การทำฤทธิ์ของผู้มีฤทธิ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย thongdee1, 6 พฤศจิกายน 2007.

  1. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    การทำฤทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ได้เป็นเรื่องวิเศษวิโสอันใดเลย สำหรับผู้มีฤทธิ์
    เพราะแค่คิดก็เป็นไปแล้ว
    ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่คิดว่าลมพัด ลมก็พัด
    คิดนึกให้ลมพัดแรงขึ้นลมก็พัดแรงขึ้น
    คิดให้ฝนตกฝนก็ตก คิดให้ฝนหยุดตกฝนก็หยุดตก
    จะให้เกิดแผ่นดินใหว เกิดซึนามิก็แค่คิดแค่นึกแล้วก็ใส่พลังลงไปเล็กน้อย
    เวลาจะเกิดซึนามิถ้าจะไม่ให้ซึนามิเกิดขึ้น ก็แค่คิดใช้มือตบคลื่นลงไปแค่นี้ซึนามิมันก็ไม่เกิดแล้ว
    จะให้ฝนแล้ง หรือน้ำท่วมก็แค่คิดแค่นึกทั้งนั้นแหละไม่มีอะไรมาก
    อย่างในสมัยโบราณนี่เวลาพระฤาษีผู้มีฤทธิ์จะให้เมืองถล่มทั้งเมืองก็แค่คิดแค่นึกว่าเมืองถล่มแค่นั้นไม่ได้มีอะไรมาก
    ผู้ที่บำเพ็ญตะบะจนจิตมีพลังมากๆแล้วนั้นต้องระวังความคิด
    ต้องพยายามคิดแต่ในทางที่ดีคิดแต่ในทางที่สร้างสรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  2. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ถ้าพูดเช่นนี้ ท่านเจ้าของกระทู้ก็สามารถทำได้สินะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    โอ้ ...สุดยอดจริงๆ

    ถ้างั้นช่วยคิดให้เศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นเถิด ช่วยคิดให้ราคาน้ำมันลดลงเท่ากับเมื่อสองปีที่แล้วด้วยเถิด ช่วยคิดให้บ้านเราเมืองเราเป็นประเทศมหาอำนาจที่ทุกประเทศต้องก้มหัวศิโรราบให้กับประเทศไทยและคนไทยนี้ด้วยเถิด ช่วย........... ฯลฯ
     
  4. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ถ้าพี่ทำได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆ งั้นช่วยทำให้โอโซนกลับมาเหมือนเดิม น้ำแข็งขั้วโลกด้วยนะ จะเป็นพระคุณยิ่ง...
     
  5. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    การทำฤทธิ์ เป็นของเป็นไปได้ยากสำหรับ ผู้ไม่มีฤทธิ์ หรือไม่มีสมาธิสงบแน่วแน่

    และจิตใจมีต้องการจะมีฤทธิ์เมีความทะเยอทะยานอยาก เป็นเครื่องบั่นทอน กำลังใจ

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  6. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,252
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ลูกสาวเจ๊ตอนอายุ 3 ขวบ พาเขาไปเดินห้าง เดินผ่านร้านขายตุ๊กตาบาร์บี้ ร้องจะเอา เจ๊ไม่ซื้อให้ มันทำฤทธิ์แหกปากลั่นห้าง ชักดิ้นชักงอหน้าร้าน ฤทธิ์มันเยอะจริงๆ เจ๊จำใจต้องซื้อให้ค่ะ ฤทธิ์ลูกสาวเจ๊นี่เยอะจริงๆค่ะ
     
  7. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    วิสัยของพระพุทธเจ้า๑ วิสัยของผู้มีฤทธิ์๑ ผลของกรรม ๑ ความเป็นมาของโลกและจักรวาล๑ เป็นอจินไตยใคร ๆ ไม่ควรคิด

