ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

23-07-2013


กรมอุตุเตือน6จังหวัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ทะเลไทย2ฝั่งคลื่นสูง3เมตรเรือเล็กงดออกฝั่ง 1-2วันนี้



กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครราชสีมา นครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรีอุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในจีนเพิ่มเป็น 75 ราย

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=76316" ></iframe>

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในภาคตะวันตกของจีนเพิ่มเป็น 75 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในหมู่บ้านชนบทห่างไกล

รัฐบาลจีนแถลงว่าเหตุแผ่นดินไหว 2 ครั้งซ้อน ขนาด 5.9 และ 5.6 ริกเตอร์ในมณฑลกวางซู่ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 75 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 337 คน ส่วนใหญ่เกิดจากซากอาคารถล่มลงมาทับ โดยมีรายงานว่าอาคารที่พังลงมาอย่างถาวรมีจำนวนกว่า 1,200 หลัง และมีอีกกว่า 21,000 หลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ในจีนก่อสร้างโดยไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับการสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ หมู่บ้านจำนวนถึง 13 แห่งยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สามารถใช้การสื่อสารโทรคมนาคมใดๆ ได้ และยังมีบางพื้นที่ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ด้วย เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหาย

สำหรับมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นประเมินคร่าวๆ ว่าคิดเป็นเงินกว่า 198 ล้านหยวน หรือ 960 ล้านบาท

สื่อออนไลน์ของจีนรายงานว่า รัฐบาลท้องถิ่นได้ส่งทหารจำนวน 500 นาย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษอีก 120 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน แต่การค้นหาผู้รอดชีวิต และแจกจ่ายความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากถนนหนทางได้รับความเสียหาย และพื้นที่ประสบภัยส่วนใหญ่ก็อยู่ในเขตทุรกันดารห่างไกล ผนวกกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน และมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลังแผ่นดินไหวถึง 371 ครั้ง

โดยในขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงออกมาอาศัยอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่กล้ากลับเข้าไปในอาคารบ้านเรือน เนื่องจากเกรงว่าอาคารที่ได้รับความเสียหายจะถล่มลงมาอีก

ทั้งนี้ พื้นที่ภาคตะวันตกของจีนเป็นส่วนที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ที่มณฑลเสฉวน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย ขณะที่ 5 ปีก่อน ก็เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเสฉวนเช่นเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 90,000 ราย นับเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

ที่มาจาก VOICE TV

 

เฝ้าระวังฝนหนัก ดินโคลนถล่ม จังหวัดจันทบุรี และ ตราดนะครับ



ขอบคุณ The Weather Lover Club

 

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครราชสีมา นครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

(ดร.วัฒนา กันบัว)



ขอบคุณ The Weather Lover Club

 

วันนี้ วันเข้าพรรษา



"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า "ปุริมพรรษา"

ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา" เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด

สำหรับข้อยกเว้นให้ภิกษุจำพรรษาที่อื่นได้ โดยไม่ถือเป็นการขาดพรรษา เว้นแต่เกิน 7 วัน ได้แก่

1.การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
2.การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้
3.การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด
4.หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขาได้

นอกจากนี้หากระหว่างเดินทางตรงกับวันหยุดเข้าพรรษาพอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

ทั้งนี้ โดยปกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขาร อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษา นับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา...

อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่น ๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์อย่างสูง

ขอบคุณ พี่ Sarthit Medhasith Suksumret

 

13:30 จ.จันทบุรี
1) ทล. 317 เส้นทาง อ.มะขาม กม. 7 มีน้้ำไหลผ่านท่วมถนน รถเล็กผ่านได้ แต่ ต้องไปช้า ๆ
2) ทล. 3 ถนนสุขุมวิท กม. 333+500 มีน้ำท่วมถนน วิ่งได้ 1 เลน การจราจรติดขัด
3) ทล. 3493 ในตัวเมืองจันทบุรี กม. 6-7 ปิดการจราจร น้ำท่วมสูง รถเล็กผ่านไม่ได้
4) ทล. 3153 ในตัวเมืองจันทบุรี กม. 1 + 900 และ กม. 3 น้ำท่วมสูง ปิดการจราจร แล้ว
5) ทล. 316 ในตัวเมือง จันทบุร กม. 6 น้ำท่วมสูง กำลังปิดการจราจร

ส่วนจังหวัดจันทบุรี ในตัวอำเภอเมือง น้ำท่วมเกือบทุกเส้นทาง
มีน้ำท่วมในตัวเมือง ถึงอก และโรงพยาบาลกรุงเทพฯ จันทบุรี มีน้ำท่วมเข้าในตัวตึกของโรงพยาบาลแล้ว





ขอบคุณ เพื่อนเดินทาง ,พี่ Paweena Yuyen

 

เตือนน้ำท่วมโคราชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น



ศูนย์เตือนภัยพิบัติระบุน้ำท่วมโคราชมีแนวโน้มเพิ่มหลังฝนตกหนัก พร้อมให้ 9 จังหวัดระวังน้ำป่า ขณะที่ค่ายสุรนารีเจอท่วม 2 เมตร

