ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สนามแม่เหล็กโลกใกล้วิปริต?
    รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย

    [​IMG]
    การเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกบริเวณเขตขั้วโลกเหนือในแคนาดาตั้งแต่ปี 2374 ถึงปี 2544

    เป็นที่ทราบกันมาเป็นเวลานานว่า ขั้วเหนือของแกนหมุนของโลกกับขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ขั้วเหนือของแกนหมุนอยู่ที่ละติจูด 90 องศา บนแผ่นน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติก ส่วนขั้วเหนือแม่เหล็กโลกอยู่ในเขตของประเทศแคนาดา เจมส์ รอสส์ สำรวจตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเป็นครั้งแรกในปี 1831 ในการสำรวจครั้งต่อมาในปี 1904 โดย โรอาลด์ อามุนด์เซน พบว่าตำแหน่งของขั้วเหนือเปลี่ยนไปจากเดิมราว 50 กิโลเมตร จึงได้ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนตำแหน่งด้วย

    ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาตำแหน่งขั้วเหนือก็ยังคงเคลื่อนที่เรื่อย ๆ ด้วยอัตรา 10 กิโลเมตรต่อปี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เคลื่อนที่เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อปี หากอัตราเคลื่อนที่ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ขั้วเหนือจะหลุดพ้นออกจากทวีปอเมริกาเหนือและไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปีเท่านั้น
    แลร์รี นูวิตต์จากคณะสำรวจทางธรณีวิทยาของแคนาดา กล่าวว่า เดิมตนมีหน้าที่ไปสำรวจวัดตำแหน่งของขั้วเหนือหลายๆ ปีต่อครั้ง แต่ในช่วงหลังจะต้องไปบ่อยขึ้นเนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วมาก

    [​IMG]
    แถบแม่เหล็กรอบสันเขากลางมหาสมุทรเป็นแถบบันทึกการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลกตลอดเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

    ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของขั้วเปลี่ยนไปเท่านั้น ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกยังลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาอีกด้วย
    หลังจากที่ข้อมูลนี้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในที่ประชุมสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องถึงกับเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ทันทีว่า "สนามแม่เหล็กโลกกำลังหมดหรือ?"

    แกรี แกลตซ์มายเยอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ออกมายับยั้งกระแสว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีต

    ในอดีตสนามแม่เหล็กโลกเคยมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กว่านี้มาก ถึงขนาดสนามแม่เหล็กสลับขั้วก็เคยเกิดมาแล้ว ขั้วเหนือกลายเป็นขั้วใต้ ขั้วใต้กลายเป็นขั้วเหนือ หลักฐานของการเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏชัดในหินโบราณ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและคาดการณ์ไม่ได้ ปรกติการสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นทุก 300,000 ปีโดยเฉลี่ย ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือเมื่อ 780,000 ปีที่แล้ว

    หรือว่าการเร่งความเร็วของขั้วแม่เหล็กโลกในช่วงหลังนี้จะเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่สนามแม่เหล็กโลกจะสลับขั้วอีกครั้งแล้ว?

    [​IMG]
    แบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ทางซ้ายคือโลกในภาวะปรกติ ทางขวาคือโลกในช่วงที่เกิดการสลับขั้วแม่เหล็ก

    จากการศึกษาบันทึกแม่แหล็กในแผ่นหินพบว่า ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกมีการเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ตลอดเวลา และความจริงแล้วสนามแม่เหล็กโลกในขณะนี้มีความเข้มมากกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาถึงสองเท่า

    ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็งที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับพื้นผิวดวงอาทิตย์ ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว แกนชั้นในหมุนรอบตัวเองเช่นเดียวกับผิวโลกแต่เร็วกว่าภายใต้แกนชั้นนอกที่ปั่นป่วน การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวที่แกนโลกชั้นนอกทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้น สนามแม่เหล็กจึงเกิดขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าปรากฏการณ์ไดนาโม

    แกลตซ์มายเยอร์ และ พอล รอเบิตส์ ได้สร้างแบบจำลองของโครงสร้างภายในโลกด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยให้ความร้อนกับแกนชั้นในและแกนชั้นนอกปั่นป่วนเช่นเดียวกับของจริง หลังจากให้โปรแกรมวิ่งผ่านไปโดยจำลองให้เวลาผ่านไปเป็นเวลานับแสนปี พบว่าสนามแม่เหล็กของโลกจำลองนี้มีการเพิ่มและลดลง ขั้วแม่เหล็กมีการเคลื่อนที่ และบางครั้งก็มีการสลับขั้ว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดกับโลกจริง

    [​IMG]
    ผังแสดงโครงสร้างภายในของโลก แกนโลกชั้นนอกคือส่วนที่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก

    นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงที่สนามแม่เหล็กสลับขั้วใช้เวลานานหลายพันปีจึงจะเสร็จสิ้น และสิ่งที่เหนือความคาดการณ์ของคนทั่วไปก็คือ ช่วงนี้สนามแม่เหล็กไม่ได้หายไป แต่มีความปั่นป่วนซับซ้อนมากขึ้น เส้นแรงแม่เหล็กบริเวณพื้นผิวโลกมีการบิดเบี้ยวและขมวดปม ขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกที่ ขั้วใต้อาจเกิดขึ้นที่แอฟริกา หรือขั้วเหนืออาจผุดขึ้นที่ตาฮีตี แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด สนามแม่เหล็กก็ยังคงมีเหมือนเดิม และยังคงปกป้องโลกจากรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์

    ที่มา http://thaiastro.nectec.or.th/news/2004/news2004feb01.html
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ผวจ.กาญจน์แก้ผวา"เขื่อนแตก" ทุ่ม7ล้านให้"มหิดล"เร่งทำวิจัย

    [​IMG]

    ผวจ.กาญจน์แก้ผวา"เขื่อนแตก" ทุ่ม 7 ล้านให้"มหิดล"เร่งทำวิจัย เปิดสอนหลักสูตรวินาศภัย

    นายวิสูตร เกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท.)กาญจนบุรี เขต 1 เปิดเผยว่า เนื่องจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ "สึนามิ" ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นจังหวัดกาญจนบุรีก็มีกระแสข่าวลือเรื่องเขื่อนแตกหลายระลอก ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกอพยพหนีตายกันอย่างอลหม่าน ที่สำคัญส่งผลกระทบในหลายด้านต่อ จ.กาญจนบุรี โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว

    นายวิสูตรกล่าวด้วยว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติงบประมาณ CEO จำนวนเงินกว่า 7 ล้านบาท เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับวินาศภัยของจังหวัดกาญจนบุรีทั้งกระบวนการ โดยมอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เป็นแกนนำ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับเปลี่ยนเนื้อหาในหลักสูตรให้เข้ากับสถานการณ์จริงต่อไป

    ข้อมูลมติชน http://www.matichon.co.th
    โดยคุณ : มติชน - [ 23 มี.ค. 2005 , 13:15:05 น. ]

    มันใกล้เข้ามาแล้วครับ แต่เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่เวลาไหน เพราะมันเป็นรอยแยกเดียวกันทางที่ดี เราควรเริ่มการซ้อมอพยพกันได้แล้วครับเวลาของน้ำจากเขื่อนมาถึงตัวเมือง น่าจะไม่เกิน 1.5 ชั่วโมง ถนนก็เล็ก ความโกลาหลคงเกิดขึ้นอย่างมากมาย อยากให้ทางจังหวัดซ้อมสักสองครั้งเป็นอย่างน้อยทำด่วนเลยครับ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและความมั่นใจของคนเมืองกาญจน์และนักท่องเที่ยว 092340445
    โดยคุณ : ไพรัช (ชาวบ้านในเมือง) - [ 28 ม.ค. 2006 , 23:30:46 น.]
    ช่วงนี้โลกร้อนขึ้น และนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อระบบนิเวศน์ทั้งหมด รวมถึงพลังงานใต้พื้นดิน ดังนั้น การเกิดแผ่นดินไหวจึงมีขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และนับวันจะมากขึ้น รุนแรงขึ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ก็ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงควรที่เราจะเร่งทำความเข้าใจกับคนในจังหวัดกาญจนบุรีว่า ถ้าเกิดเขื่อนแตกนั้น การเดินทางของน้ำเร็วเท่าไร จะหนีไปที่ไหน โดยให้หาสถานที่ใกล้ที่สุด อย่างเช่น ชุมชนตลาดชุกโดน ก็ให้ไปที่ โรงพยาบาลธนกาญจน์ แถววิทยาลัยเทคนิค ก็ให้ขึ้นเขาเม็ง แถววิทยาลัยสารพัดช่าง ก็โรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียน แถวศาลากลางจังหวัด ก็โรงพยาบาลพหล แถวท่าล้อ ก็เขาตอง เขาดิน ซึ่งถ้าได้มีการซักซ้อมว่าให้ไปที่ไหน และให้ตระหนักว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ ถ้าเกิดแล้วจะเตรียมรับสถานการณ์เช่นไร จะต้องช่วยเหลือตนเองอย่างไร และให้เตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างน้อยบ้านละ 2 ชุด ซึ่งเป็นชุดฉุกเฉิน ที่ประกอบด้วย ไฟฉาย ห่วงยางล้อรถ เสื้อชูชีพ เชือกที่ขดไว้ มีดพับ ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ฯ ซึ่งสามารถที่จะพิมพ์เผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ ให้จนเป็นนิสัยเคยชินที่ต้องเตรียม แต่มิใช่บอกเพียงว่าเขื่อนจะแตก แล้วอย่างนี้คนก็จะโกลาหล และโดยเฉพาะพื้นที่ๆ อยู่ติดแม่น้ำ รีสอร์ททั้งหลาย ต้องมีการซักซ้อมความเข้าใจ ในการช่วยเหลือผู้มาพัก และความปลอดภัยของตนเองในการช่วยเหลือ โดยให้พวกรีสอร์ทจัดอบรมพนักงานของตนเอง เดือนละ 1 ครั้งก็ยังดี และให้มีอุปกรณ์ในการช่วยเหลือเตรียมไว้ เพราะเจ้าของรีสอร์ทย่อมได้ผลกำไรจากแขกผู้มาพัก


