เวลาที่พบคนต่างๆจะมีบางคนที่ดิฉันเห็นเปลวแสงที่บอก รูปร่างไม่ได้ กลุ่มใหญ่พอประมาณเคลื่อนฟุ้งไปมา เมื่อสองวันก่อน พบเห็นแสงดังกล่าวออกมาจากศีรษะของ เพื่อนชาวมุสลิมผู้ชายที่มาคุยที่บ้าน ในขณะที่ บางคนดิฉันก็มองไม่เห็น บางคนเป็นผู้หญิงดิฉันเห็นกลุ่ม แสงสีแดง เคลื่อนตัวฟุ้งๆแบบของมุสลิมผู้ชายคนดังกล่าว ลักษณะแบบเดียวกันแต่คนละสี อีกสิ่งที่เจอก็คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งหยิบเสื้อหนาวมาใส่ พอมองไปที่เสื้อกันหนาวพบว่ามีดวงแสงบอกรูปร่างไม่ได้ อีกเช่นเคย ฟุ้งๆ เคลือบอยู่ที่เสื้อหนาว แต่เป็นสีเขียว นอกจากแสงประเภทดังกล่าวนั้น จะพบแสงประกายวาบเหมือนพลุ ใสๆคล้ายเพชรวาบมาแบบนี้นี้จะมีสองแบบคือ แบบที่ใส่ขาว วาวแบบเพชร กับ แบบที่ ใสออกขาวอมแดง หรือ จุดศูนย์กลางค่อนข้างแดง มาเวลาใช้สมาธิเพ่ง หรือ เวลาสะเทือนใจ หรือ เวลานึกถึงคนตาย ไปสุสาน และมองภาพคนที่เสียชีวิต อีกอย่างคือ เวลาเรียกดวงกสิณไฟด้วยตาเนื้อมาบนมือ จะรู้สึกอุ่นๆที่มือ อยากทราบว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เห็น แสงประเภทต่างๆนั้นมาจาก อิทธิพลของกสิณ วิญญาณ เทพ ออร่า หรือ การถือศีลมากกว่าห้าข้อคะ มีอยู่สองสามครั้ง มีคนที่กล่าวคำพูดที่ทำให้ดิฉันสะเทือนใจอย่างแรง เป็นผู้หญิง เมื่อนั้นดวงไฟสีแดงปรากฏเข้ามาที่ตามโณ จะมาทุกครั้ง เมื่อมี อารมย์ โกรธ เศร้า สมาธิ เพ่ง ฯลฯ พอกลับไปบ้านได้หนึ่งวันดิฉัน เฝ้าคิดซ้ำๆเรื่องที่ถูกบุคคลดังกล่าวใช้คำพูดไม่ถูกต้อง แล้วอยู่ๆ ในวันถัดมา บุคคลดังกล่าวก็มาขอโทษ ขอโพยทำดีกับดิฉัน ราวกับว่าเจอดีอะไรมา
แสงเหล่านี้ที่ปรากฏตามคนต่างๆเริ่มทำให้ดิฉันสามารถแยก แยะออกได้ว่า คนไหนเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ และ เป็นคนอย่างไร ถ้าคนคนนั้น เป็นคนที่หวังดี สีจะแบบนี้คะ รูปร่างประมาณนี้และวงใหญ่ บางคนก็มีสีนี้ที่หัว ถ้าตัวดิฉันเองจะสีโทน ขาวอมเหลือง ตองอ่อน และขอบออก เขียวๆ ไม่ใช่เห็นที่ตัวเรา แต่ ถ้า เกี่ยวกับเรามันจะอยู่ในนิมิต เช่น เวลาหลับตา หรือ ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่นหรอ บางทีมันก็มาเคลือบตามข้าวของที่เราใช้
การฝึก กรรมฐาน ที่เกียวกับ สมถะ ที่ใช้รูปนิมิตเป็นที่ตั้ง จิตจะมีสภาพการปรุงแต่งจิต ไปต่างๆ ฉะนั้น ผู้ฝึกสมถะ ด้วยการตั้งรูปนิมิต ต้องพึงระมัดระวัง โอกาส จะทำให้เราเคลื่อนจากกรรมฐานและเพี้ยนจะมีมาก หากเราจะมุ่ง หาความหมาย หาที่มา ที่ไป ก็จะทำให้เราห่างจากจุดมุ่งในการทำกรรมฐาน เพราะ จิต มีความปรุงแต่ง ที่รวดเร็ว อย่างเช่น หากเราฝึก รูปนิมิต ด้วยแสง แสงทิพย์บ้าง ล้างกายทิพย์ด้วยแสงบ้าง บางทีเราเจอ ผู้คน เราจะมองเห็น พลังงานที่อยู่รอบๆตัวเขา ที่ทั่วไปเขาเรียก พระเครื่องบ้าง ของขลังบ้าง ออร่าบ้าง หรือแม้แต่ เพ่งมองได้ถึงที่บ้านบ้าง หรือแม้กระทั้ง มองตามร่างกาย ก็เป็นส่วนที่ดำหมองคล้ำบ้าง บางคน ก็ถึงกับกลายไปเป็นหมดดู สแกนกรรม อะไรทำนองนั้นไป ทำให้ ตกจากกรรมฐานและจุดมุ่งในการทำกรรมฐาน ในส่วนการทำกสิณ หากอยากรู้อิทธิฤทธิ์ ของกสิณที่เราเพ่ง ก็จง เพ่งเทียนให้ดับ ส่วน นิมิต หลอกหลอน อย่าเพิ่งไปสนใจ มันจะทำให้หลงทางไกล
