มีคําถามที่สงสัยอยู่อยากให้ช่วยค้นหาคําตอบหน่อยครับ ^^!

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พุธทสิณ, 5 มิถุนายน 2013.

  1. พุธทสิณ

    พุธทสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +404
    คือว่า เรื่องของจิต
    จิตเรานี้เป็นจิตประภัสสรไม่ว่าคนหรืสัตว์,เรี่มแรกนั้นจิต(ประภัสสร)เราเกิดมาจากอะไรหนอ?มีอะไรเป็นปัจจัยหนอ?
    กิเลสเหมือนกับเมขโคจรมาปิดบังพระจันทร์(จิต)...ชั่วคราว
    ใช้เวลายาวนานจนกว่าจิต(ที่มีหลายดวง..จิตโทสะ,จิตโมหะ,จิตโลภะ....)จะหลุดพ้น( นิพพาน)
    ร่างกายเราเป็นเพียงเรือนพักอาสัยของจิตชั่วคราว...อวิชชาคือตัวสร้างเรือนนี้ให้แก่เราหรือ(เพราะความหลงยืดติด)?
    ข้อความเห็นใจจากทุกท่านช่วยให้ความรู้ด้วยนะครับ ^/\^
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ปฏิบัติให้พ้น แล้วจะรู้แจ้งในเรื่องพวกนี้

    หากปฏิบัติยังไม่พ้น มันก็เป็นเรื่องของตาบอดคลำช้าง มันจะยิ่งหลงทางไปกันใหญ่

    ผู้ที่รู้จริงๆ ในเรื่องพวกนี้ มีแค่ผู้ที่พ้นแล้วเท่านั้น
    ผู้ที่ยังไม่พ้น ไม่รู้จริงหรอก

    เพราะในกระบวนการทำให้ตัวเองพ้น มันต้องหาเหตุแห่งการเกิด และเจออวิชชาก่อน มันจึงจะพ้นได้
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    รู้สึกว่าคำถามนี้เข้าเกณฑ์อจินไตร....
     
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เกณฑ์อจินไตร...คือ อะไรครับ
     
  5. พุธทสิณ

    พุธทสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +404
    สลุบแล้วมันคืออจินไตรใช่ใหมครับ?ยากจัง ==
    แล้วจิตดวงหนื่งเกิด จิตดวงหนื่งดับนั้น จิตดวงที่ดับนั้นไปอยู่ที่ไหน? :)
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เหมือนเราจุดไม้ขีดไฟ เมื่อไฟไม้ขีดเกิดขึ้น เราทราบไหมว่าไฟนั้นมาจากไหน ?
    และ เมื่อไฟไม้ขีดมันดับ เราจะทราบไหมว่า ไฟนั้นไปอยู่ที่ไหน ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2013
  7. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ที่เราเกิดมานั้น มีเหตุจากอวิชชาเป็นสำคัญ
    ผมจับคำถามของคุณได้แค่นี้
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ส่วนบุคคลเหล่าใดแล จะเป็นสมณหรือพราห์มณ์ ก็ตาม รู้อยู่ตามที่เป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้่เป้นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้แล้ว เขาเหล่านั้น ย่อมไม่ยินดีใน เหตุปัจจัยเครื่องปรุงแต่งชนิดที่เป็นไปพร้อมเพื่อ ความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกขืกาย ความทุกข์ใจ และ ความคับใจเลย .................................เขาผู้ไม่ยินดีแล้ว ในเหตุปัจจัยเครื่องปรุงแต่งชนิดนั้นนั้น ก็ไม่ก่อสร้างขึ้น ซึ่งเหตุปัจจัยเป็นไปพร้อมเพื่อ ความเกิด เป็นต้นนั้นนั้น ครั้นเขาไม่ก่อสร้างเหตุปัจจัยเครื่องปรุงแต่งชนิดนั้นแล้ว ก็ไม่จมลงในเหว แห่งความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความ ร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับใจได้เลย เราย่อมกล่าวบุคคลเหล่านั้นว่า เขาพ้นไปจากทุกข์ทั้งหลาย มีความเกิด ความแก่ เป็นต้นไปได้ ดังนี้ ภิกษุทั้งลาย เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริง ว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป้นความดับไม่เหลือของมทุกข์ และ นี้เป้นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้....มหาวาร.สํ.19/561/170...:cool:
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................ศึกษา อริยสัจสี่ นั้นแหละครับ...:cool:
     
  10. ss_solomon

    ss_solomon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +54
    *** คัดลอกบางส่วนมาจากคิริมานนทสูตร อธิบายไว้ดังนี้อ่ะ