    ผมขอที่จะไม่ตอบคำถามของบางท่านนะครับ
    แต่ขอบอกให้รู้ว่าบรรดาท่านผู้มีฤทธิ์ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบันนี้นั้น
    เวลาใช้ฤทธิ์ท่านเหล่านั้นใช้แค่นึกคิดแล้วมันก็เป็นไปตามนึกตามคิดตามความปราถนาที่จะให้เกิดให้มีให้เป็นขึ้นมาเองครับ
    ไม่ได้ไปนั่งอยากจะให้เกิดให้เป็นขึ้นจนหน้าดำคร่ำเครียดแต่อย่างใดเลย
    อย่างเวลาที่เราขึ้นรถแล้วจะต้องไปต่อรถอีกต่อแล้วฝนตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนี่ก็แค่คิดให้ฝนหยุดตกในเวลาที่รถคันที่เรานั่งไปถึงยังจุดที่เราจะต่อรถแค่นี้ฝนมันก็หยุดตกให้แล้ว ผู้ที่ยังทำไม่ได้มักจะคิดว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ มองเห็นว่าผู้ที่ทำได้แบบนี้เป็นผู้วิเศษ ทั้งที่จริงก็เป็นแค่การใช้ชีวิตตามปกติของคนผู้นั้นเท่านั้นเอง อย่างเวลาอากาศร้อนมากๆนี่ท่านผู้นี้ก็คิดให้ลมพัดจะได้เย็นๆ
    ลมก็พัดมาตามที่คิดที่นึกที่ต้องการซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติในชีวิตของท่านผู้นี้ไม่เห็นจะวิเศษวิโสจนต้องส่งนักสืบ ส่งนักวิทยาศาสตร์
    ส่งทีมวิจัยขององค์การลับมาวุ่นวายให้มากความเลย วุ่นวายมากๆอาจจะเป็นอันตรายต่อโลกได้นะ
    เพราะเรื่องแบบนี้เป็นวิสัยของท่านผู้นั้น เป็นเรื่องอจินไตย หาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หรือตรรกะไม่ได้
    ยิ่งเรื่องที่ท่านผู้นี้ชอบเข้าฌานสมาบัติอยู่เรื่อยๆเป็นปกติของชีวิตมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็กๆนี่ ยิ่งไม่ต้องไปวิจัยเลย
    เพราะเป็นวิสัยของท่าน ไม่ใช่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์จอมจุ้นอย่างพวกท่านจะเข้าไปหาเหตุผลจนเกิดเรื่อง

    กระทู้นี้ผมต้องการเตือนสติพวกนักวิทยาศาสตร์ที่ชอบไปยุ่งวุ่นวายกับท่านผู้มีฤทธิ์โดยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
    ที่พากันเข้ามาตั้งกระทู้แปลกๆล่อให้ผมออกมาตอบกระทู้

    พวกนักวิจัยพวกนักวิทยาศาตร์พวกนี้เป็นผู้ที่ไม่ได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาไม่รู้และไม่เข้าใจคำว่าอจินไตย ดังนั้นก็เลยโง่เสียเวลา
    ตามสืบหาเหตุแห่งฤทธิ์ของท่านผู้นี้อยู่ตั้งยี่สิบกว่าปี จนเกิดความผิดพลาดทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยภัยพิบัติ

    กระทู้นี้ผู้ไม่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้ามายุ่งครับ

    อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่พึงคิด คือไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด แลถ้าขืนคิดให้รู้ให้ได้ก็จะกลายเป็นผู้มีส่วนแห่งความเครียดเป็นบ้าเสียสติไป

    อจินไตยมี 4 อย่างคือ

    ๑. พุทธวิสัย คือความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะหยั่งถึง เข้าใจได้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงรู้ ทรงเห็น ทรงมีความสามารถมากมายก่ายกอง ผิดจากมนุษย์คนธรรมดาสามัญ

