ดวงจิตก่อเกิดมาจากไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย thanapanyo, 2 พฤษภาคม 2014.

  1. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    จขกท.มีญานอย่างหนึ่ง ใช่หรือไม่ จึงรู้ซึ่งนิพพานด้วยตนเอง
     
  2. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    หากไม่ใช่ เพราะ "อาสวักขยญาน" แล้วไซร้ ซึ่งมีใน...

    คนทำมะดำ มันส์จะงง
     
  3. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    จิตว่างในสภาวะนิพพาน

    จิตนั้นเหมือนความว่างเปล่า สายลมแห่งความชุ่มเย็น ไม่มีสิ่งใดที่จะปนเปื้อนได้ แต่มีความชุ่มเย็นนั้นสู่จิตอื่น รวมทั้งธรรมชาติจักรวาล จึงมีสายลมแห่งความชุ่มเย็นด้วยพุทธบารมีนั้น ชุ่มเย็นสู่จิตที่ร่ำร้องเรียกหา เพื่อเป็นพลังแห่งแสงพุทธาเยียวยาจิตทุกดวงให้หลุดออกจากบ่วงของการเวียนวน จึงแสดงว่าองค์พุทธบิดายังไม่ดับสูญ ยังมีอยู่ในสภาวธรรมชุ่มเย็นและว่างเปล่านั้น
     
  4. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ในรูปประโยค ผมเริ่มจับอะไรได้บางอย่างล่ะ

    แต่เอ้ พุทธบิดา ซึ่งแปลว่าผู้ให้กำเนิดพระโพธิสัตว์เพื่อตรัสรู้

    หมายไปยัง พระเจ้าสุทโธทนะ ซึ่งนิพพานไปแล้วนั้น

    ผมเข้าใจถูกหรือป่าว
     
  5. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    จขกท.มีญานอย่างหนึ่ง ใช่หรือไม่ จึงรู้ซึ่งนิพพานด้วยตนเอง

    ยังไม่สามารถเปิดเผยได้แต่หากปรารถนาเข้าใจจงตั้งใจให้เข้าถึงเถิด
     
  6. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    ตอบความหมายคำว่าพุทธบิดา

    พุทธบิดาคือองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ให้กำเนิดพุทธศาสนา
     
  7. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คุณ จขกท. คุณเห็นอะไรบ้างอย่างไหม

    ไอ่หมอนั่นมันส์กดไม่เห็นด้วย ในทุกข้อความที่คุณโพสหน้าที่แล้ว

    แต่พอมาในหน้านี้มันส์เริ่มเห้นด้วยกับคุณ

    หมอนี่..หากคลิกเข้าไปดูรายละเอียดส่วนตัว จะเห้นได้ว่าเป้นสมาชิกที่ไม่สมประกอบ

    มันส์แสดงความเห้นโพสอะไรไม่ได้ ซึ่งหากเป็นสมาชิกที่สมประกอบ

    จะต้องสามารถบอกเหตุผลได้ เห้นด้วยเพราะอะไร หรือไม่เห็นด้วยเพราะอะไร

    แต่หมอนี่เปล่าาา...กูจะกดให้เลอะใครจะทำไม

    ก็ลองพิจารนาดูคนประเภทนี้ ปล่อยวางได้ เพราะเห้นว่ามันส์ไม่สมประกอบ
     
  8. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    คุณ จขกท. คุณเห็นอะไรบ้างอย่างไหม

    เห็นเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นองค์ประกอบค้ำหนุนกันอยู่ของโลก
     
  9. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    แล้วเห้นเป้นธรรมชาติอย่างไร เอาอะไรเข้าไปเห้น
     
