ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

21/08 น้ำท่วมหนักที่จีน มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 คน ขณะที่รัสเซียน้ำท่วมหนักในรอบ 120 ปี

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเพิ่งสามารถเดินเท้าเข้าถึงหมู่บ้านหลายแห่งภายในมณฑลเหลี่ยวหนิง ซึ่งถูกกระแสโคลนพัดถล่มช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกำลังเผชิญภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของจีน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมทางการใช้เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ นำอาหาร และน้ำดื่มไปแจกจ่ายประชาชนที่ติดอยู่กลางน้ำท่วม ทั้งนี้โทรทัศน์ทางการจีนรายงานว่า เหตุน้ำท่วมรอบล่าสุดนี้ มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว อย่างน้อย 107 คนทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ได้รับความเดือดร้อนนับล้านคน

ขณะที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งกำลังประสบอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 120 ปี ในพื้นที่ภาคตะวันออกไกล ล่าสุดปรากฏว่ายังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่กว้าง ซึ่งทำให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมยิ่งขยายมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ก็ยังคาดว่าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก

21/08 น้ำท่วมหนักที่จีน มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 คน ขณะที่รัสเซียน้ำท่วมหนักในรอบ 120 ปี :: มูลน

 

พฤติกรรมคนดี

 

สถานการณ์เริ่มรุนแรง และใช้วิธีที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ไร้ซึ่งมนุษยธรรมที่สุด
ถือเป็นการเพิ่มกรรมให้กับโลกเราอย่างที่สุด


วันที่ 21 ส.ค. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์สงครามกลางในซีเรียที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 29 เดือน เกิดการนองเลือดใหญ่อีกครั้ง เมื่อเครื่องบินของกองทัพรัฐบาลซีเรียทิ้งระเบิดในเมืองกัวตาห์ ชานกรุงดามัสกัส องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนในซีเรียระบุมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 ราย ส่วนกลุ่มพันธมิตรซีเรียแจ้งว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นอาวุธเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 650 ราย พร้อมเผยแพร่ภาพศพเหยื่อกองเกลื่อนและมีเด็กจำนวนมาก

ขณะที่ ซีเอ็นเอ็น และ เทเลกราฟ รายงานเพิ่มเติมอ้างฝ่ายต่อต้านซีเรียว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 1,300 ราย

แต่สำนักข่าวของทางการซีเรียปฏิเสธทันทีว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง พร้อมระบุว่า การอ้างอาวุธเคมีดังกล่าวเพื่อกีดกันคณะเจ้าหน้าที่สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบ

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์อัล-อัสซาดผู้นำซีเรียที่มีผู้เสียชีวิตเรือนแสนแล้วยังคงหาทางออกไปไม่ได้เหตุการณ์ช็อกล่าสุดนี้ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสเรียกร้องให้รีบส่งทีมเข้าไปสอบสวน

นายอาเหม็ด อัล-อะราบิยา ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซีเรียระบุว่า ติดต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถึงกรณีดังกล่าวแล้ว พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีเปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อดำเนินการกับรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาดซึ่งสังหารหมู่ประชาชนอีกครั้ง

กลุ่มคณะกรรมาธิการประสานงานท้องถิ่น(แอลซีซี)เครือข่ายผู้ต่อต้านรัฐบาลกล่าวว่าฝั่งตะวันตกของเมืองกัวตาห์มีร่างผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายนอนตายเกลื่อนถนนเพราะถูกก๊าซพิษเช่นเดียวกับฝั่งตะวันออกของเมืองวิดีโอที่โพสต์บนเว็บไซต์ยูทูบโดยกลุ่มคณะกรรมาธิการปฏิรูปซีเรียผู้ต่อต้านอีกกลุ่มแสดงให้เห็นภาพนองเลือด ร่างผู้เสียชีวิตทั้งเด็ก และผู้ใหญ่

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/n2GPTqxf8rE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

สำหรับคนในพื้นที่ เฝ้าระวังกันหน่อยครับ

 

แล้วองค์กรโลกบาลอย่าง UN นั่งทำแป๊ะไรอยู่ไม่ติดตามเฝ้าระวัง
ทำหน้าที่เหมือนคนนั่งเฝ้าเป็ดไล่ทุ่ง

 

อารมณ์ค้างกับองค์กรUNที่โปรโมท
ตัวเองว่าเป็นดูแลสันติภาพให้โลก
แต่ปล่อยให้มีการทำลายล้าง
แบบเหมาเผ่าพันธ์ด้วยอาวุธร้ายแรง
ตายหมู่เหมือนฝูงมดถูกฉีดDDT
ไม่น่านับถืออีกต่อไป ผมไม่นับถือแล้ว!!!!