    ๒. ฌานวิสัย คือเรื่องของฌานสมาบัติ เช่นทำไมคนเราบางคนถึงเข้าฌานนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นวันๆ โดยที่ไม่ต้องกินข้าวไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน สิ่งนี้เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะรู้ จะเข้าใจได้ ถ้าคนที่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติมานั่งคิด นอนคิดยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจได้ อย่างพวกเรานี้ เพียงแต่นั่งเฉยๆ แค่ ๑๕ นาที หรือครึ่งชั่วโมงก็จะนั่งกันไม่ได้อยู่แล้ว แล้วทำไมคนบางคนจึงนั่งหลับตานิ่งเฉยอยู่เป็นวันๆได้ นี้คือการเข้าฌานสมาบัติ ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ปุถุชนคนธรรมดาสามัญจะเข้าใจได้

    ๓. กรรมวิสัย เรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าใจได้ว่า เมื่อทำกรรมอันหนึ่งอันใดไว้แล้ว ผลที่จะตามมานั้นจะเป็นอย่างไร หรือการที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ในโลกนี้นั้น
    ได้กระทำอะไรมาในอดีต เรื่องนี้เราไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้ เพราะเป็นเรื่องข้ามภพข้ามชาติ พวกเราเห็นได้แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในชาตินี้เท่านั้นเอง แต่เราไม่รู้ว่าชาติก่อนมีจริงหรือเปล่า ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะรู้ได้จากความนึกคิดของเราเอง แต่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น คือต้องนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนาเท่านั้น จึงจะเข้าสู่ความจริงอันนี้ได้

    ๔. โลกวิสัย คือเรื่องของความเป็นมาของโลกนี้ ว่าโลกนี้เป็นมาอย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีใครเป็นคนสร้างมาหรือเปล่า หรือไม่มีคนสร้าง เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะสามารถรู้เห็นได้ เลยกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไปต่างๆนานา บางคนก็ว่ามีพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมา บางคนก็บอกว่าไม่มีพระเจ้า ไม่มีใครสร้างโลก เป็นเรื่องของเหตุ เป็นเรื่องของปัจจัย เป็นเรื่องของธาตุทั้ง ๖ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ เมื่อเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาก็ทำให้เกิดเป็นโลก เป็นดาว เป็นเดือน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมา

    รู้เรื่องอจินไตยกันแล้วทีนี้ลองใช้สามัญสำนึกดูซิว่า ในเมื่อแค่คิดแค่นึกก็เป็นไปได้แบบนี้ จะเอาทฤษฎี จะเอากฏเกณฑ์อะไร มาตรวจสอบ
    เพื่อหาเหตุแห่งฤทธิ์ของท่านผู้นี้กันได้ละ เลิกเถอะนะ เสียเวลาเปล่า น่ารำคาญด้วย
    ท่านผู้นี้ทนรำคาญมา 20 กว่าปีแล้ว ยังจะให้ต้องทนรำคาญอยู่ต่อไปอีกเหรอ
    พอดีพอร้ายโลกแตกขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ
    แค่ภัยพิบัติแปลกๆเกิดขึ้นมาแบบแซมเปิลแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ อย่าให้ต้องได้รบกันกับท่านผู้นี้จนถึงขั้นโลกแตกเลยนะ
    เลิกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของท่านผู้นี้เถอนะ ท่านทั้งหลาย ความวุ่นวายมันจะได้จบๆไปซะที

    ผู้มีฤทธิ์นั้นบางท่านไม่ใช่พระอริยะเจ้านะครับ ไปแหย่ท่านมากๆ ไปกวนท่านมากๆนี่อันตรายนะครับ

    ท่านที่พลัดหลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วเกิดความสงสัยขอเชิญตามลิ้งค์นี้เข้าไปหาคำตอบกันเองครับ
    http://www.dharma-gateway.com/dhamma/dhamma-25-14.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  8. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ตกลงท่านเจ้าของกระทู้ก็ไม่สามารถแสดงฤทธ์ได้ซินะ ก็ฟังเขามาอีกที อ่านมาอีกทีซินะครับ
    ถ้างั้นก็ควรทำเข้าใจความหมายของคำว่า "อจินไตย" ที่ไปลอกมาอีกทีดีกว่าไหมครับ (ซึ่งใครเขาก็รู้หาอ่านกันได้ทั้งนั้น)

