ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

​

เพลงเดินตามพ่อ
​

กี่ล้านหยาดเหงื่อ ที่พ่อหลั่งเพื่อคนไทย​

กี่แสนนาทีล่วงไป ที่พ่อเหนื่อยยากตรากตรำ​

ฝ่าลมฝนพ่อทนสู้ทำ อาบเหงื่อต่างน้ำ​

นำทางเพื่อลูกเรื่อยมา​

พ่อเป็นมากกว่าพ่อคนไหน​

พ่อเป็นหนึ่งในใจตลอดเวลา​

เป็นภาพจำ งดงามอยู่ในสายตา​

เป็นแรงศรัทธา แรงกล้าอยู่ในหัวใจ​

แม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน​

ลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อสร้างไว้​

จะขอเดินตามรอยเท้าพ่อไป​

เหนื่อยยากเพียงไหน ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง​

 

ในวงการโหราศาสตร์ รู้กันทั่วแล้วว่า
หมอนิด(โหรทุนนิยม) เป็นคนของ..ทักษิณ เหลี่ยมจัด
ถูกซื้อตัว เรียบร้อย โรงเรียน คนลวงโลก แล้วคร๊าบบบ
(b-oneeye) (b-oneeye) (b-oneeye) (b-cap)
ทักษิณ เชื่อเรื่อง งมงาย และรู้ว่า คนไทย ก็เช่นกัน
นี่คือ จิตวิทยามหาชน ตื้นๆง่ายๆ ที่หลอกคนไทย ได้เสมอ
เมื่อคนไทยหลงเชื่อ ก็จะ ตื่นตระหนก Panic ก็จะรู้สึกถดถอย ไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ตาม
เลวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหาที่ติ มิได้ ทำลายสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และเหยื่อ...สาวก...ปึกๆ โง่เขลา เบาปัญญา...ทาสเงิน
(b-no) (b-no) (b-evil2) (b-evil2) (b-evil) (b-evil)
กลยุทธ สร้าง ข่าวลือ ลวง หลอก ลาวๆๆๆ

 

ขอส่งกำลังใจไปช่วยผู้ประสบภัย ขอให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวงด้วยเทอญ

สภาวะโลกร้อนเริ่มส่งผลกระทบกับชาวโลกมากขึ้นทุกๆวัน จากภัยธรรมชาติที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ขอให้คนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ดูแลสภาวะแวดล้อมธรรมชาติ อยากรณนรงค์ให้ชาวไทยทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้นเพื่อโลกของเรา น่าจะกำหนดวัน วันหนึ่งของปีให้เป็น "วันปลูกต้นไม้โลก" เพื่อทุกคนจะได้ร่วมมือร่วมใจกันในวันนั้น ปลูกต้นไม้คนละต้น ผมคิดว่าไม่เกิน 5 ปีโลกเราจะต้องดีขึ้นกว่าทุกวันนี้แน่นอน ขออนุโมทนาบุญ แด่ทุกท่านที่ช่วยกัน และตระหนักถึงภัยของภาวะโลกร้อน ขอบคุณครับ

[b-wai]

 

จงกล่าวโทษโจษตนเองไว้เสมอ
อย่าไปสนใจกริยาของผู้อื่น ระลึกถึงความตายไว้ทุกลมหายใจ นี้คือคำสอนที่หลวงพ่อได้ให้ไว้แก่ลูกหลาน...เพื่อผู้ที่หวังในความหลุดพ้น

 

*** โสรัจจะ ****

เตือน
เตือนให้เห็น "กรรมที่กำลังปรากฏ"

*** สัจจะ ****

เตือน
เตือนให้ "เดินหลีกเลี่ยงกรรมที่กำลังปรากฏ"
ด้วย "สัจจะทำดีวันละข้อ ถวายพ่อหลวง"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 ตุลาคม 2550 10:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ทำสถิติใหม่ที่ระดับ 90.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 5 ชี้การอ่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาตุรกี-อิรัก เป็นปัจจัยสำคัญในช่วงนี้​

นิวยอร์ก - ราคาน้ำมันที่ซื้อขายล่วงหน้าทางอิเล็กทรอนิกส์ที่นครนิวยอร์ก สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 90.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากในการซื้อขายปกติก่อนหน้านี้ปิดตลาดที่ 89.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการสร้างสถิติใหม่ติดต่อกัน 5 วัน ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอนปิดที่ 84.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล​

ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณน้ำมันสำรองลดลง และความตึงเครียดที่เกิดจากการที่ตุรกีเตรียมส่งทหารเข้าไปโจมตีกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดทางเหนือของอิรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตน้ำมันสำคัญด้วย​

การที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ในสัปดาห์นี้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าราคาพลังงานที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์กล่าวว่า ถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนตัวและปริมาณน้ำมันสำรองยังต่ำ ราคาน้ำมันก็จะขยับขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นบรรดากองทุนต่างๆ ก็หันมาลงทุนในสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้นหลังเกิดปัญหาสินเชื่อในสหรัฐฯ​

ที่มา http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124063​

 

ขึ้นเร็วมากๆเลยครับ สำหรับราคาน้ำมันโลก มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเงินของโลกแน่นอนครับ

 

*** จุดอ่อน จุดแข็งคนไทย ****

จุดอ่อน ของคนไทย
คือ... ยามสงบ มีนิสัย รักสบาย ไม่จริงจัง ทำไม่ถึงที่สุด
ไม่มองผลของการกระทำ ที่จะเกิดในอนาคต


จุดแข็ง ของคนไทย
คือ ....มีคำสอนที่ดีในพระธรรม พระไตรปิฎก

จุดแข็ง ที่เริ่มเสื่อมสลายของคนไทย
คือ ... ไม่สนใจทำความดีตามคำสอนที่มี อย่างจริงจัง อย่างถึงที่สุด

บทสรุป
จุดอ่อนของคนไทย กำลังรวมกับจุดแข็งที่กำลังเสื่อมสลาย...ก่อให้เกิด "การกระทำ" นอกคำสอนอย่างมากมาย....และกำลังจะส่งผลเสียหายต่อชีวิตคนไทยอย่างระส่ำระสาย มโหฬาร เหนือความคาดหมาย ต่อไป


การแก้ไขจุดอ่อน
คือ... ตั้งใจทำทุกสิ่งด้วย "สัจจะ" ทำอย่างจริงจัง อย่างถึงที่สุด

คำแนะนำ
คนไทย...ต้องรีบหันกลับมาทบทวนนิสัยเสียของตนเอง....และพยายามตั้งใจหยุด เลิกนิสัยที่ไม่ดี อย่างจริงจัง อย่างถึงที่สุด...อย่างน้อยวันละอย่าง....ต้องช่วยกันรณรงค์ "สัจจะ" จึงจะได้ผลจริง
เช่น....... "โครงการสัจจะวันละข้อ ถวายพ่อหลวง" เป็นต้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะมาบอก มาเตือนลักษณะภัย ****

--- สัญญาณเริ่ม ----
เม็ดฝนแปลกๆ ขาวๆ ตกจากฟ้า
ตามด้วย ลูกเห็บ
ก้อนน้ำแข็งตกจากฟ้า

--- ต่อมา ----
น้ำจำนวนมหาศาล...ไหลพัดผ่าน
บนเนินเขา ภูเขาจะปลอดภัย....
มองลงไปเห็น...ยอดต้นไม้อยู่ใต้น้ำ ลู่ไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก
ผลการกระทำจากสัจจะ... คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น....จะช่วยให้รอดพ้นภัย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ยูเอ็นเตรียม จนท.- เวชภัณฑ์รับสถานการณ์ภูเขาไฟระเบิดอินโดนีเซีย​

​

เมาท์ เคลุด, อินโดนีเซีย 19 ต.ค.​

 

The Day After Tomorrow
ลูกเห็บยักษ์มีจริงหรือ?
โดย บัญชา ธนบุญสมบัติ​

​

ในหนังเรื่อง The Day After Tomorrow มีฉากกรุงโตเกียวถูกลูกเห็บขนาดยักษ์ขนาดน้องๆ ลูกฟุตบอลตกใส่ เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะลูกเห็บนั้นบ้านเราก็โดนกันบ่อยๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะระหว่างที่ ?พายุฤดูร้อน? ​

กระหน่ำทางภาคเหนือและภาคอีสานในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา และผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า ลูกเห็บเกิดขึ้นภายในเมฆฝนฟ้าคะนอง (หรือ คิวมูโลนิมบัส) โดยเริ่มจากก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กๆ ที่หมุนวนเวียนภายในเมฆอยู่หลายรอบ เนื่องจากมีกระแสลมแรงพุ่งขึ้นคอยพยุงไว้ โดยแต่ละรอบก้อนน้ำแข็งจะสะสมเปลือกหนาขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด พอหนักมากเข้า ลมแรงแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ ก็เลยตกปุ๊ลงมาเป็นลูกเห็บ ​