  10. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    มันเป็นธรรมดาของดวงจิตแต่ละดวงที่มีภูมิจิตที่ต่างกัน ที่ไม่สามารถรู้อะไรได้เหมือนกันเพราะธรรมชาตินั้นมีดวงจิตทุกระดับที่ดำรงอยู่เช่นบางดวงจิต เขาก็ไม่สามารถเข้าถึงบุญได้อย่างแท้จริงหรือไม่สามารถเข้าถึงพระธรรมคำสอนที่สูงได้ จึงมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา หากเราเป็นผู้ที่เห็นความธรรมดานั้นแล้ว ควรนิ่งเฉยและเติมพลังบุญจากคำสอนต่างๆที่เราได้รู้แล้วนั้น แก่เขาด้วยความเมตตา เมื่อเขาได้เข้าถึงคำสอนนั้นแล้วจะทำให้เขาได้เลื่อนภูมิจิตจนมาเข้าใจเอง
     
  11. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    อันนี้เป็นข้อความทำมะดาๆ จขกท.บอกเข้าถึงธรรมชั้นสูง หลุดพ้นสิ้นอาสวะ

    แต่ไม่เห็นมีถ้อยคำข้อความใดที่แสดง สติ สมาธิ ปัญญาในทางธรรม
     
  12. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    ไม่มีสติปัญญาอันใดที่เหนือไปกว่าความนิ่งเฉยด้วยความเมตตา
     
  13. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คุณคนทำมะดา คุนไม่สามารถแสดงความเห้นหรือร่วมสนทนาได้

    รู้อยู่ว่าไม่สมประกอบ ก็ควรจะอยู่นิ่งๆ อ่านเฉยๆ

    อย่าทำตนเหมือนสัตว์ชนิดหนึ่ง ข้อความต่างๆ ที่คนอื่นโพสมันไม่ใช่มูลฝอย

    มันเป็นเหตุเป็นผลของคนๆนั้น เมื่อไม่แสดงเหตุผลพิมพ์สนทนาได้ ก็อย่าขี้..¡ ไปทั่ว มันเลอะ
     
  14. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    พิมพ์ยาวๆ หน่อยได้ไหม เหมือนอย่างในแรกน่ะ

    เฉยโง่ ก็มีนะ เมตตาโดยไร้เหตุผลน่ะ
     
  15. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    ไม่มีสติปัญญาอันใดที่เหนือไปกว่าความนิ่งเฉยด้วยความเมตตา เพราะหากเราเป็นผู้ที่รู้เห็นทุกอย่างเป็นธรรมดาแล้วนั้น ก็จะแปลว่าปัญญาที่แท้จริงได้ก่อเกิดกับคนผู้นั้นแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะไปกระทำสิ่งใดเพื่อให้เกิดอะไรขึ้นมา เปรียบเสมือนเป็นมีดที่ไม่มีปลายที่จะไปทิ่มแทงกับสิ่งใด แต่มีความคมของมันอยู่ทั้งสองด้าน หากเรากระดุกกระดิกอาจทำให้โดนบาดจากความคมของมีดทั้งสองด้านนั้นได้ แต่หากนิ่งเฉยสิ่งใดที่โยนเข้ามา ความคมของมีดนั้นก็จะบาดสิ่งนั้นล่วงลงไปเอง จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าควรเป็นผู้นิ่งเฉยด้วยความเมตตาที่พอประมาณ ก็เพียงพอแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2014
  16. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200

    ??????
     
  17. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    คนที่สำเร็จธรรมในจิตอย่างแท้จริงแล้วนั้น จะไม่มีหน้าที่อะไรที่จะต้องไปใช้คำพูดหรือชี้แจง ตอบโต้ กับสิ่งต่างๆที่กระทบเข้ามานอกจากความเมตตาในจิตนั้น ว่าเขานั้นยังไม่ได้เข้าใจ และให้คำชี้นำแก่เขา ส่วนเขานั้นจะเข้าใจหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคนผู้นั้น เราจะไม่เป็นสุขเป็นทุกข์กับเขาเลย เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้ ด้วยการลองผิดลองถูก แต่หากเราได้ชี้ทางแก่เขาไปแล้วหนึ่งเส้นทาง เมื่อเขานั้นวนหาทางไม่เจอ เขาก็คงจะเดินตามทางที่เราชี้ให้ในที่สุด เขาก็จะเดินตามทางนั้น และพบกับความสำเร็จได้เช่นเดียวกันกับเรา จึงไม่ควรที่จะทำให้จิตของเราตกลงไปคลุกอยู่กับเขา และหลงทางซะเอง
    ควรแต่จะมองสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตนขึ้นไป แล้วค่อยๆหาวิธี เลื่อนระดับจิตให้สูงยิ่งขึ้นไป จนกว่าจะหายไปจากการนั่งอยู่บนใบมีดนั้น ด้วยคุณงามความดี ที่ได้สร้างสมมาทั้งหมด จะส่งผลให้เข้าถึงสภาวธรรมนั้นเอง
     
