สุดยอด คำสอน...หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้เป็นบิดาของพระกรรมฐาน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย nayple, 11 พฤศจิกายน 2013.

  1. nayple

    nayple ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    312
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,130
    [​IMG]

    การตำหนิติเตียนผู้อื่น

    ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย
    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น
    นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย
    จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง
    เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
    จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน
    งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย
    ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว
    แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

    อย่าสำคัญตนเอง

    อย่าสำคัญว่าตนเอง
    เก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย
    ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเอง
    จนไม่มีวันสร่างซา
    เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์
    ยังไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้
    ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร

    เมื่อมีผู้เตือนสติ ควรยึดมาเป็นธรรมคำสอน
    จะเป็นคนมีขอบเขตมีเหตุผล ไม่ทำตามความอยาก
    เมื่อพยายามฝ่าฝืนให้เป็นไปตามทางของนักปราชญ์ได้
    จะประสบผลคือความสุขในปัจจุบันทันตา
    แม้จะมิได้เป็นเจ้าของเงินล้าน
    แต่มีทางได้รับความสุขจากสมบัติและความประพฤติดีของตน


    การพัฒนาตน

    คนเราทุกคนใหญ่แต่กาย ใหญ่แต่ชาติ ใหญ่แต่ชื่อ ใหญ่แต่ยศ
    ใหญ่แต่ความสำคัญตน แต่ความรู้-ความฉลาดเท่านั้น
    ที่จะทำตนให้ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งกายและใจโดยถูกทาง
    ตลอดจนให้ผู้อื่นได้รับความร่มเย็นเป็นสุขด้วย
    นั่นไม่ค่อยเจริญเติบโตด้วย และไม่สนใจบำรุงให้ใหญ่โตด้วย
    จึงเกิดความเดือดร้อนกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง
    โดยไม่เลือกเพศ-วัย-ชาติ-ชั้นวรรณะ อะไรเลย


    คนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม

    คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็ไม่เข้าถึงใจคน
    จึงกลายเป็นคนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม
    ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้
    แม้คนจะมีจำนวนมาก และแสดงธรรมให้ฟังทั้งพระไตรปิฏก
    จึงเป็นเหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ
    ธรรมจึงไม่มีความหมายในใจของคน
    เหมือนน้ำไม่มีความหมายบนหลังหมาฉันนั้น

    ใจคือสมบัติอันล้ำค่า

    ใจนี้ คือ สมบัติอันล้ำค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป
    คนพลาดใจ คือ คนไม่สนใจปฏิบัติต่อดวงใจดวงวิเศษในร่างนี้
    แม้จะเกิดสักร้อยชาติพันชาติ ก็คือผู้เกิดพลาดอยู่นั่นเอง


    การบำรุงรักษาใจ

    การบำรุงรักษาสิ่งใดๆ ในโลก
    การบำรุงรักษาตนคือใจเป็นเยื่ยม
    จุดที่เยี่ยมยอดของโลก คือ ใจ
    ควรบำรุงรักษาด้วยดี

    ได้ใจแล้ว คือ ได้ธรรม
    เห็นใจแล้ว คือ เห็นธรรม
    รู้ใจแล้ว คือ รู้ธรรมทั้งมวล
    ถึงใจตนแล้ว คือ ถึงพระนิพพาน


    คนดีมีศีลธรรมหายากยิ่ง

    หาคนดีมีศีลธรรมในใจ
    หายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา

    ได้คนเป็นคนดีเพียงคนเดียว
    ย่อมมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นล้านๆ

    เพราะเงินเป็นล้านๆ
    ไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจ
    เหมือนได้คนดีทำประโยชน์

    สำคัญ “ตน”

    ไม่ว่าธรรมส่วนใด
    ถ้าสำคัญ “ตน” ว่าเสวย เป็นอันผิดทั้งนั้น


    ภูริทตฺตธมฺโมวาท

    ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ
    ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน
    เพราะตัวตนเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัต​ิทั้งปวง


    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จะแยกกันไม่ได้
    หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ต้องอิงอาศัยกันอยู่ฉันใดก็ดี
    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็อาศัยกันอยู่อย่างนั้น
    สัทธรรมสามอย่างนี้ จะแยกกันไม่ได้เลย


    อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ

    ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอน
    คอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานเปล่าๆ
    โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว
    แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว
    ซึ่งเป็นสมบัติของพระะพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน
    ด้วยความเข้าใจผิดว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว
    ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย

    จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ
    เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า
    ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย

    วาสนา

    วาสนานั้นเป็นไปตามอัธยาศัย
    คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล
    วาสนาก็อาจเป็นเหมือนคนพาลได้
    บางคนวาสนายังอ่อน
    เมื่อคบบัณฑิต (ผู้มีปัญญาและประพฤติดี)
    วาสนาก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นบัณฑิต
    ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต
    เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น


    การปล่อยวาง

    สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน
    เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
    แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้น
    กลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปไม่ได้
    ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว
    โดยความไม่สมหวังตลอดไป
    อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น
    เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
    อดีต ปล่อยไว้ตามอดีต
    อนาคต ปล่อยไว้ตามกาลของมัน
    ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้
    เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย


    ผู้เห็นคุณค่าของตัว

    ผู้เห็นคุณค่าของตัว จึงเห็นคุณค่าของผู้อื่น
    ว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน
    ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคติในโลกสวรรค์
    ไม่ตกต่ำเพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน
    จึงควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์
    ธรรมก็สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง
    จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน


    การรักษาศีล

    ศีลนั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร
    ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่าผู้นั้นเป็นตัวศีล
    ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนาคือจิตใจ
    คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะทำอะไรได้
    ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
    เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆ มีโทษต่างๆ
    ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียน
    ไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลง
    กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว
    ได้มาจากบิดามารดาพร้อมบริบูรณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ
    ศีลมีอยู่ที่เรานี้แล้ว รักษาได้ไม่กี่กาลก็ได้ผลไม่กี่กาล
    ผู้มีศีลย่อมเป็นผู้องอาจ กล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข
    ผู้มีศีลจักมั่งคั่ง ไม่อด ไม่อยาก ไม่ยาก ไม่จน
    ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์
    จิตดวงเดียว เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
    ผู้มีศีลแท้ เป็นผู้หมดเวร หมดภัย


    หลวงปู่มั่นตอบคำถามเรื่องการรักษาศีล
    และอะไรคือศีลอย่างแท้จริง


    ศีลที่แท้จริง คือความคิดในแง่ต่างๆ อันเป็นไปด้วยความมีสติ
    รู้สิ่งที่ควรคิดหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม
    คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปตามขอบเขตของศีลธรรม ที่เป็นสภาพปกติ
    ศีลที่เกิดจากการรักษาในลักษณะดังกล่าวมา
    ชื่อว่า มีสภาพปกติไม่คะนองกาย วาจา ใจ ให้เป็นกิริยาน่าเกลียด

    นอกจากความปกติดีงามทางกาย วาจา ใจ
    ของผู้มีศีลว่าเป็นศีลเป็นธรรมแล้ว
    ก็ยากจะเรียกให้ถูกได้ว่าอะไรเป็นศีลเป็นธรรมที่แท้จริง
    เพราะศีลกับผู้รักษาศีลแยกกันได้ยาก
    ไม่เหมือนตัวบ้านเรือนกับเจ้าของบ้านเรือน
    ซึ่งเป็นคนละอย่างที่พอแยกกันออกได้ไม่ยากนัก
    ว่านั่นคือตัวบ้านเรือน และนั่นคือเจ้าของบ้าน

    ส่วนศีลกับคนจะแยกจากกันอย่างนั้นเป็นการลำบาก
    เฉพาะอาตมาแล้วแยกไม่ได้
    แม้แต่ผลคือความเย็นใจที่เกิดจากการรักษาศีลก็แยกกันไม่ออก
    ถ้าแยกออกได้ ศีลก็อาจกลายเป็นสินค้ามีเกลื่อนตามตลาดไปนานแล้ว
    และอาจมีโจรมาแอบขโมยศีลธรรมไปขายจนหมดเกลี้ยง จากตัวไปหลายรายแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ศีลธรรมก็จะกลายเป็นสาเหตุก่อความเดือดร้อนแก่เจ้าของ
    เช่นเดียวกับสมบัติอื่นๆ ทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความเอือมระอา
    ที่จะแสวงหาศีลธรรมกัน เพราะได้มาแล้วก็ไม่ปลอดภัย
    ดังนั้น ความไม่รู้ “อะไรเป็นศีลธรรมแท้”
    จึงเป็นอุบายวิธีหลีกภัยอันเกิดแก่ผู้มีศีลได้อย่างหนึ่งอย่างแยบยลและเย็นใจ
    อาตมาจึงไม่คิดอยากแยกศีลออกจากตัวแม้แยกได้
    เพราะระวังภัยยาก แยกไม่ได้อย่างนี้รู้สึกสบาย
    ไปไหนมาไหนและอยู่ที่ใดไม่ต้องเป็นห่วงว่าศีลจะหาย
    ตัวจะตายจากศีล กลับมาเป็นผีเฝ้ากองศีลเช่นเดียวกับคนที่เป็นห่วงสมบัติ
    ตายแล้วกลับมาเป็นผีเฝ้าทรัพย์ไม่มีวันไปผุดไปเกิดได้