    แล้วใครเขาบอกว่าผู้มีฤทธิ์ต้องเป็นพระอริยเจ้า หรือฤาษีเท่านั้นหล่ะครับ (อันนี้ใครเขาก็รู้กันอีกแล้ว)

    ถ้าเจตนามีแค่นี้ และส่วนตัวก็ไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ ทีหลังก็ทำ ลิงค์มา หรือ copy มาโพสต์ก็พอแล้วครับ
     
  9. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ผมจะแสดงฤทธิ์ได้หรือไม่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
    แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเปิดเผยให้รู้ความจริงว่าการทำฤทธิ์ของผู้มีฤทธิ์นั้นเค้าใช้กันแค่คิดแค่นึกเท่านั้น
    จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วจนสามารถเข้าฌานออกฌานได้ไวกว่าแสงแล้วนั้นเวลาทำฤทธิ์จะเร็วมาก แค่คิดก็เป็นแล้ว
    ต่อให้ใช้เครื่องดักฟังคลื่นสมองก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าช่วงที่ใช้ฤทธิ์นั้นผู้มีฤทธิ์เข้าฌานออกฌานตอนใหนแบบใหน
    เคยรู้กันบ้างใหม
    หลายสิบปีมาแล้วมีคนกลุ่มหนึ่งคิดว่าตนเองมีเทคโนโลยี่สูงส่ง ขนาดดักฟังคลื่นสมอง หรือควบคุมคลื่นสมองของมนุษย์ได้ด้วยชิพเล็กๆ
    ด้วยการนำชิพเล็กๆแบบนี้มาทดลองกับผู้คนในประเทศไทยจนทำให้หลายคนมีอาการแปลกๆแล้วคิดว่าตนเองถูกคุณไสย์ ถูกกระทำทางไสยศาสตร์
    โดยคนพวกนี้เที่ยวหลอกลวงคนไปทั่วด้วยชิพเล็กๆที่ลอบเอามาใส่หูของเหยื่อราวกับซาตานผู้ลวงโลก ให้เกิดการหลงผิด คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ สามารถพูดคุยและได้ยินเสียงของพระเจ้า ทั้งที่จริงเสียงที่ได้ยินจากชิพเล็กๆนี้มันเป็นเสียงพวกผีห่าซาตานในร่างมนุษย์ชัดๆ
    พวกที่เอาชิพเล็กๆแบบนี้มาทดลองกับมนุษย์ไม่รู้หรอกว่าคนธรรมดาสามัญทั่วไปที่ตกเป็นเหยื่อของการนำเทคโนโลยี่แบบนี้มาทดลองกับมนุษย์นั้น
    เค้าทุกข์ทรมานแค่ใหนจากการที่ถูกหลอกลวงให้คิดว่าถูกคุณไสย์ ถูกกระทำทางคุณไสยศาสตร์ทั้งๆที่อาการแปลกๆ และเสียงที่ได้ยินแบบแปลกๆนั้นเป็นเรื่องของ
    วิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องของการใช้เทคโนโลยี่ในการหลอกลวงคน ด้วยการเอาชิพเล็กๆมาใส่หูของเหยื่อ
    แล้วส่งสัญญานเสียงหลอกลวงว่าเป็นเสียงของพระเจ้า เป็นเสียงของเทพองค์นั้นองค์นี้
    คนที่ตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้นั้นถ้ามัวแต่รักษาทางไสยศาสตร์ มัวแต่ท่องคาถาโดยที่ไม่ได้มีการตรวจหาชิพเล็กๆที่ฝังอยู่แล้วนำออกให้หมดนั้นเชื่อได้เลยว่ารักษายังไงก็ไม่หาย ท่องคาถาบทใหนก็ไม่หาย เครื่องรางของขลังของเกจิอาจารย์ใหนก็ช่วยไม่ได้ เพราะชิพเล็กๆที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยี่ที่คนในปัจจุบันคาดคิดไม่ถึงนี้เป็นเรื่อวิทยาศาสตร์ที่พวกต่างดาวคิดค้นขึ้นแล้วคนบนโลกนี้นำมาใช้กันในทางที่ผิด
    ผมสงสารคนหลายๆคนที่กำลัง
    ตกเป็นเหยื่อการทดลองลับอย่างนี้มาก และผมไม่ต้องการให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการทดลอง แบบนี้ ถูกหลอกใช้อยู่อีกต่อไป ถึงได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผย
    จะได้รู้ทันแล้วไม่ถูกหลอกใช้ โดยอาศัยความศรัทธาในพระเจ้า หรือเทพเทวดาองค์ใดๆที่ตนศรัทธาอยู่ได้อีกต่อไป
    ในความคิดของผมนั้นผมมองว่าคนที่ใช้เทคโนโลยี่สอดแนม หรือควบคุมคลื่นสมองของคนอื่น
    โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับสมองหรือคลื่นสมองของตนนั้นเป็นคนที่เลวมากไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย
    ผมมองว่าพวกที่มีชิพเล็กๆแบบนี้ไว้ในครอบครองเป็นผู้ที่ไว้ใจไม่ได้
    ไม่อาจที่จะคบค้าสมาคมด้วยได้
    คนที่ถูกใส่ชิพเล็กๆแบบนี้ถ้าเป็นผู้ที่สามารถฟังเสียงของเทพเทวดา เสียงของภูตผีปีศาจได้จริง แล้วสังเกตุดีๆจะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างและรู้ชัดถึงการหลอกลวงของเสียงที่ออกมาจากชิพ หรือคลื่นเสียงจากชิพเล็กๆที่สอดแทรกลงในคลื่นสมอง