    สุดท้ายผู้ที่ต้องคอยระมัดระวังและติดตามข่าวแผ่นดินไหว รอยเลื่อนมากที่สุดคือ ทาง กฟผ. เอง ซึ่งต้องสร้างสัญญาณเตือนภัยให้กับอำเภอที่อยู่ใต้เขื่อนทุกอำเภอเมื่อยามเกิดเหตุฉุกเฉิน มิใช่ สร้าง 1 อำเภอแล้วให้อำเภอนั้นวอต่อๆ กันไปแล้วคงไม่ทันเหตุการณ์ และให้ทุ่มงบของ กฟผ. เองในการจัดทำแผ่นพับแจกทุกอำเภอ รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการจัดเตรียมเครื่องยังชีพในเวลาเขื่อนแตก การช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นเมื่อเกิดน้ำท่วมฉับพลัน สถานที่ใกล้ในแต่ละอำเภอหรือชุมชนที่จะปลอดภัยถ้าเขื่อนแตก เพราะทาง กฟผ. เองย่อมรู้ว่า ความเร็วของน้ำไปถึงพื้นล่างใช้เวลาเท่าไร ความจุของน้ำจะขึ้นถึงระดับไหนตึกกี่ชั้น และสิ่งที่จะตามมากับน้ำเช่นท่อนซุง ซากหักพังของรีสอร์ทนั้น จะไปทิศไหน และน้ำจะไหลเป็น 2 เส้นทางทิศไหนบ้าง

    ที่ต้องเน้นว่า กฟผ. เพราะ ท่านได้รับผลประโยชน์จากเขื่อนมากที่สุด ท่านได้รับเงินจากการขายพลังงานไฟฟ้า ท่านได้รับเงินจากการขายน้ำให้กับจังหวัดอื่นที่ต้องการให้น้ำผ่าน และท่านเองก็ได้รับโบนัสรวมถึงการใช้ไฟฟ้าฟรีมาโดยตลอด จึงควรแล้วที่ท่านต้องรับผิดชอบมากกว่าใคร
    โดยคุณ : คนทำงานกาญจน์ - [ 17 ก.ค. 2007 , 11:43:38 น.]
    จนป่านนี้ชาวบ้านอย่างเรายังไม่รู้เรื่องแน่นอนเลยจริงๆว่าจะทำอย่างไรถ้าเขื่อนแตก คนที่รู้คงเป็นท่านๆทั้งหลายที่อยู่ใน หน่วยงานบางหน่วยเท่านั้นไม่เห็นว่าจะมีการชี้แจงหรือซ้อมแผนให้คนแต่ละชุมชนรู้กันทั่วหน้ากันเลย ตอนนี้ชาวบ้านอยู่กันอย่างระแวดระวัง บางวันก็ลืมระวังไป ก็มี เพราะดูข่าวมาเป็นระลอก มีใบปลิวบ้างไม่รู้สังกัด แล้วถ้าเขื่อนแตกจริง ชาวบ้านอย่างเราจะรู้ได้ภายในกี่วินาที ต้องพูดเป็นวินาทีน่ะ ต้องมีเวลาเผื่อรถติดเหยียบกันบ้างแย่งกันบ้างอีกน่ะ จะได้ยินสัญญาณเตือนภัยได้อย่างไร ดูอะไรก็ไม่ชัดเจนสักอย่าง ถ้าน้ำมาจะมาสูงขนาดไหนอย่างในตลาดชุกโดนฝนตกหนักน้ำก็จะท่วมอยู่แล้ว เพราะท่อระบายน้ำมันตื้นเขิน ขึ้นไปอยู่บนตึก 4 ชั้นพอไหวไหม อันนี้ต้องช่วยกันคิดให้ละเอียดหน่อยน่ะอย่าทำเป็นเล่นไป หวังธนกาญจน์อย่างเดียวคงไม่ไหวแย่งกันตายก่อน ฝากผู้รู้ ผู้รับผิดชอบทั้งหลายเมตตาชาวบ้านตาดำๆ ด้วยน่ะจ๊ะ ขอบคุณครับผม
    โดยคุณ : คนชุมชนตลาดชุกโดน - [ 16 ต.ค. 2007 , 21:34:14 น.]

    ที่มา http://www.kanchanaburi.com/kannews/01361.html<!--125.26.46.199 : : --><!--10.20.32.32 : 10.20.32.32 -->

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dam.jpg
      dam.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.8 KB
      เปิดดู:
      203
    • 13896_80758.jpg
      13896_80758.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.5 KB
      เปิดดู:
      168
    • khean.jpg
      khean.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      2,845
    • p4734582n1.jpg
      p4734582n1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.8 KB
      เปิดดู:
      162
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2007
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** มะม่วง ****

    ในโลกนี้
    ต้นมะม่วง...เติบโตในแผ่นดินต่างๆ ไม่มากนัก
    มะม่วง....มีคุณประโยชน์มาก
    มะม่วง กับ ข้าวเหนียว...เป็นอาหารมนุษย์ คู่โลกมานานมาก

    ช่วยกันดูแลรักษา ต้นมะม่วง... ที่มีอยู่ในดินแดนไทย
    อย่าโค่นล้ม ทำลาย ต้นมะม่วง
    ต่อไปอีกไม่นาน....ต้นมะม่วง จะช่วยเรา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2007
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    มหกรรม ยู เอฟ โอ ๑๑/๑๑ ๐๗ โดย ศ. ดร. นพ. เทพนม เมืองแมน(ถ่ายทอดโดยคุณคณานันท์)

    [​IMG]
    อ.เทพนม เมืองแมน

    ก็คงต้องเลือกรับ เลือกเรียนรู้กันไปตาม แต่ละบุคคลครับ

    สำหรับ กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัตินั้นก็ได้รับข่าวสารจากทาง อ. เทพพนมค่อนข้างมาก โดยถือว่าอ.ท่านเปิดให้ค่อนข้างเยอะเรื่องภัยพิบัติครับ

    ก็อย่างที่อ.ไก่ สุธาทิพได้สรุปให้ครับ ขอเพิ่มเติมดังนี้

    1.กำหนดวันเวลาในการเกิดภัยพิบัติ ไม่สามารถบอกได้

    2.รูปแบบและลำดับของภัยพิบัติ มีดังนี้ น้ำท่วมใหญ่ (หรืออาจเกิดสึนามิ) แผ่นดินไหว(และ หรือภูเขาไฟระเบิด) จากนั้นก็เป็น สงครามโลกครั้งที่สาม มีการใช้อาวุธทำลายล้างสูง โดยมีการจับคู่ข้อขัดแย้งมาเช็คบิลกันเป็นคู่ๆ
    -อิสราเอลกับตะวันออกกลาง โดยจะทวีความรุนแรงมากเมื่อมีจีนเข้ามาแทรกแซง
    -อินเดียกับปากีสถาน ซึ่งตอนนี้ก็มีข่าวว่าอเมริกามาช่วยพัฒนานิวเคลียร์ให้อินเดีย
    -จีนกับ ไต้หวัน
    -เกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้

    ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราสามารถใช้เป็นอินดิเคเตอร์อ้างอิงเพื่อการวางแผนในการเตรียมตัวได้

    3. ระดับแม่เหล็กโลกลดลงต่ำมาก ทำให้เกิดการแปรปรวนในระบบภายใต้เปลือกโลก การเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด

    4.ที่ว่าจะเกิดคลื่นยักษ์ขนาดความสูง 1 กิโลเมตรน่าที่จะไม่จริง หากเกิดก็น่าที่จะต่ำกว่านั้น

    5.ทางผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายๆ ท่านก็ได้ทราบข้อมูลเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะ คุณสมิทธิ์ ธรรมสโรช ซึ่งจุดนี้น่าจะทำให้ระบบเตือนภัยครอบคลุมมากขึ้น

    ไว้มาโพสต์ให้ต่อครับ.

