเห็นความไม่เที่ยง ของความธรรมทั้งหลาย ความเป็นสัญญา และ เวทนาทั้งหลาย เข้าถึงความสงบ อันเป็นที่สุด อันเกิดจากการเห็นความไม่เที่ยงในธรรมทั้งหลาย ตั้งแต่ ความสุขจากกาม พอ สงัดจากกาม ก็ เข้าสุ่ ฌานที่1 อันมี วิตก วิจาร ปิติ สุข...ตามลำดับ....การเห็นความไม่เที่ยงหรือ เห็นไตรลักษณ์ นั้นเอง..:cool:
     
  5. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ฌานสมาธิที่เกิดกับนักปฎิบัติที่ยังไม่เข้าใจนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นมิจฉาสมาธิ ไม่ว่าสมธินั้นจะเป็นในระดับไหน(1-8)สมาธินี้จะเข้าสู่ความหลุดพ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีความเห็นถูกต้องตรงสัมมาทิฎฐิของพระพุทธองค์ ที่ว่าสิ่งทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา มีปรกติเห็นโทษในสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ส่วนนิโรธสมาบัตินั้นเป็นสมาบัติของพระอริยเจ้าชั้นสูงที่เกิดจากวิปัสนาสัมมาทิฏฐิเห็นโทษคือการเกิดดับของสมาบัติ8นั้นเอง
     
  6. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ในที่นี่ไม่มีสภาวะอะไร หากจะหมายถึงสัญญาขันธ์กับปัญญาทางโลกเป็นตัวเดียวกันตรงนี้ตอบว่าใช่ รู้ด้วยการปฏิบัติ หรือวิตกวิจารณ์กับการพิจารณาเป็นตัวเดียวก็ใช่เช่นกัน
    ทางปฏิบัติผมไปได้เพียงฌานที่8 แต่ต้องถอยกลับเพราะสภาวะนี้มีความจดจำเหลือน้อยมาก เนื่องจากหน้าที่ทางโลกยังมีอยู่จำใจต้องถอยกลับครับ
    ฌานที่ 8 ชื่อว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ผมจะแปลตามสภาวะว่าปัญญาความจดจำมีเหลือน้อยอย่างยิ่ง
    ใครจะว่าอะไรถูกหรือผิดก็ว่ากันไป ผมจะไม่ขอโต้แย้งอะไร ที่ผมแสดงก็หวังให้เป็นประโยชน์แก่ผู้แสวงหาเท่านั้น ท่านผู้รู้แจ่มแจ้งในหนทางดีอยู่แล้วก็ตามนั้นครับ
    ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายไปปฏิบัติตามที่ท่านรู้และมั่นใจว่าใช่อย่างเต็มที่สุดกำลังก่อน อย่างน้อย 1-3 เดือนต่อเนื่องทั้งกลางวันกลางคืน แล้วท่านจะได้คำตอบว่าแท้จริงใช่หรือไม่
    ก่อนที่ผมจะมั่นใจว่าใช่ผมได้ปฏิบัติฌานสมาบัติตลอด 2 เดือน วันละ 20 ชั่วโมง ส่วน 4 ชั่วโมงเป็นภาระกิจอื่นรวมทั้งนอนด้วย
    ทุกสภาวะฌานตั้งแต่ 1 - 8 เป็นอย่างไรได้สัมผัสมาแล้ว บอกได้เลยว่าในตำราที่ผมได้อ่านทั้งหมดเขียนเกี่ยวกับอรูปฌานผิดทั้งหมด ตลอดทั้งคลิปต่างๆก็ได้ฟังมาแยะก็แสดงตามตำราและก็ผิดไปด้วยกัน
    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  7. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อรูปฌานเป็นอย่างไร
    สภาวะต่าง ๆ ทางกายเป็นทุกข์อย่างรุนแรง การสู้กับสภาวะนั้นส่วนใหญ่เข้าไปสู้กันในนิมิตรคือทั้งตัวเราและนิมิตรนั้นก็อยู่ด้วยกัน เหมือนกับความฝันแต่สภาพเป็นอย่างปกติทั่วไป
    ก่อนพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ท่านก็ได้ต่อสู้กับนิตรในชั้นอรูปฌานก่อนเช่นกัน
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  8. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ขอร่วมวงด้วยครับคุณAunyadham ฌานที่พระพุทธเจ้าเราทำได้ตอนไปเรียนกับ สำนักอาฬรดาบถและอุทกดาบถ เป็นฌานเพื่อความสงบครับ แต่ปฐมฌานที่ทรงนึกได้ตอนวัยเด็กเป็นฌานแบบตั้งมั่น สัมมาสมาธิครับจึงต่างกันครับ