  18. thanapanyo

    thanapanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +328
    ความทุกข์ของมนุษย์

    ความทุกข์ที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เราสามารถที่จะแก้ไขและเอาชนะมันได้ ทุกข์ที่หนึ่ง คือทุกข์ที่เกิดจากการกิน ไม่ว่าเราจะเหนื่อยมากเพียงใดเราต้องทำมาหากินอย่างไม่รู้จักเพียงพอต่อการบริโภค ในแต่ละวันนอกเรากินอาหารเข้าไปเยอะแล้วยังต้องตามใจกิเลสที่เกิดขึ้นอีก หิวก็เป็นทุกข์ อิ่มมากไปก็เป็นทุกข์ กินไม่ได้ ร่างกายผอมโซก็เป็นทุกข์ กินมากไปร่างกายอ้วนก็เป็นทุกข์ บางคนเพราะความอยากจะกินจึงต้องสร้างกรรม สร้างวิบากกรรมเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหาร ลักขโมย หรือทำอาชีพที่ไม่สุจริต เพื่อนำมาหาซื้อหาอาหาร ดังนั้น ให้เราพิจารณาตามแล้วค่อยๆเปลี่ยนนิสัยการกิน ให้เรารู้จักในการพอประมาณในการกิน กินเท่าที่เรามีอยู่ ไม่ต้องพยายามหาสิ่งของหาของกิน ที่ทำให้เราพอใจแต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้เรา เช่น มีเงินก็น้อย แต่ต้องกินของแพงๆ กลัวอ้วนแต่กินสิ่งที่ชอบ แบบไม่มีจำนวนจำกัด และยังต้องมีโรคภัยเบียดเบียนตามมาอีกด้วย ให้พยายามตัดนิสัย เช่น หากเรากินมากก็ให้กินน้อยลง หากชอบกินของแพงๆก็ให้กิน แต่พอประมาณตามที่เรามีอยู่ตามเหตุตามปัจจัย อย่าให้เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่เพราะเราจะตกเป็นทาสของมันแบบไม่รู้ตัว ให้ทำแบบนี้ ค่อยๆทำไปในที่สุด เราก็จะสามารถเอาชนะมันได้ ไม่ต้องตกเป็นทาสของมันอีก ชีวิตของเราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะการกินอีกต่อไป
    ทุกข์ที่สอง คือการกลัวการแก่ มนุษย์เราทุกคนมักจะกลัวกับความแก่ เมื่อแก่ตัวลง ความไม่สบาย ความไม่สวยไม่งามก็มาเยือน มักจะเป็นโรคขี้น้อยใจคิดมาก กลัวลูกหลานจะรังเกียจและไม่รักตน จู้จี้ขี้บ่นเพราะเป็นห่วงลูกหลาน เลยกลายเป็นช่วงชีวิตที่ยากและเป็นทุกข์มากในตอนแก่ อย่ามัวแต่กลัวมันเลย ทำใจยอมรับความจริงมองทุกอย่างให้เป็นจริงตามธรรมชาติ ทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระทำจิตให้ชื่นบาน หากคนแก่ที่มีแต่บุญอยู่ในจิตใจ กายภายในก็จะเปลี่ยนกายภายนอกให้เป็นคนที่น่าอยู่ใกล้ ใครเห็นก็อยากจะช่วยเหลือขอพร และอยากจะทำบุญด้วย หากเรากลัวและไม่ยอมรับความจริง ก็เหมือนคนดื้อ ใครก็ไม่อยากเข้าใกล้ไม่อยากทำดีด้วย ก็จะเป็นเหมือนคนน่ารังเกียจไปจริงๆ การที่จะสามารถเอาชนะความแก่ได้ คือการที่สามารถมองเห็นความเป็นจริง มองความจริงให้เป็นความธรรมดา ทำบุญ ทำจิตใจให้เบิกบาน และปล่อยวาง ในที่สุดเราก็จะสามารถเอาชนะมัน ไม่ต้องตกเป็นทาสของมัน