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2007
  6. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ท่าน(ฮาร์วาร์ด/ธรรมะ/ต่างดาว)เตือนเราแล้ว

    เมื่อเช้า อยู่คนเดียวกับจิตตัวเอง จิตผุดรู้ขึ้นมา
    บอกว่า คนที่ได้ยินเรื่องภัยพิบัติ... เป็นผู้ที่ถูกเลือกแล้ว (จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคล) เพราะคนที่เดินถนนอยู่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเลยก็มี

    ที่ต่างกันคือการใช้ปัญญา
    ปัญญากับตัวเอง ว่าจะเชื่อหรือไม่ ถ้าเชื่อจะทำอะไรบ้าง
    ปัญญากับผู้อื่น ว่าจะบอกใครดีไหม ไม่ว่าเชื่อหรือไม่ก็ตาม

    เหมือนกับได้ยินเรื่องทอดกฐิน
    จะศรัทธาเองไหม ถ้าศรัทธาจะร่วมทำบุญอย่างไรหรือไม่
    จะบอกคนอื่นไหม ไม่ว่าจะใส่ซองข้างต้นหรือไม่ก็บอกบุญต่อได้
    เป็นบุญทั้งนั้น

    ดร. เทพนมท้วงงานวิทยาศาสตร์ทางจิตธันวานี้ ที่จะจัด ...พลังจิตกับความงาม ให้จัดหัวข้อพลังจิตกับภัยพิบัติด้วย
    จนป่านนี้คณะผู้จัดยังไม่เห็นขึ้นหัวข้อภัยพิบัติเลย มีแต่ของที่หาเงินได้ ... ธรรมดาโลก

    พวกเราปิดทองใต้ฐานพระกันต่อเถอะค่ะ พระจะได้ไม่เปื้อน

    อ.สถิตย์ธรรมบอกว่าเราเป็นเพียงพลังงาน แวะมาเกลือกกลั้วกับกายเนื้อในโลกนี้เป็นทางผ่านในการเรียนรู้ แต่รอบนี้เราเลือกที่จะผ่านอย่างมีความหมาย สุดท้ายก็กลับบ้านเดียวกัน

    See you at home!
     
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เมื่อเช้าคุยกับเพื่อนที่เคยทำงานอยู่กระทรวงวิทย์ เรื่องเขื่อนศรีนครินทร์
    เขารู้จักคนทำงานที่เขื่อนดังกล่าว
    กล่าวว่า เขื่อนรับได้ แผ่นดินไหวสัก ๕ ริกเตอร์
    ถ้าน้าท่วมถึงนครปฐม แปลว่าน้ำไหลออกหมดอ่าง นั่นต้องไหวเกิน ๕ ริกเตอร์แน่ๆ ป่านนั้นก็ตัวใครตัวมันละ
    แต่ทว่าป่านนั้นตึกสูงๆในกรุงเทพฯ กว่า ๔๐๐๐ แห่งก้ต้องป่นไปแล้วเช่นกัน แล้วทางด่วนล่ะ

    ดร.เทพนมบอกวานนี้ว่า ถ้าแผ่นดินไหว อยู่ในตึกสูง อย่าใช้ลิฟต์ ให้ลงบันได และให้หลบมุมๆตึก ถ้ามันจะถล่มก้จะถล่มตรงกลางก่อน
    บนทางด่วนก็เหมือนกัน ให้หลบตรงริมๆ เดี๋ยวยุบเหมือนคาลิฟอเนีย

    ข้าพเจ้าจดบันทึกค่ะ จึงจำได้ ไม่มี เอ็มพี สาม
    ถึงจะใช้แผ่นใสโบราณหน่อย แต่สาระสำคัญของท่านครบถ้วน

    สงสัยแต่ว่าทำไมต่างดาวใจดีมาบอกมาเตือนเรา ในขณะที่คนของเราส่วนใหญ่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน

    สงสัยเขาบอกเอาบุญ ส่วนเราจะได้บุญไหมเขาก็ได้ไปแล้ว
    เอ๋ ดาวเค้ามีพระพุทธเจ้าเหมือนกันละมัง สาธุ
     
  8. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    จากของคุณเกษม ตั้งแต่ ๒๐๐๕

    ''กระผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม เป็นคาถาช่วยชีวิตซึ่งคัดลอกจากศิลาจารึกในเขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน ซึ่งแปลได้ความดังนี้

    "ดูกร, อานนท์ พระตถาคตสงสารสรรพสัตว์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยเต็มที คำพยากรณ์ของพระตถาคตนี้ ยังให้สัตว์ทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้อื่นรู้กันต่อๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ ต่างสิ้นสุดกันตามเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันพบผู้มีบุญ ให้รักษาศีล 5 หนึ่ง เคารพยำเกรงบิดามารดา รู้จักบุญคุณของท่านมีคุณหนึ่ง ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    พุทธิทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา นะโมสัพพะราชา ขัตติโย อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญูมาคะตา อิติ โพธิ มะ นุปปัตโต อิติปิโส จะเต นะโม
    (คาถาบารมี 30 ทัศ)

    รู้แล้วอย่าประมาท คนประมาทคือคนที่ตายแล้ว ให้ท่องบทภาวนารักษาศีล ย่อมอยู่รอดปลอดภัยจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งปวงเทอญ"

    อนุโมทนาค่ะ<!-- / message --><!-- edit note -->
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    6. คนที่รอดตายจากภัยพิบัติเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม มีจิตใจดีงามอย่างแท้จริง การที่เขาเลือกติดต่อด้วยเนื่องจากส่วนหนึ่งเคยมีกรรมเกี่ยวพันผูกพันกับเขา เขาจึงมาช่วยเหลือ

    7.กรุงเทพเองมีความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวอย่างมากโดยเฉพาะตึกสูง อาคารสูง ทั้งออฟฟิตและสำนักงาน บ้านเดี่ยวสูง สองชั้นยังไม่ค่อยเท่าไรนัก แต่สูงกว่านั้น มีจำนวนตึกที่อันตรายอยู่ประมาณ 4,000 กว่าตึกทั่วกรุงเทพ

    ซึ่งด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงมีรับสั่งให้กทม.จัดทำคู่มือรับมือจากภัยแผ่นดินไหว หรือธรณีพิบัติ สามารถติดต่อขอรับได้ที่ทุกเขตทั่วกรุงเทพครับ

    ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น มาช่วยกันสรุปครับ

    โดยภาพรวมแล้วงานนี้เป็นงานที่เป็นการเชื่อมโยงทำความรู้จักกัน ในแต่ละกลุ่มที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในยามเกิดภัยพิบัติครับ

    งานครั้งต่อๆ ไปก็น่าที่จะสมบูรณ์ขึ้นไปตามลำดับครับ

    และในงานนี้ มีกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติหลายๆท่านได้เห็นยานบินตอนเดินทางกลับ ที่ลานจอดรถในงาน โดยมีผม คุณzz พี่จินดา น้องนุ๊ค พี่มารีน Falkman โดยเห็นเป็นยานบินลอยนิ่งอยู่มีแสงสว่างพร้อมทั้งเปิดไฟกระพริบสีแดง สีฟ้า ไม่มีเสียง ได้เห็นกันเป็นปกติสำหรับพวกเรา
    ได้พยายามโทรบอกพี่สุดใจเพื่อที่จะให้มาถ่ายรูปแต่โทรไม่ติดไม่มีคนรับ ก็เลยดูกันแค่นั้นแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    กลางคืนทำสมาธิคุยกับชาวดาวอื่นดูเพราะเขาเรียกมา

    เขาก็ได้สอนว่า "มนุษย์คิดและเชื่อว่าตนเองเป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองโลก ทำให้พฤติกรรมรวมทั้งการกระทำทั้งปวงเป็นไปเพื่อการแก่งแย่ง เบียดเบียนกัน อยากเป็นเจ้าโลก ไปจนถึงแย่งกันครอบครองอวกาศและดาวดวงอื่นด้วย

    หากมนุษย์มีจิตสำนึกที่เคารพธรรมชาติ เรียนรู้ในการดำรงชีวิตให้สอดคล้อง กลมกลืน เกื้อกูลธรรมชาติ ใช้พลังจากธรรมชาติในทางสร้างสรรค์ โลกใบนี้ก็จะไม่ประสบภัยพิบัติแบบที่กำลังเผชิญอยู่แบบนี้ โลกก็คงมีสันติสุขร่มเย็น"

    ฟังดูแล้วก็มาพิจารณาอีกครั้งก็พบว่า เป็นการสวิทซ์ความคิดง่ายๆของมวลมนุษยชาติแค่นั้นเอง(แต่ยังเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับผู้คนส่วนใหญ่) เพราะร่างกายของเราก็ดี ทรัพย์สมบัติเงินทองทุกสิ่งบนโลกก็ดีล้วนแล้วแต่เป็นของธรรมชาติทั้งสิ้น เรามายืมใช้ชั่วคราวแล้วต่างคนก็ต่างต้องจากไป แต่สิ่งที่ทุกคนทิ้งเอาไว้ก็คือพลังงานบวก (กรมดี) หรือพลังงานลบ(กรรมชั่ว)

    อย่าลืมว่าคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งไม่ใช่วัตถุแต่คือความดีงามของจิตใจ ที่ติดตัวเราไปทุกชาติภพตราบจนสิ้นสงสาร



    จากนั้นเขาก็พาไปดูยานอวกาศของดาวต่างๆที่ ลอยอยู่ในโหมดล่องหนอยู่ทั่วโลก และมีที่ตั้งฐานอยู่อีกจำนวนมาก บริเวณด้านหลังของดวงจันทร์ การมาครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา ในอดีตกาล (ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ถึงความรุนแรงของภัยที่เราต้องประสบ)

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พาสปอต์ในการรอดพ้นจากภัยพิบัติ ก็คือ ความบริสุทธิ์ของดวงจิต ที่ประกอบไปด้วย สัมมาทิษฐิ เมตตาพรหมวิหารสี่ และความเสียสละเพื่อส่วนรวมครับ คือใบผ่านทาง

    ฟังหูไว้หูนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อ ไตร่ตรอง วางใจเป็นอุเบกขา หาเหตุผลก่อนจึงเชื่อ เพราะผมเองก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ได้ครับ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียถูกพายุพัดกระหน่ำใกล้กับทะลดำ
    โดยทีมข่าว INN News
    <!-- Show Date -->12 พฤศจิกายน 2550 07:13:21 น.


    เรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียถูกพายุพัดกระหน่ำใกล้กับทะลดำ ทำให้น้ำมันรั่วไหลลงในทะเล สร้างภัยพิบัติต่อสิ่งแวดล้อม


    เจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของทางการรัสเซีย ระบุว่า น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 1,300 ตัน เกิดรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียที่บริเวณทะเลดำ ใกล้กับท่าเรือยูเครน หลังถูกพายุที่มีความแรงลม 108 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ส่งผลให้เกิดคลื่นทะเลสูงถึง 5 เมตร พัดกระหน่ำ และยังทำให้เรือลำดังกล่าวหักเป็นสองท่อน ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สร้างภัยพิบัติต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี ภายหลังทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบว่า เรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียดังกล่าว เป็นของบริษัท โวลกาเนฟต์ และจะต้องใช้เวลานาน 2-3 ปีในการแก้ปัญหา
    น้ำมันเชื้อเพลิงปนเปื้อนในทะเล และเนื่องจากเป็นสสารที่หนัก น้ำมันดังกล่าวยังได้จมลงบนผิวดินใต้ทะเลด้วย และหวังว่า สารซัลเฟอร์ในน้ำมันจะไม่ส่งอันตรายต่อมนุษย์

    ด้านกระทรวงบรรเทาสาธารณภัยรัสเซีย ระบุว่า ลูกเรือ 13 คน ต้องลอยคออยู่กลางทะเลนานหลายชั่วโมง ก่อนที่ช่วยเหลือให้เข้าสู่ฝั่งด้วยความปลอดภัย

    ------------------------------------------------------------------

    ดูจากกรณีที่เกิดเรือหลายลำทั่วโลกอับปางทิ้งคราบน้ำมันปริมาณมหาศาลติดๆกัน สามสี่ลำแล้ว มาประมวลกับข่าวการเกิดปะการังฟอกขาว(ตาย)ลงเป็นปริมาณมากอีก รวมทั้งในประเทศไทยก็ปรากฏเป็นวงกว้าง ในทะเลที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งครับ

    คาดว่าอีกไม่นาน ทั่วโลกจะเกิดปรากฏการณ์ทะเลมรณะ(สิ่งมีชีวิตในทะเลตายลงจำนวนมหาศาล ) และติดตามมาด้วยปรากฏการณ์ทะเลสีเลือด(เกิดจากแพลงตอนพิษสีแดงขยายตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วมากกว่า แพลงตอนที่ดี สีเขียวที่ช่วยสร้างออกซิเจนให้ชั้นบรรยากาศโลกได้มากที่สุดมากกว่าต้นไม้บนผิวดิน)

    หากเป็นเช่นนี้อัตราเร่งของภาวะโลกร้อน รวมทั้งทุกภิกขภัย จะเพิ่มขึ้นเร็วจนน่าตกใจครับ ช่วยกันติดตามข่าวด้วย
    <!-- / message --><!-- sig -->​
     
  11. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    (b-flower)

    ใครจะรู้ ว่าอยู่หรือต้องไป
    เมื่อมีภัย ใครอยู่รู้หน้าที่
    คืออะไร ทำไปเท่าที่มี
    คงไม่หนี ตัวรอดปลอดคนเดียว
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    ดาวหาง มองไม่เห็นหาง...เพราะหางอยู่ข้างหลัง
    ภาพดาวหาง ขยายใหญ่โตขึ้น....เพราะกำลังพุ่งเข้าหาโลก

    แต่น่าจะเป็น...น้ำแข็งจากทางช้างเผือก ที่มาเติมบนโลกให้สมบูรณ์ขึ้น
    ต่อไป....ปริมาณน้ำบนโลก จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คำนวณไว้

    ฝนดาวตก...เป็นแสงจากกลุ่มน้ำแข็ง ตกเสียดสีบรรยายโลก...ไม่เป็นอันตรายต่อโลก
    ฝนเหล็ก....เป็นอันตรายต่อโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    แพ็คของจ้า