    ตอบ เพราะเรื่องจริงคือพระพุทธเจ้าไม่ได้สำเร็จฌานสมาบัติ 8 มาจากดาบถทั้งสองมาจริงๆนะสิครับ จึงนึกถึงปฐมฌานที่เคยทำได้ตอนครั้งยังเด็ก ชะรอยว่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ได้กระมัง ปฐมฌานก็คือฌานอย่างที่ 1 เป็นไปเพื่อความสงบระงับ ไม่ได้แตกต่างจากฌานอื่นๆที่เน้นความสงบตั้งมั่นเป็นที่ตั้ง เพียงแต่มีองค์ 5 มี วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัตคตา คำว่าสัมมาสมาธิความตั้งใจมั่น คือ ความตั้งใจมั่นในนการเพียรเพ่งเพื่อให้เกิดกำลังของสติ เรียกสตินทรีย์ฌาน ให้มีมากที่สุด เพื่อนใช้เป็นตัวตัดกระแสกิเลสความคิดที่มันเหนียวแน่นยิ่งกว่าโคตรเพชรโคตรเหล็กไหลเสียอีก ถ้าสำเร็จได้จาก ได้ถึง ฌานที่ 8 จริง ไม่ต้องๆเลยครับ ใช้ฌานที่ 8 ต่อยอดเลย เรื่องของเรื่องก็คือไม่จริงไงละครับ เหตุผลง่ายๆ


    ยังสังสัยอยู่ตรงนี้ครับที่คุณAunyadham บอกว่า นิโรธธรรมการดับ ต้องทรงไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงอันนี้เป็นยังไงครับ ใช่ขณะเกิดมรรคจิต(บรรลุธรรม)หรือเปล่าครับ ขอขยายความด้วยครับ ขอบคุูณครับ[/QUOTE]

    ตอบ นิโรธธรรมการดับ ต้องทรงไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงอันนี้เป็นยังไงครับ ใช่ขณะเกิดมรรคจิต(บรรลุธรรม)หรือเปล่าครับ ใช่ครับ ตรงนี้เป็นมรรค สภาวะนิโรธธรรมคล้ายออกปลายหัวงของสภาวะนี้ จึงเกิดญาณเข้าไปหยั่งรู้ ใน ปฏิสัมภิทา ปฏิจจสมุปบาท รู้กิจสี่ เวียนเป็น สามรอบ เรียกกิจสี่่ ญาณ สาม ตรงนี้แหละครับ ตัวปัญญาที่แท้จริงที่พระพุทธองค์ทรงหมายถึง รู้แจังในทุกสรรพสิ่งตามสภาวะความเป็นจริง ตรงนี้เป็นผล และเกิดผลทางสภาวะ ที่เกิดจากการบรรลุนิโรธธรรม เป็นสภาวะทางร่างกายและจิตใจด้วย ตรงนี้ถ้าสนใจให้คุณฐสิษฐ์อธิบาย หรือจะไปฟังคำบรรยายของหลวงปู่ก็ได้ถ้าคุณสนใจจริงๆ จะส่งให้ทางอีเมลล์ ตรงนี้แหละที่ผมอยากจะย้ำให้ทุกท่านได้ทราบถึงความหมายว่าปัญญาที่หยั่งเข้าไปรู้สิ่งต่างๆตามสภาวะความเป็นจริง เป็นปัญญาที่เกิดหลังจากบรรลุนิโรธธรรมแล้วเท่านั้น ขณะปฏิบัติมิใช่ปัญญาตัวนี้ ขณะปฏิบัติเป็นปัญญาทางโลกียปัญญา ที่เกิดดับๆ พร้อมทุกๆขณะจิต ที่ใช้ในการพิจารณา มิใช้จะเอาปัญญาตัวนี้ไปนิพพาน จึงเรียนมาเพื่อทราบครับ
     