 

กฟผ.ยืนยันเขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก

By Digital Media | 22 ส.ค. 2556 17:49 |

กรุงเทพฯ 22 ส.ค. – นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุที่เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามและจีน 3 ลูก ส่งผลทางอ้อมให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มเล็กน้อย โดยยืนยันเขื่อน กฟผ.ทุกแห่งยังมีความจุ สามารถรองรับน้ำได้อีกมาก โดยเฉพาะ 2 เขื่อนใหญ่ของ กฟผ. ยังมีปริมาณน้ำในอ่างฯ ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของความจุ ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ ปริมาณน้ำที่พร่องจากอ่างฯ ยังมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศและพื้นที่ชลประทาน

ทั้งนี้ วันที่ 21 สิงหาคม 2556 เวลา 24.00 น. มีปริมาณน้ำในอ่างฯ ทุกแห่งรวม 35,667 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุ เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2,742 ล้าน ลบ.ม. แต่ยังน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 7 หรือ 2,697 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงเขื่อนใหญ่ของ กฟผ. 4 แห่ง ในภาคเหนือและภาคตะวันตก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล รองลงมา คือ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ ที่ยังคงมีปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนเขื่อนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีสถานการณ์น้ำในอ่างฯ ดีขึ้น

สำหรับเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ได้รับน้ำเพิ่มจากอิทธิพลทางอ้อมของพายุที่เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามและจีน ทั้ง 3 ลูก เพียงเล็กน้อย การบริหารจัดการน้ำยังต้องควบคุมให้มีการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำกำหนดให้มีการระบายน้ำจากทั้งเขื่อน ทั้ง 2 เท่าที่จำเป็น โดยปัจจุบันเขื่อนภูมิพลระบายน้ำวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์ระบายน้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม. ตามแผนการประหยัดน้ำ เนื่องจากเขื่อนทั้ง 2 ยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมากถึงร้อยละ 50 สำหรับเขื่อนภูมิพล และร้อยละ 18 สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำในอ่างฯ เพียงร้อยละ 34 ของความจุ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 46 ของความจุ

ด้านเขื่อนอุบลรัตน์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 33 ของความจุ โดยสถานการณ์ล่าสุด กฟผ. ได้ประสานงานกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 10 และประมง จังหวัดขอนแก่น เกี่ยวกับกรณีปลาตายที่พื้นที่บ้านห้วยซัน ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หลังทราบว่ามีเกษตรกรร้องเรียนว่าการระบายน้ำจากเขื่อนเป็นสาเหตุให้ปลาที่เลี้ยงในกระชังทยอยตายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับความเสียหาย จากปริมาณน้ำพองเพิ่มสูงขึ้น หลังตรวจสอบข้อมูลพบว่าในบริเวณดังกล่าวมีการเลี้ยงปลาอย่างหนาแน่น ซึ่งปกติช่วงที่มีฝนตกหนักจะชะล้างปุ๋ยและสารเคมีที่ใช้ในพื้นที่การเกษตรลงแม่น้ำลำคลอง ทำให้เกิดน้ำเสียและมีปลาที่เลี้ยงในกระชังตายเป็นประจำทุกปี อีกทั้งบริเวณที่ได้รับความเสียหายมีระยะทางห่างจากเขื่อนอุบลรัตน์กว่า 80 กิโลเมตร และมีฝายหนองหวายที่คอยควบคุมปริมาณน้ำโดยผันเข้าพื้นที่การเกษตรทั้ง 2 ฝั่ง และระบายน้ำลงท้ายน้ำในอัตราค่อนข้างคงที่ประมาณ 40-50 ลบ.ม./วินาที หรือ 4-4.5 ล้าน ลบ.ม./วัน นอกจากนี้ เขื่อนอุบลรัตน์ยังมีการบริหารจัดการระบายน้ำเพื่อสำรองช่องว่าง สำหรับรับน้ำที่เกิดจากพายุประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2556 รวมถึงประสานกับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย กรมชลประทาน เพื่อผันน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชลประทานให้มากที่สุด ส่งผลให้เหลือปริมาณการระบายน้ำผ่านฝายหนองหวายลงลำน้ำเพียง 4 ล้าน ลบ.ม./วัน ดังนั้น การระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์จึงไม่อาจส่งผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่.- สำนักข่าวไทย

กฟผ.ยืนยันเขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก | MCOT.net | MCOT.net

 

น้ำท่วม-ดินสไลด์ปิดถนนสบเมย ทหารเข้าช่วยทารกกำลังคลอดไม่ทัน



ทหารนำกำลังเข้าช่วยสาวชาวเขาท้องแก่ ในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน นานข้ามวันอย่างทุลักทะเล ท่ามกลางน้ำท่วม ฝนตกหนัก ดินสไลด์ ต้นไม้ล้มทับเส้นทาง สุดท้ายมาถึงรพ.ช่วยเด็กในท้องไม่ได้ ส่วนแม่ปลอดภัยดี...