    อ.ไก่แพ็คของเผื่อสงครามนิวเคลียร์ เอามาบอกต่อ<O:p</O:p


    กะว่าวันหนึ่งๆต้มน้ำ ไม่ทำกับข้าว เอาของที่ใช้น้ำร้อนอย่างเดียวเลียนแบบทหารอังกฤษนะคะ<O:p</O:p
    ซื้อถังพลาสติกหนา มีฝาปิด มีหูหิ้ว แพ็คไว้เลยนะคะ มีปัญหายกใส่รถแล้วไปได้เลย<O:p</O:p
    แยกหมวดให้ ศึกษากันเอาเองนะคะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับครอบครัว
    ภาชนะบรรจุน้ำ ขนาดยี่สิบลิตร/คน อยู่ได้หนึ่งสัปดาห์<O:p</O:p
    ผ้าใบ หรือผ้าพลาสติก<O:p</O:p
    เชือกขด<O:p</O:p
    เตาปิกนิก ๑ ชุดต่อครอบครัว ไว้ต้มน้ำอย่างเดียว ถ้าขนได้ซื้อแก๊สอีกถัง<O:p</O:p
    หม้อสารพัดประโยชน์พร้อมฝา ไว้ทำกับข้าวง่ายๆ<O:p</O:p
    กาต้มน้ำ แบบโบราณ<O:p</O:p
    กระติกน้ำร้อน ต้มน้ำเช้าครั้งเดียว แล้วที่เหลือเก็บใส่กระติกใช้ตลอดวัน<O:p</O:p
    ขวดพลาสติกใส่น้ำดื่มประจำวัน แนะใช้ขวดนมสองลิตรหรือห้าลิตรล้างสะอาดเพราะมีหูหิ้วด้วย <O:p</O:p
    มีดพก ไฟฉาย เทียนไข ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ ยากันยุง แบตเตอรี่สำรองสำหรับไฟฉาย<O:p</O:p
    ไฟสนามที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซื้อที่โลตัสหรือโฮมโปร<O:p</O:p
    กระดาษทิชชูจำนวนมาก เช็ดชามข้าว (ไม่ล้างเก็บน้ำไว้กิน) ชำระ
    ถังใส่น้ำ แบบใช้ก่อสร้าง (ทนดี สีดำ) อย่างน้อยครอบครัวละ ๒ ใบ ทำกับข้าวกับซักล้างแยกกัน<O:p</O:p
    แฟ็บ (ประหยัดที่) ล้างจานและซักผ้า (ถ้าได้ซัก)<O:p</O:p
    ขันน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็ก ไว้เช็ดตัว (ซักแห้ง) คนละชุดไม่แย่งกัน<O:p</O:p
    ตุนน้ำมันรถสัก ๕-๑๐ ลิตร ใส่กระป๋องน้ำมันเครื่อง ๕ ลิตรซุกไว้ในรถ คุณจะไม่ผิดหวังค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เครื่องใช้ส่วนตัว ผ้าขนหนู (คงไม่ได้อาบน้ำหรอกนะ) ผ้าถุงไว้ผลัดผ้า ผ้าขาวม้า หวี ยาสีฟัน ฯลฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เครื่องแต่งกายและเครื่องนอน
    เต้นท์ เอาอย่างมีผ้าคลุมอีกชิ้นเวลาน้ำค้างตกจะไม่ซึมเข้าข้างใน<O:p</O:p
    ถุงนอน อย่างน้อย ๑๕๐ กรัมจะได้กันหนาวได้ด้วย<O:p</O:p
    หมวกกันแดด<O:p</O:p
    เสื้อแขนยาว ผ้าฝ้าย<O:p</O:p
    เสื้อกล้าม คนละโหล ถ้าเหม็นทนไม่ไหวทิ้งไปเลย<O:p</O:p
    สเว็ตเตอร์ มีฮู้ดคลุม<O:p</O:p
    กางเกงใน เอาผ้าฝ้ายอย่างน้อยครึ่งโหลเลย ๓ วันกลับที ใส่แล้วทิ้ง ๗ วันหนึ่งตัว (น้ำมีค่าไว้ดื่มจ้ะ)
    ถุงเท้าฝ้ายสีเข้ม โหลนึงต่อคน เพราะเท้าเปียกไม่ได้<O:p</O:p
    รองเท้าหุ้มส้น<O:p</O:p
    เสื้อฝน ประจำตัวทุกคน
    ให้ซื้อน้ำหอมโคโลนญ์ ๑ ขวด เช่น ๔๗๑๑ ถ่ายใส่ขวดพลาสติก เผื่อหยดลงน้ำเช็ดหน้าให้มีกำลังใจบ้างยามท้อแท้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาหาร ประเภทของเหลว<O:p</O:p
    นมผง ยี่ห้อเอ็นชัวร์ สารอาหารครบ มีหลายรส เป็นเครื่องดื่มอาหารสำเร็จ เป็นมากกว่านม ซื้อตามร้านขายยาใหญ่ๆ<O:p</O:p
    นมผงละลายน้ำ ของคาร์เนชั่นหรือมิชชั่นก็ได้
    แป้งถั่วเหลือง หาตามร้านมังสะวิรัติ ไว้ทำน้ำเต้าหู้<O:p</O:p
    กาแฟ<O:p</O:p
    ไมโลหรือโอวัลติน<O:p</O:p
    เครื่องดื่มธัญพืชซอง เช่น เนสวิต้า ร้านเจ้เล้งมีงาดำซอง<O:p</O:p
    ใบหญ้าหวาน แทนน้ำตาล นน. เบากว่า ซื้อร้านสมุนไพรหรือห้างเวชพงษ์พาหุรัด<O:p</O:p
    มะตูมผง หรือขิงผง ใส่ถุงซิปล็อคกันขวดแตก<O:p</O:p
    น้ำส้มผงยี่ห้อแทง เผื่ออยากและเผื่อเด็กๆ<O:p</O:p
    ชาอูหลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาหารเสริม<O:p</O:p
    นมผงเม็ดจิตรลดา
    วิตะมินรวม <O:p</O:p
    น้ำมันปลา หรือเมล็ดแฟล้กซ์<O:p</O:p
    กระเทียมอัดเม็ด ขมิ้นชันอัดเม็ด อบเชยอัดเม็ด<O:p</O:p
    ลูกอมหวานๆยี่ห้อโปรด<O:p</O:p
    ช็อกโกแล็ตนม ยี่ห้อแคดบูรี่ มันแข็งตัวได้นานหน่อย อย่างอื่นเละเป็นโจ๊ก<O:p</O:p
    หมากฝรั่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เส้นใยและพลังงานฉุกเฉิน<O:p</O:p
    ลูกเกด<O:p</O:p
    แอปปริคอตแห้ง<O:p</O:p
    ลูกพรุน<O:p</O:p
    มะขามสามรส ช่วยขับถ่ายด้วย<O:p</O:p
    กล้วยอบ กล้วยแผ่น<O:p</O:p
    ผลไม้อบแห้งคละชนิด ให้มีสับปะรดด้วย<O:p</O:p
    ถั่วลิสงคั่ว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน<O:p</O:p
    หมดนี่ให้แร่ธาตุและวิตะมินครบ<O:p</O:p
    ขนมพวกปีโป้ ๗ ถุง สัปดาห์ละถุงพอหวานคอ จะนึกถึงวันเก่าๆ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาหารสามมื้อ<O:p</O:p
    ซีเรียล เช่น วีตแบรนของเคลล้อกซ์ หรือมูสลิกอย่างถุง (ราว ๑๕๐ บาท ซื้อที่ฟูดแลนด์ ถูกกว่าในกล่อง) ดูให้มีไฟเบอร์ ถึงแพงนิดก็ยังดี<O:p</O:p
    จมูกข้าวสาลี งาดำ<O:p</O:p
    ข้าวโอ๊ตกระป๋องสีแดง ใส่น้ำเดือด ใส่หญ้าหวานหน่อยนึง เอาชามครอบ ๓ นาที โรยลูกเกดกินได้ วิตะมินบีและเส้นใยเยอะ<O:p</O:p
    ขนมปังแครกเกอร์ไส้ชีส<O:p</O:p
    ขนมปังแครกเกอร์<O:p</O:p
    บิสกิตผลไม้ไส้ต่างๆ ดูที่นำเข้าจากมาเลเซีย<O:p</O:p
    สาหร่ายทะเล<O:p</O:p
    หมูแผ่น หมูทุบ เนื้อแผ่น เนื้อทุบ หรือเนื้อเจอร์กี้<O:p</O:p
    กุนเชียง<O:p</O:p
    ซุปถุง ผสมน้ำร้อนทานได้เลย เดี๋ยวนี้มีหลายยี่ห้อ<O:p</O:p
    ซุปแคมป์เบลสัก ๗ กระป๋องต่อครอบครัว เอาอย่างที่มีผัก เช่นมินิสโตรเน่ เปิดหารกันสัปดาห์ละกระป๋อง<O:p</O:p
    คัพโจ๊ก ใส่ถุงซิปล็อคประหยัดที่
    ปลากระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋อง สแปม<O:p</O:p
    แกงกะหรี่สำเร็จใส่ซองของญี่ปุ่น จะแพงหน่อยก็ซื้อมาเถอะกินสักอาทิตย์ละ ๑ มื้อ<O:p</O:p
    ปลาข้าวสารหรือปลากะตักทอด<O:p</O:p
    น้ำพริกตาแดง น้ำพริกปลาป่น หรือน้ำพริกนรก<O:p</O:p
    ถั่วเขียว (ดิบ) ไว้ทำถั่วงอก<O:p</O:p
    ข้าวเหนียว/ข้าวสวยหุง ปั้นเป็นแผ่นบางๆตากแห้ง จำนวนมาก<O:p</O:p
    เกลือ พริกไทย พริกป่น ผงอบเชย (ใส่เครื่องดื่ม เช่นโกโก้และข้าวโอ๊ต) ผงกระเทียม (ซื้อที่ห้างท็อป) ซองเครื่องปรุงรสบะหมี่สำเร็จที่เราเก็บสะสมไว้<O:p</O:p
    กระยาสารท ถั่วตัด งาตัด ของหวานประหยัดที่ พลังงานสูง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ไม่แนะบะหมี่สำเร็จเพราะกินแล้วไม่มีแรงแบกเป้เดิน

    อุปกรณ์เสริม<O:p</O:p
    ชามข้าว ช้อนก๋วยเตี๋ยว ถ้วยสเตนเลสมีหูเท่าจำนวนคนไว้ดื่มน้ำ<O:p</O:p
    ถุงก้อบแก้บจำนวนมากไว้ขับถ่าย และใส่ขยะ<O:p</O:p
    กระโถน ซื้อที่ไหนดีบอกหน่อยจ้า<O:p</O:p
    หนังสือรู้ไส้ภัยพิบัติ ไว้อ่านเพื่อหาทางรอดในวันต่อๆไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สุขภาพ<O:p</O:p
    หน้ากากนิรภัย เห็นว่าซื้อที่โลตัส<O:p</O:p
    ยาแก้เชื้อรา ยี่ห้อที่ชอบ เช่นคลอไทรมาโซล หลอดใหญ่ไม่ต้องเขิน<O:p</O:p
    ยาแก้แพ้ ที่เรียก CPM<O:p</O:p
    ยาล้างตา บอริก แอซิด ยี่ห้ออะไรก็ได้ขวดพลาสติกโตๆ
    ยาหม่อง ยาหอม พิมเสนน้ำ วิกวาโปรับ<O:p</O:p
    ขี้ผึ้งหยอดตา เวลาตาแดง ล้างตาก่อนหยอด เรียก ออริโอมัยซินอายออยเมนท์<O:p</O:p
    คาลาไมน์ เบตาดีน เอาขวดโตๆ แก้แพ้รังสี<O:p</O:p
    เกล็ดด่างทับทิม ไว้ล้างผัก หรือละลายน้ำอาบ<O:p</O:p
    ชุดแต่งแผล มี ตาข่ายเคลือบยาฆ่าเชื้อซื้อได้ที่ร้านขายยา กรรไกรใหม่ๆเล็กๆ ผ้าก้อสขนาดต่างๆ น้ำเกลือขวด ๑ ลิตรปลอดเชื้อ ครอบครัวละ ๓ ขวด <O:p</O:p
    ยาธาตุน้ำขาว ตรากระต่ายบิน<O:p</O:p
    ยาแก้ไอมะแว้ง<O:p</O:p
    ยาอมแก้เจ็บคอ ยี่ห้อเซ็ปปาคอล มียาฆ่าเชื้อ ยี่ห้ออื่นแค่ทำให้ชาแต่ไม่ฆ่าเชื้อจะหายช้า แพทย์ใช้จ้ะ<O:p</O:p
    อะม็อกซี่ ๕๐๐ แก้ติดเชื้อ<O:p</O:p
    แค็ปซูลฟ้าทะลายโจร แก้เจ็บคอ<O:p</O:p
    นอร์ฟล็อกซาซิน ยาฆ่าเชื้อถ้าท้องเสียหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เตรียมไว้คนละ สิบเม็ด<O:p</O:p
    อิมโมเดียม แก้ท้องเสีย<O:p</O:p
    ผงถ่าน ดูดพิษอาหารเป็นพิษ<O:p</O:p
    ผงเกลือแร่ ใช้เวลาท้องเสีย<O:p</O:p
    กระเป๋าน้ำร้อน และผ้าพัน<O:p</O:p
    ปลาสเตอร์ยา<O:p</O:p
    แป้งอังกฤษตรางู แก้คันและผดผื่น<O:p</O:p
    ผ้าพันเข่า ครอบครัวละสองผืน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เกล็ดเล็กน้อย แต่จำเป็น<O:p</O:p
    เข็มกลัดซ่อนปลาย เล็ก ใหญ่ ครอบครัวละ ๑ พวงในแต่ละขนาด<O:p</O:p
    กรรไกร เข็ม ด้าย<O:p</O:p
    กรรไกรตัดเล็บ มันยาวไม่รู้ตัว<O:p</O:p
    ผ้าอนามัย สุภาพสตรีอย่าลืม<O:p</O:p
    ถุงยางอนามัย เดี่ยวมาแพ้ท้องกันช่วงวิกฤตนี่เอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สิ่งสุดท้ายที่หยิบ ก่อนออกจากบ้าน<O:p</O:p
    ของมีค่า เงิน พาสปอร์ต พระเครื่อง พระคาถาต่างๆ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อันนี้ของหรู ถ้าคุณเตรียมได้ก็อนุโมทนา<O:p</O:p
    จักรยาน<O:p</O:p
    ยางในรถยนต์<O:p</O:p
    เรือยาง เสื้อชูชีพ<O:p</O:p
    วิทยุสื่อสาร<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลในครั้งนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร เทวดารักษาตน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องกลางและเบื้องสูงทุกพระองค์ค่ะ ขอให้อนุโมทนาบุญนี้โดยทั่วกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พิษโลกร้อนทำปะการังตายเพียบ