  9. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    เรียนถามนะครับการที่เราเพ่งอยู่ตรงจุดที่ท่านกล่าวมานั้นกายสังขารจะดับลงในฌานขั้นไหนครับ และเรียนถามต่อนะครับในขณะมี่เพ่งอยู่นั้นสติระลึกอะไรครับ อีกคำถามนะครับการเพ่งตรงจุดนั้นจะทำให้เราเข้าถึงอะไรครับ มีอาการอย่างไรครับช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับเพื่อความรู้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  10. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    กายดับที่ฌาน4 ในชั้นอรูปที่จุดเพ่งจะปรากฏสลับกับนิมิตร
    สติระลึกรู้ที่จุดมโนทวาร โดยลักษณะเพ่งและพุ่งเข้าหาจากภายนอกสู่ภายใน ในขณะที่มีความคิด นิมิตรหรืออารมณ์ที่ปรากฏเด่นชัดยิ่งพุ่งใส่ หลวงปู่เรียกว่าพุ่งตัดครับ

    อีกคำถามนะครับการเพ่งตรงจุดนั้นจะทำให้เราเข้าถึงอะไรครับ มีอาการอย่างไรครับช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับเพื่อความรู้ครับ
    เราจะเข้าใจถึงสภาพความจริงของความคิดหรือจิตอันเป็นสมุทัย หลวงปู่สอนว่าดับกิเลสตัวพาทุกข์ให้ดับที่เหตุอันเป็นสมุทัยคือความคิดหรือจิต อาการเมื่อเริ่มเพ่งเข้าไปจะมีอาการมึนงง(เป็นอาการที่จิตสร้างอารมณ์เข้าต่อต้านกับสติ) ต่อไปอาการจะรุนแรงขึ้นไปทั่วหัว คอแข็งและปวด ปวดไปทั่วตามกระดูก ลุกแทบไม่ขึ้น ปวดที่ลูกตา ตามแข็งเหลือบมองด้านข้างไม่ได้ ตัวร้อนมากจนยุงไม่กัด แต่ก็ลุกเดินไปไหนมาไหนได้ อันนี้เป็นของผมนะครับ แต่ของหลวงปู่พระอาจารย์ใหญ่มากกว่านี้อีกแยะครับ
    หลวงปู่แสดงธรรมไว้ว่าการจะเป็นพระอริยะต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต้องมอบกายถวายชีวิตครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  11. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ผมรบกวนนะครับ ผมถามใหม่นะครับเมื่อได้ฌานที่4แล้วรูปดับไปหมดแล้วจุดนั้นก็หายไปด้วยแล้าเราจะเพ่งต่ออย่างไรครับ และสภาวะนั้นเรียกว่าอะไรครับเข้าได้ทุกครั้งมั้ยครับ
     
  12. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อ่านให้ดีครับจุดเพ่งไม่หายครับ(กายดับที่ฌาน4 ในชั้นอรูปที่จุดเพ่งจะปรากฏสลับกับนิมิตร) รูปไม่มีแต่มีความรู้สึกเป็นเวทนาปรากฏอยู่
     