    ผู้ปฏิบัติธรรมที่ปล่อยวางความคิดได้แล้ว ไม่เห็นว่าความคิดเป็นตน หรือตนเป็นความคิด คนพวกที่ใช้ชิพแบบนี้จะหลอกลวงคนผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธรรมแบบนี้ไม่ได้

    ใครที่พลาดตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ไปแล้วอย่าได้เสียใจ ควรใช้ประโยชน์จากการนี้ เป็นแรงกำลังเป็นพลังหนุนส่งตัวเองให้บรรลุธรรมในระดับที่สูงยิ่งขึ้นจนคนพวกนี้ไม่อาจควบคุมเราได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2007
  10. หล่อสุดๆ

    หล่อสุดๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +623
    ไม่ใช่แค่คิดหรือนึกครับ

    ต้องคิดหรือนึกในอุปจารสมาธิ และเข้าฌาณ 4 ในกสิณกองที่ตรงกับการทำฤทธิ์นั้นๆ เช่น อยากให้ลมพัดต้องเข้าฌาณ 4 ในวาโยกสิณ ถ้าอากาสหนาวอยากให้อุ่นขึ้นก็เข้าฌาณ 4 ในเตโชกสิณ แต่ถ้าใช้คาถาอภิญญารวม ไม่ต้องเลือกกองกสิณครับ

    ผมไม่ได้มีฤทธิ์ครับ และขอบอกให้ชัดๆ เลยว่าผมไม่มีฤทธิ์แต่จำคำสอนหลวงพ่อมา และผมรู้สึกละอายแก่ใจถ้าจะพูดให้คลุมเคลือหูคนอื่นว่าตัวเองมีฤทธิ์หรือไม่มีกันแน่
     