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2550 ดร.ธรณ์ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดเผยว่า

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและคณะเดินทางลงไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ทะเล ที่หมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยดำน้ำลงไปใต้ทะเลกระบี่สิ่งที่พบทำให้รู้สึกตกใจมากว่า กลุ่มประการังอ่อนที่เกาะโขดหินสีสันสวยงามได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำเย็น ทำให้ตายเกือบหมดโดยเฉพาะประการังในบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำลงไปดู ได้แก่ เกาะห้าใหญ่ หินม่วงหินแดง ไปจนถึงเกาะรอก เกาะตะรุเตา คิดเป็นระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร พบว่าปะการังเสียหายทั้งหมด โดยหินม่วงหินแดง ที่เคยมีปะการังสีสันสวยงามเกาะอยู่ให้นักท่องเที่ยวดู ตอนนี้กลับกลายเป็นโขดหินว่างเปล่านอกจากนี้ที่เกาะตะรุเตาก็มีปะการังหายไปมากกว่าครึ่งซึ่งน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะตนรู้สึกตกใจและถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับภูกระดึง ทั้งภูเขาถูกระเบิดทำลายหายไปนั่นเอง

    ดร.ธรณ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งก็คือการดำรงชีวิตของปลาการ์ตูนสีส้มขาวหรือปลานีโมที่เด็กๆ รู้จักกันดีก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

    โดยจากการสำรวจของตน ก่อนหน้านี้ที่ได้นำปลาชนิดนี้ลงไปปล่อย 1,100 ตัว และลงไปนับจำนวนอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็พบว่าก่อนหน้านี้ปลาเพิ่มจำนวนขึ้นตามธรรมชาติแต่จากการลงไปสำรวจล่าสุดนับได้เพียง 50 กว่าตัวเท่านั้นและแต่ละตัวก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแอทรุดโทรม และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดได้อีกนานเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากปลาชนิดอื่นที่อยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน

    ส่วนสาเหตุที่ทำให้สัตว์น้ำใต้ทะเลอันดามัน เป็นอย่างนี้เชื่อว่าจะเกิดจากผลกระทบของกระแสคลื่นน้ำเย็น ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ปกติแล้วอุณหภูมิในทะเลอันดามันจะอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส แต่บางช่วงกลับวัดได้เพียง 15 องศาเซลเซียสเท่านั้น กระแสคลื่นน้ำเย็นนี้จะเข้ามาเป็นช่วงๆ ครั้งละประมาณ 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

    "อยากให้รัฐบาลตระหนักถึงเรื่องการรับมือกับปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง เพราะปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งบนบกและในน้ำ ควรจะให้เรื่องโลกร้อนเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง" ดร.ธรณ์กล่าว

    ด้านนายสมเกียรติขอเกียรติวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานสมุทรศาสตร์สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่า

    เพิ่งเดินทางกลับจากการตรวจสอบสภาวะสมุทรศาสตร์ หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา พบว่ามีมวลน้ำจากทะเลลึกข้างนอกเข้ามาในทะเลอันดามัน ทำให้น้ำทะเลที่ความลึก 20 เมตรลงไปเย็นกว่าปกติ รวมทั้งมีค่าออกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่าปกติอีกด้วย

    "ในช่วงปกติแล้วในระดับน้ำลึก 100 เมตรลงไป ปริมาณออกซิเจนจะอยู่ที่ 5 มิลลิกรัมต่อลิตร ไม่เคยต่ำกว่า 2 เลย ยิ่งระดับน้ำลึก ปริมาณออกซิเจนก็จะยิ่งน้อยลง เพราะน้ำมีอุณหภูมิต่ำลงด้วย แต่ล่าสุดที่ไปตรวจวัดมาพบว่าในระดับน้ำลึกเพียง 30-40 เมตร ปริมาณออกซิเจนต่ำกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะมีผลต่อปะการังอ่อน และสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวได้ แต่ทีมงานยังไม่ได้ดำน้ำลงไปสำรวจใต้ทะเล เพียงแต่วัดอุณหภูมิและปริมาณออกซิเจนจากผิวน้ำเท่านั้น" นายสมเกียรติกล่าว

    เมื่อถามว่าปรากฏการณ์ที่เกาะสิมิลัน เชื่อมโยงกับเรื่องปะการังอ่อนตายจำนวนมากที่เกาะห้าใหญ่ และที่หินม่วงหินแดงหรือไม่

    นายสมเกียรติกล่าวว่า ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่เรื่องปรากฏการณ์คลื่นน้ำเย็นนั้น เข้ามาบริเวณกว้าง ส่วนเรื่องปะการังอ่อนตายนั้นอาจจะเป็นผลมาจากปีที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้กระแสน้ำเย็นดังกล่าวนี้ทำให้ปะการังอ่อนในบริเวณดังกล่าว เสียหายไปจำนวนมากมาถึงปีนี้อาจจะยังฟื้นตัวไม่ทัน อย่างไรก็ตาม หากมีปรากฏการณ์เดียวกัน เข้ามาซ้ำเติมก็จะยิ่งทำให้การฟื้นตัวของปะการังอ่อนช้ามากขึ้นอีก

    นายกวีพลขจรศิริสินมัคคุเทศก์ดำน้ำกล่าวว่า

    ปีนี้เพิ่งจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเล ยังไม่ได้ลงไปดูที่เกาะห้าใหญ่ และหินม่วงหินแดง แต่ปีที่ผ่านมากระแสน้ำเย็นทำให้ปะการังอ่อนในพื้นที่ดังกล่าวหายไปมากพอสมควร นักดำน้ำจึงไปดำน้ำกันที่เกาะเชือก เกาะม้า จ.ตรัง แทน ซึ่งบริเวณดังกล่าวยังมีปะการังอ่อนสวยงามให้ชมอยู่


    ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    http://tnews.teenee.com/etc/16471.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2007
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ภัยแอบแฝงในแม่น้ำเวฬุ

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    แม่น้ำเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทรบุรี มีศักยภาพในการผลิตสัตว์น้ำต่างๆ ได้สูงมาก เพราะแม่น้ำมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ในปัจจุบันมีการขยายตัวของแหล่งชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการทำการประมงอย่างมาก ทั้งนี้รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศของแม่น้ำเวฬุอย่างมาก ปัจจุบันแม้ศักยภาพการผลิตสัตว์น้ำในแม่น้ำเวฬุจะลดลง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นที่สูงพอสมควร โดยเฉพาะพวกหอย 2 ฝา ซึ่งพวกหอย 2 ฝาจะกินแพลงก์ตอนเป็นอาหารโดยการกรอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า การแพร่กระจายของแพลงก์ตอนในแม่น้ำเวฬุนี้เป็นอย่างไร เพื่อที่จะสามารถประเมินศักยภาพของแม่น้ำได้

    แพลงก์ตอนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สำคัญกับแหล่งน้ำมาก ในแง่การใช้ประโยชน์นั้นแพลงก์ตอนพืชถือเป็นผู้ผลิตเบื้องต้น ( primary product ) ในระบบห่วงโซ่อาหาร แต่ในขณะเดียวกันแพลงก์ตอนก็สามารถเป็นโทษแก่แหล่งน้ำและสัตว์น้ำ และส่งผลถึงมนุษย์เราก็ได้ด้วยเช่นกัน ดังเช่นการเกิดปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี (Red tide)

    ปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสี ( Red tide )

    น้ำเปลี่ยนสีหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ขี้ปลาวาฬ หรือ น้ำแดง นั้นหมายถึงปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากแพลงก์ตอนพืช ที่มีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากจนทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีไปจากน้ำทะเลปรกติ เนื่องจากมีแพลงก์ตอนหนาแน่นมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นสีแดงเพียงอย่างเดียว อาจเป็นสีอื่น ๆ ก็ได้เช่น สีน้ำตาล สีเขียว

