อจินไตย ในความเป็นเอกภาพของ(ศาสนา)ที่มีอยู่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย โซ, 24 พฤษภาคม 2013.

  1. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ตามหัวข้อเลยน่ะครับ ผมรบกวนท่านๆทั้งหลายที่ไม่คิดว่าสิ่งนี้คือ อจิณไตย แต่ยังพอเป็นประโยชน์ในด้านของความเชื่อที่มีอยู่ สืบสานดำรงคงอยู่ ในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาทุกยุค ทุกสมัย จนถึงปัจจุบัน ในความเป็นศาสนาที่มีอยู่ผลของการปฏิบัติ ของทุกศาสนา ผมอยากรู้ในแง่คิดของแต่ล่ะท่านว่าทำไมเมื่อมีศาสนาหนึ่งเป็นศาสนาที่คิดว่าเป็นเอกภาพเป็นอมตะในการเข้าถึง หรือ มีอยู่ในด้านการปฏิบัติเพื่อที่จะละให้เข้าถึงความเป็นนิจนิรันดร์อย่างแท้จริง นั่นก็คือศาสนาพุทธ นั่นเอง แต่เมื่อสิ่งนี้เป็นมีอยู่จริง โดยอาศัยอัครสาวก หรือผู้มีความศรัทธาทั้งหลาย ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ถ่ายทอด สืบทอด ดำรงค์คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
    แนวทางแบบนี้ ก็เป็นเหมือนกันทุกศาสนา คือ สืบทอดรุ่นต่อรุ่น มาจนถึงปัจจุบัน
    เมื่อมีคนปฏิบัติ รู้ เห็น จริงมาตามนั้นแล้ว และปฏิบัติเข้าถึงและได้ไปพบกับ ศาสดา ของแต่ล่ะศาสนา จึงมาถ่ายทอดต่อยังกับผู้ที่นับถือศาสนานั้นๆ ว่าเป็น มี อยู่จริง ตามคำสอน แต่ทำใม ศาสดา หรือ พระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้น ไม่เอ่ยถึงศาสนาเหล่าอื่นเลยว่า มีศาสนาหนึ่งที่เป็น อเนกอนันเป็นเอกภาพเดียวที่เราท่านทั้งหลายควรปฏิบัติให้เข้าถึงศาสนานั้น เข้าถึงสภาวะนั้นที่เป็นอมตะ ตลอดกาลเป็นจริงที่เที่ยงแท้ที่สุด ไม่เปลี่ยนเปลง เมื่อความเกิดรูปและนามมีอยู่ของสิ่งนี้ สิ่งนั้นก็น่าจะเกิดหรือไปในที่เดียวกัน แต่ทำไม พระผู้เป็นศาสดาเจ้าของแต่ละศาสนาจึงไม่เห็นหรือรู้ ข้อความเป็นไปในเอกภาพเดียวกันของคำว่าที่สุด คือ นิพพาน นั้นมีอยู่ จึงได้ตั้งตนเป็นศาสดาของศาสนานั้นๆ ถ้าบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือความไม่รู้จริงขององค์ศาสดาของแต่ล่ะศาสนานั้นก็คงไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เป็นทิพย์นั้นเมื่อตายจากภพมนุษย์แล้วน่าจะไปที่เดียวกัน ถ้าบอกว่า ศาสนาพุทธนั้นเกิดยากมาก นานเป็นอสงไขยกัปป์ ก็น่าจะรู้บ้างว่า สวรรค์ทิพย์ชั้นดุสิตาเทวภูมิ นั้นเป็นที่อยู่ของปราชญ์ของเหล่าพุทธภูมิโพธิสัตว์ทั้งหลายที่มีความรู้ เห็น เป็น จริง ของสรรพสิ่ง สัตว์ทั้งหลาย ที่มีอยู่ หรืออาจจะเป็นจริงที่ว่า เวลาของสัจจะธรรมความเป็นพุทธนั้นเกิด พบ เห็น รู้ ได้ยากและนานมาก เลย ไม่มีเทพองค์ใดเข้าถึงความรู้นี้ นั้นได้ แต่เมื่อทำไม ความรู้นี้แจ้งจริงแล้ว บังเกิดแล้ว มีแล้ว ค้นพบแล้ว แต่ก็ยังมีพระผู้เป็นเจ้าลงมาทีหลังบอกว่า สิ่งนี้ก็มีแล้ว เกิดขึ้นแล้ว รู้แล้ว มีแล้วในแดนของข้าพเจ้าอีก ทำไมจึงมีและเกิดขึ้นได้อีกโดยที่ไม่มีการคัดค้านจากสิ่งที่อยู่เหนือกว่าว่า สิ่งนี้ต้องมี เป็นไป แบบเดียวกัน หรือว่ามันเป็นกฏของการ เกิด มีอยู่ เป็นสิทธิที่เท่าเทียมกัน ในการเกิดและมีอยู่ในอนันตจักวาล แห่งโลกธาตุนี้ เพื่อให้สิ่งที่มีอยู่ เกิด ดับกันขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแต่งเติมสีสัน กฏแห่งความเกิดขึ้นได้ยากนี้ได้ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่บำเพ็ญเพียร ตบะบารมีมาแล้วอย่างยิ่งยวดยาวนานนับอสงไขยกัปป์นับไม่ถ้วน นับเป็นสิ่งพิเศษมหัศจรรย์มหึมา ที่จะเกิดมานั้นได้ยากและไม่มีการทับซ้อนในการเกิดขององค์ความรู้นั้น ในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะให้สิทธิในการทับซ้อนนั้นองค์สมเด็จพระปัจเจกพุทธเจ้า
    สิ่งนี้ที่ผมสงสัยก็คือในความเป็นเอกภาพของศาสนาครับอยากจะรับรู้ความรู้จากภูมิปัญญาท่านทั้งหลายว่าทำไมถึงไม่เข้าถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์ศาสดาศาสนา ที่มีอยู่ในความเป็น อริยะสัตว ที่มีอยู่ ขอแบบนุ่มนวลน่ะครับถ้าแรงไปพาดพิงศาสนาอื่นมาก เด่วโดนลบซะก่อน :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2013
  2. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ศาสนาไหนดีควรมี มรรคมีองค์ 8 เป็นไปเพื่อนิพพาน
     