แต่ลูกเห็บส่วนใหญ่ที่พบมักจะมีขนาดประมาณ 5-50 มิลลิเมตร เพราะตอนตกลงมาจะละลายและระเหยไประหว่างทาง ขึ้นกับว่าอากาศบริเวณนั้นเป็นอย่างไร เคยมีการศึกษาพบว่า ถ้าลูกเห็บตกในบริเวณที่อากาศชื้นและเย็น ก็จะรอดลงมาถึงพื้นประมาณ 60% แต่ถ้าอากาศร้อน อย่างในรัฐอริโซนาของอเมริกา โอกาสรอดจะเหลือแค่ 10% เท่านั้น

ลูกเห็บขนาดน้องๆ ลูกฟุตบอลนั้นน่าสนใจ เพราะในบรรดาลูกเห็บขนาดใหญ่ๆ ที่เรียกว่า hailstone นั้น ลูกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (เท่าที่ผมค้นได้) ตกที่เมืองออโรรา (Aurora) รัฐเนแบรสกา ในอเมริกา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ.2003 (เกือบๆ ครบ 1 ปีพอดี) โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 17.8 เซนติเมตร (7 นิ้ว) แต่น้ำหนักเท่าไรไม่ยักบอก ส่วนลูกเห็บแชมป์เก่านั้นตกที่เมืองคอฟเฟย์วิลล์ (Coffeyville) รัฐแคนซัส มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 14 เซนติเมตร หนักประมาณ 0.75 กิโลกรัม โดยลูกเห็บยักษ์ทั้งสองลูกนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ขณะตกถึงพื้นจะพุ่งเร็วกว่า 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทีเดียว! (ถ้าสนใจ ไปอ่านได้ที่http://www.noaanews.noaa.gov/stories/s2008.htm)

เห็นตัวอย่างลูกเห็บขนาดยักษ์ของจริงแล้ว ก็แสดงว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้โม้แหลกไปทุกฉาก แต่ถ้าลูกเห็บส่วนใหญ่จะมีขนาดนี้ ก็แสดงว่าขนาดตั้งต้นต้องใหญ่กว่านี้ แถมลมพายุที่คอยพยุงมันเอาไว้ก็ต้องหนักหนาสาหัสไม่น้อยเลย
สำหรับตอนที่อ้างว่า ชั้นบรรยากาศชั้นที่ 2 คือ ชั้นสตราโตสเฟียร์ (stratosphere) ซึ่งหนาวเย็นเกิดสลับกับบรรยากาศชั้นล่างที่เราอาศัยอยู่ คือ ชั้นโทรโพสเฟียร์ (troposphere) นั้น นักฟิสิกส์บอกว่าฟังแล้วมึนตึ้บ เพราะไม่มีกฎทางฟิสิกส์ใดๆ รองรับแม้แต่น้อย

​

ส่วนฉากหิมะตกในกรุงนิวเดลีนั้นน่าคิด เพราะแม้จะอ้างว่ายุคน้ำแข็งจะเริ่มจากบริเวณขั้วโลก แล้วค่อยๆ คืบคลานลงมาทางใต้ แต่ความร้อนจากปรากฏการณ์เรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติการณ์โลกร้อนก็น่าจะชดเชยได้บ้าง แถมเงื่อนไขอื่นๆ ก็ยังไม่น่าถึงขั้นที่จะทำให้โลกถูกแช่แข็งขนาดนี้ไปได้

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/scitech/2004/0603/news.php?news=column_13281487.html

 

บอกไว้นานแล้วค่ะว่าให้ดูเรื่องนี้ จุดอยู่ที่ว่าคนไม่เชื่อนักวิทยาศาสตร์ พอเตือนแล้วไม่ฟังก็เลยทำให้การอยู่รอดยากมาก

ในเรื่องนี้ก็มีคนดีที่ตายไป ถ้าเกิดเหตุก็ไม่ได้แปลว่าชาวเว็ปของเราจะรอดทุกคน ก็อย่าอยู่ในความประมาทนะคะ

 

คำทำนายเรื่องลูกเห็บยักษ์จากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