..ศิลให้บริสุทธิ์ และต้องบริบูรณ์ด้วย ..อะไรๆก็จะไม่เพี้ยนและง่ายสำหรับเรา ศิล สมมุติบริบูรณ์เต็มที่มี1กิโล.. เรามีแค่ 8ขีดต้องถือว่า ยังไม่บริบูรณ์ ขาดไป2ขีด จึงจะครบ1กิโล และศิล8ขีดนั้นต้องบริสุทธื์ครับ สาธุ เราแสดงธรรมตามสามารถ การใคร่ครวญธรรม พิจราณาธรรม ตัวใครตัวมันนะครับ
แสงสีที่เห็นเค้าเรียกว่า"โอภาส"เกิดขึ้นในระดับอุปจารสมาธิ ถ้ายังไม่ผ่านโอภาสก็ไม่ต้องพูดถึงนิมิตดวงกสิณ อย่างน้อยต้องได้ฌาน และ จะข้ามขั้นไปมั้ย สำหรับ ดวงกสิณด้วยตาเนื้อ ต้องฌาน4แบบคล่องตัวแล้ว พิจารณาธรรม ตามมีตามเกิดครับ
แล้วคุณ วิริยาธิกะล่อนพิเศษ ทำกสิณตาเปล่าได้หรือยังคะ ดิฉันก็สงสัยว่าถ้ามันเป็นโอภาสทำไมดวงมันใหญ่ และไปอยู่ที่หัวคน แต่สำหรับกสิณตาเปล่า ดิฉันสร้างได้คะ แต่ต้องเพ่งไฟก่อนอย่างน้อยสองสามวินาที
ดิฉันสงสัยว่า ทำไมจึงมีแสงดังกล่าวเฉพาะกับบางคนนะคะ แต่ไม่เห็นตลอดเวลานะคะ มันปรากฏเอง ไม่สามารถบอกเวลาได้ เลยลองมาถามดูคะ เพราะแสงดวงใหญ่มาก
กสิณ คือภาพติดใจ ครับ ส่วนที่คุณดัซเชส ทำนั้นเป็นเพียงภาพติดตา ไม่ใช่นิมิตของกสิณไฟ นะครับ ส่วนที่ถามว่าผมทำได้มั้ย ก็ขอบอกว่า Easier Said Than Done ครับ ปฏิบัติธรรมตามมีตามเกิดครับ
ถ้าเห็นอีก ลองสังเกตุอาการช่วงที่เห็นกับไม่เห็น เทียบกันน่าจะได้คำตอบค่ะ ตอนที่เห็นอาจอยู่ในช่วงจิตอยู่ในอุปจารสมาธิก็เป็นได้ค่ะ รอพี่ๆในห้องนี้มาแนะนำค่ะ
ภาพติดใจ หรือ (เห็นด้วยมโณ) ง่ายกว่าติดตาคะ อยากให้มันติดตาคะ มีวิธีคือเรียกในใจก่อนพอมันชัดก็ดึงออกมา เป็นภาพติดตา เห็นด้วยตาเนื้อ ยากคะ และอยู่ไม่ค่อยทนด้วย ต้องฝึกทุกวัน
ยังไม่ทราบเลยคะแต่คิดว่าอาจจะเป็น องค์เทพ หรือ วิญญาณคะ เพราะเคยไปคุยกับบางคนเขาบอก ถ้าเป็นแสงสีม่วงจะเป็นพระศรีอาริย์ หอ โพธิสัตว์ อาจจะมาจาการที่เราไม่กินเนื้อมานานนะคะ
ยังไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ..ระดับนั้นถ้ามาคุณนอนอยู่ในที่มืดๆจะสว่างได้ เทียบกับท้องฟ้าตอนกลางวันเลยครับและจะมาเงียบที่สุด โดยที่คุณไม่มีทางใช้กำลังสติหรือความสามารถพิเศษ ที่จะทราบได้ก่อนเลยครับ.. และท่านทั้ง ๒ ที่คุณกล่าวถึงจะไม่ใช่ลักษณะแบบนี้ครับ ..แต่ไม่ใช่ประเด็นหลักอะไรครับ ..ที่คุณเห็นมันเป็นกิริยาทางตาที่เป็นผลมาจากการฝึกกสิณส่วนหนึ่ง การรักษาความดีก็ส่วนหนึ่ง..ก่อนที่เราจะเห็นเป็นคลื่นพลังงานได้ครับ. พอนึกออกไหมครับ เช่นบางคนเค้าสัมผัสพลังได้จากการสัมผัส.