  3. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    อืม... มันก็ตอบยากเหมือนกันนะครับ
    เอาเป็นว่า ตอนสมัยเรียนยังมีคนที่สอบได้ที่ 1..........ถึงสุดท้ายในห้องนะครับ
     
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ครับผมเชื่อว่ามันเป็นกฏธรรมชาติที่มันแต่งเติมเป็นสีสรรเพื่อขยายเผ่าพันธ์สัตว์ทั้งหลาย ให้ดำดงค์คงอยู่ สืบทอดของความเกิด จาก ตัวอวิชชาที่มี จำแนกสัตว์ออกเป็นรูปแบบต่างๆ เรียนรู้ในความเป็นไปตามกำลังปัญญาของสัตว์
     
  5. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    กฎธรรมชาติ นั้นละครับที่เป็น เอกภาพ นะครับ
     
  6. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    มันเป็นตถตา คือ ความเป็นอย่างนั้นเอง ผมว่าถ้าจะคิดเรื่องนี้ เอาเวลามาใคร่ครวญในความไม่เที่ยงของร่างกาย ความเป็นทุกข์ของการเกิด และความตายที่แขวนคอเรามาแต่เกิดดีกว่ามั้ยครับ ร่างกายนี้เปรียบเหมือนก้อนน้ำแข็งวางอยู่กลางแดด จะละลายหมดก้อนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สมเด็จพระบรมครูของเราท่านก็โปรดได้เฉพาะบริวารที่เคยติดตามกันมา ที่เหลือท่านก็วางอุเบกขารมณ์ สมเด็จพระพุทธชินสีห์พระองค์ท่านทรงสอนเฉพาะที่มีประโยชน์เป็นไปเพื่อความมักน้อย เพื่อความสันโดษ เพื่อความเบื่อหน่ายในขันธ์ ๕ เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาตอนนี้นับว่าเป็นบุญของเราแล้ว ให้เร่งทำความดีเข้าไว้ โดยเฉพาะการทำสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ทอดกฐิน ร่วม เป็นเจ้าภาพบวชพระบวชเณร เร่งรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ หมั่นเจริญภาวนาเอาไว้บ่อยๆ ตายแล้วจะมาเสียใจเหมือนเปรต ทุสะนะโส ไม่ได้นะครับ ถึงตอนนั้นอาจสายเกินเสียใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2013
  7. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น ภายใต้ธรรมชาตินั้นยังมีประชาธิปไตยอิสระเสรีในด้านของความคิดที่ผิดถูก ความเชื่อ ความศรัทธา ผลของการกระทำ โดยมีกรรมจำแนกกั้นเขตของปัญญาความรู้ความสามารถ โดยที่ไม่ต้องมีผู้บ่งบอกชี้นำ ให้มุมมองเป็นไปโดยเอกภาพ ตัวธรรมชาตินั้นได้วางกฏเกณฑ์นี้เอาไว้แล้ว บางครั้งโดยส่วนมากคุณอาจจะไม่รู้แหล่งที่มา ทำได้เพียงสิ่งที่ต้องไป เพราะถ้าคุณยิ่งหาคำตอบกับแหล่งที่มาคุณไม่อาจจะำดำเนินไปในทางที่ต้องไป ได้โดยเร็ว แต่ถ้าคิดว่าสิ่งนั้นยังคงประโยชน์กับบุคคลได้ หรือต้องการจะเป็นผู้นำให้รู้อย่างยิ่งยวด รู้แจ้งจริงในสิ่งต่างๆ ก็สามารถไปหาคำตอบ ลองผิดลองถูกไว้เป็นประสบการณ์ดูบ้างก็ได้ ไม่เสียหลาย
     