​

16:18 และเกิดมีเสียงต่างๆ มีฟ้าร้อง มีฟ้าแลบ และเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งตั้งแต่มีมนุษย์เกิดมาบนแผ่นดินโลก ไม่เคยมีแผ่นดินไหวร้ายแรงและยิ่งใหญ่เช่นนี้เลย

16:19 มหานครนั้นก็แยกออกเป็นสามส่วน และบ้านเมืองของนานาประชาชาติก็ล่มจม มหานครบาบิโลนนั้นก็อยู่ในความทรงจำต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า เพื่อจะให้นครนั้นดื่มถ้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธอันใหญ่หลวงของพระองค์

16:20 บรรดาเกาะต่างๆ ก็หนีหายไป และภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีผู้ใดพบ

16:21 มีลูบเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟ้าถูกคนทั้งปวง แต่ละก้อนหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม คนทั้งหลายจึงพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บนั้น เป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงยิ่งนัก


ที่มา http://www.wdbydana.com/ThaiBible/66_016.htm

 

เรื่องลูกเห็บยักษ์นี่มีสิทธิ์เป็นไปได้เหมือนกันนะ

 

ลานทอง แผ่นดินสุวรรณภูมิ ​

ลานทอง แผ่นดินสุวัณณภูมิ เชียงราย
เป็นดินแดนของวงศ์สิงห์ 6 ชาติมาชุมนุมกัน
คือ ไทย จีน พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา
มีประวัติศาสตร์ที่เข่นฆ่า แย่งชิงดินแดนมาตลอด
แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทองคำ ตามปรมัตถ์
"สุวัณณภูมิ" จึงจ่มธรณีมาตราบจนทุกวันนี้



ฆ้องชัย

บรรพกาลบริเวณลานทองจักมีฆ้องชัยตั้งอยู่
เชื่อกันว่า หากชาติใดได้ฤกษฺเบิกดิถีลั่นฆ้องชัย
เขาผู้นั้นจักเป็นผู้ครอบครองอาณาจักร
แห่งความมั่งคั่ง และมีชัยชนะในกิจทั้งปวง
ฆ้องชัยในอดีตจ่มธรณีมาเนิ่นนาน
ปัจจุบันนี้ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ ณ บริเวณลานทอง
อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ฆ้องชัยขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร
ภายใต้นักษัตร 12 ราศี
มีแผ่นที่สุวัณณภูมิ 6 ประเทศ

ลานทอง ดินแดนขุมทรัพย์อันมหาศาล
เป็นดอยเงินดอยทอง ที่มาแห่งแก้วรัตนมณี
แต่อดีตเป็นแผ่นดินที่เหล่ากองทัพเข้าแย่งชิงเพื่อครอบครอง
อันมีชาติจีน พม่า มอญ ไทย ลาว เวียดนามและกัมพูชา
แต่ปัจจุบันชาติมอญ(รามัญ) ได้สิ้นชาติไปแล้ว
จึงเหลือเพียง 6 ที่ต่างก่อศึกสงคราม
ต่างผลัดกันครอง ทหารของชาติต่าง ๆ เหล่านี้
ล้มตายกันเกลื่อนกลาด
ปัจจุบันนี้แผ่นดินลานทองอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่

ทหารที่เสียชีวิตในศึกสงคราม
ก็มาเป็นผู้รักษาแผ่นดินลานทอง
แต่ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุด คือ

พญาลายตีนเป็นกงจักร
พญาแขนสั้นราว (คือแขนสั้นข้างยาวข้าง)
และ พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ)

ต่างแบ่งเขตดูแลรักษาแผ่นดินนี้
และในอนาคตกาลพญาทั้งสามนี้จะกลับชาติมาเกิด
ต่างชาติต่างศาสนาในบริเวณสุวัณณภูมิ
และต่างก็จะรบราฆ่าฟันเพื่อชิงขุมทรัพย์แห่งนี้
จนศพเกลื่อนนองปฐพี

จึงเป็นการสมควรแห่งกาลเวลาที่จะคำนวณ
แผ่นดินลานทอง เข้าสู่ยุคอนาตรง
เที่ยงตรงและเที่ยงธรรม
ด้วยรัก สันติ สามัคคี นี้คือธรรม
ว่า...................

ขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งแผ่นดิน "ลานทอง"
มิมีผู้ใดมีสิทธิ์ครอบครอง เพราะเป็นสมบัติ
ของชาวศิวิไลซ์แห่งองค์พระศรีอารีเมตไตร
ผู้มีอำนาจสิทธิแห่งศาสนาจักร อาณาจักร พุทธจักร
ในอนาคตกาล ชาวศิวิไลซ์เท่านั้นที่จะสามารถเปิด
ขุมทรัพย์ล้ำค่า และครอบครองสมบัติอันมหาศาล
เป็นภูเขาเงินภูเขาทอง แก้วรัตนมณี เหล่านี้ได้แล


ที่มา http://www.navagaprom.com/job.php?id=13&db=job​

 

เอเจนซี/ เดอะสเตรทไทมส์ – เมืองริมทะเลหลายแห่งทั่วโลก กำลังเสี่ยงที่จะเผชิญหายนะจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับน้ำทะเล ตลอดจนภยันตรายต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน

สถาบันเวิร์ดวอชต์ ชี้ว่า เมืองต่าง ๆ ทั้ง 33 แห่งที่คาดกันว่า จะมีประชากรอย่างน้อย 8 ล้านคนภายในปี 2015 มี 21 เมือง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งและมีความเสี่ยงสูง อาทิ ธากาของบังกลาเทศ, บัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา, รีโอเดจาเนโรของบราซิล, เซี่ยงไฮ้และเทียนจินของจีน, อเล็กซานเดรียและไคโรของอียิปต์, มุมไบกับกัลกัตตาของอินเดีย, ลากอสของไนจีเรีย, กรุงจาการ์ตาในอินโดนีเซีย, โตเกียวและโอซากา – โกเบ แดนปลาดิบ, การาจีของปากีสถาน, “กรุงเทพ”, นิวยอร์กและลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ

คณะผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ และยุโรปเผยว่า ประชากรทั่วโลกมากกว่า 1 ใน 10 หรือประมาณ 643 ล้านคน ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งจะเสี่ยงกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยพื้นที่ที่เสี่ยงที่สุดเรียงตามลำดับได้แก่ จีน, อินเดีย, บังกลาเทศ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, อียิปต์, สหรัฐฯ, ไทย และฟิลิปปินส์

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124897

 

เอเอฟพี – อิหร่านประกาศกร้าวเมื่อวานนี้ (20) ว่า จะยิงขีปนาวุธ 11,000 ลูกภายใน 1 นาที ถล่มฐานทัพศัตรู หากสหรัฐฯ ลงมือโจมตีทางทหารต่อเตหะราน

“ภายในห้วงนาทีแรกที่ศัตรูบุกอิหร่าน ขีปนาวุธและกระสุนปืนใหญ่กว่า 11,000 ลูก จะระดมยิงถล่มฐานทัพของศัตรูทันที” มะห์มูด ชาฮาร์บากี นายพลจัตวากองทัพบกแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านกล่าว

ทางสหรัฐฯ ไม่เคยออกมาปฏิเสธเรื่องแผนโจมตีอิหร่าน เพื่อยุติการท้าทายไม่เลิกโครงการนิวเคลียร์ของทางเตหะราน

ด้านอิหร่านเอง ก็ประกาศไม่เปิดศึกโจมตีก่อน แต่เตือนว่าจะตอบโต้อย่างสาสม ต่อปฏิบัติการใด ๆ ที่คุกคามประเทศ

“ตอนนี้ ศัตรูควรย้อนถามตัวเองว่า มีคนของตัวเองเท่าไรที่พร้อมจะสังเวยต่อความโง่เขลาของพวกเขา ในการโจมตีอิหร่าน” ชาฮาร์บากีกล่าว

ขณะที่ เจ้าหน้าที่เตหะรานหลายคน ก็เตือนเป็นสียงเดียวกันว่า ทางกองทัพจะเล่นงานฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรักและอัฟกานิสถานในกรณีที่โดนโจมตี

“เรากำหนดเป้าหมายของเราไว้แล้ว เราสามารถตอบโต้ความโง่เขลาของสหรัฐฯ ในทันที” ชาฮาร์บากีบอก

เขาคุยด้วยว่า อาวุธของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านถูกส่งกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้น การโจมตีใด ๆ ต่อสิ่งก่อสร้างทางทหารขิงอิหร่านก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจตอบโต้

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124852

 

"พระศรีอารย์"ในความเชื่อของศาสนาคริสต์​

<CENTER>วันนั้นชั่วโมงที่ไม่มีใครรู้ พระเยซูจะเสด็จกลับมา</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER>