    อันที่แท้จิตใจนั้นเป็นลม อันเกิดอยู่สำหรับโลก ไม่ใช่จิตใจของเรา โลกเขาตั้งแต่ง ไว้ก่อนเรา เราจึงเข้ามาอาศัยอยู่กับด้วยลมจิตใจ ณ กาลเป็นภายหลัง ถ้าหากว่าเป็นจิตใจของเรา เราพา เอามาเกิด ครั้นเกิดขึ้นแล้วจิตใจนั้นก็หมดไป ใครจะ เกิดขึ้นมาได้อีก นี่ไม่ใช่จิตใจของใครสักคน เป็นของ มีอยู่สำหรับโลก ผู้ใดจะเกิดก็ถือเอาลมนั้นเกิดขึ้น ครั้น ได้แล้วก็เป็นจิตของตน ที่จริงเป็นของสำหรับโลกทั้งสิ้น ที่ว่า จิตใจของตนนั้น ก็เพียงให้รู้ซึ่งการบุญการกุศล การบาป การอกุศล และเพียงให้รู้ทุกข์สุข สวรรค์และพระนิพพาน ถือเอาไว้ให้ถึงที่สุดเพียงพระนิพพานเท่านั้น ถ้าถึงพระ นิพพานแล้ว ต้องวางจิตใจคืนไว้แก่โลกตามเดิมเสียก่อน ถ้าวางไม่ได้เป็นโทษ ไม่อาจถึงพระนิพพานได้ มีคำแก้ไว้ ดังนี้ ตทนนฺตรํ ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสเทศนา ต่อไปอีกว่า อานนฺท ดูกรอานนท์ บุคคลทั้งหลายที่หลง ขึ้นไปบังเกิดในอรูปพรหมอันปราศจากความรู้นั้น ก็ล้วน แต่บุคคลผู้ปรารถนาพระนิพพาน แต่ไม่รู้จักวางใจให้สิ้น ให้หมดทุกข์นั้นเอง ไม่รู้จักวางจิตวิญญาณอันตนเข้ามาอาศัย อยู่กับด้วยลมของโลก ทำความเข้าใจว่าเป็นจิตของตัว และ เข้าใจว่า พระนิพพานมีอยู่ในเบื้องบนนั้น ตัวก็นึกเข้าใจ เอาจิตของตัวขึ้นไปเป็นสุขอยู่ในที่นั้น ครั้นตายแล้วก็เลย พาเอาตัวขึ้นไปอยู่ในที่อันไม่มีรูป ตามที่จิตตนนึกไว้นั้น ดูกรอานนท์ ผู้ที่หลงขึ้นไปอยู่ในอรูปพรหมแล้วจะได้ถึง โลกุตตรนิพพานนั้นช้านานยิ่งนัก เพราะว่าอายุของ อรูปพรหมนั้นยืนนัก จะนับว่าเท่านั้นเท่านี้มิอาจนับได้ จึงเชื่อว่า นิพพานโลกีย์ ต่างกันแต่มิได้ดับวิญญาณเท่านั้น ถ้าหากดับวิญญาณก็เป็นพระนิพพานโลกุตตรได้ ส่วน ความสุขความสำราญในพระนิพพานทั้ง ๒ นั้น ก็ประเสริฐ เลิศโลกเสมอกันไม่ต่างกัน แต่นิพพานโลกีย์เป็นนิพพาน ที่ไม่สิ้นสุดเท่านั้น เมื่อสิ้นอำนาจของฌานแล้ว ยังต้องมี เกิดแก่เจ็บตาย ร้ายและดี คุณและโทษ สุขและทุกข์ยังมีอยู่ เต็มที่ เพราะเหตุนั้น ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งจะปรารถนานิพพาน พรหมไม่มีเลย ย่อมมุ่งต่อโลกุตตรนิพพานด้วยกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้จักปล่อยวางวิญญาณจึงหลงไปเกิดเป็นอรูปพรหม ส่วนโลกุตตรนิพพานนั้นปราศจากวิญญาณ วิญญาณยังมี ที่ใด ความเกิดแก่เจ็บตายก็มีอยู่ในที่นั้น โลกุตตรนิพพาน ปราศจากวิญญาณ จึงไม่มีเกิดไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บไม่มีตาย มีแต่ความสุขสบาย ปราศจากอามิส หาความสุขอันใด จะมาเปรียบด้วยนิพพานไม่มี พระพุทธเจ้าตรัสแก่ข้าฯ อานนท์ ดังนี้แล
     