แต่เค้า จะแค่เพียงรับรู้..แต่อย่างคุณคือมันจะสัมผัสได้เป็นลักษณะของคลื่นความถี่ ปกติคนจะเริ่มสัมผัสอย่างนี้ได้.มันจะเริ่มเห็นจากเป็นควันอย่างนี้ก่อนเป็นปกติ และพัฒนาต่อไปก็จะเป็นเป็นแผ่นๆใสได้.และพัฒนาเป็นเส้นสายใยได้ และพัฒนาเป็นถ่ายทอดลงไปสู่วัตถุให้มีชีวิตได้ หรือว่าถ่ายทอดกำลัง จิตเราลงไปยังวัตถุได้ต่อไปครับ ส่วนจะเป็นสีอะไรก็สุดแล้วแต่ตอนนี้ ..ส่วนสีที่เห็นบนศรีษะนั่นหมายถึงคลื่นที่แสดง ลักษณะความสามารถทางจิตของบุคคลนั้นๆ..แต่ถ้าเรามองเห็นออร่าของใคร ได้แต่เราไม่รู้จักการถ่ายเทพลังงานจะทำให้เราป่วยเป็นโรคใดโรคหนึ่งได้ดัง ต่อไปนี้ คือ พากินสัน ต่อมน้ำเหลืองโต มะเร็ง โรคพุ่มพวง หรือถ้าเราไปรับ พลังงานไม่ดีเข้ามา ก็จะทำให้กระดูกนิ้วมือข้อที่ต่อกับเล็บเราบวมได้.หรือ ไม่ก็กระดูกบวมตรงนิ้วเท้าได้ครับ.หรือเป็นโรคที่หมอรักษาไม่หายได้. ให้เราลองสังเกตุอะไรบางอย่างดูนะครับ.ช่วงนี้ถ้าเรารู้สึกโกรธปรี้ดทันที แล้วเราสามารถตัดลงได้อย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น. มันจะมีพัฒนาการในเรื่องทำนองนี้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นของมันได้เรื่อยๆครับ.. ปล.สรุปว่าตรงนี้เป็นกิริยาก่อนที่จะพัฒนาไปมองเห็นคลื่นได้ด้วยตาเปล่าครับ
สิ่งที่คุณนพอธิบายมา มีบางอย่างที่ตรงกับอาการของดิฉันคะ แต่ทีแรกคิดว่าเป็นเพราะอากาศหนาว แต่ มันเป็นเฉพาะมือขวา เป็นบางครั้ง แต่ปีก่อนๆที่อยู่ยุโปมา อากาศหนาวแต่ก็ไม่เป็น ตอนนั้นยังไม่เห็นแสงพวกนี้ แม้จะเริ่มๆฝึกกสิณมั้งแล้ว เพราะไปรับมาจากวัด อาการคือ นิ้วมือขวา ตรงข้อจะบวมแดง บางทีเห่อจนมือเป็นสีชมพูอมแดงทุกนิ้ว และเจ็บๆหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นคะนิ้วกลับมาเล็กเท่าเดิม แต่สองวันก่อนหน้านั้นเป็น บอกไม่ได้เหมือนกัน บางทีก็เป็น บางทีก็ไม่เป็น และเริ่มมีฌาณเกี่ยวกับคนตาย เมื่อสองคืนก่อน หลับฝันไปว่า ได้นั่งรถคล้ายๆทัวร์ไปตอนกลางคืน กับคนมากมายเต็มคันรถ แต่ มีอยู่ประมาณสี่ห้าคน เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยม ที่เคยรู้จักและไม่เคยติดต่อ ไม่เคยพูดถึง หรือ นึกถึงเลย เป็น ยี่สิบปีมาแล้ว อยู่ๆก็ฝันถึงว่านั่งรถทัวร์คันเดียวกันไปตอนกลางคืน และเพื่อนคนดังกล่าวก็มาคุยด้วย แล้วรถก็ไปจอดบนทางโคลน หน้าป่าแห่งหนึ่ง จะข้ามไปต้องี มีลำธานไหล ทุกคนออกจากรถ และข้ามลำธารเพื่อจะเข้าไปในป่านั้น รวมทั้งเพื่อนคนดังกล่าว แต่ดิฉันไม่ได้ไป ยืนรออยู่ที่รถและก็ตื่น ดิฉันได้ไปถามพี่สาวให้ไปถามเพื่อนที่เคยเป็นหัวหน้าชั้น ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี เกี่ยวกับรวมงานเลี้ยงรุ่น ถึงเพื่อนคนดังกล่าว ก็พบว่าได้เสียชีวิตไปแล้วคะ