    ผลกระทบที่เกิดจากปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสี ทำให้เกิดการเน่าเสียของแหล่งน้ำเมื่อเกิดการ bloom แล้วเกิดการตายพร้อมกันเป็นจำนวนมากและเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ โดยการที่สัตว์ไดรับพิษของแพลงก์ตอนโดยตรง หรือ ในแง่ของการเข้าไปอุดตันเหงือกทำให้สัตว์น้ำแลกเปลี่ยนก๊าซไม่ได้ เป็นต้น การเกิดพิษกับคน โดยอาจผ่านทางอาหารทะเล โดยเฉพาะในพวกหอย 2 ฝา ซึ่งพิษนั้นอาจไม่เป็นต่อหอย แต่หอยจะมีการสะสมพิษไว้ เมื่อคนกินหอยเหล่านั้นเข้าไป จะแสดงอาการซึ่งพิษบางชนิดทำให้เสียชีวิตได้

    [​IMG] [​IMG]
    ภาพของแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสี

    อาการเมื่อได้รับพิษ

    พิษอัมพาตซึ่งมีความรุนแรงมาก ในระยะแรก หลังจากรับประทานเข้าไป ประมาณ 30 นาที จะเริ่มปวดแสบปวดร้อนที่ริมฝีปาก ลิ้น และใบหน้า ลามถึง คอ แขน ขา ระยะหลังจะเกิดอาการชา เคลื่อนไหวลำบากคล้ายกับเป็นอัมพาตในกรณีรุนแรงจะเสียชีวิตเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงาน ( ภายใน 12 ชม.) หากอาการทรงอยุ่ได้เกิน 12 ชม. จะมีโอกาสรอดชีวิตได้

    พิษที่ทำให้ท้องร่วง อาการเมื่อได้รับพิษ คือ ท้องร่วง อาเจียน แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต

    พิษที่ทำให้ความจำเสื่อม อาการเมื่อได้รับพิษ คือ อาการเริ่มแรกภายใน 24 ชม. จะเกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ปวดช่องท้องอย่างรุนแรง อาเจียนและง่วงซึม เวียนศรีษะ ภายใน 48 ชม. ขั้นรุนแรง อาจมีผลต่อระบบสมองและประสาทส่วนกลาง ทำให้สูญเสียความทรงจำ และอาจเสียชีวิตได้

    จากเนื้อหาข้างต้นจะเห็นได้ว่า แพลงก์ตอนแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็ก และบางคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ หรือโทษที่เกิดขึ้นจากแพลงก์ตอนว่ามีมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมาการแพร่กระจายของแพลงก์ตอน ที่เกินความจำเป็นจนทำให้เกิดโทษนั้นมีมาก และได้ทำความเสียหายให้แก่ เศรษฐกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นมูลค่ามากมาย

    เมื่อเราทราบข้อมูลเกี่ยวกับแพลงก์ตอน รวมถึงรู้ทั้งประโยชน์และโทษของแพลงก์ตอนแล้ว เราควรที่จะมีวิธีแก้ไข หรือหาทางป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการ Bloom ของแพลงก์ตอน ไม่ให้สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตสัตว์น้ำ และส่งผลกระทบต่อมนุษย์เราอีกด้วย

    หมายเหตุ

    ** แพลงก์ตอน หมายถึง สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ล่องลอยไปตามกระแสลมหรือน้ำสุดแต่คลื่นลมหรือน้ำจะพัดพาไป มีทั้งขนาดที่มองเห็นด้วยตาเปล่า หรือมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

    ** Red tide หมายถึงการเพิ่มจำนวนของแพลงก์ตอนอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น แสง ธาตุอาหาร อุณหภูมิ เป็น

    ที่มา http://www.talaythai.com/Education/43620434/43620434.php3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • red%20tide.jpg
      red%20tide.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.8 KB
      เปิดดู:
      61
    • red_tide.jpg
      red_tide.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.6 KB
      เปิดดู:
      76
    • rtdeadfish.jpg
      rtdeadfish.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • team_redtide.jpg
      team_redtide.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.9 KB
      เปิดดู:
      2,763
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2007
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** แผ่นดินใหม่ ****

    น้ำทะเล...จะสูงขึ้น
    เกาะ....จะท่วมเป็นล้านๆ เกาะ
    ต่อไป ประการังจะเกิดขึ้นมาก...กลายเป็นแผ่นดินใหม่

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ฮือฮาลำแสงคล้ายจานบิน

    [​IMG]


    ข่าวหนังสือพิมพ์ : เดลินิวส์ (หน้า 1)

    กองทัพสั่งตรวจสอบด่วนลำแสงประหลาด รูปทรงคล้ายจานบินพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงจากยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ในจ.จันทบุรี ก่อนเลี้ยวหักมุมเป็นแนวนอนหายวับไปสุดขอบฟ้าเป็นอะไรกันแน่วันขึ้น 14 ค่ำนี้ร่วมสื่อมวลชนพิสูจน์ความจริงชาวบ้านยันเกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้ว โผล่ให้เห็นเฉพาะวันขึ้น 14 ค่ำและวันขึ้น15 ค่ำผู้ใหญ่บ้านมือไวถ่ายภาพลำแสงประหลาดไว้ได้ ตั้งข้อสังเกตสัมพันธ์กับสิ่งลี้ลับบนยอดเขาที่มีหินยักษ์ 3 ก้อนวางเรียงรายเป็นเส้นตรงกับหน้าผาหิน มีรูปลูกศรชี้ลงเหมือนต้องการบ่งบอกอะไรบางอย่าง ชาวบ้านวิจารณ์กันต่างๆนานาบ้างก็ว่าเป็นลำแสงพระธาตุ บ้างก็เชื่อเป็นยูเอฟโอ

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ก.ค. 46 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชาวบ้านหมู่บ้านเขาสะท้อนหมู่ 3 ต.ทุ่งขนานอ.สอยดาวจ.จันทบุรีว่ามีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในหมู่บ้านหลายครั้ง โดยมีชาวบ้านหลายคนเห็นลำแสงทรงกลมขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง มีหางเป็นแสงยาวพุ่งจากยอดเขาพริกภายในหมู่บ้านเป็นเส้นตรงแล้วหักมุมเป็นแนวนอนหายลับไป ซึ่งปรากฏการณ์ลักษณะนี้ชาวบ้านเห็นมานานหลายสิบปีแล้ว ปีหนึ่งๆ เห็นประมาณ 10-15 ครั้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคืนวันขึ้น 14 ค่ำและคืนวันขึ้น 15 ค่ำชาวบ้านเชื่อกันไปต่างๆ นานาบ้างว่าเป็นลำแสงพระธาตุของพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังที่แห่งหนึ่ง บ้างก็เชื่อเป็นมนุษย์ต่างดาวเพราะลักษณะการบินเป็นเส้นตรง และมีการหักมุมเป็นแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งไม่มีเครื่องบินชนิดใดในโลกทำได้

    นายณรงค์ชัยสุขเย็นผู้ใหญ่บ้านเขาสะท้อนเปิดเผยว่า ตนเคยถ่ายภาพลำแสงนี้ได้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 46 ซึ่งเป็นวันขึ้น 14 ค่ำเวลาประมาณ 22.00 น. ตอนนั้นจะเข้านอนเห็นแสงสีขาวนวล พุ่งเป็นเส้นตรงจากเขาพริกเข้าหาดวงจันทร์ ตนไม่รู้เป็นแสงอะไรกันแน่ แต่ไม่มีเสียงและไม่ใช่เครื่องบินแน่ เพราะทิศทางการเคลื่อนไหวไม่เหมือนกันและยังไม่มีไฟกะพริบ ตนจึงรีบวิ่งไปคว้ากล้องมินอลต้าตอนนั้นตั้งระบบออโตเมติกถ่ายภาพแสงไฟไว้ได้ ก่อนที่จะหักมุมเป็นแนวตั้งมีหางเป็นลำแสงยาวแล้วหายลับไป รวมเวลาที่เห็นแสงนี้ประมาณ 50 วินาที

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายณรงค์ชัย ได้ตั้งข้อสังเกตโดยนำผู้สื่อข่าวและชาวบ้านขึ้นไปบนยอดเขาพริกดูหิน 3 ก้อนบนยอดเขาซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่วางเรียงเป็นเส้นตรงแต่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูยอดเขาพริกซึ่งมีรอยแยกของเปลือกหินเป็นรูปลูกศรชี้ลงอย่างน่าอัศจรรย์ โดยนายณรงค์ชัยนำเข็มทิศมาวางไว้ที่หิน 3 ก้อนปรากฏว่าเข็มทิศทำมุม 120 องศาที่ลูกศรบนหน้าผาพอดีซึ่งตรงกับทิศทางการเคลื่อนที่ของลำแสงประหลาด โดยนายณรงค์ชัยกล่าวว่าเครื่องหมายลูกศรบนหน้าผาเหมือนกับทำไว้แสดงตำแหน่งอะไรบางอย่าง