​

"เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติ ทั่วโลก จะตีอกร้องไห้ แล้วจะเห็นบุตรมนุษย์ เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริ เป็นอันมาก พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวง ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้ จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น" [มัทธิว 24:30-31]​

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=10 width="99%" align=center bgColor=#ff9900 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fff0e1>

พระคัมภีร์ไม่เพียงพูดถึงสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำแก่เรา เมื่อเกือบ 2000 ปีที่แล้ว หรือสิ่งที่พระวิญญาณ กำลังทำกับเราในปัจจุบันเท่านั้น แต่พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคตด้วย "พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกที รับเราให้ไปอยู่กับพระองค์" นี่คือความหวังอันน่ายินดีของเรา พระคัมภีร์พูดถึงอนาคตไว้มากมาย บางสิ่งเกิดขึ้นแล้ว บางสิ่งกำลังเกิดขึ้น และบางสิ่งยังไม่ถึงเวลา


เรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ถึง 318 ครั้ง เฉลี่ยแล้ว ประมาณ 25 ข้อ จะมีเรื่องนี้เสีย 1 ข้อ โลกกำลังหวาดกลัวอนาคต แต่พระเจ้าหนุนใจให้คริสเตียน เตรียมรอคอยอนาคต ด้วยความยินดี สิ่งดีที่สุดอยู่เบื้องหน้าเรา วันหนึ่งโลกจะยอมรับว่า พระเยซูทรงเป็นจอมราชันย์ เรื่องนี้ อาจนำความหวาดกลัว มาสู่หลายคนที่ไม่พร้อม แต่จะนำความยินดีมาสู่ลูกของพระองค์

<HR align=center width="99%" color=#ff9900 noShade SIZE=1>
เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสด็จกลับมา



1. พระองค์ทรงตอบเขา ถึงอนาคตอันใกล้สมัยนั้น​

• กรุงเยรูซาเล็มจะถูกตีแตก (ลูกา 21:20-23)​
• วิหารที่สวยงามจะถูกทำลาย (ลูกา 21:5-6)​
• ยิวจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยทั่วทุกประชาชาติ (ลูกา 21:24)​
• ชาติอื่นจะเข้ามายึดครองกรุงเยรูซาเล็ม (ลูกา 21:24)​

เรื่องราวคำทำนายเหล่านี้ของพระเยซู สำเร็จตามพระดำรัสของพระองค์ทั้งสิ้น ปี ค.ศ.70 ติตัส แม่ทัพของโรม ยกกองทัพมาล้อมกรุง 5 ปี เยรูซาเล็มแตก และยิวกระจัดกระจายออกไปอยู่ทั่วยุโรป วิหารถูกทำลายราบ

2. อนาคตที่เกิดขึ้นในยุคของเรา กำลังปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้น​

• การกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของชาวยิว สัญลักษณ์ว่าพระเยซูใกล้เสด็จกลับมาครั้งที่ 2
  "จงเรียนคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้นก็ให้รู้ว่า พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริง แก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไป ก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น" [มัทธิว 24:32-34]
  เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1748 เมื่อสหประชาชาติเปิดประตูให้ยิว กลับมาตั้งประเทศขึ้นใหม่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2​
• มีผู้ล่อลวงอ้างนามว่าเป็นพระคริสต์ "ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเรา ว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป" [มัทธิว 24:5]​
• ข่าวเรื่องสงคราม "ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้ จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักร จะต่อสู้กัน" [มัทธิว 24:6-7]​
• การกันดารอาหารและแผ่นดินไหว "ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้ เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่" [มัทธิว 24: 7-8]​
• การข่มเหงผู้เชื่ออย่างมาก "ในเวลานั้นเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่าน ที่มีต่อเรา" [มัทธิว 24:9]​
• คริสเตียนหลายคนปฎิเสธพระคริสต์ "คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคน จะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคน เป็นอันมาก ให้หลงไป ความรักของคนส่วนมาก จะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป แต่ผู้ใดทนได้ จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด" [มัทธิว 24:10-13]​
• การประกาศกิตติคุณจะกระจายไปทั่วโลก "ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยาน แก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" [มัทธิว 24:14]​

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่า พระเยซูใกล้เสด็จมาแล้ว
3. อนาคตที่เรารอคอยจะมาถึง คือ พระเยซูเสด็จมา​