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) รายงานสถานการณ์ภัยพิบัติเรื่องระวังภัยน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ว่า ในวันที่ 23 - 24 กรกฎาคมนี้ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.นครนายก จ.จันทบุรี จ.ตราด จ.เลย จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี

อนึ่งสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสียงภัยดังกล่าวระมัดระวัง หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ศภช. จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ndwc.go.th

ทั้งนี้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกอย่างหนักทั่วพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณถนนร่วมเริงไชย เขตเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา น้ำทะลักได้ท่วมภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 สูงกว่า 2 เมตร โดยน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากภายในค่ายสุรนารี ได้ไหลเข้ามาท่วมพื้นถนนสูงกว่า 50 เซนติเมตร และมีสภาพไหลเชี่ยวมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนร่วมเริงไชยเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม ก็ได้ทำการเปิดฝาตะแกรงท่อระบายน้ำออก เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกได้อย่างเต็มที่

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนถึงในช่วงเช้าวันนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยา จังหวัดนครราชสีมา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 120 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำฝนสะสมอย่างรวดเร็วภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และเนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่สูงกว่าชุมชน จึงทำให้น้ำฝนที่สะสมทั้งหมดไหลมาสมทบและถูกกำแพงบริเวณถนนร่วมเริงไชย ขวางทางน้ำไว้ จนภายในค่ายสุรนารีเกิดน้ำทะลักท่วมสูงกว่า 2 เมตร จึงต้องทำการทุบกำแพงเพื่อเร่งระบายน้ำเหล่านั้นออกมา ไม่เช่นนั้นกำแพงอาจจะพังถล่มลงมาทั้งแถบได้

อย่างไรก็ตามจากฝนที่ตกหนักลงมาเช่นนี้ ก็ส่งผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเป็นห่วงเพราะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่เพียงร้อยละ 33 ของความจุกักเก็บเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ก็ต้องนำไปวิเคราะห์และร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เพื่อหาทางบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ไม่ให้ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเช่นนี้อีก

สำหรับฝนตกหนักในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาหลายจุด อาทิ ตลาดเซฟวัน, สามแยกหัวทะเล, หมู่บ้านจามจุรี และเบญจรงค์ซอย 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมกับทหารกองทัพภาคที่ 2 ได้จัดกำลังลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกจุดแล้ว



ที่มาจาก โพสทูเดย์

 

น้ำท่วมโคราช หลังฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน บางจุดรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ด้านถนนร่วมเริงไชยน้ำทะลักกำแพง ผู้ว่าฯ ต้องนำกำลังทหารทุบระบายน้ำออก หวั่นกำแพงถล่ม น้ำไหลเข้าเขตชุมชน...


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมว่า หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อเวลา 23.00 น.วานนี้ (22 ก.ค.) นานกว่า 6 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายจุด โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา, ถนนหน้าตลาดเซฟวัน ถนนมิตรภาพขาออก, แยกตลาดประปา, ฝั่งตรงข้ามหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ถนนมิตรภาพ, หน้าประตูเข้ากองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี และชุมหนองไผ่ล้อม, เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม, เทศบาลตำบลหัวทะเล, ต.หนองบัวศาลา หมู่บ้าจามจุรี มีน้ำท่วมขังสูงระดับ 50 ซม.–1 เมตร โดยเฉพาะบริเวณถนนร่วมเริงไชย เขตเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมือง ซึ่งมีกำแพงสูงประมาณ 2.5 เมตร ยาวกว่า 600 เมตร กั้นขวางทางน้ำระหว่างชุมชนกับค่ายสุรนารี ทำให้น้ำทะลักท่วมภายในกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ซึ่งเป็นสนามบินเล็กและลานจอด ฮ. ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 สูงกว่า 2 เมตร


ดังนั้น นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.มารุต ลิ้มเจริญ ผบ.บชร.2 และนายบุญเหลือ เจริญวัฒน์ รองนายกเทศมนตรี นายอุทัย มั่งขวัญ รองนายกเทศมนตรี และนายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม ต้องเดินทางไปตรวจสอบ พรอมสั่งการและประสานขอกำลังพลทหารจากกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กว่า 50 นาย มาช่วยทุบกำแพง เพื่อระบายน้ำออก พร้อมกันนี้ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลนครนครราชสีมา และเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม กว่า 30 คน มาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย

โดยน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากภายในค่ายสุรนารี ได้ไหลเข้ามาท่วมพื้นถนนสูงกว่า 50 เซนติเมตร และมีสภาพไหลเชี่ยวมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนร่วมเริงไชยเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้ รวมทั้งบริเวณหน้าตลาดเชฟวัน มีน้ำท่วมขังสูงเกือบกว่า 1 เมตร พบรถยนต์หลายคันได้รับความเสียหาย เนื่องจากวิ่งฝ่าสายน้ำจนเครื่องดับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครราชสีมา ได้ทำการเปิดฝาตะแกรงท่อระบายน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกได้อย่างเต็มที่ และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไม่ให้เด็กเล็กเดินมาบริเวณท่อระบายน้ำ เพราะเกรงว่าจะถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวดูดเข้าไป เป็นอันตรายได้


ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนถึงในช่วงเช้าวันนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดนครราชสีมา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 120 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำฝนสะสมอย่างรวดเร็วภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และเนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่สูงกว่าชุมชน จึงทำให้น้ำฝนที่สะสมทั้งหมดไหลมาสมทบและถูกกำแพงบริเวณถนนร่วมเริงไชย ขวางทางน้ำไว้ จนภายในค่ายสุรนารีเกิดน้ำทะลักท่วมสูงกว่า 2 เมตร จึงต้องทำการทุบกำแพงเพื่อเร่งระบายน้ำเหล่านั้นออกมา ไม่เช่นนั้น กำแพงอาจพังถล่มลงมาทั้งแถบได้


อย่างไรก็ตาม จากฝนที่ตกหนักลงมาเช่นนี้ ก็ส่งผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ จ.นครราชสีมา รวมทั้งส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเป็นห่วง เพราะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่เพียงร้อยละ 33 ของความจุกักเก็บเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ก็ต้องนำไปวิเคราะห์และร่วมกันกับหลายหน่วยงาน เพื่อหาทางบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ไม่ให้ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเช่นนี้อีก.



โดย: ทีมข่าวภูมิภาคไทยรัฐ

 

จันทบุรีน้ำท่วมหนักในหลายอำเภอ ทั้งในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี อำเภอเมือง ท่าใหม่ มะขาม ฯลฯ หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่คืนที่ผ่านมา (22 ก.ค.) จนถึงวันนี้ (23 ก.ค.) เวลาประมาณ 13.00 น. ยังมีฝนตกหนัก











โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

หน้าแรดผับ ถนนท่าแฉลบ ทุ่งนาเชย ใจกลางเมืองจันทบุรี น้ำสูง ปริมาณฝน ทต.มะขามเมืองใหม่ 166 มม (เครดิตภาพ @aodbu)

 

ติดตามสถานการณ์น้ำกันหน่อยดีกว่าครับ

<a href="http://pic.free.in.th/id/ebe4107cc03317774fc1255515d7523d" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ib/130723034032.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

<a href="http://pic.free.in.th/id/dda1668996e69aaaffc29688640ed214" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/if/130723034059.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

(เครดิต @aodbu)

 

(เครดิต @aodbu)

 

ภาพเมื่อ 14.00 หมู่ 9 คลองนารายณ์ เมืองจันทบุรี คุณดวงนภาวดี เจ้าของบ้านบอก 25 ปีเพิ่งเจอน้ำท่วมถึงหน้าอก

 

ในเมืองจันเริ่มพายเรือเแทนรถ ฝนตกมากขึ้นต่อเนื่อง รถจอดแช่น้ำหลายคัน ปริมาณฝนเมื่อ 16.14 วังสรรพรส ขลุง เกิิน200



ปริมาณฝนที่ตราด เมื่อ 16.14 คลองใหญ่ เกิน 200

 

ศภช.เตือนระวังน้ำป่าหลายจังหวัดภาคกลาง-อีสาน



"ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ" ออกประกาศเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสาน ขณะ จ.นครราชสีมา แนวโน้มระดับน้ำยังคงเพิ่มต่อเนื่อง...
วันที่ 23 ก.ค. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้ออกประกาศเตือนเรื่องน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 ก.ค. 56 อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ จ.นครนายก ระยอง จันทบุรี ตราด เลย อุดรธานี ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อทราบ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ศภช.จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป

ขณะที่ความเคลื่อนไหวสถานการณ์น้ำท่วมและฝนตกที่ จ.จันทบุรี ภายหลังเกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสระบาปและเทือกเขาไม้แก้ว ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนใน 6 หมู่บ้าน โดยหมู่ 6 หมู่บ้านเทิดไท้ ที่อยู่ติดกับลำคลองได้รับผลกระทบหนักสุด น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน โดยไม่สามารถเก็บของได้ทัน ได้รับความเสียหาย ระดับน้ำมีความสูงประมาณ 1-1.5 ม.

นอกจากนี้ น้ำยังไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและผิวการจราจรสายหลัก มะขาม-ขลุง เป็นทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถเล็กและรถใหญ่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้ว ราว 700 หลังคาเรือน ขณะที่ล่าสุดฝนยังคงตกต่อเนื่องในพื้นที่อยู่ โดยมีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าฝนตกทั่วทั้งบริเวณพื้นที่ของจังหวัด.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

กทม ฝนตกหนักระดับ 5/5 ในทุกพื้นที่ครับ ตั้งแต่ 16.00น ถึงตอนนี้ 17.30 น เริ่มเบาครับ