  11. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    จิตนั้นเมื่อเริ่มแรกที่เราเกิด...ตอนที่ยังเป็นเด็กทารกอยู่..จิตนั้นถือเป็นจิตประภัสศรได้หรือเปล่า...ต่อมาเมื่อเราถูกปรุงแต่งขึ้นด้วยความรู้ต่าง ๆ...จิตดวงนี้ก็เลยถูกปรุงแต่งไปตามสภาวะที่เราถูกปรุงแต่งบ้าง..และที่เราปรุงแต่งขึ้นเองบ้าง...แต่เมื่อเราได้เรียนรู้ความจริงอันเป็นที่สุดของโลก..คือทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นของที่ปรุงแต่งขึ้น...แม้แต่จิตของเราเอง....จิตนี้ถ้าเราสังเกตุให้ดีพื้นฐานของมันคือไม่สุขไม่ทุกข์...แต่เมื่อมีอะไรเข้ามากระทบจิต..จิตก็เปลี่ยนสลับกันไปทั้งสุข...ทุกข์...ไม่สุขไม่ทุกข์....ผู้รู้เมื่อรู้แล้วก็จะทำจิตให้มีอารมณ์เดียวคือความว่าง...ว่างจากสุข ....ว่างจากทุกข์....ว่างจากไม่สุขไม่ทุกข์...สวัสดี...
     
  12. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    ถามเองตอบเอง ถูกต้องแล้วครับ 555
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คนที่รู้จริงแท้ มีน้อย อันที่จริงจิตที่ประภัสสร ยังไม่หมดนะไม่หมดจากกิเลส ถ้าผ่านภูมิวิปัสสนาไปแล้ว ขนาดพระอนาคามีมรรคอนาคามีผล
    ยังแวะข้างทางไม่ไปต่อ ตรงเป็นจิตประภัสสรหลงดูจิตของเจ้าของมันสว่าง
    ทั้งกลางวันกลางคืน ภูมิธรรมก็ไม่ก้าวหน้าไปสู่อรหันตมรรค ถ้าต้องการเลื่อนภูมิธรรม ให้ขึ้นไปไม่อยู่กับที่ ต้องทำลายความประภัสสรของจิต ด้วยการพิจารณาความเป็นไตรลักษณ์ จิตก็หมดตัวตนของจิตโทสะ,จิตโมหะ,จิตโลภะ ที่เป็นจิตประภัสสรก็สลายตัว ชื่อว่าอวิชชาได้พังลงทันที อยู่จบพรหมจรรย์
     
  14. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    จิตก็คือจิต จิตคือสมุหทัยเป็นเหตุแห่งทุกข์ล้วนๆ ธรรมชาติของจิตมีเกิดดับอย่างรวดเร็วและไม่มีสิ่งไหนที่จะดับจิตได้อย่างถาวร เพราะธรรมชาติของจิตนั้นเป็นเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วคือเกิดและดับเป็นประจำ ไม่ว่าจะทางกุศลธรรมชาติหรืออกุศลธรรมชาติ
    ***นิพพานไม่ได้อยู่ที่จิต แต่อยู่ที่ มหาสติและมหาปัญญา ที่สั่งสมข้ามวัฏฏะมาหลายรอบ
    บุคคลใดเพียรแยกสติและปัญญา ออกจากจิต บุคคลนั้นคือผู้หลุดพ้นจากการเกิดดับ(จิต)อย่างแน่แท้
     
  15. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ดับหายวับ เหมือนฟองน้ำจากเม็ดฝน เกิดแล้วดับทันที เรียกกลับมาก็ไม่ได้

    มีให้รู้แว๊บเดียวแล้วหายไป ไม่ปรากฏว่าหายไปไหน หรือไปเก็บที่ไหน หายก็คือหาย ดับก็ดับ เรียกว่า ครั้งเดียวในโลก อเมซิ่งมั๊ย

    แม้เห็นฟองน้ำอีก ก็ไม่ใช่ฟองน้ำที่ดับไปก่อนหน้า มันคนละฟองกัน แต่เหมือนกันตรงเกิดแล้วดับทันที

    เร็วมั๊ย สั้นมั๊ย น่ากลัวมั๊ย มีสาระให้ยึดมั๊ย เห็นภัยของความยึดถือมั๊ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2013
  16. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    จิตดวงหนื่งเกิด จิตดวงหนื่งดับนั้น จิตดวงที่ดับนั้นไปอยู่ที่ไหน?

    จิตดวงที่ดับ ก็อยู่ที่จิตดวงที่เกิด

    ให้ตั้งสติตรงจิต เวลาจิตเกิดกุศล แล้วดับเป็นอกุศลต่อ หรือ เกิดเป็นอกุศลแล้วดับเกิดเป็นกุศล ก็ให้รู้ทันจิตนั้นทันที
    เพียรทำอย่างนี้ให้ชำนาญ เมื่อชำนาญแล้วนำปัญญาเข้ามาพิจารณาว่า การเกิด-การดับนี้มันเป็นสัจจะ มันเป็นธรรมดา มันเป็นไตรลักษณ์
    ที่จริงแล้วในโลกนี้ไม่มีอะไร นอกจากการเกิด-ดับ เพียงอย่างเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...