  11. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    เอาล่ะครับ ที่ผมถามเจ้าของกระทู้ไปนั้น ไม่ได้ลบหลู่ประการ ขอบอกคร่าวๆ
    ผม*เชื่อ*ในเรื่องอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ครับ และคิดว่าทุกคนก็สามารถทำได้ถ้าตั้งใจ
    จบครับ
     
  12. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    การทำฤทธิ์นั้นถ้ารู้เคล็ดลับแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับผู้มีฤทธิ์
    การทำฤทธิ์นั้นเป็นแค่ของเล่น เท่านั้นครับ อย่าไปให้ความสำคัญอะไรกับมันมากมายเลยครับ
    ที่สำคัญมากๆคือการพยายามละสังโยชน์ 10 การพยายามทำสังโยชน์ 10 ให้มันเบาบางลงไปอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆครับ
    พลังจิตนั้นนอกจากใช้ทำฤทธิ์ทำอะไรแปลกๆได้แล้ว พลังจิตยังสามารถใช้ในการแผดเผากิเลส รู้ทันตันหา ได้ด้วยครับ
    คนเรานั้นสามารถฝึกจิตให้มีพลังแล้วสามารถนำพลังจิตที่ได้นั้น ไปทำให้ตนเองพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง สุขที่ปราศจากสุขทุกข์ได้ครับ
    การเข้าถึงสุข อันปราศจากสุขทุกข์ก็เป็นฤทธิ์อย่างหนึ่ง
    การมีจิตที่พริ้วใหวลอยอยู่เหนือทุกข์ได้แบบอัตโนมัติก็เป็นฤทธิ์เช่นกัน
    สังขารคือฤทธิ์นั้นไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งอันไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

    การมีจิตที่ลอยอยู่เหนือทุกข์ได้แบบอัตโนมัตินี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆครับ
    เรื่องนี้ผมยืนยันได้เพราะผมกำลังเป็นแบบนี้อยู่จริงๆครับ
    เวลามีอารมณ์อะไรมากระทบเข้านี่มันจะเกิดปัญญาขึ้นมาแล้วแก้ทุกข์เองแบบอัตโนมัติครับ ปัญญาที่เกิดขึ้นมันจะทันกันกับอารมณ์ที่เข้ามาครับ
    ไม่ต้องไปพยายามที่ละกิเลส ปล่อยวางตันหา แต่จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วเค้าทำการทำงานละกิเลสปล่อยวางตันหาเองครับ
    จิตที่เป็นแบบนี้จะไปเร่งก็ไม่ได้ จะไปขวางก็ไม่ได้ ก็เลยต้องปล่อยครับ
    ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่มีสติมีสมาธิคอยดูพฤติแห่งจิตไปเรื่อยๆแค่นั้นเองครับ
     
  13. ziplord

    ziplord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +272
    ผมไม่รู้นะ ว่าจริงไม่จริง แต่เท่าที่ผมรู้ ผู้ที่เพียงแค่นึกแล้วได้ตามต้องการมีเพียงเทพเทวดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้นแหละ
    นอกนั้นยังต้องร่ายมนต์คาถาสวดมนต์เพ่งพลังเพื่อให้ได้ตามสิ่งที่นึกที่คิด
    แค่คิดไม่ได้สมปรารถนาไปสะทุกอย่าง ต้องเอ่ยวาจาต้องท่องต้องร่ายต้องเดินต้องวิ่งต้องทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ได้ตามนั้นๆ ไม่งั้นเขาจะมีคาถาอาคม บทสวดมนต์คำภี คำจารึก คำบอกเล่าฯลฯ ไว้ทำไม
    ถ้าแค่นึกแล้วได้ตามปรารถนา ป่านนี้สิ่งที่ผมบอกไปข้างต้นคงไม่มีเพราะมันคงไม่ต้องแค่มีฤทธิ์ก็นึกเอาได้แล้ว
    จิตเป็นตัวกำหนดว่าให้เป็นไปอย่างที่นึก ถ้าจิตแข็งพอแค่มองแล้วอยากให้มันเป็นไปตามต้องการถ้ามีฤทธิ์พอก็ทำได้ ถ้าไม่พอต้องหาวิธีและหนทางต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของความคิด
    ฉะนั้น แค่นึกไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากให้จิตและสมองสั่งงานก่อนนะครับ
    ผมมาบอกเฉยๆครับ มาเตือนสติ ส่วนจะฟังไม่ฟังก็ตามใจไม่บังคับ
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ความจริงแล้ว กระทู้นี้น่าจะติดอันดับ TOP TEN
    แต่ปัจจุบัน ผู้สนใจทางด้านนี้จริงๆที่เข้ามาในห้องนี้ ล้วนหดหาย