  13. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    เวทนาที่เป็นสุขทุกข์เฉยๆจะเป็นจุดๆได้อย่างไรครับ อันนี้ผมไม่เข้าใจนะครับ และฌานที่สี่นั้นสุขทุกข์ก็ดับไปหมดแล้วเหลือแต่อุเบกขาเวทนาซึ่งไม่มีเป็นจุดๆ การที่บอกว่าเป็นจุดๆได้นั้นหมายความว่ารูปยังไม้ดับถึงจะมีเครื่องหมายปรากฎเป็นจุดๆ และที่ยังไม่ได้ตอบผมการเพ่งเข้าถึงอะไรครับ(สภาของอะไร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  14. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ต้องปฏิบัติแล้วจะเข้าใจว่ามันเป็นได้อย่างไร ผมตอบตามสภาวะตามเป็นจริง สภาวะจริงมีแต่ทุกข์ครับ ไม่สุขหรืออุเบกขาที่เป็นตัวตน สุขในฌานคือประคองอารมณ์ทุกข์ได้ อุเบกขาในฌานคือแม้นจะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ตาม
    เพ่งใหม่ๆ ทุกข์มันมาทุกทิศทุกทาง ภาษาทางปฏิบัติเรียกว่าผึ้งแตกรัง ระดับต่อไปควบคุมได้ ต่อไปวางเฉยได้ ขณะวางเฉยได้สมบูรณ์รูปจะหาย แต่ตัวทุกข์ก็ยังอยู่ ปรากฏชัดที่จุดเพ่ง
    เพ่งเข้าก็คือจากนอกเข้าใน ทำสติเหมือนหอกพุ่งเข้าที่จุดครับ
    การเพ่งต้องเพ่งที่จุดมโนทวารอยู่กลึ่งกลางใบหน้า ระหว่างลูกนัยตาทั้งสองข้างที่จุดดั้งจมูกหัก ที่พูดเรื่องจุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็ตรงนี้ครับ
    หากสงสัยให้ย้อนไปดูที่ผมเขียนไว้แต่แรกใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  15. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ผู้ร่วมสนทนาเพ่งตรงจุดนั้นแล้วจบยังไงครับอยากรู้จังเลย แล้วจะต้องเพ่งอยู่ทุกวันมั้ยครับ และสภาวะที่เข้าถึงนั้นเรียกว่าอะไรครับ
     
  16. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    จุดจบผมยังไม่ถึงนะ หลวงปู่แสดงจุดสุดท้ายว่าความคิดหรือจิตดับ รวมทั้งสติตัวเพ่งก็ดับ กิเลสซึ่งอาศัยในความคิดก็ดับครับ สรุปว่าจดสุดท้ายก็คือนิพพานครับ
    การเพ่งก็เป็นการปฏิบัติครับ จะต้องเพ่งทุกวันหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าจะปฏิบัติเมื่อใด ปฏิบัติทุกวันก็เพ่งทุกวัน
    มีคลิปหนึ่งหาฟังได้ในกระทู้นี้ ท่านเพ่งอยู่ 7 ปี จึงได้บรรลุพระโสดาบันครับ
     
  17. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ผมเชื่อนะครับว่าผู้ร่วมสนทนาคงเข้าถึงสมาธิระดับใดระดับหนึ่งแน่ๆ แต่ขอให้ทราบด้วยนะครับมิจฉาสมาธิและมิจฉามรรคก็มี สมาธิใดที่ไม่ได้เกิดจากสติที่ระลึกตรงลักญณะความจริงคือเห็นการเกิดดับขององค์ที่นำมาปฎิบัตินั้น จะเป็นมิจฉาสมาธิและมิจฉาสมาธินั่นไม่ต่างจากสัมมาสมาธิคือได้ความสงบสว่างพบกับสภาวะความว่างเปล่าแต่เข้าไม่ถึงความไม่ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวงจะกลายเป็นพรมไปนะครับ อนุโมทนาธรรมครับ
     
  18. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    และวิธีที่จะเปลี่ยนมิจฉาสมาธิให้เป็นสัมมาสมาธินั้นก็ไม่ยากเลยเพียงเข้าสมาธินั้นแล้วเปลี่ยความคิดตั้งสติระถึงสภาวะนั้นเป็นเพียงสภาวะหนึ่งที่มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ก็ไถ่ถอนอุปทานบรรลุธรรมสมควรแก่ธรรมได้แล้วครับ นี่คือปฎิปทาเพื่อล่ะความไม่ยึดมั่นถือมั่นในสภาวะนิพานตามพุทธวจนครับ
     
  19. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844

    ก็บอกจะไม่โต้เถียงอะไรกับใคร คุณว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นละ ธรรมนี้ขอมอบให้แก่ผู้แสวงหาเท่านั้น
    ใครเชื่อใครคิดว่าอะไรถูกก็เอาสิ่งนั้นไปปฏิบัติ ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง ผิดถูกใช่อย่างที่เชื่อที่คิดหรือไม่ การปฏิบัติเป็นเครื่องตัดสินครับ
     
  20. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอให้ผู้ร่วมสนทนาบรรลุถึงจุดหมายไวๆจะได้นำมาบอกกันอีกขอบคุณมากครับที่ร่วมสนทนาให้ประสบการณ์ขอให้เจริญธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...