  8. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ครับผม ไม่เป็นไรครับ
    และผมก็ต้องการจะเป็นผู้นำให้รู้อย่างยิ่งยวด รู้แจ้งจริงในสิ่งต่างๆๆๆ และก็โชคดีที่มาเจอพระพุทธเจ้า เลยไม่ต้องลองผิดลองถูกครับ
     
  9. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากครับ สิ่งนี้ผมก็ได้กระทำฝึกตนเองอยู่ทุกวันครับ ผมไม่อยากแสดงออกเดี๋ยวมันจะเป็นการแสดงตัวโอ้อวดข้อปฏิบัติของการกระทำออกไป เพราะเว็ปนี้ก็มีคนมีความรู้ที่ปฏิบัติ ได้มากยิ่งยวดกว่าผมมีอีกเยอะครับผมกระทำไปวันล่ะนิดล่ะหน่อยฝึกไปเรื่อยๆ เพราะในอนาคตผมตั้งใจจะเข้าร่มกาสาวพัสตร์ ไปหาคำตอบที่มีอยู่มานานแล้วให้กระจ่างแจ้ง จะได้ถ่ายทอดในความรู้ที่ไปได้เห็นสัมผัสมาได้อย่างเป็นจริงถูกต้อง เพราะข้อกระทำ ธรรม เหล่านี้ ในบางครั้งบางเวลาต้องขึ้นอยู่กับ เวลา สถานะ สถานที่ ที่เป็นอยู่ จึงจะกระทำได้อย่างต่อเนื่อง เห็นผล ผมยังต้องดิ้นรนในทางโลกและจะต้องทำให้สัมฤทธิ์ผลประสบความสำเร็จดั่งที่ตั้งใจปราถนาไว้มาให้สำเร็จเสียก่อน แม้จะต้องเสียเวลาไปบ้างก็ยอมรับผลนั้นไว้แล้วบางครั้งอาจจะเห็นผิดต้อง นรก ก็ทำใจไว้แล้ว ด้วยจิตที่อธิฐานนี้ว่า แม้ข้าพเจ้าเกิดมาในชาติใดในอนาคตกาลในอันยาวนานนี้แม้จะเป็นอสงไขยกัปป์ก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้าได้พบบวรพุทธศาสนาหรือได้เรียนรับรู้ในกฏของธรรมชาติในพุทธศาสนานี้ทุกชาติไป ด้วยเทอญ

    ที่ผมเอามาตั้งกระทู้ก็เพื่อ เผื่อจะมีผู้ที่ีจินตนาการความคิดฟุ้งซ่านที่มีแบบผมหรือบางคนยังชอบหาคำตอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมสัญญาว่าเมื่อผมมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์แล้วสิ่งนี้มันต้องโดนลบไปจากสมองผมแน่นอน เพราะนี่มันเป็นศีลอย่างหนึ่ง
     
  10. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    การให้ "อนุโมทนา" ก็เป็น มุทิตา(ยินดีที่ผู้อื่นกระทำกุศล) เป็นบุญอีกตัวหนึ่ง ที่จะช่วยหนุนนำไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม
     
  11. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    กราบอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยนะครับ ที่ในอนาคตท่านจะบวชนะครับ _/\_
     
  12. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณมากครับ ผมตั้งใจอยากจะค้นหาคำตอบที่มีอยู่แล้วในปาฏิหาริย์สิ่งมหัสจรรย์ ธรรมอันล้ำึลึก แล้วหาวิธีมาเผยแผ่ธรรมในยุคสมัยแห่งสังคมสมัยใหม่เป็นยุคสังคมแห่งวัตถุอย่างแท้จริง เป็นยุคของ ไอที ดิจิตอล ความสะดวกสบายทั้งหลาย ทำอย่างไรถึงจะนำความคิด ความเชื่อ ความศรัทธาโดยให้เข้าถึงวิธีแห่งธรรมชาติโดยการล่ะวัตถุต่างๆให้เห็นความเป็นไปในนามรูปที่เกิดขึ้น เราจะไปเผยแผ่หรือบอกกล่าวต่อได้นั้น เราจะต้องกระทำตนให้ได้ในระดับที่สูงกว่าที่คนเราไปบอกเผยแผ่จึงจะประสบผลสำเร็จได้โดยดั่งตั้งใจ สิ่งนั้นคืออะไร ผมมองว่า สิ่งนั้นก็คือ ต้องเป็นของแท้ และผมคิดว่าจะต้องกระทำให้เป็นของแท้ให้จนได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...