    ทุกข์ที่สาม คือ ทุกข์จากความตาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์เรา คือ ความตาย แต่ส่วนมากมนุษย์ก็มักจะมองข้ามความจริงข้อนี้อยู่เสมอ ลุ่มหลงกับสิ่งที่มีจนไม่มีเวลาเตรียมตัว เตรียมใจ และมักจะร้องขอชีวิตเมื่อถึงวาระสุดท้าย แต่ไม่ว่าจะร้องขอชีวิตมากเพียงใด สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีเป็นไปตามธรรมชาติเป็นแบบนี้ ให้เราปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากการกลัวตาย ในแต่ละวันให้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะต้องตายเป็นแน่แท้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันทำความดีทำบุญทำทาน มากแล้วหรือยัง ได้ตอบแทนพระคุณบิดา มารดา และผู้มีคุณกับเราบ้างแล้ว หรือยัง เราได้สร้างกรรม หรือทำบาปไว้กับสิ่งใด ก็ให้รีบแก้ไขก่อนที่จะไม่มีเวลา ให้รีบสร้างสมบุญบารมีไปลบล้าง และขอขมากรรมให้หลุดก่อนที่ชีวิตเราจะสิ้นลงไป แล้วก็มาดูความดีว่า มันยังน้อยเกินไปหรือเปล่า และจะทำบุญ ทำความดีอะไร มาสร้างสมเพิ่มให้ได้มากที่สุด เพราะอย่าลืมว่าบุญกุศล คุณงามความดี เป็นสิ่งที่จะพาดวงจิตของเราไปสู่ที่ ที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ เปรียบเสมือนการเก็บสะสมเงินทองข้าวของที่มนุษย์เราปรารถนาที่จะเก็บให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เราก็ลองเปลี่ยนมาเป็นเก็บสะสมบุญกุศล คุณงามความดี สะสมให้ได้มากๆเท่าที่พอจะทำได้เช่นเดียวกัน แต่มันต่างกันตรงที่ว่าการเก็บสะสมเงินทองไว้มากๆเกินความจำเป็น จะทำให้เราติดอยู่และเราก็จะตกอยู่กับความทุกข์ ทำให้เราจะยังติดอยู่ในวัฏสงสาร ต้องวนเวียน ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย อยู่อย่างนี้ไม่มีวันพ้นทุกข์ แต่การเก็บสะสมบุญนั้น หากยิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีเท่านั้น และยังสามารถนำพาเราให้พ้นจากความทุกข์ ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ จนชีวิตหลังความตายก็จะกลับไปสู่ที่ที่ดีกว่า เป็นแน่แท้และก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ แม้แต่ความตายเราก็จะไม่กลัว ให้เราสำนึกอยู่เสมอว่าการเกิดมาครั้งนี้ของเราขาดทุนหรือเปล่า การเกิดของมนุษย์ก็เหมือนการมาลงทุน หากเราสร้างความดี สร้างบุญสร้างกุศลส่งจิตไปสู่ที่ ที่สูงกว่าหรือดีกว่าได้ ถือว่าเป็นผู้มีกำไรมาเกิด แต่ถ้าเราเกิดมาแล้วไม่รู้ค่าในการเกิดสร้าง แต่สร้างบาปทำแต่ความชั่ว เราก็จะตกเป็นผู้ขาดทุนในการมาเกิด การเกิดมาของมนุษย์นั้นมีค่ามาก แต่จะไม่มีค่าอะไรเลย หากตกเป็นคนขาดทุนในการเกิด เปรียบเสมือนสิ่งของ ที่ไม่มีค่าอะไรแล้วก็กลายเป็นของไร้ค่า ก็จะถูกทิ้งลงถังขยะในที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...