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พ.ท.ยศศักดิ์ บรรเทา นายทหารยุทธการและการข่าว หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้นำกำลังพลจำนวน 20 นาย และเครื่องจักร เรือท้องแบน พร้อมแพทย์จากโรงพยาบาลสบเมย อ.สบเมย เข้าไปช่วยเหลือน.ส.ศรีดา ปรนนิบัติธรรม ซึ่งท้องแก่ 8 เดือนปวดท้องคลอดลูกที่บ้านแม่หลุยหลวง ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้เดินทางออกจากหน่วยฯตั้งแต่เวลา 14..00 น.ของวันที่ 21 ส.ค.



ทั้งนี้ การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องเดินทางทั้งรถยนต์ ทางเรือ และเดินเท้าเข้าไป เนื่องจากถนนมีน้ำท่วม ดินสไลด์ ต้นไม้ล้มปิดทับเส้นทาง กว่าจะไปถึงบ้านผู้ป่วยประมาณ 20.00 น.จากนั้นนำผู้ป่วยเดินทางออกจากบ้านมายังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านอุมโล๊ะ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ผู้ป่วยอยู่หลายกิโลเมตร เพื่อให้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสบเมยที่ร่วมเดินทางเข้าไปด้วย เริ่มทำคลอดจนถึงเวลา 21.30 น.เด็กจึงคลอดออกมา แต่เด็กเสียชีวิต ส่วนแม่ปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าไปพยายามช่วยอย่างเต็มความสามารถ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำน.ส.ศรีดา ออกมาส่งโรงพยาบาลสบเมย อย่างยากลำบากเนื่องจากผู้ป่วยยังไม่แข็งแรง ประกอบกับฝนตกอย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทาง





ขณะที่พ.อ.กิตติชาติ นิลขำ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 เปิดเผยว่า จากที่เกิดดินสไลด์ ต้นไม้ล้มทับเส้นทางสายแม่สะเรียง-แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางสัญจรไปมาได้นั้น ทางหน่วยได้ส่งส่งเครื่องจักร ร่วมกับหมวดการทางแม่สะเรียง รวม 3 คัน พร้อมกำลังพลเจ้าหน้าที่จากอส. สบเมย นพค.36 ทหารพราน 36 หมวดการทาง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแม่ฮ่องสอน ช่วยกันทั้งใช้เครื่องจักร และกำลังคนในการตัดต้นไม้ที่ล้มขวางทาง ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อเช้าวันที่ 22 ส.ค.สามารถเปิดสัญจรไปมาได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดดินสไลด์ปิดทับเส้นทางได้อีก



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ภาพน่าตะลึง!หลุมยุบยักษ์กลืนต้นไม้ใหญ่จมหายไปในผืนน้ำ(ชมคลิป)

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 สิงหาคม 2556 05:45 น.

เอบีซี/เอพี - สื่อต่างประเทศตีแผ่ถึงพลานุภาพทำลายล้างของหลุมยุบ ด้วยเผยแพร่คลิปวินาที่หลุมหยุบขนาดยักษ์ในสหรัฐฯ ดูดกลืนเหล่าต้นไม้ใหญ่และดินจมหายไปในผืนน้ำในเวลาแค่ 3 วินาที

ภาพวิดีโอ ซึ่งถ่ายทำและโพสต์ลงเว็บไซต์ยูทูบ โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสำนักงานเตรียมความพร้อมนับมือเหตุฉุกเฉินเขตอัสสัมชัญ ในรัฐลุยเซียนา เป็นภาพของต้นไม้จำนวนมาก ที่ค่อยๆเอนลำต้นที่ละน้อย ก่อนที่จะค่อยๆจมลงใต้พื้นผิวน้ำที่เชี่ยวกรากจากการทรุดตัวของหลุมยุบที่ลึกเกือบ 400 ฟุตและมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 372 ฟุต

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=yRhesBaRCME]8/21/13 Slough in - YouTube[/ame]

 