• จะเสด็จกลับมาในท้องฟ้า รับเราไปอยู่กับพระองค์ (กิจการ 1:11)
  "ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีก รับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย" [ยอห์น 14:1-4]​
• คนที่เชื่อและล่วงหลับไปก่อน จะได้รับกายใหม่ ถูกรับไปพบกับพระองค์ในท้องฟ้า และจะอยู่กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ "ดูก่อนท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความล้ำลึก ที่จะบอกแก่ท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้ว จะเป็นขึ้นมา ปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่" [1 โครินธ์ 15:51-52; 1 เธสะโลนิกา 4:16-17]​
• เมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรก มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร้องไห้ แต่ผู้เชื่อจะถูกรับ ไปอยู่กับพระองค์ ด้วยความปิติยินดี (วิวรณ์ 19:6-7; มัทธิว 24:30-31; 2 เธสะโลนิกา 1:6-12)
  "เมื่อพระเยซูเจ้าจะปรากฏองค์จากสวรรค์ในเปลวเพลิง พร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์ ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์ ... "
  
  การเสด็จมาในโลกของพระเยซู ผู้คนไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาอย่างผู้เล็กน้อยต่ำต้อย ทุกข์ทรมาน เฉพาะผู้ที่ถ่อมใจศรัทธาเท่านั้น รู้จักพระองค์ แต่การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระองค์ จะมาด้วยพระสิริอย่างจอมกษัตริย์ มนุษย์ทุกคนทั่วโลกจะเห็น และจะยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้า "เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนาม เหนือนามทั้งปวง ให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู และเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติ แด่พระบิดาเจ้า" [ฟิลิปปี 2:9-11]
  ครั้งแรกพระองค์เสด็จมาเงียบๆ ไม่มีใครรู้ แต่ครั้งหลังจะไม่เงียบ
  "ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า จะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดี และด้วย เสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน" [1 เธสะโลนิกา 4:16]​
• ผู้เชื่อรอคอยวันนั้นด้วยความหวัง และความปิติยินดี "ต่อแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรม ก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัล แก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวง ที่ยินดี ในการเสด็จมาของพระองค์" [2 ทิโมธี 4:8]
  "คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏ ของพระสิริ ของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง
  คือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา" [ทิตัส 2:13]
  "เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา" [1 โครินธ์ 11:26]​

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่า พระเยซูใกล้เสด็จมาแล้ว
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

"ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียก ของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ ที่ตายแล้ว จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้น เราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆ พร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้า ในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์" [1 เธสะโลนิกา 4:16-17]

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=10 width="99%" align=center bgColor=#ff9900 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fff0e1>

วันนั้น โมงที่ไม่มีใครรู้ พระเยซูจะเสด็จกลับมา

1. ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ "เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น" [มัทธิว 25:13]
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน จะเสด็จมาเวลาไหน จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้ เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมง ที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา" [มัทธิว 24:42-44]
"ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์" [กิจการ 1:7]
"แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วง เสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลก กับสิ่งสารพัด ที่มีอยู่ในโลกนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้น" [2 เปโตร 3:10] พระองค์จะเสด็จมาอย่างขโมยในเวลากลางคืน "ในโมงที่ท่านไม่ทันคิด"
2. จะมาอย่างทันทีทันใด "ดูเถิด เราได้กล่าวเตือนท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว เหตุฉะนั้น ถ้าใครจะบอก ท่านทั้งหลายว่า 'ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร' ก็จงอย่าออกไป หรือจะว่า 'อยู่ที่ห้องใน' ก็จงอย่าเชื่อ ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออก ส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ ก็จะเป็นฉันนั้น" [มัทธิว 24:25-27] ไม่ใช่ เสด็จมาบังเกิด และทรงปรากฎพระองค์ที่นี่ ที่นั่น ข่าวลือเช่นนี้ จะเกิดขึ้น
3. เสด็จมาในท้องฟ้า เหมือนตอนพระองค์ถูกรับขึ้นไป "พระเยซูองค์นี้ซึ่งทรงรับไปจากท่าน ขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีก เหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลาย ได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น" [กิจการ 1:11]
4. ผู้ไม่พร้อมไม่ทัน ผู้ที่ไม่เชื่อและไม่พร้อมจะเตรียมตัวไม่ทัน และถูกละไว้
"ภายหลัง หญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย'" [มัทธิว 25:11]​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=10 width="99%" align=center bgColor=#ff9900 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fff0e1>