    ต้นหาย กำไรสูญ

    ต้นหาย กำไรสูญ เปรียบเสมือนคนเราบางคนที่ตั้งอกตั้งใจทำงาน
    จะประกอบการค้าขาย หรือทำกิจการงานอะไรก็ดี
    ตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาวและแก่เฒ่าแก่ชราในที่สุด
    และถึงพร้อมด้วยความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุข
    สร้างบ้านสร้างเรือน สร้างหลักฐานได้อย่างมั่นคง
    ตลอดจนสร้างเกียรติยศ สร้างชื่อเสียง จนได้ลาภทุกสิ่งทุกอย่าง

    แต่คนบางคนที่กล่าวถึงเหล่านี้ เมื่อถึงกาลเวลาอันสมควร
    ซึ่งที่จริงก็เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับทรัพย์สมบัติในทางโลก
    ที่ได้สร้างสมมามากแล้ว ก็ควรจะหยุด
    เพื่อรีบสร้างสมสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ในบั้นปลายของชีวิต
    ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้บ้าง

    แต่เขาเหล่านั้นก็หาได้มีความหยุด ความยั้ง ความละ
    ความปล่อย ความวาง ในทรัพย์สมบัติที่หามาได้เหล่านั้นไม่
    มุ่งหน้าที่จะคิดอ่านประกอบกิจการงาน ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
    โดยไม่คำนึงถึงว่า สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว ความตายก็จะต้องมาถึงเข้าอย่างแน่นอน
    ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถึงซึ่งความแตกดับจริงๆ และย่อยยับสูญหายไป
    ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนหามาได้ไว้ในโลกนี้ให้กับคนอื่นทั้งหมด
    ไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นติดตามตนไปได้แม้แต่นิดเดียว

    โดยที่ตนเองมิได้ประกอบคุณงามความดี
    ในทางสร้างสมในสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ให้มากเท่าที่ควรเลย
    ซึ่งตนเองก็มีโอกาสและโชคดีอย่างดีที่สุดแล้ว
    แต่ก็มิได้กระทำลงไป จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของเขา
    เปรียบเสมือนต้นหายกำไรสูญ

    ต้นก็คือ ร่างกายและทรัพย์สมบัติที่หามาได้ทั้งหมด
    กำไรก็คือ บุญกุศลหรือสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ แทนที่จะได้ก็ไม่ได้
    และถ้าใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไปในทางที่ไม่ดีผิดศีลธรรมอีกด้วยแล้ว
    หรือยึดในทรัพย์สมบัติที่หามาได้นั้นมากเกินไป
    ก็ยิ่งจะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ต้นก็หาย กำไรก็สูญ ชีวิตนี้ก็ขาดทุน


    กิเลสแท้ธรรมแท้อยู่ที่ใจ

    กิเลสแท้ธรรมแท้อยู่ที่ใจ
    ส่วนเครื่องส่งเสริมและกดถ่วงกิเลสและธรรมนั้น
    มีอยู่ทั่วไปทั้งภายในภายนอก

    ฉะนั้น ท่านจึงสอนให้หลบหลีกปลีกตัวจากสิ่งยั่วยวน กวนใจ
    อันจะทำให้กิเลสที่มีอยู่ภายในกำเริบลำพอง มี รูป เสียง เป็นต้น
    และสอนให้เที่ยวอยู่ในที่วิเวกสงัด
    เพื่อกำจัดกิเลสชนิดต่างๆ ด้วยความเพียรได้ง่ายขึ้น
    อันเป็นการย่นวัฏฏะภายในใจให้สั้นเข้า


    จงรีบเร่งปฏิบัติธรรม

    พวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม
    เหมือนไฟกำลังไหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลัน
    ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร
    ทั้งโลกภายในคือหนังหุ้มอยู่โดยรอบ
    ทั้งโลกนอกที่รวมลงเป็นสังขารโลก
    ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด
    ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์
    ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆ และแยบคายด้วย
    จะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก

    พระธรรมเหล่านี้ ไม่ล่วงไปไหน
    มีอยู่ทรงอยู่ในปัจจุบันจิตในปัจจุบันธรรม
    ที่เธอทั้งหลายตั้งไว้ที่หน้าสติหน้าปัญญาอยู่ด้วยกัน
    กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ


    การอบรมจิตที่ถูกต้อง

    จิตที่ได้รับการอบรมที่ถูกต้องแล้วปัญญาย่อมเกิดขึ้น
    จะมองดูอะไรก็เป็น “นิยายนิกธรรม” ทั้งสิ้น
    ส่วนผู้ไม่ได้รับการอบรมจิตที่ถูกต้อง ปัญญาแท้จริงก็ไม่เกิด
    แม้ผู้นั้นกำลังจับพระไตรปิฎกอ่านอยู่ก็ไม่เป็นผล
    ยิ่งทำให้เกิดความลังเลสงสัยตลอดไป
    ส่วนผู้มีปัญญาอบรมมาด้วยจิตที่ถูกต้อง
    แม้จะไม่ต้องจับพระไตรปิฎก
    แต่ก็น้อมเอาสิ่งต่างๆ มาเป็นธรรม เป็นยอดพระไตรปิฎกได้


    คุณธรรมความดี

    ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
    ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
    ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
    ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่
    แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น


    ภูริทตฺตธมฺโมวาท

    ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน
    ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยการงาน
    ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา

    ธรรมชาติของดีทั้งหลาย
    ย่อมเกิดมาแต่ของไม่ดี
    อุปมาดั่งดอกประทุมชาติอันสวยๆ งามๆ
    ก็เกิดจากโคลนตมอันเป็นของสกปรก


    ขันธะวิมุตติ

    “ใครผิดถูก ดีชั่ว ก็ตัวเขา
    ใจของเรา เพียงระวัง ตั้งถนอม
    อย่าให้ อกุศล วนมาตอม
    ควรถึงพร้อม บุญกุศล ผลสบาย
    เห็นคนอื่น เขาชั่ว ตัวก็ดี
    เป็นราคี ยึดขันธ์ ที่มั่นหมาย
    ยึดขันธ์ต้อง ร้อนแท้ เพราะแก่ตาย
    เลยซ้ำร้าย กิเลสกลุ้ม เข้ารุมกวน”

    (ถอดความจากลายมือหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)


    รากเหง้าของพระศาสนา

    ทาน - ศีล - ภาวนา
    เป็นรากเหง้าของความเป็นมนุษย์
    และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
    ที่มนุษย์ต้องคอยสั่งสมให้มาอยู่ในนิสัย

    ทาน...เป็นเครื่องแสดงน้ำใจ
    เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

    ศีล...เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของผู้มีกิเลส

    ภาวนา...อบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลและความถูกต้อง
    ผู้เป็นหัวหน้างาน หรือมีภารกิจมาก ควรหันมาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะการภาวนาช่วยแก้ความยุ่งยากลำบากใจ
    ทุกประเภทที่เป็นภาระหนัก
    หากปล่อยใจโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
    คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง


    ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน

    เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา
    มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้ อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ
    อย่าลืมตัวลืมวาสนา
    โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อภพชาติของเรา
    ที่เคยเป็นมนุษย์จะเปลี่ยนแปลง
    และกลับกลายหายไปเป็นชาติที่ต่ำทราม

    ท่านจึงสอน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน
    เมื่อเห็นเขาตกทุกข์ หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ
    เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้
    เมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้
    เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น

    เฟสบุ๊ค กลุ่ม: พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น https://www.facebook.com/groups/226951157350091

    เฟสบุ๊ค เพจ : พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    https://www.facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น/238296179593402

    ขอบคุณข้อมูลจากเวปหน้าหลัก - ธรรมจักร :: เว็บธรรมะออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _34_137.jpg
      _34_137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      21,858
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤศจิกายน 2013
  2. กมลทิพย์. จันทร์ศิริ

    กมลทิพย์. จันทร์ศิริ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ลูกขอกราบขอบพระคุณพระบิดาทีได้ให้คำแนะะนำสิ่งไหนไม่ถูกไม่ควรลูกขอความเมตตาตักเตือนลูกด้วย
    คนที่จะไปเป็นครูให้รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ความรู้
     
  3. นฤพานนท์

    นฤพานนท์ นฤพานนท์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +193
    ขอกราบหลวงปู่มั่นด้วยกาย วาจา ใจ
    ขอกราบหลวงปู่มั่นด้วยกาย วาจา ใจ
    ขอกราบหลวงปู่มั่นด้วยกาย วาจา ใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...