แม่น้ำเมยเพิ่มระดับสูงขึ้น เฝ้าระวัง 5 อำเภอ จ.ตาก

จังหวัดตาก เฝ้าระวัง 5 อำเภอ หลังฝนตกต่อเนื่องทำให้แม่น้ำเมยขึ้นสูง เหลืออีกเพียง 1 เมตร ก็จะล้นตลิ่ง ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม เทศบาลนครแม่สอด ล่าสุด เริ่มคลี่คลาย...
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. มีรายงานว่า สถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดตากโดยเฉพาะพื้นที่ซีกตะวันตก ประกอบด้วย อ.อุ้มผาง อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง ขณะนี้ฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แม่น้ำเมยซึ่งเป็นแม่น้ำที่รองรับน้ำแห่งเดียวมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้เหลือประมาณ 1 เมตรก็จะล้นตลิ่ง ทำให้บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำและร้านค้าชายแดนต่างผวากลัวจะท่วมหนัก อย่างเช่นช่วงต้นเดือน บางส่วนไม่มั่นใจขนย้ายสิ่งของไปเก็บในที่ปลอดภัย และมีการเฝ้าระวังกันตลอดทั้งคืน





อย่างไรก็ตาม ที่ เกาะโนแมนแลนด์ ชุมชนของชาวพม่ากว่า 200 ครัวเรือน น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้นจนต้องใช้ห่วงยางในการเดินทางตลาดสินค้าของทะเลถูกน้ำท่วมจนต้องย้ายขึ้นมาบนฝั่ง ในขณะที่แรงงานพม่าที่กลับพม่าเพื่อพิสูจน์สัญชาติจำนวนมากต่างรีบเร่งเดิน ทางกลับเพราะหวั่นว่าเกิดน้ำท่วมการเดินทางจะลำบากและเสียเวลาเพิ่มขึ้น ทำให้ด่านชายแดนแม่สอดคลาคล่ำไปด้วยแรงงานพม่า ส่วนน้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลนครแม่สอด ขณะนี้ระดับน้ำลดลงสู่ภาวะปกติเนื่องจากเทศบาลได้ระดมเครื่องสูบน้ำออกจาก พื้นที่ตลอดทั้งคืน แต่ฝนยังตกอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 23 Aug 2013 - 10:26

 

แล้วคนที่อยู่ปลายน้ำ เตรียมรับมือกันรึยังจ๊ะ

 

ไฟฟ้าจ่อขึ้นหน่วยละ 7.08 สต. เหตุ FT งวด ก.ย.-ธ.ค.ขยับ



มติ กกพ.เห็นชอบขึ้นค่าเอฟที งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.56 อีก 7.08 สตางค์ต่อหน่วย กระทบค่าไฟแตะ 54 สตางค์ต่อหน่วย อ้างอัตราแลกเปลี่ยนทำต้นทุนพุ่ง...

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรคกูเลเตอร์ เปิดเผยหลังการประชุมพิจารณาการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บในเดือนก.ย.-ธ.ค. ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้จัดเก็บค่าเอฟทีจากประชาชนในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. เพิ่ม ขึ้นอีก 7.08 สตางค์ต่อหน่วย หรือปรับขึ้นมาอยู่ที่ 54 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ 46.92 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงและต้นทุน ในการผลิตไฟฟ้าโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

“จากข้อมูลพบว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใช้คำนวณในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. เท่ากับ 31.24 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.4 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จากช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค., ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 311.45 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 316.20 บาทต่อล้านบีทียู ราคาน้ำมันเตาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 21.67 บาทต่อลิตร เป็น 22.76 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 26.51 บาทต่อลิตร เป็น 28.08 บาทต่อลิตร ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2,217.36 บาทต่อตัน เป็น 2,376.26 บาทต่อตัน” นายดิเรกกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริง ค่าเอฟทีในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.นี้ ต้องปรับขึ้นถึง 14 สต.ต่อหน่วย แต่เนื่องจากเรคกูเลเตอร์ ได้นำเงินที่ได้จากการชดเชยส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติ จากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขนอมที่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จ่ายชดเชยให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาช่วยชดเชยภาระค่าเอฟที ให้กับประชาชนส่วนหนึ่ง และให้ กฟผ. รับภาระในส่วนที่เหลือเป็นการชั่วคราวไปก่อนอีก จำนวน 1,566 ล้านบาท เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนผู้ใช้ไฟ ทั้งนี้เรคกูลเตอร์ จะนำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เผยแพร่ผ่าน www.erc.or.th เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 23-30 ส.ค. ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟที สำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ตอนนี้ แถวทุ่งครุ พุทธบูชา พระประแดง ฝนตกหนักฟ้ามืดสนิท

 

สุดท้ายลงที่ประชาชน ต้องจ่ายเพิ่ม ทั้งค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าขนส่งฯลฯ เฮ้อ เวรกรรมของคนไทยจนๆ

 

ถามหาsolar roof ทำไมมันเงียบไปดื้อๆ