การเตรียมตัวรับการเสด็จกลับมา พระดำรัสสั่งของพระเยซู คือให้เราเตรียมพร้อมอยู่เสมอ


1. รักษาชีวิตคริสเตียนให้สะอาด อยู่ในความชอบธรรม
"แต่ว่าตามพระสัญญาของพระองค์นั้น เราจึงคอยท้องฟ้าอากาศใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ ที่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่ เหตุฉะนั้นพวกที่รัก เมื่อท่านทั้งหลาย ยังคอยสิ่งเหล่านี้อยู่ ท่านก็จงอุตส่าห์ ให้พระองค์ทรงพบท่านทั้งหลาย มีใจสงบ ปราศจากมลทิน และข้อตำหนิ" [2 เปโตร 3:13-14]
"ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุข ทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย ของท่านไว้ ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่ พระเยซูคริสตเจ้า ของเราเสด็จมา" [1 เธสะโลนิกา 3:13; 5:23]
"และทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ ก็ชำระตนให้บริสุทธิ์ ดังที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์" [1 ยอห์น 3:3]
2. รับผิดชอบภารกิจ ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ ตามของประทาน (มัทธิว 25:14-30; 24:45-51; 1 โครินธ์ 1:7)
3. ขยันขันแข็งในการประกาศ เพื่อเร่งวันเสด็จกลับมา "ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยาน แก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" [มัทธิว 24:14]
"จงเฝ้ารอและเร่งวันของพระเจ้าให้มาถึง ซึ่งวันนั้น ท้องฟ้าจะถูกไฟผลาญสลายไป และโลกธาตุ ก็จะถูกไฟเผา ให้สลายไป" [2 เปโตร 3:12)
4. ชื่นชมยินดีในความหวังเสมอ แม้ต้องเผชิญความทุกข์ยาก เพราะพระเจ้าจะปรับปรุงชีวิตของเรา ให้เข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นๆ (1 เปโตร 5:10; 2 เธสะโลนิกา 1:5-7; โรม 12:12; 1 เปโตร 4:12-14)
5. ตื่นตัวอยู่เสมอ ระมัดระวัง สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุด เพื่อชนะการทดลอง ซึ่งเป็นยุทธอุบายของมาร (1 เธสะโลนิกา 5:4-10)
6. พัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้า มากยิ่งๆ ขึ้น ก่อนพระองค์เสด็จมา เราจะคุ้นเคยสนิทสนมกับพระองค์ โดยการอธิษฐาน, เฝ้าเดี่ยว, ภาวนาพระวจนะ และเติบโตขึ้นฝ่ายวิญญาณ (1 โครินธ์ 1:8-9; 1 ยอห์น 2:28)
7. เจริญขึ้นฝ่ายวิญญาณ สมกับพระเยซู ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวของคริสตจักร (ผู้เชื่อทุกคน) (ฟิลิปปี 1:9-11; เอเฟซัส 4:12-13; 5:25-27)
พระเยซูจะเสด็จมาอีกที เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด จึงเป็นความหวังของเราทุกคน พระเจ้าสอนให้เราเตรียมตัวพร้อม การเตรียมตัว ไม่ใช่โดยการนั่งเฝ้ารอ แต่พระองค์มีภาระให้เราทำ ผู้ที่รอพระเยซูจะขยันขันแข็ง เหมือนบ่าวเตรียมรอ รับนาย บ่าวยิ่งมีกำลังใจยากแค่ไหน ก็ไม่หวั่นเกรง พระองค์ยังไม่เสด็จมา ก็เพราะจะช่วยคนให้รอด เราต้องเร่งวัน และสถานการณ์ทุกอย่าง ที่เราพบอยู่ในทุกวันนี้ ความทุกข์ยากลำบากทุกอย่าง ล้วนเป็นเครื่องปั้นชีวิตเราให้สมบูรณ์ เข้มแข็ง มั่นคง สะอาด ก็เพราะเรา จะเป็นเจ้าสาวที่พร้อมพบกับเจ้าบ่าว นี่เป็นความหวังที่น่ายินดี และเป็นสิ่งที่เรา ควรหนุนใจซึ่งกันและกัน​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://webinspirer.com/godwithus/bible/bible_detail.php?no=000023a​