    ด้านนางกิมเองธงชัยอายุ 55 ปีอยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่บ้านเขาสะท้อนกล่าวว่าบ้านตนอยู่ห่างจากยอดเขาพริกประมาณ 100 เมตรจำได้สมัยสาวๆ เคยเห็นลำแสงพุ่งออกจากยอดเขานี้นานเกือบ 30 ปีแล้วเคยเห็นมาหลายสิบครั้งจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่รู้เป็นแสงอะไรกันแน่บางครั้งลูกเล็ก บางครั้งลูกใหญ่พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงสู่ยอดฟ้าและหายไป บางครั้งเลี้ยวหักมุมเป็นแนวนอนลำแสงนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนของวันขึ้น 14 ค่ำและขึ้น 15 ค่ำเวลาที่เงียบไม่มีลมพัด ไม่ใช่ตนเท่านั้นที่เห็นยังมีชาวบ้าน และญาติพี่น้องอีกหลายคนเห็นกันทั้งนั้นตนเชื่อว่าเป็นพระธาตุเสด็จ ไปยังที่ไหนสักแห่งหรืออาจเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้

    นางอ่อนโยนรักชื่นอายุ 72 ปีอยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่บ้านเขาสะท้อนกล่าวว่าตนเห็นลำแสงนี้ มาหลายครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย.46 ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงคนงานเอะอะโวยวายดูลำแสงดังกล่าว ตนจึงตื่นขึ้นมาดูก็เห็นลำแสงนี้เหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อต้นปี เป็นลำแสงพุ่งตรงขึ้นฟ้าแล้วเลี้ยวหักมุมเข้าหาดวงจันทร์ เมื่อใกล้ถึงดวงจันทร์ ก็เลี้ยวหักมุมพุ่งขึ้นเหนือดวงจันทร์อีกแล้วหายไปในที่สุดซึ่งลำแสงจะเปลี่ยนสีไปด้วย จากสีเขียวสีเหลืองและขาวนวลตนเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนยอดเขาพริกแสดงปาฏิหาริย์ให้ชาวบ้านเห็น

    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อน.อ.สาโรจน์พึ่งพานิชหน.ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธิน2 (ชค.ทพ.นย.2) จ.จันทบุรีว่ามีเครื่องบินผ่านบริเวณดังกล่าวในช่วงที่ชาวบ้านเห็น แสงไฟหรือไม่หรือเรดาร์ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมบนอากาศได้หรือไม่ซึ่งน.อ.สาโรจน์ เปิดเผยว่าบริเวณนี้ไม่มีเครื่องบินผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ตนยืนยันลำแสงที่ชาวบ้านเห็นไม่ใช่เครื่องบินทหาร หรือเครื่องบินตำรวจแน่อีกทั้งไม่มีสิ่งแปลกปลอมบนอากาศ ปรากฏในจอเรดาร์เลยเรื่องลำแสงประหลาดนี้ลูกน้องตน เคยมารายงานหลายครั้ง เคยหารือกันก็ไม่รู้เป็นแสงอะไรแต่ไม่ใช่เครื่องบินผ่านแน่นอน ซึ่งในวันขึ้น14 ค่ำที่จะถึงนี้ตนจะไปร่วมสังเกตการณ์กับผู้สื่อข่าวด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นแสงอะไรกันแน่.


    ที่มาhttp://www.dmr.go.th/news/30_07_46_2.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ufo.JPG
      ufo.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.8 KB
      เปิดดู:
      1,638
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2007
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กลุ่มอดีตนักบินชี้
     
  19. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    PM จากลูกศิษย์ที่มหิดล อนุโมทนาค่ะ

    "ผมได้รับคำเตือนจากอาจารย์ตาที่สาม (อาชวิน) เหมือนกันครับ ให้ระวังช่วง 26-27-28 ธ.ค. 2550 เรื่องสึนามิทางฝั่งตะวันออก สงสัยต้องเตรียมตัวหน่อยแล้ว อาจารย์มีรัยเตือนได้นะครับ กราบกราบกราบ...ลูกอาจารย์โตรึยังครับ ตอนนั้นยังดื้ออยู่เลย ทั้งสองคน อิอิ"

    ใช้วิจารณญานนะคะ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เกลือ(salt)
    สิ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต

    [​IMG]


    vijit_j<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_809252", true); </SCRIPT> สมาชิก​

    เมื่อไม่นานนี้มีพระองค์หนึ่งบอกให้เตรียมของ 3 อย่าง(ก่อนเกิดภัยพิบัติ) คือ
    1.ข้าวสาร
    2.น้ำมัน
    3.เกลือ (ทะเลน่าจะมีปัญหา)

    kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_811254", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เรื่องเกลือนี่จากกรณีเรดไทด์(ทะเลสีเลือด) และกัมมันตรังสีครับ พระที่วัดท่าซุงท่านก็ได้บอกเอาไว้ว่า ต่อไปเกลือจะมีราคาแพงกว่าทองคำ (หากเป็นเช่นนั้นก็เพราะ มีกัมมันตรังสี และคนเชื่อว่าไอโอดีนในเกลืออาจช่วยลดพิษของไทรรอยย์ได้บ้างเลยเป็นที่ต้องการจนมีราคาแพง)

    บางคนเลยวางแผนจะตุนเกลือเป็นตันๆ กะเอารวย ผมก็ถามว่า แล้วข้าวเราไม่กินหรือ กินเกลือ อาบเกลือแทนข้าวแทนน้ำได้ไหม เขาก็ไม่สนนะ กะเอารวยท่าเดียวช่วงภัยพิบัติ นี่ก็คนใกล้ตัวเช่นกัน แทนที่จะช่วยส่วนรวมเข้าว่า

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=67157&page=17

    การใช้ประโยชน์ของเกลือ

    [​IMG][​IMG]เกลือเป็นสารอาหาร ตัวปรุงรส สารถนอมอาหารป้องกันน้ำแข็งจับถนน และเป็นสารตั้งต้นของอุตสาหกรรมเคมีการผลิตเกลือของโลกในแต่ละปีสูงถึงประมาณ 200 ล้านตัน โดยมีสหรัฐเมริกาผลิตมากที่สุด รองมาคือ จีน เยอรมันนี และแคนาดา ซึ่งแต่ละประเทศผลิตมากกว่า 10 ล้านตัน ประมาณ 1 ใน 4 ของเกลือที่ผลิตได้มาจากน้ำทะเล ส่วนที่เหลือผลิตจากชั้นแร่เกลือหินโดยตรง หรือทำเหมืองละลาย โดยนำเกลือไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้แก่

    1. อุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในรูปแบบของการปรุงรส ถนอมอาหารและเพิ่มธาตุอาหาร
    2. ผลิตคลอรีน ที่ใช้ในการทำสารโพลิเมอร์สำหรับการทำพลาสติกใยสังเคราะห์ และยางสังเคราะห์
    3. ผลิตโซดาไฟ (Caustic Soda) ใช้ในอุตสาหกรรมแก้ว เส้นใยไนล่อน ใยสังเคราะห์ พลาสติก ทำสบู่ ผงซักฟอก
    4. ใช้ในการกลั่นน้ำมัน ทำยาฆ่าแมลง ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าเชื้อโรค ผลิตน้ำประปา ปรับสภาพน้ำ และน้ำเสีย
    5. ผลิตกรดเกลือ เพื่อใช้ในการทำยางสังเคราะห์ ทำความสะอาดแก้ว และบ่อน้ำมัน
    6. ใช้เกลือละลายน้ำแข็งบนถนน ในประเทศที่มีหิมะตกใช้เกลือเป็นจำนวนมากสำหรับละลายน้ำแข็งบนผิวทางหลวงกันถนนลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคนาดา ซึ่งใช้เกลือถึงปีละประมาณ 10 ล้านตัน สำหรับกิจกรรมนี้
    7. ผลิตโซเดียมเหลว เพื่อใช้ในการหล่อเย็น ส่งถ่ายความร้อนโดยเฉพาะในเตาปฏิกรณ์
    8. ผลิตโซเดียมแข็ง ใช้ทำโลหะทองเหลือง โลหะผสม ผสมสีย้อมผ้า และโซเดียมไซยาไนด์
    9. ผลิตโซเดียมซัลเฟต เพื่อให้ทำกระดาษ เยื่อไม้ สีย้อมผ้า เคลือบเซรามิก
    10. ผลิตโซเดียมคาร์บอเนต ใช้ในอุตสาหกรรมแก้ว กระดาษเยื่อไม้ ใยสังเคราะห์
    11. ผลิตโซเดียมไบคาร์บอเนต ใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เครื่องหนังทำแก้ว และปุ๋ย
    12. ผลิตโซเดียมไนเตรต ทำปุ๋ยและวัตถุระเบิด
    13. ผลิตพลังงานโดยตรง เนื่องจากในชั้นเกลือหินบริเวณที่มีโดมเกลือจะมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณอื่น สามารถพัฒนานำเอาความร้อนนี้มาใช้เป็นแหล่งพลังงานโดยตรงหรือผลิตกระแสไฟฟ้าได้
    14. ผลิตพลังงาน โดยกระบวนการ Molten Salt Solar Energy Production ที่ปัจจุบันมีการดำเนินการอยู่ในรัฐเคลิฟอร์เนียตอนใต้นอกจากนี้ยังใช้ลานตากเกลือเป็นแหล่งสะสมความร้อนจากแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงาน

    ที่มา http://www.dmr.go.th/Interest/Data/Hilight/TI2sal1D.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...