    ในเวลาที่ผมปรับโครงร่างให้ผู้เจ็บป่วย เมื่อผมพบว่าเส้นเอ็นเส้นใหน หรือกระดูกท่อนใหนอยู่ผิดที่
    ผมเพียงแต่นึกว่า เอ้อ..กระดูกชิ้นนี้-เอ็นเส้นนี้ อยู่ผิดที่ผิดทางนะ ถ้าปรับให้ถูกตำแหน่ง อาการเจ็บปวดทรมานของผู้ป่วยก็จะหาย
    ตรึกแล้ว มือก็พลักไปในตำแหน่งที่มีปัญหาพร้อมนึกสั่ง สิ่งที่ผิดปกติให้เคลื่อนเข้าที่ เพียงเท่านี้ ทุกอย่างก็เรียบร้อย

    ที่ผมกล่าวมานี้ บางอย่างนึกแล้วก็เกิดขึ้นง่ายๆ บางอย่างต้องตั้งจิตตั้งใจมากๆสิ่งที่นึกจึงเกิดขึ้น บางอย่างแม้ตั้งใจมากเพียงใด สิ่งทีนึกก็ไม่เกิด
    ซึงผมก็รู้อยู่อะไรควรไม่ควร แต่ก็ยังอดทดลองในสิ่งที่ยังทำไม่ค่อยจะได้อยู่เนืองๆ

    สรุป การแสดงฤทธิ์ ไม่ต้องมีพิธีรีตรงอะไรมากมายเพียงแต่ใช้การนึก ก็สำเร็จ

    แต่ในกระทู้นี้ จขกท ต้องการสื่อถึงพวกที่มีเทคโนโลยี่ กำลังปฏิบัติการอะไรบางอย่างอยู่ และได้ลำเส้นใครบางคนที่มีอภิญญา
    จขกท ครับผมไม่เข้าใจที่ไปที่มาของเรื่องนี้ ช่วยขยายรายละเอียดหน่อย
     
  15. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    แต่ในกระทู้นี้ จขกท ต้องการสื่อถึงพวกที่มีเทคโนโลยี่ กำลังปฏิบัติการอะไรบางอย่างอยู่ และได้ลำเส้นใครบางคนที่มีอภิญญา
    จขกท ครับผมไม่เข้าใจที่ไปที่มาของเรื่องนี้ ช่วยขยายรายละเอียดหน่อย


    รอฟังด้วยคนครับ
     
  16. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    เรื่องที่คุณ suwi สงสัยนั้น
    เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะขยายความครับ
    เรื่องนี้มีคำเฉลยอยู่ในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสอยู่แล้วครับ
    เรื่องนี้พัวพันกับพวกมนุษย์ที่ติดต่อรับอารยธรรมของพวกต่างดาวด้วยครับ
    ตอนนี้มีหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อของการทดลองเทคโนโลยี่นี้ แล้วคิดว่าตนเองถูกคุณไสย์
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คำพยากรณ์ของนอสตราดามุส มีมากมายหลายบท
    คำพยากรณ์ชุดใหนครับ
    ผมจะตามไปดู

    และผมไม่อยากตกเป็นเหยื่ออีกคน โดยไม่รู้ตัว
     

แชร์หน้านี้

Loading...